หากพูดถึงคนที่เป็น Pioneer ในเรื่องสไตล์การแต่งตัวผู้ชายชื่อของ Kanye West มักจะโผล่คนมาเป็นคนแรก ๆ เสมอ เพราะจากการจัดอันดับ หรือผลโหวตมากมาย ล้วนเคยผ่านมือของเขามาเป็นที่เรียบร้อย ย้อนไปตั้งแต่ทีมงาน UNLOCKMEN พอจะจำความเรื่อง Kanye West ได้ เขาเริ่มต้นการแต่งตัวในสไตล์ Preppy บวกกับสตรีทแวร์จนเกิดเป็นเทรนด์ในช่วงเวลานั้น ก่อนที่จะขยับมาสวมใส่รองเท้า Air Jordan กับกางเกงสกินนี่เข้ารูปขาด ๆ จนกระทั่งมาถึงเสื้อโอเวอร์ไซส์ ซึ่งล้วนแล้วแต่การเป็นกระแสนิยมที่บรรดาคนที่ชื่นชอบสตรีทแวร์หลงใหลไปตาม ๆ กัน แล้วหลังจากที่ Kanye West หรือที่เราเรียกเขากันว่า Yeezy มีลูกคนที่สอง ดูเหมือนสไตล์การแต่งตัวของเขาจะปรับเปลี่ยนไปอีกครั้ง โดยที่เขาจะมีความลำลอง และสบาย ๆ กับไอเทมที่สวมใส่มากขึ้น จนในต่างประเทศเรียกกันว่า dad style ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำสไตล์ไกด์ของ Mr. West กันว่าเป็นอย่างไร เลือกกางเกงที่ใช่ หากคุณอยากมีสไตล์แบบคุณพ่อ อาจจะต้องลืมกางเกงรัดรูปไปได้เลย เพราะคุณจะต้องเลือกกางเกงทรงหลวมที่สวมใส่สบาย ดังนั้นเราจึงเสนอทางเลือกเป็นกางเกงวอร์ม หรือถ้าหากต้องการความสุภาพขึ้นมาหน่อย อาจจะใส่เป็นกางเกงชีโน่ หรือแม้กระทั่งกางเกงยีนส์สีซีด
ถือว่ากระแสเทรนด์รองเท้าผ้าใบกำลังมาแรงอย่างมาก เพราะไม่เฉพาะแบรนด์กีฬาเท่านั้นที่ผลิตรองเท้าออกมาสู่ตลาด บรรดาแบรนด์แฟชั่นน้อยใหญ่ ต่างไม่อาจต้านทานความแรงของเทรนด์นี้ จนต้องมีคอลเลคชั่นเป็นของตัวเอง เช่นเดียว Diesel แฟชั่นรีเทลชื่อดังจากประเทศอิตาลี ได้นำเสนอไอเดียที่แตกต่างโดยการจับเอาแฟชั่นโคจรมาพบกับนวัตกรรมการออกแบบที่ล้ำสมัย จนเกิดเป็นคอลเลคชั่นรองเท้าผ้าใบรูปทรงใหม่ที่น่าจับตามองอย่าง The SKB Family จาก Diesel ด้วยความพิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุที่ทันสมัย บวกกับเทคโนโลยีลับเฉพาะนี้ ทำให้รองเท้าผ้าใบ The SKB Family จาก Diesel ออกมาโดดเด่นอย่างไม่มีข้อกังขา สำหรับรายละเอียดของทางรองเท้าทาง Diesel ได้ออกแบบผ่านองค์ประกอบของลายพรางนำมาพิมพ์ลงบนผ้าถัก (นิต) ผสมด้วยผ้าซูเอ็ด จึงทำให้ตัวรองเท้านุ่มเบาสบายเมื่อสวมใส่ และสามารถตอบโจทย์ด้านการออกกำลังกายรวมถึงยังสามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันอย่างลงตัว ด้วยการออกแบบตัดเย็บผ่านส่วนผสมที่ทันสมัยนี้ทำให้รองเท้า SKB Family สามารถปรับรองรับให้กับทุกรูปทรงเท้า อีกทั้งยังรองรับน้ำหนักจากการกระแทกได้เป็นอย่างดีเมื่อใช้สำหรับกิจกรรมออกกำลังกาย อีกทั้งยังเพิ่มรายละเอียดให้โดดเด่นด้วยโลโก้แบรนด์แบบ 3 มิติ เพื่อตอกย้ำและเอาใจแฟน ๆ ชาว Diesel ที่ชื่นชอบกิจกรรม active โดยเฉพาะ สำหรับคนที่สนใจสามารถพบกับคอลเลคชั่นรองเท้าใหม่ล่าสุด SKB Family จาก Diesel ได้ที่ช้อปบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำดังต่อไปนี้ ดิเอ็มควอเทียร์ ,สยามดิสคัฟเวอร์รี่ ,เซ็นทรัล ชิดลม ,เซ็นทรัล ภูเก็ต
