เป็นประจำหลักจากจบทุกไตรมาสที่เว็บไซต์ StockX จะรวบรวมรองเท้าสุดแพงที่ได้มีการขายต่อ (resell) กันในตลาดสูงสุด 10 อันดับ ซึ่งถ้าเกิดถามว่าทุกวันนี้ผู้ชายอย่างเรา ๆ นั้นซีเรียสกับราคารองเท้าที่ดีดพุ่งขึ้นไปสูงไม่ เราก็คงคิดว่าไม่ขนาดนั้น เพราะหากมันเป็นคู่ที่หมายปองราคาสูงเท่าไหร่ก็พร้อมทุ่มหมดหน้าตัก เพียงแต่การที่เรานำข้อมูลเหล่านี้มาเปิดเผยก็เพื่อให้ทุกคนได้ทราบราคาตลาดของบรรดารองเท้ารุ่นฮิตต่าง ๆ ว่าแท้จริงแล้วเราจะควรเสียเงินกับมันไปในราคาเท่าไหร่ แม้ในบ้านเราราคา resell รองเท้าจัดว่าถูกกว่าชาวบ้านมาก แต่บางครั้งก็มีพวกหัวหมอลักไก่เอามาขายแพงกว่าราคาปกติ จึงอยากให้ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์สำหรับคนที่สะสมรองเท้า ทีนี้ก็มาดู 10 อันดับรองเท้าที่แพงที่สุดในช่วง First Quarter 2018 (1 Jan 2018 – 31 March 2018) อันดับที่ 1 Virgil Abloh x Nike Air Jordan 1 “White” Virgil’s European-exclusive ตามที่คาดการณ์ไว้สำหรับรองเท้า Virgil Abloh x Air Jordan 1 จะกลายเป็นรองเท้าที่แพงสุดในไตรมาสแรก เพราะว่าด้วยชื่อชั้นดีไซน์เนอร์และความหายากของรองเท้าคู่นี้ ทำให้เหล่าสาวกสนีกเกอร์ถึงกับคลั่ง
ถือเป็นครั้งที่ 4 แล้วสำหรับการร่วมงานกันระหว่างศิลปินสตรีทอาร์ทชื่อก้องโลกอย่าง KAWS กับมินิมอลฟาสต์แฟชั่นสุดฮิปจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง Uniqo ที่ก่อนหน้านี้ปล่อยคอลเลคชั่น Peanut ออกมาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เปิดฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์อย่างน่าเหลือเชื่อ และจากความสำเร็จดังกล่าว น่าจะทำให้ทั้งคู่มองเห็นถึงศักยภาพในการขยับขยายฐานแฟนต่อไป จึงเกิดเป็นคอลเลคชั่น ที่กำลังจะวางจำหน่ายในเร็ววันนี้ นั่นคือ KAWS x Uniqo “Sesame Street” รายการสำหรับเด็กที่โด่งดังมีอายุมากกว่า 40 ปี และผ่านการรับรางวัลมานับไม่ถ้วน เอาใจสาวกการ์ตูนอเมริกันที่หนุ่ม ๆ น่าจะคุ้นเคยกันดี ซึ่งเราจะได้พบกับตัวละครที่คุ้นเคยไม่ว่าจะเป็น Oscar the Grouch, Ernie และ Elmo บนเสื้อยืด UT สีสันสดใสผ่านการดีไซน์ใหม่ใส่ความสตรีทคัลเจอร์ลงไปของ KAWS จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่หนุ่ม ๆ ไม่ควรพลาดไปเลยทีเดียว ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าไม่นานเกินรออย่างแน่นอนสำหรับคอลเลคชั่น KAWS x Uniqo “Sesame Street” Fact : KAWS หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Brian
เหลือเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ก็จะเข้าสู่มหกรรมฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซีย (Russia) บรรดาแฟนบอลที่ทีมชาติของตนเองได้ผ่านเข้าไปเล่นยังรอบสุดท้าย ต่างเตรียมหา jersey มาไว้ลุ้นเชียร์ทีมรัก ซึ่งทุกคนคงจะคิดว่าเสื้อทีมที่จะต้องขายดี คือประเทศมหาอำนาจลูกหนังอย่าง บราซิล (Brazil), เยอรมนี (Germany), ฝรั่งเศส (France), สเปน (Spain) หรือ อังกฤษ (England) เป็นต้น แต่ทว่าข่าวล่าสุดที่เรากำลังจะนำมาฝากถือว่าหักมุมมาก ๆ เมื่อประเทศที่บ้านเราเองแทบจะไม่นึกถึง แถมคิดว่าเป็นประเทศกำลังพัฒนาอย่าง ไนจีเรีย (Nigeria) จะทุบสถิติยอดสั่งซื้อล่วงหน้าด้วยจำนวนสูงถึง 3 ล้านตัว NFF (Nigeria Football Federation) หรือสมาคมฟุตบอลประเทศไนจีเรีย ได้เผยตัวเลขดังกล่าว หลังจากที่ Nike เรียกประชุมบรรดาชาติต่าง ๆ ที่ Nike เป็นสปอนเซอร์หลักสำหรับชุดแข่งขัน ณ สำนักงานใหญ่ของพวกเขาในยุโรป เมือง ฮิลเวอร์ซัม (Hilversum) ประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherlands) ซี่งเป็นยอดขายล่วงหน้าที่เกินความคาดหมายอย่างมากสำหรับทีมชาติไนจีเรีย เนื่องจากปัจจุบันพวกเขาไม่มีนักฟุตบอลระดับแม่เหล็กที่ดึงดูดแฟนบอลนอกเหนือจะของประเทศตัวเอง แต่ทว่ายอดสั่งจองกลับสูงถึง 3 ล้านออร์เดอร์ โดยตัวเลขนี้สูงกว่าทีมฟุตบอลยอดนิยมอย่าง
สุภาษิต “รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย” น่าจะเป็นคำพูดที่ใช้บอกเล่าเรื่องที่เรากำลังจะนำเสนอนี้ได้อย่างดีที่สุด เพราะหากใครเป็นนักสเก็ตบอร์ดรุ่นเก่าหน่อยน่าจะเคยได้ยินแบรนด์เสื้อผ้าที่ชื่อว่า Alphanumeric Brand ที่มีสัญลักษณ์ย่อเป็น A# ซึ่งโลดแล่นขายเสื้อผ้าสำหรับไลฟ์สไตล์แบบเอ็กซ์ตรีมไม่ว่าจะเป็น สเก็ตบอร์ด เซิร์ฟ สโนว์บอร์ด และดนตรี ที่ใช้แคมเปญเกี่ยวกับการศึกษามาเป็นคอนเซ็ปต์แบรนด์ในการสื่อสารกับผู้บริโภคช่วงปลายยุค 90s ทว่าทำไปทำมา ช่วงกลางยุคมิลลิเนี่ยม Alphanumeric ก็หยุดการผลิตไปเสียดื้อ ๆ ทำให้หลายคนที่เป็นแฟนของแบรนด์ต่างงงว่าพวกเขาหายไปไหน โดยหลาย ๆ ฝ่ายต่างสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะยอดขายที่ไม่เข้าเป้า บวกกับกระแสแฟชั่นที่สเก็ตบอร์ดไม่ได้ฮิตเปรี้ยงป้างเหมือนเคย ทำให้ A# ต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย แต่แล้วก็มีบริษัทกีฬายักษ์ใหญ่จากอเมริกาอย่าง New Balance ที่ยังคงมองเห็นศักยภาพ พร้อมต้องการเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ของตัวเอง โดยใช้ฐานแฟนเดิมของแบรนด์ A# เลยทำการชุบชีวิตแบรนด์นี้ขึ้นมา พร้อมเปลี่ยนชื่อไลน์สินค้านี้ใหม่เป็น “New Balance Numeric” (ปี2013) ที่เจ๋งคือพวกเขาเลือกใช้แต่ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะตัวแทนจำหน่ายอย่าง Black Box Distribution ที่มีเจ้าของเป็นอดีตนักสเก็ตบอร์ดชื่อดังอย่าง Jamie Thomas ในการกระจายต่อสินค้าและเป็นพันธมิตรกัน ทาง New Balance Numeric (NB#) ยังเลือก Sebastian Palmer อดีตนักสเก็ตเจ้าของแบรนด์ eS มานั่งแท่น
