สินค้าแบรนด์เนมทำออกมาเพื่อใคร ? เราใช่กลุ่มเป้าหมายของพวกเขาหรือไม่ ? ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเดิมทีสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมถูกผลิตออกมาเพื่อคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น อย่างทวีปยุโรปที่เป็นแหล่งกำเนิดของแฟชั่นราคาสูงลิบก็ถูกทำออกมาให้กลุ่มราชวงศ์ของแต่ละประเทศ ขุนนาง หรือนักธุรกิจมหาเศรษฐีผู้มีอันจะกิน เมื่อเวลาผ่านไปสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมกลายเป็นตัวชี้วัดทางสังคมของผู้ใช้ บางคนคิดว่าถ้าใครมีเท่ากับรวย หรือใครมีจะได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามแบรนด์แฟชั่นหากินกับกลุ่มชนชั้นสูงไม่ได้ตลอดไป เพราะคนเหล่านี้ถือเป็นชนกลุ่มน้อยในสังคม แบรนด์ต่าง ๆ จึงเริ่มออกแบบสินค้าบางประเภทเพื่อเจาะกลุ่มคนอื่นบ้าง แบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Hermes ทำการตลาดด้วยการแบ่งกลุ่มเป้าหมายตามระดับฐานเงินเดือนไว้หลายกลุ่ม ตั้งแต่หลักแสน หลักล้าน จนถึงกลุ่มลูกค้าที่มีมูลค่าสินทรัพย์สภาพคล่องมากกว่า 22.757 ล้านบาทขึ้นไป (Tukko Nathida, 2019) และก็ไม่ต้องกลัวว่าหากแบรนด์เนมกลายเป็นของเกร่อแล้วคนชั้นสูงแรกเริ่มที่อยู่คู่กับแบรนด์จะใช้อะไร เพราะแบรนด์เหล่านี้ก็ออกไอเทมรุ่นลิมิเต็ดสุดหายากเข้ามายั่วน้ำลายแทน เมื่อแบรนด์แฟชั่น Hi-end ขยับเข้าหาผู้บริโภคหลากหลายมากขึ้นด้วยการเพิ่มสินค้าที่คนหลายกลุ่มเข้าถึงได้แทนการลดราคา จึงทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยอยากจะมีสินค้าแบรนด์เนมสักชิ้นเป็นของตัวเอง บางคนเก็บเงินซื้อกระเป๋ารุ่นที่อยากได้ บางคนจ่ายด้วยบัตรเครดิตไปก่อน แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชอบดีไซน์การออกแบบของแบรนด์แต่เงินไม่ถึงเลือกหันไปซื้อของก็อปแทน คนไทยเคยชินกับไอเทมแฟชั่นก็อปเกรดเอ เกรดบี เกรดมิลเลอร์หรือเกรดอะไรก็ตามแต่ ทำให้ UNLOCKMEN อยากนำเสนอข้อดีของการใช้ของแท้ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้เหล่าหนุ่ม ๆ ที่กำลังมองหาไอเทมเท่ ๆ สักชิ้นพิจารณาว่าทำไมเราถึงควรซื้อของแท้มากกว่าของปลอม คุณภาพของสินค้าที่ดีกว่า หนุ่ม ๆ หลายคนที่ใช้เครื่องหนังของสินค้าแบรนด์เนมคงพอจะรู้ถึงความทนทายาดของไอเทมเหล่านี้ เพราะมันผ่านการออกแบบที่พิถีพิถัน เกิดจากดีไซน์อันลงตัว วัสดุคุณภาพที่ใช้ทำก็เป็นของดีตามมาตรฐาน