สำหรับ sneakers of the week สัปดาห์นี้เราจะขอรวบรวมรองเท้าที่รีเซลกันสุดแพง และมีมูลค่าทางการตลาดมากที่สุดในรอบปี 2017 ว่ามีรุ่นไหนบ้าง แล้วราคาพุ่งไปที่เท่าไหร่ มาฝากกัน 1 . Air Jordan XXXI Gold all star ($ 3,605) เป็นรองเท้าที่ถูกผลิตออกมาเนื่องในสัปดาห์ all star ของ NBA ซึ่งพวกเขาได้นำรุ่น 31 มาเป็นโมเดลพิเศษในครั้งนี้ โดยใช้คอนเซปต์เป็นรองเท้าสีทองสวยงามทั้งคู่ ยกเว้นบริเวณ midsole ที่จะใช้เป็นพื้นโฟม EVA สีขาวตัดสลับเพียงเท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Air Jordan XXXI รุ่นนี้ก็ไม่ได้ใช้วัสดุ หรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยอะไรมากมายนัก เพียงแต่มันถูกผลิตออกมาอย่างจำกัดทำให้ราคาของมันพุ่งทะยานสูงถึง $3,605 ( 12x,xxx บาท) 2. Spike Lee x Air Jordan 1 “High Fort
ทุกวันนี้สินค้าประเภทแฟชั่นถือว่าเป็นแหล่งขุมทรัพย์สำหรับคนที่กำลังมองหาช่องทางทำธุรกิจ เพราะสินค้าเหล่านี้ล้วนไม่ต่างจากสินค้าทำกำไรประเภทอื่น ๆ ที่สามารถทำเงินให้คนที่มองเห็นโอกาส และรู้จักพลิกแพลง เติมความต้องการของตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวพ่อค้าเองที่เก็งกำไรจากการขายของสตรีทแวร์ อาทิ supreme หรือ รีเซล์รองเท้า ได้เงินมหาศาลกว่าการเล่นหุ้นค้าทองเสียอีก ซึ่งวันนี้ UNLOCKMEN ได้นำอีกตัวอย่างของเด็กหนุ่มที่สามารถทำเงินได้มากกว่า $400,000 ( ราว ๆ 13 ล้านบาท ) จากธุรกิจประเภทสตรีทแวร์แฟชั่น โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนสักบาทมาฝากกัน Brandon Taylor ชายหนุ่มวัย 23 ปี จากเมือง Southampton ทำงานอยู่ในร้านวิดีโอเกม ซึ่งเขาได้ใช้เวลาว่างในการเป็นคนกลางเพื่อช่วยผู้ซื้อที่อาจจะขาดความรู้ หรือกลัวว่าจะได้รับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เขาจึงทำหน้าเป็นคนกลางเช็คสินค้าว่าตรงตามที่ได้กล่าวอ้างหรือเปล่าก่อนส่งต่อให้กับผู้ซื้ออีกที Brandon ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในวงการสตรีทแวร์สักประมาณ 5 ปีที่ผ่าน ก่อนจะค่อย ๆ ผันตัวเองกลายมาเป็นคนกลางเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับจุดเริ่มต้นของการเข้ามาเป็นคนกลางคอยดำเนินการซื้อขายของ Brandon เริ่มจากตัวเขาเองมักจะใช้เพจที่ชื่อ The Basement ในการติดต่อพูดคุย หรือซื้อสินค้าเป็นประจำอยู่แล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งเหมือนเป็นโชคเล็ก ๆ ที่มีผู้ซื้อคนหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจกับสินค้า Supreme / The North Face
นับว่าเป็นปีที่อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสปอรต์แวร์เติบโตอย่างเฟื่องฟู อัตราการแข่งขันเข้มข้นสอดคล้องกับกระแสความนิยมของคนหมู่มากที่เริ่มเอนเอียงหันมาเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวลดทอนความเป็นทางการลง เหลือเป็นเพียงสไตล์กึ่งลำลองในชีวิตประจำวันแทน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสทองของบรรดาแบรนด์เสื้อผ้าสไตล์สปอร์ตต่าง ๆ หันมาเอาจริงเอาจังกับการลงสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์เสื้อผ้าไลฟ์สไตล์โดยที่ไม่อิงเจาะจงเฉพาะนักกีฬาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะถ้าให้พูดกันตามตรงแล้วปัจจุบัน ดารา นักร้อง ล้วนมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเสื้อผ้าของผู้บริโภคอย่างมาก