หลังจากมอเตอร์ไซค์ดีไซน์สุดแปลกชื่อว่า ‘Kenzo’ ถูกเผยโฉมให้เห็นในงาน Bike Shed London เมื่อปี 2018 ในตอนนี้รถคันเก่งถูกดัดแปลงมาจาก Honda Gold Wing ปี 1977 โดยสำนักแต่งชื่อดังของอังกฤษอย่าง Death Machines ก็พร้อมออกจากอู่เข้าสู่อ้อมอกของเหล่านักซิ่งผู้ชื่นชอบเรื่องราวของซามูไรเป็นที่เรียบร้อย UNLOCKMEN ได้ตามหารายละเอียดของ Honda Gold Wing ที่ถูกปรับแต่งใหม่จนแทบจำไม่ได้นามว่า Kenzo และทราบว่าเป็นชื่อที่ได้มาจาก Tada Kenzo นักแข่งชาวเอเชียคนแรกที่เข้าร่วมการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบซึ่งถูกเรียกว่าเป็นสนามสุดอันตรายอย่าง Isle of Man TT ที่จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1907 แต่ก่อนเขาจะกลายเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์ Kenzo เริ่มมาจากนักแข่งจักรยานและเริ่มจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ปี 1921 เมื่อการเติบโตของโลกอุตสาหกรรมพุ่งทะยานไปข้างหน้า รถมอเตอร์ไซค์และการแข่งขันความเร็วได้รับความนิยมเป็นวงกว้างมากขึ้นในประเทศญี่ปุ่น Tada Kenzo ได้รู้จัก Isle of Man TT เป็นครั้งแรกผ่านนิตยสารมอเตอร์ไซค์ของอังกฤษ ทำให้เขาเกิดความสนใจอย่างมาก ในที่สุดปี 1930 นาย Kenzo ตัดสินใจเดินทางไปยังทวีปยุโรป
คงมีผู้ชายน้อยคนที่เคยได้ยินชื่อประเทศไนเจอร์ หรือ สาธารณรัฐไนเจอร์ (Republic of Niger) ประเทศเล็ก ๆ ทางตะวันตกของทวีปแอฟริกาที่ดูไม่โดดเด่นอะไรนัก แต่หากพูดถึงทะเลทราย Sahara ก็คงทำให้หนุ่ม ๆ ต้องร้อง “อ๋อ” เป็นเสียงเดียวกันแน่นอน ใช่ครับ พื้นที่กว่า 80% ของประเทศไนเจอร์ถูกปกคลุมด้วยทะเลทราย Sahara ที่เราคุ้นหูกันดี แต่น่าแปลกที่ใครหลายคนกลับไม่เคยรู้จักประเทศนี้มาก่อนเลย จนในที่สุดสถาปัตยกรรมชิ้นสำคัญก็เผยตัวขึ้นที่นี่ และทำให้ประเทศในดินแดนทะเลทรายแห่งนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในสายตาของชาวโลก Atelier Masomi สตูดิโอสถาปัตยกรรมที่เน้นใช้วัสดุท้องถิ่นในการก่อสร้าง ได้นำอิฐดินดิบมาสร้างสรรค์อาคารทั้ง 5 หลังใจกลางเมืองนีอาเม เมืองหลวงของไนเจอร์ เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นศูนย์วัฒนธรรมของประเทศ และเป็นแลนด์มาร์กแห่งสำคัญของเมืองที่จะเปลี่ยนชีวิตของชาวเมืองให้ดีขึ้นกว่าเดิม ศูนย์วัฒนธรรมจะถูกสร้างขึ้นบริเวณกึ่งกลางเมือง อันเป็นจุดแบ่งระหว่างชาวฝรั่งเศสกับชาวแอฟริกันพื้นเมือง และ Atelier Masomi ก็หวังว่าสถาปัตยกรรมชิ้นนี้จะรวบรวมผู้คนจากสองฝั่งเมืองเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันได้ อาคารทั้ง 5 จัดสรรให้เป็นพื้นที่หอประชุมสำหรับการแสดง แกลเลอรี่ คาเฟ่ พื้นที่อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และห้องสมุด ซึ่งนับเป็นห้องสมุดแห่งแรกที่สร้างขึ้นในเมืองหลังจากที่ประเทศไนเจอร์ได้รับเอกราช วัสดุที่ห่อหุ้มตัวอาคารคืออิฐดินดิบ อันเป็นวัสดุท้องถิ่นของไนเจอร์และเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมในภูมิภาคนี้ เฉดสีและพื้นผิวของอิฐสะท้อนถึงความอบอุ่นและซ่อนกลิ่นอายทะเลทรายเอาไว้ แถมยังทำให้อาคารแห่งนี้ดูกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ราวกับมันเป็นโครงสร้างที่ผุดขึ้นจากพื้นอย่างไรอย่างนั้น การดีไซน์ภายนอกตอกเสาเข็มให้หอคอยครึ่งวงกลมทั้ง 4
เดินดูงาน Awakening Bangkok มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีนี้เองก็ตามมาถ่ายรูป แต่เชื่อว่าคุณยังไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าของผลงานที่อยู่เบื้องหลังแสงไฟสวย ๆ เหล่านี้คือใคร…เราเองก็เช่นกัน ปีนี้ UNLOCKMEN จึงขอถือโอกาสเพิ่มความพิเศษ จากเดินดูงานเปิดไฟ ขอไปเปิดหน้าศิลปินเจ้าของผลงาน 3 ชิ้นที่เราสนใจและเพิ่งลงผลงานของพวกเขาไปเมื่อวานกันบ้าง พร้อมบทสัมภาษณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้คุณรู้จักเขาและผลงานเพิ่มขึ้น ใครชอบงานชิ้นไหน อย่าลืมจำชื่อของเขาไว้ บางทีระหว่างที่คุณดูงาน AWAKENING 2019 คืนนี้ อาจจะได้เจอกับพวกเขาก็ได้ หรือจบงานนี้ ไปเจอกันที่อื่น อยากจะเดินเข้าไปทักทายก็ทำได้เช่นกัน เพราะพวกเขาพูดคุยเป็นกันเองมาก DON BOY : Lhong 1919 presents D19B19 อย่างที่เราบอกไว้ก่อนหน้านี้ในการลง Gallery Post ว่าเราเลือกความสนใจจากทั้งงานและสถานที่ที่มีกลิ่นอายความเป็นจีน ดังนั้น สถานที่ขนาดใหญ่อย่างล้ง 1919 ที่เซตขึ้นเป็นโรงงิ้ว มาพร้อมแสง สี เสียง จัดเต็มจึงไม่รอดสายตาของเราไป และพวกเขา “DON BOY” คือเจ้าของผลงาน Lhong
มินิมัลเป็นอีกหนึ่งสไตล์การออกแบบที่ผู้ชายหลาย ๆ คนหลงใหล เพราะนอกจากจะใช้วัสดุน้อยชิ้นแล้ว บ้านที่ออกแบบด้วยสไตล์มินิมัลยังดูเรียบง่าย ไม่หวือหวา และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ธรรมดาของผู้ชายเราเป็นอย่างดี Think Architecture สตูดิโอสถาปัตยกรรมรายนี้ก็เชื่อว่ามินิมัลสไตล์ยังคงมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม พวกเขาจึงนำสไตล์มินิมัลอันโด่งดังของแดนปลาดิบมาสร้างสรรค์บ้านกลางเนินเขา ที่เข้ากับสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างสมบูรณ์ ‘House in a Park’ เป็นบ้านสไตล์มินิมัลในเมืองซูริคของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ โดยออกแบบบ้านให้กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมภายนอก ดีไซน์ตัวบ้านเป็นรูปทรงเรขาคณิตโดยมีหลังคาสีขาวยึดตัวโครงสร้างทั้งหมดเข้าด้วยกัน ผนังหน้าบ้านเป็นปูนปลาสเตอร์และหินธรรมชาติสีอ่อน พร้อมจัดวางกระจกทรงสูงแซมไปกับผนังเพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติและทำให้บ้านดูปลอดโปร่งยิ่งขึ้น