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ชื่นชอบกีฬาอเมริกันฟุตบอล NFL อเมริกันเกมสุดมันคงรู้ดีว่าตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนที่การแข่งขันในฤดูกาล 2019-2020 จะเริ่มขึ้น โดยความพิเศษของปีนี้คือวาระครบรอบ 100 ฤดูกาลของ NFL โดยส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครั้งนี้คือคอลเลกชันรองเท้า Nike Air Zoom Pegasus 36 แพ็คพิเศษ การแข่งขันนัดเปิดสนามของศึกคนชนคนในฤดูกาล 2019-2020 ระหว่าง Green Bay Packer และ Chicago Bears จะเป็นการประเดิมฤดูกาลแข่งขันที่ 100 ของ The National Football League (NFL) นับตั้งแต่เริ่มแข่งขันครั้งแรกในวันที่ 20 สิงหาคม ปี 1920 ซึ่งในฤดูกาลนี้ทางลีกเตรียมเฉลิมฉลองไว้อย่างยิ่งใหญ่ รวมถึงทาง Nike ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักด้านชุดแข่งก็เตรียมคอลเลกชันรองเท้าชุดพิเศษออกมา โดยเลือกโมเดลรองเท้าวิ่งอย่าง Nike Air Zoom Pegasus 36 ตอนนี้ Nike Air Zoom Pegasus 36 ‘NFL Pack
แม้ Kobe Bryant สุดยอดนักบาสเกตบอลจะอำลาวงการยัดห่วงไปแล้ว แต่ผู้คนยังนิยมและสนใจรองเท้า Signature ประจำตัวเขาอยู่เสมอ ล่าสุด UNDEFEATED ค่ายจอมคอลแลปส์ก็เตรียมหยิบ Zoom Kobe 4 โมเดลสุดงามมาดีไซน์ใหม่อีกครั้ง หลังจากเคยประสบความสำเร็จจาก Kobe 1 Protro มาก่อนหน้านี้ UNDEFEATED ถือเป็นแบรนด์ที่จับรองเท้าคู่ไหนมา Collaboration ก็ได้รับความนิยมตลอด ในปี 2018 พวกเขาเคยจับโมเดลรองเท้าบาสเกตบอล Kobe 1 Protro มารีดีไซน์ใหม่ จนสี “Flight Jacket” และ “Purple” กลายเป็นของแรร์และเป็นรองเท้าที่มีราคาสูงระดับท็อปของตลาด ในปีนี้พวกเขาจึงกลับมาอีกครั้งด้วย UNDEFEATED x Nike Kobe 4 Protro Pack UNDEFEATED x Nike Kobe 4 Protro Pack แบ่งออกเป็น 4 สี แต่ละสีมาจากทีมใน NBA ได้แก่ Milwaukee Bucks, Phoenix Suns, San Antonio Spurs รวมถึงสีม่วง-เหลืองตัวแทนของต้นสังกัดของ
หนุ่ม ๆ ผู้ชื่นชอบสนีกเกอร์คงจะรู้จัก Adidas Consortium กันดีอยู่แล้ว เพราะมันคือการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ดังอย่าง Adidas กับร้านแฟชั่นที่ทางแบรนด์เลือกเพื่อร่วมกันดีไซน์ผลงานแฟชั่นที่น่าสนใจ และในครั้งนี้ร้านรองเท้าชื่อดัง Nice Kick ที่เป็น Adidas Consortium ปล่อยผลงานใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ฮิปปี้และงานเทศกาลสุดโหด Woodstock Woodstock ถือเป็นงานเทศกาลดนตรีที่โด่งดังที่สุดงานหนึ่งของโลก ด้วยจุดประสงค์ตอนแรกเริ่มคือการรวมตัวกันของคนคอเดียวกันกับกิจกรรมกลางแจ้งสนุก ๆ อย่าง กางเต็นท์ เล่นโยคะ ปาร์ตี้กันทั้งวันทั้งคืน และมีคนกว่าครึ่งแสนแห่แหนกันมายังเทศกาลดนตรีนี้ แต่ภายหลังจุดมุ่งหมายเดิมของการจัดงาน Woodstock ได้เปลี่ยนไป เพราะกระแสของสังคมที่ต่อต้านสงครามเวียดนาม ต้องการความสงบและสันติภาพ ทำให้เหล่าวัยรุ่นที่มาฟังเพลงกลายเป็นกลุ่มฮิปปี้ไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ บวกกับความล้มเหลวครั้งใหญ่ในปี 1999 ที่เปลี่ยนให้งานดนตรีกลายเป็นแหล่งอาชญากรรม ทำให้เทศกาลดนตรีหายไปจากโลกอยู่พักใหญ่ และในตอนนี้งาน Woodstock ก็กลับมาอีกครั้งในช่วงกลางเดือนสิงหาคมปี 2019 บวกกับเรื่องราวสุดโหดของเทศกาลดนตรีที่ก้าวผ่านกาลเวลามาตั้งแต่ปี 1969 ร้านแฟชั่นชื่อดังอย่าง Nice Kick จึงยกเรื่องราวทั้งหมดมาอยู่บนรองเท้า UltraBOOST Nice Kick นำเสนอเรื่องราวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสไตล์ของกลุ่มบุปผาชนหรือฮิปปี้ด้วยสีสันบนผ้ามัดย้อม หนึ่งในสัญลักษณ์อันแสนสำคัญของฮิปปี้ เกลียวของสีที่อยู่บนผ้าส่งให้สนีกเกอร์ UltraBOOST โดดเด่น สีเจ็บจี๊ดบนผ้าจะถูกประกอบเข้ากับพื้นรองเท้าและเชือกรองเท้าสีขาวได้อย่างลงตัว
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันผู้ชายอย่างเราหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรูปร่างหน้าตาของตัวเองกันมากขึ้น แต่การดูแลตัวเองให้ดูดีอาจเป็นเรื่องซับซ้อนสำหรับผู้ชายหลายคนเพราะต้องเรียนรู้กันมากมายหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเสื้อผ้า การดูแลผิวหน้าหรือจัดแต่งทรงผม กว่าจะทำความเข้าใจทุกเรื่องจนเริ่มจับทางได้ก็ต้องแบ่งเวลาจาก 24 ชั่วโมงของชีวิตมานั่งอ่านหรือทดลองทำด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน “เวลา” คือต้นทุนชีวิตที่มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะกับ Urban Men อย่างเรา ที่ต่างคนต่างก็มีธุระรัดตัว ทั้งงานที่ต้องจัดการ ความสัมพันธ์ที่ต้องดูแล ยังไม่รวมกิจกรรมตอบโจทย์ Passion ที่เราต้องแบ่งเวลาไปทำ ด้วยต้นทุนด้านเวลาที่มีอยู่จำกัดนี้เอง ทำให้ผู้ชายหลายคนล้มเลิกความตั้งใจจะดูแลตัวเอง เพราะเห็นว่าต้องเปลืองเวลากับความจุกจิกโดยไม่จำเป็น รวมถึงรู้สึกยุ่งยากเกินกว่าจะทำได้จริงในชีวิตประจำวัน แต่อย่าเพิ่งกังวล เพราะ UNLOCKMEN พร้อมอยู่เคียงข้างผู้ชายทุกคน STYLE GUIDE ของเราจึงแนะนำวิธีการเลือกเสื้อผ้า ทรงผม เพื่อผู้ชายหลากหลายไลฟ์สไตล์ อ่านครั้งเดียว นำไปปรับใช้ได้ตลอดทุกสถานการณ์ แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือทริคเล็ก ๆ ที่จะช่วยประหยัดเวลาในแต่ละแอคทีวิตี้ เหมาะกับหนุ่ม ๆ ที่ต้องการให้ตัวเองเท่ออกจากบ้านได้ทุกวัน แต่ไม่ต้องเสียเวลามากไป แถมสะดวกและทำได้จริง ถ้าพูดถึงชุดทำงาน หนุ่ม ๆ แต่ละคนล้วนเลือกสวมใส่เสื้อผ้าตามความเหมาะสมของงานตัวเอง จนทำให้บางคนมองว่าก็สถานที่เดิม ๆ ไปอยู่ทุกวันจะต้องดูดีไปเพื่ออะไร? แต่เชื่อไหมว่าช่วงเวลาของการทำงานนี่เองที่เราควรใส่ใจกับบุคลิกของตัวเองให้ดีที่สุด เพราะการแต่งตัวอย่างเหมาะสมหรือการเข้าออฟฟิศด้วยทรงผมที่ชวนมอง ก็บ่งบอกถึงความใส่ใจ ความเป็นมืออาชีพ หรือแม้แต่ความคิดสร้างสรรค์ได้ เครื่องแต่งกายหรือทรงผมจึงอาจมีส่วนผลักดันให้คุณก้าวหน้าในอาชีพมากขึ้น
