“Logo หรือ ตราสัญลักษณ์” เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่หลายองค์กรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นกว่าจะได้ Logo มาหนึ่งอัน ต้องผ่านขั้นตอนการออกแบบจากมันสมองของ Designer มืออาชีพมากมาย ที่ได้พยายามกลั่นกรองจนตกตะกอนมาแล้วเป็นอย่างดี กว่าจะได้ Logo ที่ดีออกมามีความหมายครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ สวยงามลงตัว จดจำได้ง่าย และที่สำคัญมันต้องซ่อนความหมายและตัวตนที่แท้จริงเอาไว้เสมอ อย่างเช่น BWM Logo จากค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมนี ที่ใครต่อใครเห็นตรา Logo ฟ้า-ขาว แม้ตาบอดสีก็รู้แจ้งได้ในทันทีว่า มันคือ Logo ของแบรนด์รถยนต์ที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านสมรรถนะและความหรูหรา หลายต่อหลายคน จดจำมันได้เป็นอย่างดี เห็นแค่เสี้ยวเดียวก็รู้ทันทีว่ามันคือแบรนด์ BMW แต่ความหมายที่แท้จริงของมันนี่สิ ที่เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ หรืออาจจะเข้าใจผิดมาตลอดว่า Logo ทรงกลมที่มีช่องสีฟ้า-ขาว นั้น มันเป็นสัญลักษณ์ของใบพัดเครื่องบินที่ตัดกับท้องฟ้า ถูกนำมาใช้เพื่อที่จะทำให้ทุกคนหวนกลับไปนึกถึงรากเหง้าที่แท้จริงของบริษัท ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการผลิตเครื่องยนต์เครื่องบิน แต่ทว่าเรื่องดังกล่าวนั้น กลับเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดอันยาวนานเท่านั้น!! เราจะพาไปไขความลับ เกี่ยวกับเรื่องราวของตราสัญลักษณ์ BMW ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน ถึงจุดกำเนิดที่มาของโลโก้ BMW ตั้งแต่รูปทรงกลม ตำแหน่งตัวหนังสือ รวมไปถึงสีฟ้าขาวด้านใน
BMW 4-Series กลายเป็นที่ถูกอกถูกใจสาวก BMW ที่ชอบรถตัวถัง Coupe แบบสุด ๆ และนั่นก็ทำให้ทาง BMW มีการพัฒนาปรับโฉม 4-Series มาตลอด จนกระทั่งในโฉมปี 2017 ที่หลายคนอาจจะมองว่า มีการปรับปรุงน้อยไปนิด แม้จะมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้ B-Sereis แทนของเดิมอย่าง N-Series แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีเสียงซุบซิบออกมาไม่น้อยว่า ถ้าหากนำ BMW 4-Series ไปเทียบกันกับรถของแบรนด์อื่น ๆ โดยเฉพาะแบรนด์คู่แข่งร่วมชาติตลอดกาล แล้วเรื่องของเครื่องยนต์ และความแรง ก็ถือว่าเป็นของจุดอ่อนของ BMW 4-Series ไปโดยปริยาย แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า ทาง BMW จะกลับไปทำการบ้าน และปรับปรุงข้อเสียรวมไปถึงจุดบกพร่องต่าง ๆ ของ BMW 4-Series โฉม 2017 มาเป็นที่เรียบร้อย เมื่อมีการเปิดตัว 2018 BMW 4-Series LCI โฉมใหม่ (รุ่นเปิดตัวล่าสุด) ที่สำคัญคือในครั้งนี้จะเป็นรุ่น
ภาพผลงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซของศิลปินผู้โด่งดัง ใคร ๆ ก็คงจะคิดว่า มันจะต้องถูกประดับเอาไว้ในหอศิลป์, พิพิธภัณฑ์ หรือไม่ก็คงถูกคนนำไปประชันความงามตามเวทีประกวด รวมไปถึงงานประมูลอย่างแน่นอน แต่เมื่อนานมาแล้วมีผู้ชายอยู่หนึ่งคนที่ได้ทำการ UNLOCK ความเชื่อเหล่านั้น จนกลายเป็นต้นกำเนิดของตำนานความงาม และงานศิลปะที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุดอย่าง BMW Art Cars และเขาคนนั้นก็คือ Hervé Poulain ความคิดสุดแหวกแนวนี้ เดิมทีเป็นเพียงแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของผู้ชายที่มีอาชีพเป็นนักประมูลรถ ที่มักจะใช้เวลาว่างไปกับการแข่งรถเท่านั้น โดยเขาฝันเอาไว้ว่า ถ้าหากมีโอกาสก็อยากจะเข้าไปลองขับรถแข่งในรายการ The 24 Hour Race ที่สนาม Le Mans ดูสักครั้ง โดยรถที่ใช้จะต้องเป็น Super Sport Cars ที่มีลวดลายโดดเด่นสะดุดตาผู้ชมทุกคน เขาจินตนาการเอาไว้ว่า จะให้ศิลปินระดับท็อปมาทำงานศิลปะประดับลงไปบนตัวรถ ความคิดทั้งหมดนี้เกือบจะกลายเป็นเพียงความฝันไปซะแล้ว แต่ BMW กลับมองเห็นศักยภาพ และความเจ๋งของไอเดียสุดบ้าคลั่งนี้ จึงเริ่มลงมือนำ BMW 3.0 CSL มาเพ้นท์ลวดลายโดยให้จิตรกรชาวอเมริกันอย่าง Alexander Calder
ของดี…มีมนต์ขลัง!! อ่านจบแล้วจะเข้าใจว่า ทำไม “BMW 3 Series” ถึงได้ครองใจคนมาได้อย่างยาวนาน
นาน ๆ ทีที่เราจะได้เห็นคนที่มีความบ้าเหลือล้น ชนิดที่นำเอายอดรถจักรยานยนต์ราคาแสนแพง มาทำการยำใหญ่ใส่หนักสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการ ตัด, ต่อ, เชื่อม ตกแต่งแบบ Custom ตามใจตัวเองสุด ๆ ดังนั้นคงพลาดไม่ได้ที่จะนำรถที่มีชื่อว่า “Thivervel” ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นโดยคนบ้าผู้มีจิตใจรักการแต่งรถอย่างนาย Fred Krugger คนนี้ แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่น่าจะแปลกอะไรมากนัก เพราะเขาเป็นถึงเจ้าสำนักแห่งการ Custom รถที่ชื่อว่า Belggager Customizer ในประเทศเบลเยี่ยมเองด้วย แต่ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ไป งานแต่งรถคงมารอต่อคิวเข้าไปที่ร้านของเขาอย่างยาวเหยียดแน่นอน รวมไปถึงชื่อเสียงของสำนักแต่งของเขา ก็คงจะเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น เพราะล่าสุด Fred ได้นำรถของเขาออกมาโชว์ประชาชนให้เห็นถึงความเจ๋งกันไปเบา ๆ หนึ่งดอก เล่นเอาสั่นสะเทือนวงการรถจักรยานยนต์กันไปทั่วทุกมุมโลก วันนี้เราจึงอยากพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านที่ชื่นชอบรถ 2 ล้อ โดยเฉพาะรถที่มีหน้าตาดุดัน ร่างกายบึกบึนกำยำ อย่าง Ducati Diavel ที่หล่อ และโหดสุด ๆ โดยเฉพาะถ้าหากใครเป็นแฟนของสุดยอดรถ Cruiser รุ่นนี้อยู่เป็นทุนเดิมแล้วล่ะก็ ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด
นอกจากรถยนต์แล้ว รถจักรยานยนต์จาก BMW ก็ถือว่ามีชื่อเสียงไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะ BMW R Series ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ด้วยสมรรถนะยอดเยี่ยมบวกกับรูปลักษณ์ที่ผ่านการดีไซน์ออกมาได้ลงตัวสุด ๆ อย่าง R9T ที่ถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ผู้ชายแทบจะทุกคนเห็นแล้วจะต้องเกิดความกระสันขึ้นมาทุกที ไม่เว้นแม้แต่คนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่เป็นก็ยังอยากได้ เพราะชื่นชอบในความสวยงามของมัน รถในตระกูล R Series ของ BMW นั้น เรียกได้ว่า ไม่มีรุ่นไหนเลย ที่ทำออกมาแล้วขัดตาขัดใจคนรักรถจักรยานยนต์ตั้งแต่สมัยอดีตกาล และถึงแม้ว่า R Series รุ่นเก่า ๆ ส่วนใหญ่ จะมีหน้าตาไปทาง Vintage Style แต่ถ้าหากถูกนำมาปัดฝุ่นและตกแต่งเพียงเล็กน้อย ความงามของมันก็ไม่ได้แพ้รถรุ่นใหม่ ๆ อย่าง R9T เลยเช่นกัน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม รถจักรยานยนต์ R Series ของ BMW ถึงยิ่งเก่ายิ่งแพงและมีคนจ้องตามหาอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดสำนักแต่งอย่าง IRONWOOD CUSTOM ที่ขึ้นชื่อในการจับรถจักรยานยนต์เจ๋ง ๆ มาทำใหม่ให้มีสไตล์ดุดันและสวยงามทันสมัยมากยิ่งขึ้นได้จับเอา 1985 BMW
ไม่ว่า Porsche จะมีรุ่นยิบย่อยออกมามากมาย จนหลายคนแยกความแตกต่างไม่ออก ถึงขั้นที่เราต้องทำ article สรุปความแตกต่างของ Porsche 911 มาแล้ว แต่ทุกรุ่นที่ Porsche ทำออกมาล้วนมีจุดเด่นที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป แม้ปัจจุบันวงการรถยนต์สมรรถนะสูงจะแข่งกันพัฒนา เพิ่มความแรง ลดน้ำหนัก เพื่อให้ได้ตัวเลขแรงม้าและแรงบิดที่เหนือกว่ากันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งดูเหมือนสักวันการพัฒนาอาจจะถึงทางตันของมัน แต่อย่างน้อยวันนี้ Porsche ก็ได้ส่งผลงานระดับ Masterpiece ออกมาให้แฟน ๆ ได้น้ำตาไหลกัน นั่นคือ 2018 Porsche 911 GT2 RS กับหน้าตาสุดอลังการ และพละกำลังสุดประทับใจ 2018 Porsche 911 (991) GT2 RS คันนี้นับว่าเป็น the most powerful street-legal Porsche 911 ด้วยตัวเลขระดับ 700 แรงม้า และแรงบิด 553 lb-ft ฝีมือการเรียกพลังจากเครื่องยนต์ 3.8-liter 6 สูบเรียง
หากพูดถึงยานพาหนะที่มีความคล่องตัวและสะดวกสุด ๆ ที่จะพาคุณลัดเลาะไปไหนมาไหนใจกลางเมืองได้ดีแล้วล่ะก็ Scooter ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากมีขนาดเล็ก ขี่ง่าย ทำให้แทรกไปตามเลนว่าง ๆ ได้หลากหลายลีลาโดยไม่สะดุด แต่รูปลักษณ์นี่สิ ที่ยังคงขัดใจผู้ชายเราอยู่บ้าง เพราะ Scooter ส่วนใหญ่มักมีหน้าตาจุ๋มจิ๋มจนแทบไม่กล้าขี่ แต่จะให้ซื้อ Vespa ที่หน้าตา Classic โดนใจก็ตังไม่พอ แต่วันนี้เรามี Scooter ไฟฟ้า ที่หน้าตาของมันเรียกได้ว่า น้อง ๆ Vespa ก็ไม่น่าเกลียด นั่นก็คือ Unu Electric Scooter ที่มีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องยนตกรรมอย่างเยอรมัน มาให้ชาว UNLOCKMEN ได้ดูกัน แม้ว่า Unu จะไม่สามารถทำความเร็วได้เทียบเท่ากับ Scooter ปกติทั่วไป แต่ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 45 กม./ชั่วโมง คงเพียงพอต่อการจารจรภายในเมืองที่คับคั่งโดยไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการขับจากบ้าน ไปที่ทำงาน หรือจากหอพัก ไปยังมหาลัย ก็ถือว่าไม่น่าเกลียด แม้คุณจะบิดแช่เอาไว้ที่ความเร็วสูงสุดยาวนานต่อเนื่องขนาดไหน ก็รับรองได้ว่า Unu จะไม่เกิดอาการงอแงแต่อย่างใด ดีไปกว่านั้นคือต่อให้คุณขี่มันเร็วขนาดไหน