จุดนำสายตาของบ้านคือหินทรงสี่เหลี่ยมที่วางซ้อนกันเป็นขั้นบันได เหมือนกำลังหลอกตาว่าบ้านหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นดินและส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ส่วนภายในบ้านจะดีไซน์ผนังด้วยสีขาวเป็นหลัก ซอยย่อยเป็นโซนห้องนอน ห้องดนตรี และห้องโถง ซึ่งทุกห้องพักภายในบ้านจะเชื่อมต่อกับธรรมชาติภายนอกผ่านกระจกใสที่มีความสูงตั้งแต่พื้นดินจรดเพดาน ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาและทะเลสาบซูริคด้านนอกได้ ตัวบ้านแบ่งเป็น 2 ชั้น แต่ชั้นล่างจะสร้างลงไปในชั้นใต้ดิน เพื่อให้ตัวอาคารไม่กินพื้นที่และกลมกลืนไปเนินเขาอันเป็นที่ตั้งของบ้าน ชั้นล่างของบ้านยังมีมุมพักผ่อน มุมออกกำลังกาย รวมทั้งสระว่ายน้ำในร่มที่ใช้กระเบื้องโมเสคสีดำและแผงอะคูสติกซีดาร์สีแดงตกแต่งด้านบน สร้างบรรยากาศสงบ สบาย และช่วยให้ผู้พักอาศัยได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ‘House in a Park’ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของบ้านสไตล์มินิมัลที่ปลูกสร้างบนเนินเขาลาดชันได้อย่างงดงาม ทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่สัมพันธ์กับพื้นที่ธรรมชาติอย่างแน่นแฟ้น แต่ก็ไม่หลงลืมทฤษฎีโครงสร้าง พื้นที่ใช้สอย และความสุขของผู้อาศัยที่เป็นหัวใจของงานสถาปัตยกรรม Photography is by Simone
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้ Richard Mille กลายเป็นแบรนด์นาฬิการาคาแรงที่คนไทยทั่วไปรู้จักกันอย่างรวดเร็ว จากเมื่อก่อนมีคนรู้จักเพียงแค่กลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น ช่วงหลังเดือนกันยายน 2019 แบรนด์นาฬิกาที่มีจุดขายเรื่องดีไซน์แปลกตาแบรนด์นี้ก็เพิ่งปล่อยเรือนเวลาอย่าง (RM 52-04 นาฬิกาอินดี้แรงบันดาลใจจาก FORMULA 1) ไปหมาด ๆ แต่ยังไม่ทันให้แฟน ๆ ได้พักหายใจล่าสุดก็ปล่อยรุ่นใหม่ออกมายั่วน้ำลายนักสะสมชาวไทยกันอีกครั้ง นาฬิกาตัวล่าสุดถัดจาก RM 52-04 มีชื่อว่า RM 52-05 (Tourbillon Pharrell Williams) ครั้งนี้ Richard Mille ได้จับมือกับศิลปินชาย Pharrell Williams ที่มีสไตล์แฟชั่นแสนเฉพาะตัวมาร่วมกันออกนาฬิกา งานคอลเลกชันใหม่นี้จึงสามารถเรียกกระแสความตื่นเต้นให้กับวงการแฟชั่นและวงการนาฬิกาไปพร้อมกัน แรงบันดาลใจที่ถูกหยิบมาอยู่บนเรือนเวลา Richard Mille RM 52-05 ของนักร้องหนุ่มมีจุดเริ่มต้นมาจากความหลงใหลจนคลั่งไคล้เกี่ยวกับอวกาศ วัยเด็กของ Pharrell Williams เต็มไปด้วยเรื่องราวของดวงดาว โลก ดาวอังคาร จักรวาลและกาแล็กซี โดยเฉพาะกับดวงอังคารที่ Pharrell มองว่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีความสวยงามลึกลับน่าค้นหา แถมช่วงที่เขายังเป็นเด็กก็ได้เห็นข่าวองค์กรการ NASA
