ไม่ว่าจะใช้ iPhone รุ่นแพงหรือใหม่แค่ไหน จะ iPhone XR, XS หรือ XS MAX ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาแบตหมดกลางคันระหว่างกำลังทำธุระได้ จะให้พกสายชาร์จ adapter เดินหารูปลั๊กไฟตามข้างทางไปตลอดก็ดูไม่คูล ดูเหมือนปัญหานี้จะเป็นสิ่งที่ Apple แพลนเอาไว้แล้วเป็นอย่างดี จึงได้มีกำเนิด iPhone Batter Cases สำหรับ iPhone 3 รุ่นใหม่ออกมา iPhone Battery Cases พึ่งจะถูกวางจำหน่ายบน Apple.com ไปหมาด ๆ ด้วยราคา $129 หรือราว 4,000 บาท ไม่ว่าจะเลือก Case สำหรับรุ่นไหนก็ต้องจ่ายราคาเดียวกัน เป็นเคสที่ทำจากซิลิโคน มีให้เลือกสีดำและสีขาว สังเกตได้จากแบตเตอรี่นูนบริเวณด้านหลังเคส แม้จะไม่ได้บอกว่าแบตในเคสมีความจุเท่าไหร่ แต่ก็ได้การันตีว่า Battery Case นี้จะช่วยยืดพลังงานให้ iPhone ของคุณได้ยาวนานถึง 20 ชั่วโมงสำหรับ XS Max, 21
คุณเคยตื่นนอนมาแล้วรู้สึกป่วยมั้ย? เชื่อว่าทุกคนต้องเคยประสบแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม โดยเฉพาะใครที่เป็นภูมิแพ้น่าจะเข้าใจดี อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจากเตียงนอนที่ไม่สะอาด มีแบคทีเรียและไรฝุ่น ยิ่งเป็นเตียงนอนตามโรงแรมยิ่งมีโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้นักประดิษฐ์หัวใสจึงคิดค้น ‘Cleansebot’ หุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะขนาดจิ๋วขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว CleanseBot สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ในทุกพื้นผิวด้วยการใช้แสง UV-C นอกจากนั้น CleanseBot ยังผ่านการทดสอบมาแล้วว่าสามารถฆ่าเชื้อ E.Coli ได้ถึง 99.99% พื้นที่ไหนมีเชื้อโรคและแบคทีเรียมากที่สุดในบ้าน? จากการวิจัยของ University of Houston พบว่าพื้นที่ที่มีเชื้อโรคและแบคทีเรียมากที่สุด ได้แก่สวิตช์ไฟ รีโมททีวี และผ้าคลุมเตียง CleanseBot เป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะสำหรับขนาดเล็กที่สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ในบ้านเท่านั้น แต่คุณสามารถนำเจ้า CleanseBot ไปทำความสะอาดได้ทุกที่ที่คุณต้องการ โดยเฉพาะห้องพักในโรงแรมที่ถือว่าเป็นแหล่งชุมนุมของเหล่าเชื้อโรคก็ไม่ใช่ปัญหาหนักใจอีกต่อไป CleanseBot มาพร้อมปัญญาประดิษฐ์และเซ็นเซอร์ 18 ตัว โดยใช้หลอด UV-C สี่หลอดเพื่อกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียซึ่งได้ผลถึง 99.99% ในทุกสภาพพื้นผิว ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ใด ก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนเตียง เพียงแค่ตั้งค่า CleanseBot และเปิดใช้งานเป็นเวลา 30-60 นาที ระหว่างนั้นคุณอาจจะไปแช่ตัวในอ่างน้ำอุ่น ๆ หรือออกไปทานอะไรอร่อย ๆ และเมื่อคุณกลับมาก็จะพบเตียงนอนที่สะอาดหมดจดพร้อมทิ้งตัวลงสู่ห้วงนิทรา ไม่ใช่แค่ความสะอาดบนเตียงเท่านั้น แต่แสง UV-C ของ
