รองเท้า Sneaker ที่ได้ชื่อว่ากัดเจ็บแต่ก็จำเป็นต้องใส่ เพราะความเท่ระดับ Iconic ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1966 โดย Paul Van Doren และ James Van Doren จากร้านเล็ก ๆ ที่มีลูกค้าไม่กี่คน สู่แบรนด์รองเท้าที่มีความเฉพาะตัว และเป็นหนึ่งใน Icon ของความเป็นอเมริกันที่แทรกซึมเข้าไปในหลาย Culture ไม่ว่าจะเป็น Rock Culture หรือ Extreme Sports อื่น ๆ ด้วย ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้ เจตนารมณ์ของคนตระกูล Van Doren ได้ส่งต่อมาในหลากหลาย Edition ซึ่งวันนี้เราจะเลือกหยิบเอา 5 รุ่นล่าสุดที่น่าสนใจ และควรค่าแก่การเก็บสะสมสำหรับคนรัก Vans โดยเฉพาะ Vans & CULT “CRUEL WORLD SEND RESCUE” อย่างที่บอกไปว่า Vans ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในวงการ Skateboarding เท่านั้น Vans &
ASICSTIGER (เอสิกส์ไทเกอร์) แบรนด์สนีกเกอร์ระดับตำนาน และ 24 KILATES (ทเว้นตี้โฟล์ กิลาเต้) ร้านสนีกเกอร์ระดับโลก เดินทางกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในรองเท้ารุ่น Limited Edition รุ่นใหม่ โดยจะพาคุณเดินทางไปบนขบวนรถไฟสุดหรู “24 KILATES x ASICSTIGER GEL-LYTE III EXPRESS” อันได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “Eastern & Oriental Express” (อีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส) ขบวนรถไฟไทยเส้นทางกรุงเทพฯ – สิงคโปร์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความหรูหราติดอันดับโลก Eastern & Oriental Express จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในการเดินทางที่หรูหราและน่าประทับใจที่สุดเส้นทางหนึ่งในโลก เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1995 ซึ่งก็ครบรอบ 25 ปีในปีนี้ โดยจุดเด่นไม่ได้มีเพียงความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังนับเป็นหนึ่งในบรรดาขบวนรถไฟระดับหรูที่ดีที่สุดในโลก การเดินทางบนขบวนรถไฟที่ได้รับการการตกแต่งอย่างหรูหราอลังการ เดินทางไปบนเส้นทางที่สวยที่สุดของประเทศไทย ผ่านจุดชมวิวที่ได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันสวยงามของสองข้างทางและตาม จุดชมวิวต่างๆ ได้สัมผัสทั้งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นไปพร้อมการบริการอันหรูหราในระดับเดียวกับโรงแรม 5 ดาว เส้นทางนี้จึงเป็นหนึ่งในจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก สำหรับการร่วมงานของ ASICSTIGER
ปัจจุบันทุกคนเข้าถึงโซเชียลมีเดียได้ง่ายดายแค่เพียงปลายนิ้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องดีในการสื่อสารพูดคุย แต่ในเวลาเดียวกันความง่ายนั้นก็ถูกใช้แบบผิดวิธี จนกลายเป็นเครื่องมือสำหรับวิพากษ์วิจารณ์หรือสร้างทัศนะคติแง่ลบให้กับคนอื่นด้วยเช่นกัน และเมื่อมีคนถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากสังคมออนไลน์ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำผิด พวกเขาส่วนใหญ่ก็มักวิ่งหนีออกจากความจริงตรงหน้า หรือเลี่ยงการต้องพบเจอกับเรื่องแย่ ๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าการทำแบบนั้นก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา แต่ตรงกันข้าม ถ้าเราเลือกจะเผชิญหน้าแสดงออกมาว่าไม่แคร์ความเกลียดชัง ทำตัวแข็งแรงต่อเสียงเย้ยหยัน