คุณขี้อิจฉาไหม? คุณอยากดังหรือเปล่า? คุณอยากเป็นคนที่เมาเละได้ แต่ก็เป็นคนมีของ มีความสามารถซ่อนอยู่หรือไม่? เป็นคำถามแปลกประหลาดที่เรามั่นใจว่าต่อให้ถามใครหลายคน ก็คงไม่มีใครหาญกล้าตอบกลับมาง่าย ๆ โดยเฉพาะในบทสัมภาษณ์กับสื่อแปลกหน้า แต่ไม่ใช่กับ “เป๋ง-ชานนท์ ยอดหงษ์” อาร์ตไดเรกเตอร์ที่เราพยายามหาคำมานิยามเขาแล้ว แต่ก็หาได้ยากเหลือเกิน จนกระทั่งเขานิยามตัวเอง และเรารู้สึกว่า โห! ใช่ว่ะ เขาเป็นแบบนี้แหละ “เลอะเทอะ เมาเรื้อนอะไรก็ได้ แต่ผมต้องมีความสามารถที่ทำให้คนอื่นเห็นว่ากูก็มีของ ถึงกูจะเหลวแหลกแต่ก็มีอะไร” เรื้อนแต่เทพ เมาแต่มีของ เหลวแหลกแต่ก็มีอะไร จะมีใครกล้านิยามตัวเองแบบนี้ คงมีแค่เขาที่อยู่ตรงหน้าเรานี่เอง สิ่งหนึ่งที่เราเชื่อว่าคนที่รู้จักเขา หรือแม้แต่ตัวเขาเองรู้ว่าคำเหล่านี้ไม่ใช่คำเชิงลบอะไรต่อตัวเขาก็เพราะเขารู้ดีว่าความจริงคืออะไร และงานออกแบบจากสมองและสองมือของเขานี่แหละที่โดดเด่นยิ่งกว่า สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าอาร์ตไดเรกเตอร์คนนี้มีของอะไร เทพแบบไหน เราอยากเล่าสั้น ๆ ว่าเขาเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ด้านเพลงที่หาตัวจับยาก เด่น ๆ คือการออกแบบปกซิงเกิ้ล ปกอัลบั้มของค่าย genie records ทั้ง BMW Be My World Project, Bodyslam, Big Ass, Paradox, Ebola , Sweet Mullet
ถ้าใครเป็นแฟนการ์ตูนหรือแฟนหนังเรื่อง Transformers ก็คงต้องรู้จักผู้นำของกลุ่มออโต้บ็อทส์อย่าง Optimus Prime กันอย่างแน่นอน เขาคือต้นแบบของฮีโร่ผู้เป็นทั้งนักรบ ผู้พิพากษา ศูนย์รวมจิตใจของเหล่าไพร์มที่ทำให้สามารถเอาชนะยูนิครอน แต่เวลาเดียวกันก็มีจิตใจอ่อนโยนและอุทิศตนเพื่อพิทักษ์ทุกสรรพสิ่ง ด้วยความเท่ของ Optimus Prime จึงทำให้แบรนด์นาฬิกาญี่ปุ่นอย่าง Casio สนใจจะนำเรื่องราวของนักรบฮีโร่มาเล่าใหม่ในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งการสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองแล้วที่ Casio ได้ร่วม Collaboration กับ Transformers โดยคราวนี้เติมเต็มความเท่แบบดิบ ๆ จนออกมาเป็นฟิกเกอร์มาสเตอร์เนเมซิส Optimus Prime เคร่งขรึมกว่าที่เคยเป็นมา Optimus ในภาษาละตินจะมีความหมายว่า ‘Best first’ หรือดีที่สุด Optimus Prime จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของ Casio แต่สำหรับโมเดล Optimus Prime มาพร้อมกับนาฬิกาของ G-Shock ไม่ได้ชูสีประจำตัวของเขาอย่างสีน้ำเงินและสีแดงแต่เพิ่มสีดำเข้ามาแทนที่ สื่อให้เห็นอีกมุมหนึ่งของนักรบผู้กล้าหาญก็เคยเข้าสู่มุมมืดไม่ต่างจากใครเช่นกัน ปลุกจิตวิญญาณนักสู้อันแข็งแกร่งให้กึกก้องด้วยฟิกเกอร์มาสเตอร์เนเมซิส Optimus Prime สามารถดัดแปลงได้สองโหมดคือ Nemesis Alter mode รูปทรงยานรบล้ำสมัยถูกออกแบบมาให้เป็นฐานวางนาฬิกา G-Shock ได้พอดิบพอดี ส่วนอีกหนึ่งรูปแบบคือ