ถ้าพูดถึงรถยนต์อย่าง MINI Cooper คนที่หลงใหลในเรื่องของนวัตกรรมยานยนต์คงต้องตาลุกวาวเป็นแน่ โดยเฉพาะคนที่มีความชื่นชอบประวัติและรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ค่ายนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะรู้ดีว่าเห็นคันเล็ก ๆ แบบนี้ แต่พิษสงนั้นร้ายกาจอย่าบอกใครเชียว โดยเฉพาะรถ MINI ที่ติดป้ายรับประกันความแรงอย่าง Cooper S ด้วยแล้วล่ะก็ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสมรรถนะไม่เป็นสองรองใคร แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า นอกจาก MINI Cooper S ที่ถือว่าสุดยอดในดวงใจแล้ว วันนี้เราอยากแนะนำชาว UNLOCKMEN ให้ได้รู้จักกับตำนานความแรงขั้นกว่า จนเรียกว่าเป็น MINI ในแบบฉบับรถแข่งก็ไม่ผิดนัก นั่นคือ MINI John Cooper Works ที่หลายคนคุ้นชื่อกันดีถึงความยอดเยี่ยมในฐานะตัวแรงคู่สำนัก และวันนี้พวกเราจะได้รู้จักกับ John Cooper Works แบบเจาะลึกถึงที่มา ประวัติเจ้าของชื่อ รับรองได้เลยว่าเมื่ออ่านจบแล้ว คุณจะต้องเทใจให้ MINI JCW แบบไม่ทันตั้งตัวอย่างแน่นอน Who is John Cooper? หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ John Cooper Works กันมาบ้าง หรืออาจรู้ว่าเป็นชื่อสำนักแต่งรถที่ขึ้นชื่อเรื่องการรีดสมรรถนะที่แท้จริงให้กับรถ
ถ้าพูดถึงหนึ่งในมอเตอร์ไซค์รุ่นที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดตลอดกาล หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ Honda Super Cub ติดโผอยู่แน่นอน ด้วยอายุที่เก่าแก่เกิดมาตั้งแต่ปี 1958 เก๋ามาถึงทุกวันนี้ก็ร่วมปีที่ 60 เข้าไปแล้ว โดยมีตัวเลขการผลิตสะสมถึงปี 2014 เป็นจำนวนมากถึง 87 ล้านคัน มากกว่าจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศซะอีก จุดเด่นของ Honda Cub ทุก generation นั้นขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบ ที่เก็บรายละเอียด จุดเด่นของ Cub ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น icon of 20th century เคียงข้าง VW Beetle หรือ Ford Model T ส่งต่อกันมาได้อย่างมีสไตล์ เรียกว่าทุกวันนี้ก็ยังดู Vintage ไม่เคยล้าสมัย และไม่เคยลดความน่าสนใจลงไปเลย จนกระทั่งในปี 2009 เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็น Honda EV Scooter แบบ Cenceptual Version แต่ก็ไม่ได้มีข้อมูลอะไรเปิดเผยออกมามากมายนัก ปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนานถึงปี 2015