ส่งท้ายเดือนแห่งความรักที่ไม่ได้มีแค่ผู้คนโรแมนติกใจเต้นเต็มท้องถนน แต่ยังมีใครบางคนต้องจมกองน้ำตาอยู่ที่ไหนสักแห่ง ถ้าให้พูดถึงเรื่องความรัก “ความรักพัง ๆ” คงเป็นวิบากกรรมอะไรสักอย่างที่ผู้ชายเราต้องเจอเหมือน ๆ กัน เคยปรึกษาปรับทุกข์กันในวงเหล้าสักครั้งของชีวิต อาการหนักหน่อยก็เน่าไปหลายวัน กลายเป็นผักทำอะไรไม่ได้จนกว่าจะฮีลตัวเองขึ้น จากนั้นก็โยนคำตอบปลอบกันเองว่า “เออ ก็อย่างนี้แหละ รักมันออกแบบไม่ได้” “ออกแบบไม่ได้” จู่ ๆ คำนี้มันก็ติดอยู่ในหัวเราและทำให้เรานึกขึ้นได้ว่าเมื่อสัก 2 ปีที่แล้ว มีอาจารย์พิเศษท่านหนึ่งที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดคลาสสอนหารักชื่อ “พบรักที่ใช่” จนเป็นกระแสโด่งดัง ซึ่งพอเราตามหาข้อมูลต่อเพื่อพูดคุยกับเขาก็เริ่มเจอเรื่องน่าสนใจมากเข้าไปอีก นฤพนธ์ เวียงชนก หรือโค้ชแมกซ์ จบการศึกษาปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมหิดล ปริญญาโทในสาขาเดียวกันจากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ แต่ชื่นชอบเรื่องการศึกษาความสัมพันธ์และการแก้ปัญหาด้านความรัก ความหลงใหลและอยากช่วยคนคือจุดเริ่มต้นให้เขาเรียนต่อ ศึกษาศาสตร์ด้านนี้ เก็บใบประกาศนียบัตรมากมายด้านความสัมพันธ์ เลือกเรียนวิชาที่เหมาะสมกับคนไทยก่อนจะมาทำธุรกิจออกแบบความรักควบคู่กับการเป็นวิศวกร แถมตัวเลขราคาให้คำปรึกษาก็ไม่ธรรมดา เริ่มต้นที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว Coaching Workshop พบ “รักที่ใช่” ใน 5 นาทีเพื่อคนวัยทำงานแบบตัวต่อตัวมูลค่า 10,000 บาท Calling Consulting โทรศัพท์สอบถาม ต้องการทางออกแบบเร่งด่วนและเฉพาะตัวราคา 5,000 บาท/ครั้ง อะไรที่อยู่หลังตัวเลขราคานี้ ? วิทยาศาสตร์สอนว่าอย่าเชื่อจนกว่าได้พิสูจน์มัน
“คอนเนกชัน” คืออีกกุญแจหนึ่งที่จะไขบานตูแห่งโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิตลูกผู้ชายอย่างเรา คอนเนกชันไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีความสามารถ แต่มันหมายถึงการที่เราทำความรู้จักคนที่เหมาะสม ผูกมิตรภาพและใช้ใจแลกใจจนเกิดเป็น “คอนเนกชันที่ดี” ซึ่งจะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ความสามารถและผลงานของเราไปอยู่ถูกที่ถูกทางได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตามคอนเนกชันไม่ได้ลอยมาจากอากาศ การรู้จักสร้างคอนเนกชันให้เหมาะสมก็ถือเป็นอีกความสามารถหนึ่งที่เราต้องเรียนรู้และฝึกฝน เพื่อให้ทุกปาร์ตี้ ทุกการสังสรรค์ หรือทุกงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยคอนเนกชันให้เก็บเกี่ยว เราจะได้สร้างบทสนทนาได้ลื่นไหล วางตัวได้ราบรื่น และเข้ากับผู้อื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด “ตรงกลาง” คือตำแหน่งสำคัญ หลายคนคิดว่าการสร้างคอนเนกชันจากบทสนทนานั้นมีแค่สกิลการพูดเท่านั้นที่สำคัญ จนหลงลืมไปว่า “ตำแหน่งที่เราเลือกอยู่” ในงานสังสรรค์หรืองานทางธุรกิจนั้น ๆ ก็สำคัญและมีความหมายไม่แพ้กัน เราเข้าใจดีว่าการไปในที่ที่เราไม่รู้จักใครเลย และหลาย ๆ คนก็มากันเป็นกลุ่มหรือดูจะรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว การเลือกเดินเข้าไปที่มุมห้อง แล้วยืนมองใครต่อใครจากมุมนั้นมันให้ความรู้สึกอุ่นใจกว่า แต่ในความอุ่นใจนั้นก็เป็นการตัดโอกาสของตัวเราเองเช่นกัน เพราะในปาร์ตี้ที่ต่างคนต่างต้องการหาคอนเนกชันและคนส่วนใหญ่อาจแปลกหน้าต่อกันนั้น ไม่มีใครเดินข้ามห้องจากมุมหนึ่งไปมุมหนึ่ง (โดยเฉพาะเมื่อสถานที่นั้นกว้างใหญ่) เพื่อหาคนที่อยากคุยโดยเฉพาะ แต่ผู้คนมักเลือกคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา คนที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา หรือคนที่มองเห็นได้ง่าย ไม่ต้องสอดส่ายสายตาหาให้เหนื่อย การเลือกยืนตรงกลางห้องจึงถือเป็นตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมา หรือมองมาจากมุมไหนก็เห็นและง่ายต่อการที่ทั้งเราและเขาจะเริ่มต้นทำความรู้จักกัน ซึ่งมีประสิทธิภาพกว่าการไปยืนอยู่มุมห้องรอใครเดินเข้ามา และจบลงด้วยการยืนไถมือถืออย่างเหงา ๆ จนจบงาน ถ้าไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาแบบไหนให้ “ชื่นชม” คนอื่น บางครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปเริ่มต้นบทสนทนากับคนแปลกหน้า หรือแม้แต่การยืนกลางห้องแล้ว แต่ถ้าไม่มีใครมี Eye Contact
ทำงานเก่งมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเป็นงานฟรี งั้นเรามาเรียนรู้วิธีทำงานให้ได้เงินกันดีกว่า ขอไม่นับงานประจำนะเพราะเชื่อว่าทุกคนก็คงมีกันอยู่แล้ว แต่ถ้าใครอยู่ในช่วงว่างงานจะเอาไอเดียด้านล่างที่เราแจกไว้หาเงินไปใช้เป็นงานหลักก็ได้ไม่ว่ากัน การมีเงินเก็บเยอะ ๆ มันสบายใจดีเพราะเราสามารถซื้อในสิ่งที่ทุกคนต้องการได้ แต่รู้ไหม อะไรที่ทำให้เศรษฐีกับคนธรรมดาต่างกัน ทั้งหมดมันอยู่ที่ช่องทางการหาเงินและการคว้าโอกาสที่อยู่รอบกายไว้ และนี่คือ 5 โอกาสสร้างรายได้ที่เราแนะนำ ลองเลือกที่เหมาะกับคุณดู เลือกได้มากกว่าหนึ่งอย่าง แล้วจะรู้ว่าดีกว่านั่งหายใจทิ้งไปวัน ๆ แน่ ๆ อดทนหน่อยแล้วไปเหนื่อยกับการนับเงินทีหลังมันชื่นใจกว่ากันเยอะ ปล่อยบ้านให้เช่าระยะสั้น ทำงานประจำอาจจะต้องใช้เวลาทั้งเดือน แต่ถ้าบ้านมีที่เหลือ การปล่อยพื้นที่บ้านเราให้คนอื่นเช่าผ่านเว็บไซต์ยอดฮิตอย่าง Airbnb.com, VRBO.com, Homeaway.com หรือ FlipKey.com ชั่วคราวแค่ 3-5 วันหรือมากกว่านั้นเล็กน้อยอาจเป็นบ่อเงินให้เราได้ง่ายกว่าที่คิด