คำวิจารณ์ในแง่ลบเหล่านั้นก็จะไม่สามารถทำอะไรเราได้ ทั้งหมดกลายมาเป็นแนวคิดให้ Diesel ออกแบบคอลเลกชัน Haute Couture ด้วยการหยิบจับเอาคอมเมนท์แง่ลบในโลกออนไลน์ซึ่ง Diesel เองก็เคยได้รับคำพูดแย่ ๆ พวกนั้นมาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “แบรนด์ Diesel น่ะต่ายไปแล้ว” หรือ “Diesel ไม่เห็นจะเจ๋งเลย ไม่ได้ดูเท่ห์เหมือนเดิมแล้ว” คำพูดเหล่านี้ถูกเอามาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างคอลเลกชันเสื้อผ้าที่จะทำให้คนสวมใส่ได้ยืดอกภูมิใจกับคำวิจารณ์ พร้อมดีไซน์เป็นชิ้นงานที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ แนวคิดเจ๋ง ๆ แบบนี้นี่เองที่ดึงดูดให้เหล่าคนดังระดับโลกมากมายตบเท้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ ไม่ว่าจะเป็น Nicky Minaj , Gucci Mane , Bella Thorne, Tommy Dorfman หรือนักแสดงจากฟังเอเชียอย่าง Yoo Ah-In แน่นอนว่าโปรเจคสะท้อนสังคมดี ๆ แบบนี้ประเทศไทยเราเองก็ไม่พลาดที่จะเป็นเข้าร่วมในการแสดงออก แถมได้ประสบการณ์ตรงจากเหล่าเซเลบรีตี้ที่ต้องพบเจอกับคำวิพากษ์วิจารณ์แย่ ๆ ในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็น
เดินทางมาถึงปีที่ 25 สำหรับแบรนด์ Streetwear สุดคูลจากญี่ปุ่นอย่าง BAPE® หนึ่งในขวัญใจชายสายสตรีทชาวไทยโดยหลังจากผ่านเรื่องราวมากมายรวมถึงสร้างสรรค์งานแฟชั่นที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกมาตลอด 1 ส่วน 4 ศตวรรษ วันนี้พวกเขากำลังฉลองวันเกิดอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการส่งคอลเลคชัน “BAPE XXV” ออกมาพร้อมทั้งประกาศร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำกว่า 30 แบรนด์อีกด้วย A BATHING APE หรือที่เราเรียกสั้น ๆว่า BAPE® ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1993 โดยชายที่ชื่อ Tomoaki Nagoa ร้านแรกของแบรนด์ตั้งขึ้นในย่านแฟชั่น Ura-Harajuku นำเสนอเสื้อผ้าแนว Streetwear หลากหลายรูปแบบ ความโดดเด่นของ BAPE ส่งผลให้พวกเขามีสาขาในประเทศถึง 19 แห่งพร้อมกับขยายตลาดสู่ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น New York, London, Paris, Taipei รวมไปถึงประเทศไทยเราด้วย จนกระทั่งเดินทางมาถึงขวบที่ 25 ในเส้นทางแฟชั่นซึ่งทาง BAPE® เองก็เตรียมกล่องของขวัญไว้มากมายทั้งงานเดี่ยวและงาน Collab กับแบรนด์ต่าง ๆ ให้สะเทือนวงการ ไม่ว่าจะเป็น Adidas, Casio, UGG,Wilson, Spalding
Christopher George Latore Wallace หรือที่คนในวงการรู้จักกันในนาม Biggie Smalls หรือ Notorious B.I.G. นอกจากจะเป็น Greatest Rapper ระดับตำนานจากฝั่ง East Side Brooklyn NYC ผู้มีผลงานเพลงมากมายที่ติดชาร์ตกวาดรางวัลมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Juicy, Ready To Die, Big Poppa ทำยอดขายถึง 1.1 ล้านแผ่นในปี 1995 นอกจากคาแรคเตอร์และดนตรีที่ยากจะมีใครมาเทียบ Biggie ยังมีสไตล์แฟชั่นที่โดดเด่น โดยสิ่งที่หลายคนจดจำได้ดีก็คือแว่นตา Versace ขาใหญ่สุดเก๋า ซึ่งทำให้แบรนด์ Versace กลายเป็น Iconic ของความหรูหราใน Hip-Hop Culture ทันที และแว่น Versace รุ่นนี้ก็ถูกเรียกกันต่อมาว่า ‘Biggie Frame’ ในยุคที่ Hip-Hop Culture กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในบ้านเรา การแต่งตัวที่จัดจ้านฉูดฉาดเริ่มเป็นที่ยอมรับ เป็นจังหวะที่ดีที่