SWATCH (สวอท์ช) เปิดตัวสำนักงานใหญ่อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างแบบไม้ที่ใหญ่ที่สุดของโลก หลังการก่อสร้างอย่างยาวนานและพิถีพิถันกว่า 5 ปี พร้อมเผยโฉมให้เห็นถึงการออกแบบและคัดสรรวัสดุก่อสร้างที่ถูกคิดมาอย่างละเอียดอ่อนและหลักแหลม โดย Shigeru Ban สถาปนิกชาวญี่ปุ่น ผู้ชนะรางวัลพริตซ์เกอร์ (Pritzker Prize) ที่เรียกได้ว่าเปรียบเสมือนรางวัลโนเบลทางด้านสถาปัตยกรรม อาคารทรงโค้งแปลกตา ความยาว 240 เมตร สะท้อนแสงแดดเป็นประกายเห็นถึงความสง่างามที่ถูกวางพาดกลางเมือง Biel ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดีไซน์สุดแหวกแนวนี้เปลี่ยนสำนักงาน หรือออฟฟิศแบบเดิมๆ ให้กลายเป็นที่ปลุกจินตนาการของพนักงานและผู้คนที่สัญจรไปมา ทั้งยังผสมผสานแรงบันดาลใจในการสร้างเข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเมืองอย่างลงตัวราวกับงานศิลปะ เปลือกภายนอกอาคาร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 11,000 ตารางเมตร รอบอาคาร ทั้งด้านในและด้านนอกถูกออกแบบให้เกิดมิติที่มีความหลากหลายทางสถาปัตยกรรม พิเศษที่การผสมผสานระหว่างดีไซน์และนวัตกรรม ด้วยการวางแพทเทิร์นซ้ำๆ สลับกับวัสดุที่ต่างกันออกไปบนโครงสร้างเปลือกทำจากไม้สนลายกริด (Grid Facade) ไม่ว่าจะเป็นไม้ หรือกระจกที่โค้งไปตามสรีระโครงสร้างของตัวอาคาร ตอกย้ำความละเอียดและประณีตด้วยการใช้ไม้สนเป็นวัสดุสำคัญของโครงสร้าง ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ในขณะเดียวกันกลับมีน้ำหนักที่เบาและให้สีอ่อน สบายตา เปลือกลายกริดถูกยึดกันด้วยคานกว่า 4,600 ชิ้น โดยแต่ละช่อง หรือกริด (Grid) ถอดฟอร์มมาจากทรงรังผึ้ง (Honeycomb) ที่ประกอบกันกว่า 2,800
นอกจากรถของเล่น เกมบอยตลับ และบรรดาหุ่นยนต์กันดั้มที่โตมากับเราตั้งแต่เด็ก ก็มีตัวต่อเลโก้ (LEGO) ที่เป็นหนึ่งในความทรงจำของเด็กผู้ชาย แถมยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานจนถึงปัจจุบัน เลโก้ (LEGO) เป็นตัวต่อพลาสติกที่เริ่มผลิตครั้งแรกในปี ค.ศ. 1949 ที่เมืองบิลลุนด์ (Billund) ประเทศเดนมาร์ก จากฝีมือของช่างไม้ระดับปรมาจารย์ Ole Kirk Christiansen ที่สร้างก้อนอิฐพลาสติกหลากสีขนาดต่าง ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ นำมาต่อประกอบกันจนเกิดเป็นรูปร่างมากมาย CF Møller Architects สตูดิโอสถาปัตยกรรมแห่งเดนมาร์กจึงนำเอกลักษณ์ของเลโก้ มาถ่ายทอดผ่านดีไซน์ของอาคารสำนักงานใหญ่เลโก้ เพื่อให้สถาปัตยกรรมแห่งนี้สะท้อนความทรงจำในวัยเด็กที่แสนมีค่าของใครหลาย ๆ คน อาคารทั้งสองหลังที่สร้างขึ้นครอบคลุมพื้นที่กว่า 52,000 ตารางเมตร ตัวโครงสร้างออกแบบให้เป็นรูปทรงเรขาคณิต วางก้อนอิฐขนาดใหญ่ด้านหน้าอาคาร เน้นการใช้โครงเส้นหนาและกระจกทรงสูงเพื่อมอบความรู้สึกที่เปิดโล่ง แถมยังมีตัวต่อเลโก้ขนาดยักษ์ที่ยื่นออกมาจากหลังคาเป็นจุดนำสายตาหลัก