ยังคงอยู่กับควันหลงของงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล แม้ทุกสายตาทั่วโลกจะจับจ้องไปที่คู่รักข้าวใหม่ปลามัน หรือบ้างก็ไปโฟกัสที่ David Beckham ชายผู้ขโมยซีนงานแต่งงานนี้ด้วยความหล่อเนี้ยบบนชุด Morning Dress พร้อมรอยสักสุดเท่ ที่ฉีกขนบธรรมเนียมแบบเดิม ๆ ของราชวงค์อังกฤษไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้เขาเป็นแขกเพียงคนเดียวในงานที่มีรอยสักในงานพระราชพิธีนี้ ทว่า UNLOCKMEN กลับอยากเจาะประเด็นเรื่องสไตล์การแต่งตัวของรุ่นใหญ่อย่างเจ้าฟ้าชายชาลส์ พระราชบิดาของเจ้าชายแฮร์รี่ เสียมากกว่า ที่เราเชื่อว่าหนุ่ม ๆ รุ่นใหม่หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้เห็นหน้าคาดตากันสักเท่าไหร่ แต่หากไปสืบค้นรูปภาพเก่า ๆ ของท่าน จะพบว่า เนี่ยหละคือต้นแบบของ British Gentleman ตัวจริงเสียงจริงเลยก็ว่าได้ เพราะเสื้อผ้าที่ท่านเลือกสวมใส่ไม่ว่าจะเป็น Formal look หรือ Casual look ล้วนโดดเด่นสง่างามสมกับฐานะของท่านเสียเหลือเกิน ถึงขั้นสื่อหลาย ๆ แห่งต่างยกให้ท่านเป็น No.1 British Style Icon เลยทีเดียว ช่วงราว ๆ ยุค 60-70 เจ้าฟ้าชายแห่งเวลส์ มักจะสวมใส่ที่สะท้อนความร่วมสมัย แม้แต่ Christopher Bailey ครีเอทีฟของห้องเสื้อ
ย้อนกลับเมื่อปีที่ผ่านมา Nike ได้ปล่อยเทคโนโลยีใหม่เนื่องในวัน Air Max Day นั่นคือ Full-length Air sole หรือชุดพื้น Air Unit แบบเต็มแผ่นที่หน้าตาประหลาดกว่า Air Max รุ่นที่ผ่าน ๆ มา จนกระทั่งออกมาเป็น Nike Vapormax สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการรองเท้าอย่างมาก ดีไซน์ของ Nike Vapormax ถือว่ามีการผสมผสานที่ลงตัวลงตัวระหว่างรองเท้า lifestyle & performance จึงไม่น่าแปลกใจหากว่าโมเดลนี้จะถูกนำไปใช้ในเชิงแฟชั่นอย่างคอลเลคชั่นของ Rei Kawakubo จาก COMMÉ des GARÇONS หรืองาน collaboration ระหว่าง Nike และ Virgil Abloh ก็ยังมีรองเท้า Vapormax อยู่ด้วย แถมขายดีชนิด sold out ตลอดอีกด้วย ซึ่งแม้แต่เราเองก็ยังรู้สึกชื่นชอบรองเท้าโมเดลนี้เช่นกัน เพราะมันสามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์กับทุกลุคได้อย่างลงตัวไม่ว่าจะเป็น sport, casual
เป็นฤดูกาลที่สามสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่าง adidas Originals และ Alexander Wang เพื่อสร้างสรรค์คอลเลคชันเสื้อผ้าและรองเท้า ซึ่งจะมีวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ในบูติกแฟลกชิพของ Alexander Wang และ adidas Originals และทางเว็บไซต์ของทั้งสองแบรนด์ โดยคอลเลคชันนี้ Alexander Wang หยิบแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากข้อผิดพลาดในขั้นตอนของการผลิต และความไม่ต่อเนื่องสอดคล้องกันในกระบวนการผลิตของโรงงานมาใช้ โดยหยิบเอาข้อผิดพลาดเหล่านี้มาเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานออกแบบสำหรับคอลเลคชันนี้ ลายกราฟิกพิกเซล ลายพิมพ์ที่ไม่สม่ำเสมอ และผ้าที่มีความยับย่น ซึ่งมักจะเป็นเหตุผลของการถูกคัดแยกออกไป กลายเป็นความสมบูรณ์แบบชนิดใหม่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าที่เคย สำหรับ Drop 2 ของคอลเลคชันนำแรงบันดาลใจจากงานเวิร์คแวร์มาสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่สวมใส่ง่ายทว่ามีรายละเอียดที่น่าตื่นเต้น เช่น การใส่ลวดลายพิกเซลที่จริง ๆ แล้วเป็นคำอธิบายวิธีใช้ เช่น “หมายเหตุ: โปรดอย่าดึงออก” ทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมัน คำอธิบายเหล่านี้ถูกพิมพ์ไว้อย่างไม่เป็นระเบียบทั้งบนกางเกง เสื้อยืด และแจ็คเก็ต เสื้อ AW Crew และกางเกง AW Joggers ชุดสปอร์ตแวร์ถูกนำเสนอด้วยเนื้อผ้าพีเคสีดำสนิท ใส่ดีเทลทำให้ดูมีความร่วมสมัย เสื้อแจ็คเก็ต AW Crop TT
เราเชื่อว่าหนุ่ม ๆ ทุกคนล้วนอยากจะครอบครองเรือนเวลาสุดหรู อย่าง Rolex หรือ Patek Phillippe ไว้สักเรือน เพราะตลอดมานาฬิกาข้อมือเปรียบดังเครื่องบ่งบอกฐานะ อีกทั้งยังสามารถเล่าเรื่องผ่านทางสิ่งประดับบนข้อมือของคุณได้ จนมันกลายเป็นของเล่นของผู้ชายที่มากกว่าเครื่องไว้ใช้เพียงแค่บอกเวลาเท่านั้น และเมื่อพูดนาฬิกาข้อมือคุณภาพสูง เรามักจะพุ่งเป้าไปที่นาฬิกาจาก SWISS MADE ที่เป็นแหล่งกำเนิดของแบรนด์ดังมากมาย อาทิ Corum, Ebel, Omega, Rolex, Movado, Brietling ซึ่งพวกเขาถึงกับมีหุบเขานาฬิกา (Watch Valley) สำหรับประกอบนาฬิกาหรูอยู่ที่นั่นโดยเฉพาะ ทำไมต้องสวิตเซอร์แลนด์? แม้ว่าสวิตเซอร์แลนด์จะไม่ใช่ประเทศแรกในโลกที่ประกอบนาฬิกาขึ้นมา แต่พวกเขาเรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งนาฬิกาอันดับหนึ่งของโลกอย่างแท้จริง ซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน จุดเด่นของนาฬิกา SWISS MADE คือความประณีตในการประกอบชิ้นส่วน พร้อมเทคนิคตกแต่งที่ผ่านการฝึกปรือมาจากช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างดี โดยเรื่องมันเกิดจากที่ว่านาย Jean Calvin มาเปลี่ยนวิธีคิดออกกฎระเบียบให้ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ห้ามแสดงออกซึ่งความร่ำรวยใด ๆ ส่งผลให้นักทำเครื่องประดับอัญมณี ต้องหนีมาประดิษฐ์นาฬิกาแทน ดังนั้นจึงเป็นเห็นผลว่าทำไมนาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ถึงมีความสวยงามเป็นเครื่องประดับมากกว่าใช้บอกเวลาเท่านั้น เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่แม้จะมีการประกอบนาฬิกามาก่อนพวกเขา อีกทั้ง Abraham-Louis Breguet ช่างนาฬิการะดับครูของประเทศได้พัฒนาชิ้นส่วนกลไกสำหรับฟังก์ชันใหม่ ๆ ออกมามากมาย อย่างเช่น
