ยอมหักไม่ยอมงอ ยอมงอไม่ยอมโดนนิ้ว ใครที่มือเคยจับค้อนจับตะปูมาย่อมรู้ดีว่าไอ้ทักษะที่ดูไม่ยากแบบนี้ บางทีเราก็พลาดแบบโง่ ๆ มาแล้วนักต่อนัก บ้างก็ตอกโดนนิ้วจนม่วง บ้างก็หล่นใส่เท้า สารพัดอุบัติเหตุไม่คาดฝันทำให้เราได้แผลกันทุกที นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้นวัตกรรมที่อาจจะดูออกแบบไม่ยากอย่างค้อนชิ้นนี้ เอาชนะใจและได้รับรางวัลชนะเลิศ Red Dot Design Concept Award ประจำปี 2019 โดยผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานของ Alvaro Uribe จากสหรัฐอเมริกา The Tuk Hammer นวัตกรรมค้อนทรงตัวที ที่มาพร้อมกับที่บล๊อกการตีโดนนิ้วตัวเองสีเหลือง เวลาจะใช้แค่ถอดอุปกรณ์เซฟตี้ออกจากตัวค้อนก็สามารถสอดนิ้วเข้าไปตรงกลางยึดไว้ให้ตำแหน่งแล้วใช้งานได้ทันท่วงที ที่สำคัญเรายังสามารถจัดองศาให้ตะปูไม่เบี้ยวได้ด้วย! เพราะว่าตำแหน่งตรงกลางของแผ่นสีเหลืองที่เราใช้บล๊อกนิ้วมีร่องตรงกลางเพื่อจัดตำแหน่งตะปูให้ตอกลงพื้นผิวได้ตรง ๆ ไม่ต้องเสียเวลาไปถอนออก หรือทำให้ไม้และผนังมีแผลโดยไม่จำเป็น ค้อนทรงตัวที ขนาดเหมาะมือออกแบบพิเศษให้หัวค้อนทั้ง 2 ด้านแตกต่างกัน เป็นฟังก์ชันแบบ 2 in 1 ด้านหนึ่งเป็นยาง เพื่อใช้สำหรับงานทั่วไปที่พื้นผิวนุ่มไม่ต้องการให้งานแตกร้าว บุบ เน้นความประณีต ส่วนอีกด้านที่ทำจากเหล็กใช้ตอกบนพื้นผิวแข็งได้ดีทำให้ไม่ต้องพกอุปกรณ์หลายชิ้นให้เปลืองพื้นที่ สำหรับใครที่คิดว่า อ้าว ถ้าทำหัวแบบนี้แล้วจะถอนตะปูออกได้ยังไงถ้าตอกพลาดหรืออยากดึงตะปูเก่าออก เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเพราะเขาคิดมาแล้วแบบไม่ให้เสียพื้นที่ จากการออกแบบเว้นช่องให้แกนกลางของตัว T มีที่ดึงเพื่องัดตะปูออกมาได้แบบไม่เปลืองแรง ปิดท้ายด้วยความคิดง่าย ๆ
นอกจากมังงะเรื่องดัง แฟชั่นหลุดโลก และดนตรี J-Rock ที่ทำให้วัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก อีกหนึ่งสิ่งที่สร้างชื่อให้กับประเทศนี้คงต้องนับรวมภาพยนตร์สัตว์ประหลาดปี 1954 อย่างเรื่อง Godzilla ด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจากปีที่ฉายภาพยนตร์ครั้งแรกก็เนิ่นนานมาถึง 65 ปีแล้ว จึงทำให้แบรนด์นาฬิกาสัญชาติเดียวกันอย่าง Grand Seiko ไม่พลาดออกนาฬิกาเรือนพิเศษเพื่อร่วมฉลองความสำเร็จของราชามอนสเตอร์ครั้งนี้ Grand Seiko ร่วมฉลองความสำเร็จยาวนานกว่า 65 ปี ของมอนสเตอร์สุดยิ่งใหญ่ของโลกอย่าง Godzilla ด้วยการนำเอกลักษณ์และดีไซน์ของสัตว์ประหลาดมาอยู่บนนาฬิกา SBGA405 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวกับรุ่น SBGA403 ตัวเรือนขนาด 44.5 มิลลิเมตร หนา 14.3 มิลลิเมตร ทำจากไทเทเนียมความเข้มสูง สร้างสรรค์ด้วยดีไซน์โมเดิร์นทันสมัยอย่างการแต่งเหลี่ยมมุมของหน้าปัดนาฬิกาที่เป็นงานทำมือจากช่างฝีมือของ Grand Seiko สายนาฬิกาสีดำทำจากหนังฉลามถูกแต่งแต้มสีสันตามรอยแตกของแผ่นหนังด้วยสีแดง เข้ากับเรือนหน้าปัดขนาดกำลังดีประกอบเข้ากับกระจกแซฟไฟร์แบบดูอัลเคิร์ฟตัดแสงสะท้อนอย่างดีเยี่ยม ส่วนสีที่ถูกเลือกให้เป็นสีพื้นของเรือนเวลารุ่นพิเศษคือสีแดงเบอร์กันดี มีต้นแบบมาจากลำแสงความร้อนสูงที่พ่นออกมาจากปากของ Godzilla จากนั้นใช้สีเงินตรงบริเวณแต้มเวลา เข็มบอกเวลาเคลือบด้วยสารเรืองแสงลูมิไบร์ท เพื่อทำให้การบอกเวลาชัดเจนง่ายต่อการดู โดยไม่ลืมรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างการแต้มสีแดงและสารเรืองแสงตรงเข็มวินาทีอันจิ๋ว ช่องบอกวันที่บริเวณ 3 นาฬิกา ใช้พื้นเป็นสีดำตัดกับตัวเลขบอกเวลาที่เป็นสีขาวเพื่อให้มองเห็นชัด ส่วนเข็มบอกพลังงานสำรองของนาฬิกาจะอยู่ตรงนำแหน่ง 7