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสนีกเกอร์จากแบรนด์ Balenciaga อย่าง Triple S คือการนำเทรนด์รองเท้าแบบ Chunky หรือที่เรียกกันว่ารองเท้าแบบคุณพ่อกลับเข้าสู่กระแสของแฟชั่นอีกครั้ง จนกลายเป็นไอเทมที่เหล่าผู้ชายรักรองเท้าวินเทจทั่วโลกต่างอยากมีไว้ครอบครอง ซึ่งล่าสุดทางแบรนด์ก็ปล่อยรองเท้าคุณพ่อสีใหม่ออกมาสั่นกระเป๋าเงินเราอีกครั้ง สีใหม่ล่าสุดที่ว่านี้อยู่ในคอลเลกชัน Balenciaga Fall/Winter 2019 ต้อนรับลมหนาวอ่อน ๆ ที่กำลังจะมาถึง แบรนด์เลือกใช้สีโทนเย็นมาสร้างสรรค์อยู่บนรองเท้า Balenciaga Triple S คอลเลกชันนี้ รวมถึงนำสีมาเล่นกับเลเยอร์ที่ซ้อนทับกันเพื่อดึงความเด่นของรองเท้าออกมา Balenciaga Triple S คู่นี้ใช้ผ้าตาข่ายสีเขียวเทอร์คอยซ์ (Turquoise) ส่วนบริเวณอื่นที่ทำด้วยหนังจะใช้หนังฟอกมีสองสีด้วยกันคือ สีเทาชอร์ก (Chalky gray) และสีขาวอันเดอร์เลย์ (White underlays) จากนั้นตัดด้วยสีดำของเชือกรองเท้า รวมถึงบริเวณ Midsole เพื่อดึงสายตาให้สีโทนเย็นบนสนีกเกอร์ดูมีลูกเล่นที่น่าสนใจมากขึ้น สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือการประทับชื่อแบรนด์ที่เป็นเหมือนกับลายเซ็นบ่งบอกถึงที่มาของสนีกเกอร์ Triple S ตัวอักษรสีดำโดดเด่นว่า Balenciaga วางตำแหน่งเหมาะเจาะไว้ตรงด้านข้างของรองเท้า ส่วนชื่อของรุ่นอยู่บริเวณลิ้นรองเท้าด้วยฟร้อนเท่ ๆ บริเวณด้านล่างของสนีกเกอร์ไดรับการเคลือบให้เงาวับ โดยทางแบรนด์กล่าวว่าการทำให้ส่วนล่างเป็นเงาบวกกับสีสันที่มีอยู่จะสร้างความรู้สึกคล่องตัวได้ Balenciaga Triple S สีสันสดใสต้อนรับการมาของฤดูหนาวจากคอลเลกชัน Fall/Winter 2019 จะวางจำหน่ายในราคา
การร่วมงานกันระหว่างแบรนด์เสื้อผ้า Ready to Wear ชื่อดังอย่าง UNIQLO กับ Shonen Jump เมื่อปี 2018 อย่าง Uniqlo x Shonen Jump 50th Anniversary ถือเป็นคอลเลกชันคอลแลปส์ที่ได้เสียงตอบรับดีเยี่ยม และจากความนิยมล้นหลามในครั้งนั้น ทำให้ทั้งสองค่ายเตรียมส่งคอลเลกชัน ‘Shonen Jump’ for 60th Anniversary ตามออกมาให้แฟน ๆ มังงะหัวใจเต้นแรงแล้ว คอลเลกชันเสื้อยืดจาก Uniqlo และ Shonen Jump ในชุด 50th Anniversary ซึ่งประกอบไปด้วยเสื้อยืดลวดลายของการ์ตูนดัง ไม่ว่าจะเป็น Bleach , Captain Tsubasa, Dragon Ball, Gintama , Hunter x Hunter, Naruto, Rokudenashi Blues, Yu-Gi-Oh! และ Yu Yu hakusho ได้ใจหนุ่ม ๆ หลายคนโดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบการ์ตูนญี่ปุ่นหรือมังงะ