ดูเหมือนว่าวงการ Sneaker ได้สูญเสียมันสมองสำคัญไปอีก 1 คนแล้ว หลังมีข่าวว่า Sandy Bodecket รองประธานอาวุโสฝ่ายโครงการพิเศษของ Nike ชายผู้เคยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ NIKE SB เสียชีวิตลงจากโรคมะเร็ง หลังต่อสู้กับโรคร้ายมาอย่างยาวนาน ว่ากันว่าเขาเป็นกำลังสำคัญที่สร้างพื้นฐานอันเข้มแข็งให้กับค่าย Swoosh เป็นการสูญเสียที่มีเพื่อนในวงการร่วมไว้อาลัยมากมาย Sandy Bodecket เข้าทำงานกับ NIKE ครั้งแรกในปี 1982 ในฐานะนักทดสอบคุณภาพรองเท้า ด้วยความสามารถและความหลงใหลที่เขามีต่องานผลิตรองเท้า ในปี 1994 บริษัทก็เห็นถึงฝีมือและย้ายเขาไปนั่งตำแหน่งหัวหน้าแผนกของ Nike Football ซึ่ง Sandy Bodecket ก็ตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจด้วยการผลักดันสินค้าในหมวดดังกล่าวให้กลายเป็นหนึ่งในไลน์สินค้าที่ได้รับความนิยมสูง ก่อนจะมาเป็นหนึ่งฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอาณาจักร NIKE SB ให้กลายเป็นที่รู้จักของหนุ่ม ๆ สาย KICK FLIP ทั่วโลก NIKE Skateboarding หรือที่เรียกกันง่ายว่า NIKE SB คือหนึ่งในไลน์สินค้าประเภทเสื้อผ้าและรองเท้าจาก NIKE พวกเขาเริ่มผลิตรองเท้าสเก็ตบอร์ดขึ้นครั้งแรกในปี 1997 แต่ทว่าเวลานั้นไม่มีใครสนใจเอารองเท้าของพวกเขาไปวางขาย เพราะ NIKE ถือเป็นมือใหม่ซึ่งไม่สามารถเข้าไปแย่งพื้นที่จากแบรนด์เจ้าถิ่นอย่าง DC
ถ้าพูดถึงชื่อแบรนด์ FILA เราคงนึกภาพแบรนด์สำหรับ Sportswear สีสันซ้ำ ๆ ที่มีวางขายทั้งของปลอมของแท้จนยากจะแยก ทำให้ตลาดแฟชั่นในบ้านเรามองข้ามแบรนด์กีฬาเก่าแก่นี้ไป แต่ถ้าหากย้อนกลับไปมองอดีตที่ผ่านมาดี ๆ แล้วละก็ คุณอาจจะเห็นว่า FILA นั้นมีการปรับตัวและสอดแทรกตัวเองไว้ในวงการแฟชั่นเสมอแถมยังอยู่รอดมาได้เป็นร้อย ๆ ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือตอนนี้ FILA กำลังมีแผนที่จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ของตัวเองกลับมารันวงการแฟชั่นอีกครั้ง FILA เป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาสัญชาติอิตาลีอายุมากกว่า 107 ปี ก่อตั้งเมื่อปี 1911 โดยผู้ก่อตั้ง Johan Fila เริ่มจากการผลิตชุดชั้นในออกวางขาย จนกระทั่งปรับเปลี่ยนตัวเองตามยุคสมัยและมาลงเอยที่การเป็นเสื้อผ้ากีฬา กระทั่งก้าวเข้าสู่ช่วงปี 1970-1980 พวกเขากลายเป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นมหาอำนาจของยุโรป ผลจาก Campaign ร่วมงานกับสุดยอดนักเทนนิสแห่งยุคสมัย Björn Borg ซึ่งสวมใส่ Fila Settanta MK1 track suit ขึ้นชูถ้วยแชมป์ Wimbledon ปี 1980 จนทำให้มันกลายเป็นตำนานและได้รับความนิยมไปทั่วอิตาลี แถมยังส่งต่อชื่อเสียงของแบรนด์ให้กระจายตัวไปนอกประเทศโดยเฉพาะอังกฤษ ซึ่งดูเหมือนจะชื่นชอบเสื้อผ้าของพวกเขาเป็นพิเศษในหมู่ฮูลิแกนแฟนลูกหนังสายฮาร์ดคอ แต่เป้าหมายของ FILA ไม่ได้ต้องการจบแค่ในยุโรปพวกเขาเริ่มบุกตีตลาดสหรัฐอเมริกาโดยเลือกเจาะเข้าทางกีฬายอดนิยมอย่างบาสเกตบอล ซึ่งในตอนนั้นพรีเซนเตอร์ของ FILA ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย เพราะมีผู้เล่นแนวหน้าของยุคมากมายไม่จะเป็น Grant