Farnsworth House เป็นบ้านพักตากอากาศอันโด่งดังของ Edith Farnsworth ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองพลาโน ในรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา บ้านรูปทรงเรขาคณิตหลังนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1945-1951 ออกแบบโดย Ludwig Mies van der Rohe สถาปนิกลูกครึ่งเยอรมัน-อเมริกัน ผู้บุกเบิกแนวคิดสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ บนพื้นที่ขนาด 10 เอเคอร์ ห้อมล้อมด้วยต้นไม้นานาชนิดและอยู่ห่างจากแม่น้ำฟ็อกซ์เพียง 100 ฟุต การออกแบบบ้านใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมเป็นเรขาคณิต นำเสาเหล็กรูปตัวไอ (I) แปดเสามารองรับโครงหลังคา และยกพื้นบ้านขึ้นจากพื้นดิน 5 ฟุต 3 นิ้ว เพื่อให้มองเห็นสเปซตั้งแต่พื้นจรดเพดานได้อย่างแจ่มชัด ด้วยแนวคิดที่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ บวกกับรูปทรงเรขาคณิตที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ Farnsworth House ถูกขนานนามว่าเป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมสไตล์นานาชาติแห่งศตวรรษที่ 20 และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นอื่น ๆ ทั่วโลก แถม National Trust ยังจัดให้ที่นี่เป็นโบราณสถานเพื่ออนุรักษ์ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม โดยผู้เข้าชมทุกคนจะต้องเช็กอินที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและเข้าชมบ้านหลังนี้ได้ต่อเมื่อมีไกด์นำเที่ยวเท่านั้น แต่เมื่อมีสถาปัตยกรรมใหม่ ๆ ผุดขึ้นทั่วโลก บ้านเรขาคณิตหลังนี้ก็กลายเป็นสถาปัตยกรรมที่ถูกลืม ซ้ำร้ายคือที่ตั้งที่อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำมากนัก ทำให้
หากจะให้พูดถึงความน่าหลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งเรือนเวลา ประเด็นหลัก ๆ ที่บรรดาเซียนนาฬิกาทั้งหลายไม่พลาดที่จะกล่าวถึงคงหนีไม่พ้นชื่อชั้นประวัติศาสตร์แบรนด์ ตลอดจนเรื่องราวของวัสดุชั้นยอด งานดีไซน์ที่งดงาม และแน่นอนว่าจะขาดไปไม่ได้กับสิ่งที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของนาฬิกา นั่นก็คือกลไกเครื่องบอกเวลาสุดซับซ้อน อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ที่คิดค้นสร้างสรรค์จากฝีมือมนุษย์ เพื่อให้ได้มาซึ่งการบอกเวลาที่แม่นยำในระดับเสี้ยววินาที ซึ่งชื่อของแบรนด์นาฬิกาหรูระดับโลกสัญชาติสวิสอย่าง OMEGA ถือเป็นอีกสัญลักษณ์ของการบอกเวลาอันเที่ยงตรงแม่นยำ ที่เหล่านักสะสมนาฬิกาต่างรู้จักกันดี กับเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์ที่สามารถการันตีถึงความใส่ใจในความแม่นยำของกลไกบอกเวลาแบบสุดขั้ว นับย้อนไปในปี ค.