คงไม่ต้องอธิบายถึง Adidas NMD มากนักเพราะคอรองเท้าผ้าใบต่างต้องรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะ NMD ได้สร้างความสำเร็จครั้งใหญ่ของแบรนด์ที่เพิ่มความร้อนแรงให้กับวงการสนีกเกอร์ ออกแบบรองเท้าตรงโจทย์เหล่าสตรีตแฟชั่น เป็นสนีกเกอร์ซึ่งสามารถสวมใส่ไปได้ทุกที่และก็เท่ไม่น้อยหน้ากว่ารองเท้าคู่ไหน ๆ และล่าสุด NMD R1 ก็ปล่อยสีใหม่สุดเท่ออกมาเป็นที่เรียบร้อย หากจะหาชื่อเรียกสีที่อยู่บน NMD R1 รุ่นนี้ก็คงจะต้องเรียกว่า Cloud White/Gold Metallic โดดเด่นด้วยการจับคู่ระหว่างกลุ่มเมฆสีขาวกับสีทองเมทัลลิกเงาวับ ที่ส่งให้สนีกเกอร์คู่นี้หรูหราคงสไตล์เท่แต่เรียบง่ายและมีระดับกว่าครั้งไหน ๆ บริเวณส่วนบนของรองเท้าจะยังใช้โครงสร้าง Primeknit ชาโดว์สีขาวก้อนเมฆเต็มแผ่นห่อหุ้มรอบเท้าจะถูกใช้อยู่บนผ้าลูกไม้ตาข่าย จับคู่อย่างลงตัวกับสีดำด้านตรงรวมถึงโลโก้แถบสามขีดอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ตรงส่วนของ Heel Tap ยังโชว์สัญลักษณ์ของแบรนด์ด้วยอักษรแบบนูนสีทอง ส่วนบริเวณลิ้นรองเท้าก็เลือกใช้สีดำพร้อมข้อความสีทองเช่นเดียวกัน ประกอบเข้าชิ้นส่วนสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำตรงบริเวณ midsole ที่ประทับคำว่า Adidas กับสัญลักษณ์ของแบรนด์ด้วยสีทองโดดเด่น อย่างไรก็ตามจุดที่โดดเด่นที่สุดของสนีกเกอร์คู่นี้คงหนีไม้พ้นสีทองเมทัลลิกเงาวับตรงบริเวณด้านข้าง ที่ส่งให้รองเท้าหรูหราสะอาดตาและเต็มไปด้วยความน่าสนใจ ส่วนพื้นรองเท้าที่หลายคนเรียกว่าบล็อก Lego จะช่วยรองรับพร้อมลดแรงกกระแทกจากพื้นโฟม โดย Primeknit เชื่อมกับเชื่อมกับเทคโนโลยี Boost กับแผ่น EVA ถือเป็นอีกหนึ่งตัวชูโรงของสนีกเกอร์ แถมสีสันของสนีกเกอร์คู่นี้ยังหรูหราและมาพร้อมกับน้ำหนักเบา ตรงตามคอนเซ็ปต์ของรองเท้าเพื่อการเดินทางไร้ขีดจำกัด Adidas NMD R1 รุ่นพิเศษ Cloud
หากพูดถึงดีไซเนอร์หนุ่มคนไทยก็คงจะต้องมีชื่อของ หมู-พลพัฒน์ หรือที่คนจดจำกันในนาม หมู อาซาว่า ผู้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า Asava Group ถึงจะเป็นดีไซเนอร์ชายแต่ก็ออกแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงมากกว่า 11 ปี จนในที่สุดแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายที่บอกไลฟ์สไตล์และสะท้อนตัวตนก็เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อจำง่ายว่า MOO เดิมเครื่องแต่งกายสไตล์ Asava Group ทั้ง Asava และ Asv มักเป็นเสื้อสูททางการและกึ่งทางการ เสริมลุคโก้หรู แต่สไตล์ทางการเพียงอย่างเดียวทำให้เข้าถึงยากไปสักหน่อยจึงทำให้เกิดแบรนด์เสื้อผ้าสำหรับสุภาพบุรุษอย่าง