ทำให้แบรนด์สปอร์ตแฟชั่นต่างใช้กลยุทธ์แบบ Influencer เพื่อจูงใจ ซึ่งวันนี้ UNLOCKMEN จะขอมาวิเคราะห์กันว่าแต่ละแบรนด์หลังจากได้บรรดาคนดังมาเป็น endorser แล้ว พวกเขาจะช่วยเสริมยอดขายให้ได้ดีขึ้นขนาดไหน Nike เริ่มจากแบรนด์กีฬาที่มียอดขายอันดับหนึ่ง อีกทั้งพวกเขายังมีบริษัทลูกอย่าง Air Jordan และ Converse ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าสองแบรนด์นี้จะมาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไปได้ ซึ่ง Nike เองนอกจากจะมีนักกีฬาระดับแพลทตินั่มซึ่งคอยเป็นแม่เหล็กดูดผู้บริโภคอยู่แล้ว หลังจากที่เขาสูญเสีย Kanye West ไปให้กลับทาง adidas พวกเขาก็พยายามมองหา Influencer คนใหม่เพื่อมาทดแทนไม่ว่าจะเป็นดีไซนเนอร์อย่าง Riccardo Tisci , Tom Sachs หรือแม้กระทั่งเซ็นสัญญาดึงตัวแร็ปเปอร์เลือดใหม่มาแรงอย่าง Kendrick Lamar มาร่วมงาน แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถสร้างอิมแพ็คได้ระดับเดียวกับที่ Kanye West เคยทำไว้ แต่ด้วยความแข็งแรงของแบรนด์ ทำให้ Nike ยังคงรักษายอดขายได้
ต้องยอมรับในข้อหนึ่งว่าบรรดาคนดังนั้นล้วนมีส่วนสำคัญในการชักจูงใจให้เราอยากทำตัวเลียนแบบตาม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมล้วนขอให้เหมือนกับไอดอลในดวงใจไว้ก่อน เพราะจากความเชื่อของผู้ชายที่คิดว่าบุคคลต้นแบบนั้นมีความเท่ คูลอยู่แล้ว หากเราทำตามก็จะดูดีไปด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งรองเท้าผ้าใบที่เราเชื่อว่าชาว UNLOCKMEN หลายคนเองก็มักจะเลือกซื้อตามไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ ดังนั้นเราจะพามาดูว่าคนดังคนไหนเคยใส่รองเท้ารุ่นอะไรแล้วทำให้เกิดเป็นกระแสให้คนอยากไปซื้อมาใส่ตามจนฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองกันบ้าง Kurt Cobain = Converse All Star , Jack Purcell ราชาเพลงกรันจ์ผู้เป็นตำนานไม่ว่าจะเป็นเรื่องสไตล์การแต่งตัว หรือดนตรี ที่ตัวของเขาชื่นชอบการใส่รองเท้า Convers Chuck Taylor All Star และ Jack Purcell เป็นชีวิตจิตใจแม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเขาเองก็ยังสวมใส่รองเท้า Converse ความนิยมของ Kurt ถึงขั้นทำให้ผู้ชายทั่วโลกต้องเลือกซื้อรองเท้า Converse เพราะว่าอยากจะแต่งตัวตามเขา ซึ่งตัวของ Kurt Cobain เองก็จะสวมใส่เพียงรองเท้าสีดำเท่านั้น แล้วนำมามิกซ์แอนด์แมทช์กับกางเกงยีนส์ขาด ๆ เสื้อยืดเซอร์ จนเกิดเป็นสไตล์กรันจ์ที่แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่า 20 ปี เวลานึกถึง Converse ก็จะนึกถึง Kurt Cobain เช่นกัน Paul Walker =
ไม่ใช่แค่คอลเลคชั่นใหม่ธรรมดา ๆ แต่ครั้งนี้พิเศษกว่า เพราะเป็นการ คอลแลบบอเรชั่นกับ JW ANDERSON แบรนด์แฟชั่นชื่อดังระดับโลกจากลอนดอน โดยคอลเลคชั่นสำหรับซีซั่นส์ Fall/Winter 2017 ประกอบด้วยสินค้า 33 รายการทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน เป็นต้นไป UNIQLO and JW ANDERSON Fall/Winter 2017 นำเสนอเสื้อผ้าชิ้นคลาสสิกของอังกฤษที่ผสานสุนทรียภาพจากลวดลายกราฟิกอันโดดเด่นซึ่งเป็นเสมือนลายเซ็นของ JW ANDERSON เข้ากับความยอดเยี่ยมของยูนิโคล่ ทั้งในเรื่องเนื้อผ้า รูปทรง และการใช้งาน จนได้ผลลัพธ์เป็นคอลเลคชั่นที่มอบความล้ำเลิศที่สุดในสไตล์อังกฤษทั้งสไตล์ดั้งเดิมและสไตล์โมเดิร์นในเวลาเดียวกัน และยังเป็นทางเลือกในชีวิตประจำวันให้กับไลฟ์สไตล์ของคนทุกเพศทุกวัย โจนาธาน แอนเดอร์สัน ผู้ก่อตั้ง JW ANDERSON กล่าวถึงการเปิดตัวไลน์ซึ่งเป็นที่คาดหวังอย่างสูงในครั้งนี้ว่า “สำหรับผม ประเด็นของความร่วมมือครั้งนี้อยู่ตรงที่ว่า ผมเชื่อเรื่องความเสมอภาคในโลกของแฟชั่น และสิ่งที่ผมหวังว่าน่าจะบรรลุผลได้คือการทำให้คนทุกกลุ่มอายุมีสิ่งที่จะสามารถเลือกนำไปใช้ และพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างในคอลเลคชั่นนี้ที่เชื่อมโยงกับพวกเขา การได้ทำงานกับยูนิโคล่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก มันหมายถึงว่าคุณจะได้สร้างสรรค์เสื้อผ้าที่มีความเป็นสากลและแปลกใหม่น่าสนใจ” ดีไซเนอร์ชื่อดังเสริมเพิ่มเติมว่า “ผมคิดว่าสิ่งที่ยูนิโคล่และ JW ANDERSON มีเหมือนกันก็คือความคิดที่จะ “สร้าง ผลิตภัณฑ์ใหม่” ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่มีมนต์เสน่ห์อยู่เสมอ ความคิดที่จะลดทอนบางสิ่งบางอย่างลงให้เหลือเพียงแก่นแท้ของมันนั้นเป็นแนวทางที่สะท้อนวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างชัดเจน
สูท ถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นชายได้ดีอย่างหนึ่ง แต่ด้วยวัฒนธรรมของคนไทยที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับมันเสียเท่าไหร่ เนื่องด้วยโอกาส และอากาศที่มีให้เลือกใส่ได้น้อยครั้ง ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วผู้ชายอย่างเราจะได้ใส่สูทก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ งานเลี้ยง หรือจะเป็นงานแต่งใครก็แล้วแต่ที่ต้องการความเป็นทางการเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากหนุ่มไทยหลายคนจะอ่อนด้อยประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้น้อยไปเสียหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่ไม่ค่อยมีความรู้ อาจจะรู้สึกไม่มั่นใจว่าถ้าเกิดจะตัดชุดสูทสักชุดไว้ใส่ลุยทุกงานว่าควรจะต้องเลือกยังไง วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงนำชุดสูท 4 แบบที่สามารถพบเห็นได้ง่าย และสามารถใช้เป็นไกด์แนวทางหากต้องการชุดสูทแบบครอบจักรวาลสามารถไปได้ทุกงาน Plain Navy One-Button เป็นสูทที่นิยมกันมากที่สุด เพราะหาซื้อง่าย และนิยมขายแบบสำเร็จรูป ถ้าคุณมีช่วงลำตัวสั้น สูทแบบ 1 กระดุมจะเป็นแบบที่เหมาะสมที่สุด เพราะไม่รัดจนเกินไป และไม่ทำให้สูทเข้ารูป จึงเหมาะกับคนที่ต้องการพรางรูปร่างช่วงลำตัว แต่ถ้าเราพอมีทุนทรัพย์เพียงพอ การหาร้านตัดสูทดี ๆ แบบสั่งตัด เลยก็ดีกว่าเพราะเราจะสามารถเลือกคัทติ้ง และเนื้อผ้าแบบที่ชอบเองได้ โดยที่อาจจะเลือกเป็นผ้าน้ำหนักปานกลาง ประมาณ 11-12 oz เพื่อให้สวมใส่สบาย ไม่ร้อนจนไป แถมกันหนาวได้ด้วย ซึ่งถ้าต้องเลือกเฉดสีที่กลาง ๆ สามารถใส่ได้บ่อยสุดก็คงหนีไม่พ้น Navy เพราะจะใส่ไปออกงาน ไหนก็ดูดีได้ไม่ซ้ำใคร Plain Grey Two-Button ก่อนหน้านี้เราบอกไปแล้วว่าอยากให้ใส่สูทสีเข้ม เพื่อพรางตัว และใส่ได้ทุกโอกาส