ศ.1848 ที่บุรุษนามว่า Louis Brandt (หลุยส์ บลาดต์) ริเริ่มก่อตั้งบริษัทนาฬิกา ด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะประดิษฐ์กลไกบอกเวลาความแม่นยำสูงสุดเท่าที่เคยมีมา จนกระทั่งในปีค.ศ. 1894 แม้ Louis Brandt จะจากโลกนี้ไป แต่ความอุตสาหะของเขาได้ผลิดอกออกผลในรุ่นลูก ที่ยังคงมุ่งมั่นพัฒนากลไกบอกเวลา จนเกิดเป็นผลงานชิ้นสำคัญ นั่นคือกลไก 19-ligne ‘OMEGA’ calibre (19-ลิญจน์ ‘โอเมก้า’ คาลิเบอร์) ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ถูกยกให้เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมนาฬิกาครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งบนหน้าประวัติศาสตร์ และชื่อ ‘OMEGA’ ของกลไกบอกเวลารุ่นตำนานในครั้งนั้น ได้กลายมาเป็นชื่อแบรนด์ที่รู้จักกันไปทั่วโลกจวบจนถึงปัจจุบัน และต้องบอกว่า OMEGA คือผู้ผลิตนาฬิการายเดียวของโลกที่ตั้งชื่อแบรนด์ตามชื่อกลไกบอกเวลาประสิทธิภาพสูงที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ เพื่อให้ชื่อนี้เป็นตัวแทนเรื่องราวของเรือนเวลาที่ใส่ใจในกลไกที่เที่ยงตรงแม่นยำจากจุดเริ่มต้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตลอดเส้นทางที่ผ่านมา OMEGA ได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการคว้ารางวัลจากการทดสอบความแม่นยำมาแล้วนับไม่ถ้วน และหนึ่งในตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือ การได้รับความไว้วางใจในฐานะผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกตั้งแต่ปีค.ศ. 1932 จนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าสถิติของนักกีฬาที่ดีที่สุดในโลก ล้วนมาจากการบันทึกเวลาที่แม่นยำและเชื่อถือได้ของ
ในแวดวงศิลปะน้อยคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อภาพอิสตรีสาวเมืองฟลอเรนซ์อย่าง “Mona lisa (โมนาลิซา)” ผ่านหู ภาพของเธอคือมรดกศิลป์ ผลงานของศิลปินระดับโลก เลโอนาร์โด ดา วินชี ที่ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ประเทศฝรั่งเศส สถานที่เสพงานศิลปะที่คนจากทั่วทุกมุมโลกตั้งเป้าว่าจะเดินทางไปให้ได้สักครั้งในชีวิต วันเวลาผ่านไป โลกเปลี่ยนแปลง ลูฟวร์ในฐานะผู้จัดแสดงงานศิลปะจึงนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ชมได้เสพมากกว่าเดินดูภาพบนกำแพงหลังกระจกเช่นที่แล้วมา โดยร่วมมือกับ HTC VIVE arts เพื่อสร้างภาพเสมือนจริงที่ และตั้งชื่อผลงานว่า ‘mona lisa: beyond the glass’ กระบวนการสร้างผลงานใช้ทั้งอินฟราเรด เอกซเรย์และการหักเหของแสงเพื่อสร้างภาพ Portrait ในรูปแบบ 3D และจำลองท่าทางเคลื่อนไหว ในนิทรรศการฉลองครบรอบ 5 ศตวรรษการจากไปของดาวินชีในฝรั่งเศส ห้องจัดแสดง VR คือโซนพิเศษที่แยกไว้ ด้านในห้อง HTC นำ Vive Cosmos Headset จำนวน 11 เครื่องติดตั้งไว้ให้คนได้ชมอย่างเต็มอิ่ม จุใจ จากปกติที่ซื้อตั๋วไปแต่มีเวลาดูเพียง 30 วินาทีรายล้อมด้วยผู้คนเบียดเสียด หนนี้คือการเปิดโอกาสให้ได้ใกล้ชิดมากที่สุดเท่าที่เคยได้ชมกันมา เพราะเมื่อสวม VR จะช่วยตัดบรรยากาศรายล้อมด้านข้างออกไปหมดเลย