MOO ที่โดดเด่นด้วยสไตล์ Urban Casual เรียบง่ายและเต็มไปด้วยความวินเทจ คอนเซ็ปต์หลักคือการหยิบเรื่องราวของมหานครนิวยอร์กและสไตล์วินเทจที่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ชื่นชอบและผูกพันเป็นพิเศษมาเล่าผ่านเสื้อผ้า ก้าวแรกของ MOO กับการเดินทางบนสายแฟชั่นสำหรับสุภาพบุรุษในครั้งนี้ยังได้ collaboration กับแบรนด์ยีนส์ที่ถือว่าเป็นระดับตำนานของไทยอย่าง Mc Jeans ที่นำกางเกงยีนส์ซึ่งเป็นไอเทมหลักในชีวิตประจำวันของผู้ชายมาปรับเสริม แต่งเติมลูกเล่นให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น คอลเลกชันแรกของ MOO มีชื่อว่า MOO 2019/1 หยิบยกเสน่ห์เรียบง่ายของชายหนุ่มมาอยู่บนงานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ต โปโลลายทาง เสื้อคลุม แจ็กเกต ไปจนถึงชุดนอน โดยไอเทมบางตัวจะใช้ผ้า Chambray คล้ายกับเดนิมสีฟ้าอ่อนที่มีคุณสมบัติระบายอากาศดีเยี่ยม เข้ากับสภาพอากาศของประเทศไทย ไอเทมทั้งหมดจากคอลเลกชันนี้จะถูกคุมโทนสีด้วยสีคลาสสิกอย่างสีขาว ดำ
หลังจากคอลเลกชัน Adidas x Dragonball Z ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ดูเหมือนยักษ์ใหญ่ค่ายกีฬาอย่าง Adidas กำลังมองหาการ์ตูนเรื่องใหม่มาคอลแลปส์รองเท้าอีกครั้ง ล่าสุดมีภาพหลุดรองเท้าคู่ที่ 2 ในคอลเลกชันออกมาแล้วโดยเป็น NARUTO x ADIDAS ซึ่งอาจารย์จากทีม 7 อย่าง “ฮาตาเกะ คาคาชิ” ก็เป็นตัวละครผู้ถูกเลือกนั่นเอง ก่อนหน้านี้มีข่าวเล่าลือว่าค่ายสามขีดและ Naruto Shippeden หรือชื่อไทยที่ว่า นินจาจอมคาถา ผลงานของอาจารย์ Masashi Kishimoto หนึ่งในการ์ตูนดังจากแดนปลาดิบที่หนุ่มทั่วโลกหลงใหล โดยลือกันว่ากำลังซุ่มร่วมทำงานคอลแลปส์รองเท้าคอลเลกชันใหม่กันอยู่ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีภาพหลุดรองเท้าที่คาดกันว่าเป็นคู่ประจำตัวนางเอกของเรื่อง ฮารุโนะ ซากุระ ที่มีสีแดง-ชมพู คล้ายกับชุดหลักของตัวละคร รวมถึงสัญลักษณ์ T7 แปลว่า ทีม 7 ติดไว้ข้างเท้าด้านนอก รวมถึงแผ่นอินโซลสีม่วงที่มีรูปตัวละครอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ผู้ที่ชอบการ์ตูนเรื่องนี้พากันคาดเดากันว่าคอลเลกชันดังกล่าวใกล้สมบูรณ์แล้ว ยิ่งเป็นการตอกย้ำข่าวลือไปอีกเมื่อมีรูปหลุดของรองเท้าคู่ล่าสุดซึ่งคราวนี้เป็นตัวละครโปรดของใครหลายคนอย่าง ฮาตาเกะ คาคาชิ ผู้เป็นอาจารย์ในทีม 7 ของเหล่าตัวเอก รวมถึงโฮคาเงะรุ่นที่ 6 ในเวลาต่อมา ผู้ซึ่งมีเอกลักษณ์เด่นคือผ้าคลุมปากและผ้าคาดศรีษะที่ปิดตาข้างหนึ่งไว้ ซึ่งคนที่อ่านนารูโตะมาแล้วคงทราบกันดีว่าคืออะไร รองเท้ารุ่นประจำตัวของเจ้าของฉายา “นินจาก๊อปปี้” มาในรุ่น Copa