ยิ่งใกล้เทศกาลฟุตบอลโลกเข้ามาเท่าไหร่ บรรดาแบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ ก็อยากที่จะเกาะกระแสสร้าง capsule collection ออกมาเพื่อต้อนรับมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษย์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะความพิเศษของฟุตบอลโลกคือ 4 ปีถึงจะมีหน ทำให้ทุกคนต่างเฝ้าคอยช่วงเวลาแห่งความสนุกนี้ สำหรับแบรนด์ที่ขยับตัวก่อน ปล่อยสินค้าไอเทมออกมารับกระแสบอลโลกที่กำลังจะจัดขึ้นประเทศรัสเซีย คือโอกูตูร์ชื่อดังอย่าง Louis Vuitton ซึ่งเคยเนรมิตกระเป๋าเดินทางไฮเอนด์ในช่วง World Cup ปี 2010 โดยในปีนี้ Louis Vuitton ยังคงได้เอกสิทธิ์จากทาง FIFA ให้ผลิตคอลเลคชั่นกระเป๋าสุดพรีเมี่ยมอีกครั้ง Louis Vuitton x FIFA จะประกอบไปด้วยกระเป๋าเป้ Apollo พร้อมกระเป๋าใส่เอกสารและกระเป๋าสตางค์ชุดเดียวกันที่ได้แรงบันดาลใจมาจากลูกบอลที่ใช้แข่งขันในปี 1970 พร้อมพิเศษสุด ๆ กับ made-to-order สั่งทำกระเป๋า Keepall ที่เราสามารถเลือกสี tri-color ธงชาติได้เองกว่า 35 แบบ หนุ่มคนไหนที่สนใจอยากจะมีกระเป๋าสุดพิเศษเหล่านี้ไว้ใช้แบบไม่ซ้ำใคร ก็สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ทาง ออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ไปจนถึง 15 กรกฎาคมนี้
เมื่อเอ่ยถึง Tom Ford หลายคนอาจรู้จักในฐานะของชื่อแบรนด์ไฮแฟชั่นสุดหรู แต่ถ้าเป็นคอแฟชั่นสายลึกคงรู้ซึ้งถึงกิตติศัพท์ความเก๋าของชายที่ชื่อว่า Tom Ford คนนี้เป็นอย่างดี กับการเป็นดีไซเนอร์มากฝีมือผู้เข้ามากอบกู้ Gucci แบรนด์ดังจากอิตาลีที่กำลังอยู่ในสภาพร่อแร่ใกล้ล้มละลายให้กลับมาเป็นหนึ่งในแบรนด์มหาอำนาจทางแฟชั่นในปัจจุบัน ก่อนที่จะแยกตัวออกมาปลุกปั้นแบรนด์ Tom Ford ของตัวเองให้ผงาดขึ้นมาฉายแสงในยุทธจักรแฟชั่น ไม่ต่างจากที่เคยฝากฝีไม้ลายมือในการพลิกฟื้นแบรนด์ Gucci มาก่อน นอกจากนี้ Tom Ford ยังไม่ได้หยุดความสามารถในการสร้างสรรค์ของเขาเอาไว้แค่การเป็นดีไซเนอร์เท่านั้น แต่เขายังก้าวข้ามจากวงการแฟชั่นมาสู่เส้นทางของแผ่นฟิล์ม และแค่ผลงานการกำกับภาพยนตร์ชิ้นแรกของเขาก็ได้ส่งให้นักแสดงนำชายในเรื่องถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้ว ซึ่งการที่ใครหลายคนยกให้ Tom Ford เป็นอีกหนึ่งในศิลปินที่ประสบความสำเร็จในศตวรรษนี้ก็คงจะไม่เป็นคำกล่าวที่เกินไปนัก ด้วยพลังสร้างสรรค์อันโดดเด่นของเขา ที่เราเชื่อว่าจะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคนได้เป็นอย่างดี เราจึงอยากนำชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปรู้จักกับเขาให้มากกว่านี้ ย้อนไปตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม ปี 1961 ซึ่งเป็นวันที่ Thomas Carlyle Ford หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Tom Ford ได้ถือกำเนิดขึ้นมาที่ รัฐ Texas โดยเขาได้เล่าถึงความสนใจในเรื่องของศิลปะ การออกแบบ และงานดีไซน์ ที่มีมาตั้งแต่วัยเด็กว่า “อย่าเพิ่งคิดภาพผมในวัย 5 ขวบกำลังนั่งร่างแบบเสื้อผ้าเวลาที่พ่อแม่ไม่อยู่หรืออะไรแบบนั้น แต่ในทุกครั้งที่พวกเขาไม่อยู่บ้าน