ถ้าพูดถึงแบรนด์นาฬิกาที่ชอบ Collaboration ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงนาฬิกาจากเกาะญี่ปุ่นอย่าง Casio และ Seiko ที่ชื่นชอบการปล่อยคอลเลกชันพิเศษจากมังงะและภาพยนตร์จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อดึงดูดแฟน ๆ จากกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่ชอบนาฬิกา แต่หากมองไปยังแบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ที่ชื่นชอบการ Collaboration เป็นชีวิตจิตใจก็คงหนีไม่พ้นแบรนด์ที่ชื่อว่า Romain Jerome มาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนคงร้องอ๋อกันแล้วเพราะ Romain Jerome หรือที่กลุ่มนักสะสมนาฬิกาเรียกสั้น ๆ ว่า RJ เป็นแบรนด์นาฬิกาที่ชอบ Collaboration กับทุกอย่างบนโลกใบนี้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเกมสุดวินเทจอย่าง PAC-MAN, Super Mario หรือเกมตัวต่อขวัญใจรุ่นใหญ่ Tetris ไปจนถึงภาพยนตร์ในตำนานเรื่อง Titanic หรือจะเป็นฮีโร่แห่งรัตติกาลประจำเมืองกอตแทม Batman และตัวร้ายจากเมืองเดียวกันอย่างเรื่อง Joker ทาง RJ ก็เคยร่วมออกคอลเลกชันแล้วทั้งสิ้น และที่ UNLOCKMEN ยกตัวอย่างมาก็เป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของการ Collaboration ของแบรนด์ Romain Jerome การเลือก Collaboration ครั้งนี้ของ Romain Jerome คือค่ายผู้สร้างภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่รับความนิยมมากที่สุดในโลกตอนนี้อย่าง Marvel
หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของสวีเดนบันทึกเอาไว้ว่า เมื่อปี 2015 รัฐบาลสวีเดนเปิดประเทศต้อนรับประชาชนกว่า 160,000 คน ให้เดินทางมายังประเทศตน โดยผู้ลี้ภัยเหล่านี้มาจากหลากหลายประเทศด้วยกัน และต่างมองหาสถานที่พักพิงทั้งร่างกายตลอดจนจิตใจ ในบรรดาหลากชนชาติที่เข้ามาอยู่ในสวีเดน มีชาวอัฟกานิสถานมากถึง 24,000 คน ที่ถูกเนรเทศออกมาจากประเทศบ้านเกิดของตน แต่ตอนนี้รัฐบาลสวีเดนกลับเปลี่ยนแผนและเลือกจะส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศ ทำให้มีผู้ลี้ภัยบางส่วนที่สามารถอาศัยอยู่ในสวีเดนเพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยม แต่ที่เหลือจำเป็นต้องส่งกลับตามกฎหมายและข้อตกลงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่รัฐบาลสวีเดนและอัฟกานิสถานทำร่วมกัน Skaparkollektivet Forma กลุ่มศิลปินชาวสวีเดนที่เชื่อว่าศิลปะและความคิดสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญต่อสังคม จึงตอบสนองความอยุติธรรมนี้ด้วยการสร้างผลงานศิลปะจัดวาง หรือ Installation Art จำนวน 17,000 ชิ้น เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดนจัดการกับปัญหาผู้ลี้ภัยด้วยวิธีอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ โปรเจกต์ศิลปะ ‘17,000’ สะท้อนถึงตัวเลขตัวผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถานที่คาดว่าจะถูกเนรเทศออกจากสวีเดน และต้องกลับไปใช้ชีวิตในประเทศบ้านเกิดของตน ผลงานประติมากรรมชิ้นนี้จัดวางเป็น 34 เฟรม แต่ละเฟรมประกอบไปด้วยงานแกะสลักทำมือจำนวน 500 ชิ้น นอกจากผลงานศิลปะ 17,000 ชิ้นจะถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ยังแฝงอุดมการณ์อันแรงกล้าของศิลปินกว่า 1,500 คนที่ถ่ายทอดลงไปในผลงานชิ้นนั้น ๆ แม้ 17,000 จะเป็นงานฝีมือที่มีสีสันแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ดูจากภาพรวมแล้วไม่มีชิ้นใดที่โดดเด่นมากหรือน้อยไปกว่ากันเลย ‘17,000 by Skaparkollektivet Forma’ นำศิลปะมาเป็นเครื่องมือทรงพลังที่กระตุ้นความคิด และบอกเล่าเรื่องราวที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจของผู้ลี้ภัย