วิธีนี้คือการจับเสือมือเปล่า เพราะการลงทะเบียนฝากที่ปล่อยเช่าผ่าน Airbnb ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่าย เว้นแต่เมื่อมีคนจองแล้ว ทาง Airbnb จะเรียกเก็บค่าบริการราว 3% จากเราเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ สิ่งที่เราต้องทำเพื่อแลกการทำงานนี้คือการลงทะเบียนโปรโมตฟรี และทำความสะอาดบ้านก่อน-หลังคนเข้าพักให้น่าอยู่ ส่วนนี้ถ้าคิดเสียว่าทำความสะอาดบ้านตัวเองเรื่องนี้ก็ไม่ลำบากอะไร สำหรับใครที่ยังคิดภาพไม่ออกว่าการปล่อยเช่าผ่าน airbnb เป็นแบบไหน ลองเข้าไปดูได้ใน https://th.airbnb.com/s/Thailand ขายของที่เก็บไว้ในบ้านแต่ไม่ได้ต้องการ ข้าวของแปรเป็นเงินสดได้เสมอ บางครั้งเราลืมนึกไปว่ามีของในบ้านเยอะแยะที่ไม่สร้างประโยชน์ ไม่ได้ใช้งาน
เรื่องฟ้องระหว่างพนักงานกับนายจ้าง ปกตินายจ้างเองไม่ค่อยจะฟ้องกัน ขณะที่พนักงานเองถ้าฝั่งบริษัทผิดต่อตัวเองแต่อะลุ่มอล่วยได้ก็จะนิ่งเฉย เพราะรู้สึกว่าฟ้องไปก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ ฟ้องไปก็เสียเวลา เสียเงิน จนไม่คุ้มจะลงมือ แต่บางครั้งการฟ้องมันก็มีความหมายมากกว่าเรื่องการฟ้องร้องเอาค่าเสียหาย เพราะมันคือการฟ้องเพื่อขีดเส้นบอกว่า “ข้อกำหนดที่พูดมาน่ะของจริง” เช่นเดียวกับข่าวตอนนี้ที่ Apple กำลังฟ้องอดีตพนักงาน Gerard Williams ที่ลาออกมาเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 ออกมาเปิดบริษัท Nuvia บริษัทสตาร์ตอัปชิปเซิร์ฟเวอร์น้องใหม่สำหรับใช้ในศูนย์ข้อมูลไปเรียบร้อย Gerard William ชายผู้มีชื่ออยู่ในสิทธิบัตรหลายใบของ Apple จริง ๆ ถ้าเป็นคนตัวเล็กธรรมดา คิดจะมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้วไปอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ Gerard Williams ถือเป็นคนสำคัญด้านการพัฒนา Chipset ที่ทำโพรเซสเซอร์ที่ใช้ใน iPhone และ iPads เขาผลิตชิปเซตโปรดักส์ของ Apple หลายตัว ตั้งแต่ Apple A7 ชิป 64-bit ตัวแรก จนกระทั่ง Apple A12X ทรัพย์สินทางปัญญาหลายชิ้นมีชื่อของเขาอยู่ในสิทธิบัตรการพัฒนาของ Apple ด้วย (CPU /
Whoever Said Money Can’t Buy Happiness Just Never Bought the Right Car. Dream Car คือความฝันลูกผู้ชายทุกคน แต่ถ้าถามเรื่องการเงิน เรื่องกู้เงินมาซื้อรถ คนส่วนใหญ่อาจจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน เราเป็นคนประเภทไหน เหมาะกับการกู้แบบไหน ถ้าไม่ได้มีเงินสดพร้อมโอน เราควรต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะซื้อรถได้ หรือจะดูยังไงว่าไหวไม่ไหว ใครที่อยากเตรียมตัวซื้อรถ หรือเล็ง ๆ ไว้อยู่ UNLOCKMEN ขอเปิดวิชาเป็นหนี้คร่าว ๆ ให้ทุกคนเรียนรู้กัน ไม่ใช่ว่าอยากจะให้เป็นเศรษฐีเงินผ่อน