มินิมอลสไตล์ การแต่งตัวแบบเรียบง่าย ไม่เน้นลวดลายเยอะ ค่อนข้างจะได้รับความนิยมในบ้านเรา ด้วยความดูดีได้แบบไม่ต้องเยอะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของหนุ่มไทยที่ไม่ได้ต้องการความเป็นแฟชั่นจ๋า เน้นฟังก์ชั่นให้ใส่ได้ทุกโอกาสเป็นหลัก พร้อมทั้งยังสามารถนำกลับมามิกซ์แอนด์แมทช์ได้อย่างไม่รู้จักเบื่อ สำหรับคนที่อาจยังไม่ค่อยเข้าใจ ว่าจริง ๆ แล้วความหมายในเชิงการแต่งตัวสไตล์มินิมอลเป็นเช่นไร ทีมงาน UNLOCKMEN จะขอนิยามคำจำกัดความแบบง่ายว่า “การแต่งตัวน้อย” ซึ่งน้อยในที่นี่ไม่ได้แปลว่า ต้องแต่งน้อยชิ้น เพียงเสื้อกางเกงจบ การแต่งตัวสไตล์มินิมอล คุณจะสามารถเล่นกับเลเยอร์ก็ได้ เพียงแต่เราจะไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่อง รูปทรงสัดส่วน ลวดลาย และสี สักเท่าไหร่ จะเน้นอะไรที่เรียบง่ายเข้าไว้ ใส่ได้บ่อย ๆ ไม่มีเบื่อ แม้กระทั่งเครื่องประดับ ซึ่งสไตล์การแต่งตัวแบบมินิมอลที่เหมาะคนไทย ก็เป็นอะไรที่ง่ายจนคุณแทบจะไม่ต้องคิดอะไร อีกทั้งสามารถทำได้เสมอ เพราะเนื่องจากอากาศที่ร้อนจัด ทำให้วิธีการแต่งตัวมินิมอลแบบไทย ๆ ก็คือการสวมเสื้อเชิ้ตสไตล์ oxford กับกางเกง chinos สีเบจ แล้วก็สวมรองเท้า dress shoes อย่าง loafer หรือ oxford โทนน้ำตาล เรียกได้ว่าเป็นชุดเก่งไม้ตายสำหรับหนุ่มมินิมอลไทย และเพื่อเพิ่มไอเดียในการแต่งตัวไม่ให้จำเจ ทีมงาน UNLOCKMEN จึงได้นำสไตล์จากร้านแบรนด์ดังที่ได้คัดสรรมาแล้วว่ามีสไตล์เรียบง่าย ตอบโจทย์ความมินิมอล
หากกล่าวถึงแบรนด์เสื้อผ้าที่บ่งบอก และสะท้อนความเป็นอเมริกันชน แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ Tommy Hilfiger อยู่ในนั้น เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขามีส่วนในการปฎิวัติสไตล์การแต่งตัวของชาวอเมริกันรวมถึงคนทั่วโลก ย้อนกลับไปราว ๆ 30 กว่าปีก่อน นาย Thomas Jacob Hilfiger ต้องการอยากจะเป็นดีไซเนอร์ และมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ด้วยวัยเพียง 18 ปี เขาและเพื่อนได้ลงขันเพื่อรับเสื้อผ้ามาขายจนเกิดเป็นธุรกิจเล็ก ๆ โดยพวกเขาใช้ชื่อร้านว่า People’s Place ด้วยผลตอบรับที่ดีเกินคาด ทำให้ Thomas สามารถขยายสาขาได้กว่า 10 สาขาในเวลาไม่นาน เขาจึงเลือกที่จะไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย และมุ่งหน้าสู่การมีธุรกิจเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ธุรกิจที่ดูเหมือนจะกำลังไปได้สวย แต่ก็ต้องมาสะดุดในปีที่ 7 ของการทำงาน เพราะว่างานที่มุ่งเน้นแต่เรื่องดีไซน์ แต่ขาดความรอบคอบ และเชี่ยวชาญในการบริหารเงิน ก็ไม่อาจทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ เมื่อร้าน People’s Place ประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง จนสุดท้าย Thomas ต้องร้องขอต่อศาลให้กลายเป็นบุคคลล้มละลายด้วยวัยเพียง 25 ปี จากความล้มเหลวในครั้งนี้ เขาจึงได้ค้นพบว่าการดูแลการเงิน และงานบริหารก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจแฟชั่นไม่แพ้เรื่องของดีไซน์เสื้อผ้า หลังจากล้มเหลวในธุรกิจแรก เขาก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานที่ตัวเองรัก