ใกล้จะปลายปีแบบนี้ เชื่อว่าหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ทั้งหลาย คงวุ่นวายอยู่กับการวางแผนจัดทริปเที่ยวต่างประเทศ เตรียมบินไปเสพบรรยากาศดี ๆ ต้นฤดูหนาว แต่นอกจากจะใช้เวลาไปกับการหาข้อมูล จัดโปรแกรมเที่ยวแบบมือโปรเน้นเก็บครบทุกพิกัดไฮไลต์ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความใส่ใจไม่น้อยไปกว่ากัน นั่นก็คือเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่ต้องสวมใส่ในวันเดินทาง รวมถึงต้องจัดกระเป๋าเตรียมใส่ไปเที่ยว เพื่อความหล่อเฟี้ยวดูดีมั่นใจได้ตลอดทริป ซึ่งพอดีกับที่ A|X Armani Exchange ได้ปล่อยเสื้อผ้าคอลเลคชัน Fall/Winter ออกมา และเต็มไปด้วยไอเทมอย่าง Sweater, Sweatpants, T-Shirt, Backpack, Sneakers และ Cap ที่เรียกได้ว่าเป็น Travel Essential Pieces คู่กาย หนุ่มนักท่องเที่ยวสายสตรีท ซึ่งหลงใหลในการแต่งตัวแบบ Street Style เน้นความเท่แบบเรียบง่าย ที่สำคัญคือต้องสวมใส่สบาย พร้อมรับมือทุก Flight ไม่ว่าจะบินใกล้ บินไกล ก็นั่ง นอน ยืน เดินได้สบายทุกท่วงท่า แถมใส่เที่ยวต่อได้แบบชิล ๆ ซึ่งใครที่กำลังกลุ้มใจว่าทริปเที่ยวรับลมหนาวที่กำลังจะมาถึง จะแต่งตัวยังไงถึงจะตอบโจทย์ได้ทั้งความ Comfortable
ปัจจุบันเม็ดเงินที่เกิดขึ้นจากวงการแฟชั่นในแต่ละปีมีมูลค่ามากมายมหาศาล ผลที่ตามมาคือการแข่งขันทางการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะทุกแบรนด์ล้วนแต่ต้องการส่วนแบ่งอันหอมหวลด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่วันนี้เราจะเห็นแคมเปญโฆษณาเจ๋ง ๆ ถูกผลิตออกมาเต็มไปหมด รวมถึงการย้อนกลับมาพึ่งพารูปแบบดั้งเดิมอย่างการโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายกำลังตามกระแสดังกล่าวกันเป็นแถว ล่าสุดกับหน้าแรกของหนังสือพิมพ์อย่าง New York Post ก็ได้กลายเป็นเป้าหมายของ Kanye West เพื่อใช้เปิดตัวการกลับมาของรองเท้ายอดนิยม YEEZY BOOST 350 V2 “Triple White” โดยเขาได้ซื้อพื้นที่ทั้งหมดในหน้าหนึ่ง (Front Page Cover Wrap) เพื่อใส่วลีสำหรับแคมเปญรองเท้าอย่าง “We Love” ทั้งหมด 11 ภาษาวางเรียงกันก่อนจะปิดท้ายด้วยรูปใบปิดจาก Lookbook ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่ฉบับเดียวเพราะทาง Kanye West ได้เหมาลงโฆษณาแบบเดียวกันลงในหนังสือพิมพ์อีกหลายหัว ไม่ว่าจะเป็น The San Francisco Chronicle , Chicago Tribune , Los Angeles Times รวมถึงหัวต่างประเทศอย่าง Metro ก็โดนไปกับเขาด้วย สำหรับใครที่คุ้นเคยกับวงการ Media ดี
กลับมาอีกครั้งสำหรับการร่วมมือกันระหว่างโคตรแบรนด์สตรีทอย่าง Supreme และเจ้าพ่อแบรนด์กีฬาอย่าง NIKE หลังทั้งสองได้ปล่อย Collaboration ชุดล่าสุดออกมาให้เราได้ยลโฉมกันในชุด SUPREME x NIKE FW2018 Collection ซึ่งคงจะถูกใจเหล่าแฟนเดนตายที่หลงใหลใน Vintage Sportswear ไม่มากก็น้อย เพราะผลงานชุดล่าสุดนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นเสื้อผ้ายุค 90’s ที่อัดแน่นเอาไว้เต็มเปี่ยม Retro 90’s Styles จุดเด่นของคอลเลกชันคือการดึงเอาเสน่ห์ของเสื้อผ้า Vintage Sportswear ย้อนยุคให้กลับมาโลดแล่นอยู่บนรันเวย์แฟชั่นยุคปัจจุบันอีกครั้งตามกระแสนิยม ไม่ว่าจะเป็น Jacket, Vest, Hooded Sweatshirt, Crewneck, Jacquard Polo ไม่เพียงแค่นั้น Nike ยังหยิบเอา Retro Swoosh ดั้งเดิมของแบรนด์ที่เคยใช้มาตั้งแต่ปี 1978 กลับมาอีกครั้ง เมื่อทั้งสองอย่างมารวมกันทำให้เสื้อผ้า Collection นี้ทวีคูณความคลาสสิกขึ้นเป็นเท่าตัว ถ่ายทอดผ่าน 4 โทนสีหลักได้แก่ Maroon, Yellow, Navy และ Black ซึ่งแต่ละชุดจะออกมาถูกใจผู้ชายอย่างเราแค่ไหนไปดูกัน Work Jacket