แม้ผู้ชายหลายคนจะมองนาฬิกา Baby-G จากแบรนด์ดังอย่าง Casio ว่าเป็นนาฬิกาสำหรับผู้หญิงแต่ก็ยังมีผู้จำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบดีไซน์และขนาดของนาฬิกาตระกูล Baby-G เพราะนี่คือนาฬิกาที่มีหลากหลายสไตล์ ทะมัดทะแมง เรียบง่าย มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์แบบ Unisex แถมระยะนี้ยังไปร่วม collaboration กับภาพยนตร์และการ์ตูนที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ ชื่นชอบกันอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่แปลกที่ Baby-G จะได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ในปีนี้ Baby-G ก็เดินทางมากว่า 25 ปี นับตั้งแต่ ค.ศ. 1994 Casio จึงไม่พลาดปล่อยนาฬิกาคอลเลกชันพิเศษเพื่อฉลองการครบรอบโดยตัดสินใจจับมือกับการ์ตูนและเกมที่คนทั่วโลกต้องรู้จักอย่าง Pokemon โดยเลือกตัวการ์ตูนสีเหลืองพลังสายฟ้าอย่าง Pikachu โปเกมอนตัวเอกมาเป็นคอนเซ็ปต์หลักของเรือนเวลารุ่นพิเศษ สายนาฬิกาสีดำด้านจะถูกแต่งแต้มด้วย Pokeball กับสายฟ้าขนาดจิ๋วหลากสี จากนั้นสลักตัวเลข 0:25 สีเหลืองตามสีขนของ Pikachu ไว้ตรงบริเวณห่วงรัดสายนาฬิกา โดยลวดลายทั้งหมดจะมาในรูปแบบ pixel สไตล์วินเทจเข้ากับรูปทรงของนาฬิกา ส่วนบริเวณหน้าปัดตรงด้านบนมีชื่อการ์ตูน Pokemon รวมถึงดีเทลเล็ก ๆ ที่ถูกซ่อนเอาไว้ซึ่งจะเห็นก็ต่อเมื่อกดปุ่มแสงหน้าจอ (เมื่อกด Pikachu จะโชว์ตัวเป็นภาพพื้นหลังของนาฬิกา) แถมฝาหลังจะสลักชื่อการ์ตูนแบบนูนเอาไว้เพื่อย้ำถึงความพิเศษของนาฬิกาคอลเลกชันนี้ คุณสมบัติอื่น ๆ
ในบรรดาสถาปัตยกรรมทั้งหมด คงต้องยอมรับว่า ‘สถาปัตยกรรมภายใน’ เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวผู้ชายเรามากที่สุด มันครอบคลุมตั้งแต่การใช้ชีวิตในบ้านไปจนถึงที่ทำงาน นอกจากจะมุ่งเน้นจัดวางพื้นที่ในอาคารให้ตอบโจทย์ด้านสุนทรียศาสตร์แล้ว ยังเน้นหนักด้านประโยชน์การใช้สอยเพื่อให้ผู้คนที่อยู่แวดล้อมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามมาด้วย แม้แต่ Branch Studio Architects สตูดิโอสถาปัตยกรรมชื่อดังยังนำหลักการออกแบบภายในมาปรับใช้ และแปลงโฉมอาคารบริหารของโรงเรียน Caroline Chisholm College ในเขต Braybrook ของกรุงเมลเบิร์น ให้กลายเป็นผลงานสถาปัตยกรรมสุดเท่ โดยมีกระดาษแข็งทรงกระบอกเป็นพระเอกหลักในการออกแบบ ‘Office Square’ หรือ ‘Piazza Dell’Ufficio’ ในภาษาอิตาลี เป็นอาคารสำนักงานรกร้างที่ไม่ได้ถูกใช้งานมาตั้งแต่ปี 1970 เดิมทีผนังอาคารจะดีไซน์เป็นสีฟ้าหม่น มาพร้อมมูลี่สีเบจที่ยิ่งเพิ่มความหม่นหมองขึ้นเป็นเท่าตัว ก่อนที่ Branch Studio Architects จะเข้ามาปรับปรุงโครงสร้างภายในของอาคารและเนรมิตพื้นที่เก่าเก็บให้กลายเป็นผลงานดีไซน์สุดเท่ สำหรับรองรับแผนกบัญชีและสวัสดิการของโรงเรียน Caroline Chisholm College แห่งนี้ จุดประสงค์ในการออกแบบอาคาร Office Square ไม่เพียงทำพื้นที่ให้เกิดประโยชน์และยกระดับงานดีไซน์ให้มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น หากสถาปัตยกรรมภายในยังเข้ามาช่วยทำให้การติดต่อสื่อสารของพนักงานและนักเรียนเป็นไปอย่างราบรื่น บริเวณศูนย์กลางของสำนักงานสร้างเป็นสเปซเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “Clock Tower” จัดวางกระดาษแข็งทรงกระบอกให้โค้งเข้าหากันจนเกิดเป็นมุมพักผ่อนขนาดย่อม ด้านในมีเคาน์เตอร์ทรงโค้งมนที่ดีไซน์มาให้คล้ายกับหน้าปัดของนาฬิกา พื้นที่โดยรอบจะแยกออกเป็นห้อง ๆ
ถ้าจะพูดว่าการออกกำลังกายกับผู้ชาย (บางคน) เป็นของคู่กันก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะในปัจจุบันเป็นยุคที่ผู้ชายส่วนใหญ่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น และการออกกำลังกายก็ไม่เพียงช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง หากยังสร้างมัดกล้าม สร้างรูปร่างกำยำล่ำสัน และทำให้ผู้ชายหลายคนดูภูมิฐานขึ้นมาได้ แต่คงต้องบอกว่าสภาพแวดล้อมของฟิตเนสก็มีผลต่อการออกกำลังกายไม่น้อย เพราะฟิตเนสที่มีผู้คนพลุกพล่านและทัศนียภาพไม่เอื้ออำนวย อาจทำให้หนุ่ม ๆ หลายคนไม่จดจ่อและจริงจังกับการออกกำลังมากเท่าที่ควร จะดีแค่ไหนถ้าพื้นที่ออกกำลังกายของหนุ่ม ๆ มีงานดีไซน์ที่ถูกยกระดับให้เอื้อประโยชน์แก่การออกกำลังกายและทำให้คุณจริงจังกับกิจกรรมเรียกเหงื่อมากยิ่งขึ้น VSHD Design นำสถาปัตยกรรมแนวบรูทัลลิสต์ (Brutalist) มาประยุกต์เข้ากับพื้นที่ออกกำลังกาย จนเกิดเป็น ‘WAREHOUSE GYM’ ฟิตเนสสุดคูลที่ใช้ดีไซน์เรขาคณิตเข้ามาเพิ่มความจริงจังให้กับการออกกำลังกายของหนุ่ม ๆ นี่เป็นฟิตเนสล่าสุดจากบริษัทฟิตเนสแวร์เฮ้าส์ยิม ตั้งอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าในกรุงดูไบ การออกแบบภายในเน้นหนักรูปทรงเรขาคณิตและแพตเทิร์นเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมาจากอิทธิพลของสถาปัตยกรรมแบบบรูทัลลิสต์ ไฮไลต์ของฟิตเนสแห่งนี้คือมีการจัดหาดีเจเข้ามาสปินแผ่นเพลงเจ๋ง ๆ พร้อมตกแต่งแสงไฟให้เหมือนไนต์คลับ เพื่อสร้างสิ่งแปลกใหม่ให้กับการออกกำลังกาย VSHD Design ตั้งใจจะสร้างพื้นที่ออกกำลังกายให้มีกลิ่นอายเหมือนอยู่ในห้องใต้ดิน มอบความสงบ เป็นส่วนตัว และใช้งานดีไซน์เคร่งขรึมช่วยกระตุ้นให้ผู้ชายจริงจังกับการออกกำลังมากขึ้น ภายในโดดเด่นด้วยคาน เสา และผนังคอนกรีต พร้อมนำพาร์ติชั่นมากั้นเพื่อแบ่งโซนการออกกำลังกายอย่างเป็นระบบ แทนที่จะใช้การดีไซน์เปิดโล่งเพื่อให้แสงสว่างลอดผ่านเข้ามา ทีมนักออกแบบกลับประดับประดาแสงไฟสปอตไลต์มุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์ออกกำลังกาย หวังปลุกเร้าอารมณ์และสะท้อนภาพลักษณ์ของฟิตเนสดั้งเดิม ทั้งยังติดตั้งกระจกทรงกลมเพื่อให้เกิดพื้นที่ต่อเนื่องแบบ open plan ช่วยให้ผู้ออกกำลังกายรู้สึกว่าฟิตเนสแห่งนี้กว้างขวางและไม่อึดอัดคับแคบ WAREHOUSE GYM ยังเลือกใช้วัสดุและของตกแต่งท้องถิ่นจากส่วนประกอบของธรรมชาติ