ทีมนักออกแบบอยากถ่ายทอดความภาคภูมิใจของเด็กคนหนึ่งที่ต่อเลโก้จนสำเร็จ จึงดีไซน์ภายนอกอาคารให้ดูสนุกสนาน แม้จะใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบเรขาคณิตบอกถึงความแข็งแกร่งขององค์กร แต่ก็สอดแทรกจินตนาการและความสนุกสนานแบบเด็ก ๆ ผ่านตัวต่อเลโก้ที่ซ่อนไว้ตามจุดต่าง ๆ การออกแบบภายในก็โดดเด่นไม่แพ้ด้านนอก มีบันไดวนสีเขียวมะนาวและดีไซน์พื้นตลอดจนผนังให้เป็นหลากสีสัน นำแผ่นยิปซัมไฟเบอร์มาใช้เพื่อลดปริมาณการใช้โครงเหล็ก แถมยังใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุหลักในการออกแบบ สะท้อนสไตล์นอร์ดิก (Nordic Style) หรือ สแกนดิเนเวียน
เราเชื่อว่าผู้ชายแทบทุกคนคงต้องมีสิ่งของสักอย่างที่รัก หวง และหลงใหลคลั่งไคล้จนแทบอยากเก็บบูชาเอาไว้บนหิ้ง แต่ถ้านั่งนับนิ้วดูดี ๆ จะรู้ว่าในบรรดาของสะสมทั้งหมด มีไม่กี่อย่างที่มอบทั้งคุณค่าและมูลค่าให้กับเราในเวลาเดียวกัน แล้ว ‘นาฬิกา’ ก็คงเป็นหนึ่งในสิ่งของไม่กี่อย่างที่ว่านั้น เพราะนอกจากจะมีมูลค่าตามราคาแล้ว นาฬิกายังมีคุณค่าพิเศษบางอย่างในสายตาของนักสะสมที่หลงรักมันเสียยิ่งกว่าอะไร ถึงจะรู้ว่าการเก็บสะสมของสักชิ้นต้องเกิดจากความหลงใหล แต่ความหลงใหลจะพาใครสักคนเดินไปได้ไกลขนาดไหนกัน? เราเลือกเก็บคำถามนี้ไว้ในหัว ก่อนจะเดินไปคุยกับ “ตุ้ย อัฐวุฒิ” ชายที่ใช้ความหลงใหลเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมนาฬิกา และความหลงใหลที่ว่าก็พาเขามาไกลจนถึงขั้นเก็บรวบรวมนาฬิกาหายากไว้กว่า 100 เรือน ผศ.ดร. อัฐวุฒิ ปภังกร หรือ คุณตุ้ย เป็นหนึ่งในนักสะสมนาฬิกาตัวยง ที่ควบตำแหน่งที่ปรึกษาด้านบัญชีและอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา เขาชื่นชอบนาฬิกาตั้งแต่อายุ 16-17 ปี จากนั้นก็เริ่มฝันว่าอยากมีนาฬิกาดี ๆ ใส่สักเรือน เพราะเชื่อว่านาฬิกาบ่งบอกความเท่ สะท้อนตัวตน และช่วยเสริมบุคลิกภาพของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี คุณตุ้ยจึงเก็บสะสมนาฬิกาเรือนที่ชอบมาเรื่อย ๆ จากนั้นวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ล่วงเลยมากว่า 20 ปี แต่ความหลงใหลในนาฬิกาของเขาก็ยังหมุนวนรอบหน้าปัดอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เหมือนเข็มวินาทีที่ไม่เคยหยุดเดิน “นาฬิกาไม่ใช่แค่เครื่องบอกเวลา ผมว่ามันมีคุณค่ามากกว่านั้น” ผมคิดว่าของสะสมสำหรับผู้ชายส่วนใหญ่มีแค่สองอย่าง หนึ่งคือรถยนต์ สองคือนาฬิกา แล้วสมัยวัยรุ่นการถือเงินสดมันก็ร้อน มันร้อนมือจนเราอยากเอาไปใช้ซื้ออะไรสักอย่าง แต่ถ้าเอาไปซื้อรถก็คงยังไม่มีปัญญาและถ้าซื้อมาก็ไม่รู้จะเก็บไว้ตรงไหนไม่ให้พ่อแม่รู้ แต่นาฬิกานั้นไม่เหมือนรถ ผมสามารถซื้อนาฬิกาจำนวนมากเก็บไว้ที่บ้านได้โดยไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น