แต่ถ้ามัวรอเงินก้อนกว่าจะซื้อ บางครั้งก็ต้องยอมรับว่าความชราที่มาพร้อมเงินเฟ้อมันจะทำให้พวกเราหมดสิทธิ์มีรถในฝัน 3 คำเตือนต้องรู้ก่อนซื้อ ไม่ไหวอย่าบอกไหว คำเตือนข้อ 1: เห็นตัวเลขผ่อนน้อย ผ่อนยาว อย่าเพิ่งโดดไปผ่อนเพราะคิดว่าหักจากเงินเดือนก็ยังพอกิน หนี้มันไม่ได้จบแค่ตัวเลขที่มองเห็น แต่มันยังมีตัวเลขแฝงอื่นอีก ค่าน้ำมัน ค่าจอดรถ ค่าทางด่วน เฉลี่ยใน กทม. ประมาณ 3,000 บาท / เดือน ขึ้นอยู่กับระยะทาง
เก่งก็ดี แต่สิ่งที่รักษาไว้ยากกว่าคือชื่อเสียงกับตำแหน่งหลังจากนั้น เพราะยิ่งคุณเป็นคนเก่ง คนยิ่งจับตาเรื่องความคลีนที่คุณมี หลังจากเจอข่าวดราม่าเรื่อง CEO Nissan เจอรวบตัวจนเป็นคดีให้ติดตามหลายสื่อ บางคนอาจจะตามทันบ้างไม่ทันบ้าง UNLOCKMEN จึงอยากย้อนอดีตและมัดรวมคดีของท็อป CEO จากค่ายยนตรกรรมผู้โด่งดังมาแบ่งกันอ่านให้เห็นอีกมุมกันบ้าง เพราะความสำเร็จที่สั่งสม…ไม่ว่าจะเป็นอะไร มันพร้อมจะสูญทันทีถ้าก้าวพลาด CARLOS GHOSN / Renault-Nissan คนล่าสุด ไม่พูดถึงไม่ได้ต้องยกให้ Carlos Ghosn เจ้าพ่อผู้กู้หน้าในธุรกิจ Nissan อดีต CEO ผู้มีคดีพ่วงหลังเรื่องยักยอกทรัพย์จากญี่ปุ่นตามตัวไปอีก ความเก่งของ Carlos นี่ถือว่าอยู่ในระดับพระกาฬ เขากอบกู้วิกฤตของ Renault-Nissan จนกลับมายืนอย่างภาคภูมิในวงการยานยนต์อีกครั้ง ช่วงที่เขาเข้ามาดูแล Renault ตอนนั้น เขาทำงานหนัก บริหารจนจากตัวเลขแดง ๆ ของ Renault กลับมาเป็นสีเขียวอีกครั้งจากการปิดโรงงานในเบลเยียมและปลดพนักงานกว่า 3,000 คน จนได้รับฉายาว่า “นักฆ่าต้นทุน” (Le Cost Killer) จากนั้นนำกำไรจาก Renault ซึ่งอยู่ในกลุ่มพันธมิตรเดียวกับ Nissan ไปอุ้ม
อาจเพราะช่วงนี้ได้ยินชื่อของ “โชค บูลกุล” บ่อยในโซเชียล ไม่ว่าด้วยความบังเอิญ หรือ AI จัดสรร ทำให้พอวันนี้จะเขียนเรื่อง Unlock Corp เราก็คิดถึงธุรกิจของเขาขึ้นมาทันที เพราะเรื่องราวการบริหารกับเหตุการณ์ที่เขาต้องเจอจัดว่าเป็นวิกฤตที่หลายคนยังคงจดจำได้และฮาร์ดคอร์ทีเดียว ธุรกิจของฟาร์มโชคชัยเป็น Case Study ที่น่าสนใจ ยิ่งวันที่อยู่ในมือของ “โชค บูลกุล” ด้วยแล้ว ยิ่งต้องยอมรับว่าหลายเรื่องน่าทึ่งและไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะตัดสินใจแก้ไขปัญหาแบบเดียวกับเขา ใช้วิธีปลดหนี้ 500 ล้านจากการแบ่งขายธุรกิจบางส่วนที่เป็นหน้าเป็นตาในวันนั้น กรีดหัวใจและความเชื่อมั่นจากคนในและคนนอกที่มองมา เวลานั้นคงไม่มีใครคิดว่าฟาร์มโชคชัยที่กำลังดิ่ง ๆ จะฟื้นกลับมาหน้าตาหล่อเหลา มีเงินสดไหลเวียนธุรกิจได้ในระดับพันล้านเหมือนวันนี้ 2537 ฟาร์มโชคชัยไม่ใช่เจ้าของแบรนด์นมสดที่ชื่อฟาร์มโชคชัย ดร. โชคชัย บูลกุล คือผู้บุกเบิกฟาร์มโชคชัย เขาเครซี่คาวบอยและฝันอยากเป็นสัตวบาลมาแต่ไหนแต่ไรจนวันหนึ่งลุกมาทำฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ ทำเกษตรผสมผสานในโคราชบนเนื้อที่ขนาด 250 ไร่ จากอดีตจนถึงตอนนี้ถ้าถามหาเรื่อง “ตำนานคาวบอย” ในประเทศไทย ชื่อของเขายังคงเป็นชื่อแรกที่ทุกคนนึกถึง ส่วน “โชค บูลกุล” ผู้บริหารคนปัจจุบันเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา สายเลือดของการเป็นสัตวบาลที่ยังเข้มข้นทำให้เขาเลือกเรียนด้านปศุสัตว์ ไม่ได้เรียนด้านการบริหารธุรกิจ แต่เพราะความแตกต่างนี้นี่แหละที่ทำให้มุมมองการทำธุรกิจและแก้ปัญหาของเขาแตกต่างจากคนอื่น รวมทั้งเทคนิคที่เรามองว่ามันคือหัวใจสำคัญของการทำงานสไตล์เขาที่มักให้สัมภาษณ์ทุกสื่อจนเป็นคำติดปากว่า “ผมเรียนไม่เก่ง”
แค่เห็นชื่อ Ads ก็กดข้าม เจอคำว่า Sponsors ก็หงุดหงิด คงต้องบอกว่ายุคนี้เป็นยุคของคนช่างเลือกที่ระแวงการรับสื่อและ Clickbait ยิ่งกว่าอะไรดี ขายของอะไรก็ไม่ง่าย ดังนั้นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่คนใช้อย่าง Banner Ads จึงได้รับผลกระทบ ของที่เคยใช้ได้ดีในยุคหนึ่ง จะไร้ค่าในยุคถัดไป วัฏจักรที่เรารู้ดีว่ามันจะเกิดวันนี้มาถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘Banner Ads’ เครื่องมือการตลาดของแบรนด์ที่เรารู้ว่าทุกวันนี้มันยังคงต้องมี เพราะมัน Remind Brand ให้ติดอยู่ในใจผู้บริโภค และเก็บสถิติเชิงตัวเลขไว้อย่างครบถ้วน สัมพันธ์กับเรื่องการขายและการวางกลยุทธ์ Banner Ads หรือโฆษณารูปแบบดิจิทัล ชิ้นแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 1994 จากบริษัท AT&T บริษัทข้ามชาติด้านโทรคมนาคมของสหรัฐอเมริกา โดยเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ You will แคมเปญเล่าเรื่องความก้าวหน้าของการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ AT&T สามารถเป็นผู้นำได้ และหนึ่งในนั้นก็คือ Banner Ads สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์ แคมเปญ “You will” ผลลัพธ์ครั้งนั้นถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่มันเป็นของใหม่ แต่ประโยคทำนอง Clickbait นี้ ทำให้ผู้บริโภคที่เห็นแบนเนอร์เลือกคลิกกดไปยังลิงก์ต้นทางได้ถึง
2 ปีก่อนตอนที่ตัดสินใจว่าจะทำงานด้านออนไลน์แทนออฟไลน์ เพราะรู้ปรากฏการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงของวงการสื่อสารมวลชน จำได้ว่าสื่อออนไลน์ที่เป็นที่รู้จักในตลาดมีอยู่เพียงไม่กี่เจ้าในวันนั้น ส่วนมากมักเป็นบริษัทใหญ่หรือองค์กรที่อยากผันจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ 700 กว่าวันที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า “สื่อ” วันนี้แตกต่างจากที่เราคิดไปโดยสิ้นเชิง เพราะเบื้องหลังของคอนเทนต์ไวรัลที่มีคนติดตามหลักแสนหลักล้านวันนี้ อาจเกิดขึ้นจากคนเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเครื่องเดียวเท่านั้น อินเทอร์เน็ตกับความไฮเทคของเทคโนโลยีบีบช่องว่างที่เคยกว้างให้แคบ และระยะห่างที่หดตัวทำให้ทุกคนต้องวิ่งนำขึ้นไปอีกสเต็ปก่อนจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง หาเครื่องมือใหม่มาเพื่อสร้างความยั่งยืน นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ “Data” กลายเป็นคีย์เมสเสจมาตลอดหลายปี เริ่มจากวงการธุรกิจและบริการ จนถึงตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า “สื่อ” เองก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือนี้แล้ว และถ้าใครไม่มี…อีกไม่นานอาจจะเกมก่อนเจ้าอื่นไม่รู้ตัว เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ Gilad Lotan รองประธานและหัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ข้อมูลจากสื่อใหญ่อย่าง BuzzFeed เว็บไซต์สื่อระดับโลกจากสหรัฐฯ ที่มีผู้ใช้หน้าใหม่เยี่ยมชมจำนวนกว่า 200 ล้าน ประเด็นการใช้ Data และบทบาทหลังจาก Specialist ด้านข้อมูลอย่างเขาเข้ามาทำงานได้ 3 ปีและใช้เทคโนโลยีด้านข้อมูลหนุน BuzzFeed ขึ้นเป็นผู้นำ ที่งาน Digital Thailand BigBang 2019 ที่ผ่านมา จริง ๆ แล้วการเข้ามาของ Gilad นับว่าสร้างความเปลี่ยนแปลงและความแข็งแรงกับมีเดียอย่าง BuzzFeed มาก เพราะส่วนตัวเขามีพื้นความสามารถด้าน Data
สำหรับผู้ที่ใช้แอปพลิเคชัน Spotify ฟังเพลง เดือนสุดท้ายของปีแบบนี้ก็เป็นธรรมเนียมที่ทางแอปฯ จะปล่อยฟีเจอร์สนุก ๆ อย่าง Spotify Wrapped ออกมาให้พวกเราเล่น ซึ่งเจ้าสิ่งนี้ก็เปรียบเสมือน ‘รายงานประจำปี’ ที่แกะพฤติกรรมการฟังเพลงของเราบนแอปฯ ทุกกระเบียดนิ้ว เราฟังศิลปินคนไหนมากที่สุด ฟังเพลงไหนมากที่สุดในรอบปี ฟังเพลงจากศิลปินกี่ประเทศ มันจะทำการรายงานพร้อมขึ้น Rank จัดอันดับให้โดยละเอียด (ใครยังไม่ได้เล่นลองสังเกตบนหน้าแอปฯ ดูว่าป๊อปอัปขึ้นมาให้กดหรือยังนะครับ) ดูเผิน ๆ ก็เหมือนเป็นแค่การเล่นสนุกทั่ว ๆ ไป แต่อันที่จริงสิ่งนี้นับว่าเป็นการตลาดที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งของ Spotify เลยนะครับ เพราะเจ้าสิ่งนี้กลายเป็นไวรัลได้ในชั่วข้ามคืนโดยที่ Spotify ไม่ต้องเสียเงินซื้อสื่อโฆษณาสักแดงเดียว เหตุใดผู้คนจึงชื่นชอบมันถึงขนาดนี้ ? เว็บไซต์ Producthunt.Com เขาได้ลงบทความดี ๆ เขียนโดย Sarah McBride ที่วิเคราะห์สิ่งนี้เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ โดยเธอได้ให้เหตุผลใหญ่ ๆ เอาไว้ 4 ประการ ทั้งหมดที่เรากำลังจะกล่าวนี้ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่เกี่ยวกับความซับซ้อนทางเทคโนโลยี แต่มาจาก ‘ความเข้าใจที่มีต่อผู้บริโภค’ ล้วน ๆ