ดูเหมือนปี 2019 จะกลายเป็นปีที่ดุเดือดแน่นอนสำหรับตลาดของคอมพิวเตอร์พกพาหรือแล็ปท็อป เพราะล่าสุดในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีอย่าง Consumer Technology Association (CES) ได้รวบรวมบรรดา Gadgets ที่น่าสนใจเอาใจมากมายและหนึ่งในนั้นคือ ZenBook S13 แล็ปท็อปรุ่นบางเฉียบซึ่งส่งเข้าประกวดโดยค่าย ASUS การแข่งขันในตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพายังคงร้อนระอุ เมื่อผู้ผลิตค่ายต่าง ๆ ทยอยพัฒนาและเปิดตัวแล็ปท็อปสเปคโคตรโหดในรูปลักษณ์ที่เพรียวบางและกะทัดรัดยิ่งขึ้น ซึ่งล่าสุดเป็นคิวของ ASUS ในการเปิดตัวแล็ปท็อปรุ่นล่าสุดของค่ายกับ ZenBook S13 ซึ่งมากับความโดดเด่นทั้งงานดีไซน์และสเปคเครื่องที่รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย Asus ZenBook S13 มาพร้อมตัวเครื่องที่ทำจากอะลูมิเนียมทั้งชิ้นเรียกว่า CNC-Milled chassis ทนทานสุดในตระกูล ZenBook เท่าที่เคยมีการผลิตมา พร้อมจอแสดงผลขนาด 13.9 นิ้ว พร้อมความบางที่ 2.5 มิลลิเมตรซึ่ง Asus เคลมว่ามีขนาดเล็กลงจากรุ่นก่อนหน้า 12.5 เปอร์เซ็นต์และบางสุดในโลกในตอนนี้ โดยเป็นจอความละเอียด Full-HD 1080p กินพื้นที่ 97 เปอร์เซ็นต์ของขนาดเครื่อง ซึ่งจะรับประกันว่าจะได้มุมมองใช้งานที่สบายตามากขึ้นพร้อมความสวยงามของกราฟิกรับประกันโดย NVIDIA GeForce MX150 สามารถรองรับงานออกแบบได้สบายๆ รวมถึงระบบประมวลผลเป็น 8th Gen
ใครที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์ในวงเหล้า หรืออาจจะไปนาน ๆ ครั้ง ไม่ใช่สายปาร์ตี้คงนึกภาพไม่ออกว่า ‘การเปิดขวด’ นั้นสำคัญขนาดไหน แต่สำหรับเราสายปาร์ตี้ย่อมจำได้ดีว่าในตอนที่เริ่มดื่มใหม่ ๆ แล้วเห็นเพื่อนเปิดขวดเบียร์โดยใช้ขวดเบียร์อีกขวดนั้นเรารู้สึกทึ่งและคิดว่ามันเท่มาก หลังจากนั้นเราก็พยายามฝึกฝนโดยตลอด กว่าจะทำได้สำเร็จเลือดก็อาบมือไปหลายครั้ง แต่บางครั้งการจะเท่ก็ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น เพียงแค่มีที่เปิดขวดเจ๋ง ๆ สักอัน ก็สามารถเปิดเบียร์ทุกขวดที่ขวางหน้าได้ด้วยมือเดียว เท่ได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว GrOpener คือชื่อของที่เปิดขวดสุดเจ๋งที่เราภูมิใจนำเสนอในวันนี้ ใครที่กำลังสงสัยว่ามันแตกต่างจากที่เปิดขวดธรรมดาตรงไหน ให้ลองดูคลิปด้านบนเสียก่อน รับรองว่าจะต้องอยากได้ไปใช้สักอันแน่นอน ถึงแม้ว่าในเรื่องประโยชน์การใช้สอยจะไม่ได้มีอะไรพิเศษเปิดได้เฉพาะฝาทรงจีบเหมือนที่เปิดขวดทั่วไป แต่เรื่องความเท่ บอกเลยว่า GrOpener กินขาด แม้ว่า GrOpener จะโดนใจเราในเรื่องความเท่ แต่เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ Mark Manger สร้างสรรค์ GrOpener ขึ้นมาลึกซึ้งกว่านั้นมาก เขาเล็งเห็นถึงความลำบากของผู้พิการ ว่าการเปิดขวดด้วยมือเดียวนั้นเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ทุกคนกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย จนปัญหานี้โดนเพิกเฉย อย่างไรก็ตาม Mark ไม่คิดเช่นนั้น เขาลงมือทำตามไอเดียอย่างมุ่งมั่น จนในที่สุดก็สำเร็จออกมาเป็นที่เปิดขวดสุดเจ๋งให้ทุกคนได้ใช้งาน GrOpener สามารถตั้งอยู่บนขวดได้อย่างสบาย ๆ ก่อนจะเปิดมันด้วยการบิดข้อมือเพียงเล็กน้อย ใช้แรงน้อยกว่าที่เปิดขวดทั่วไปมาก ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในขั้นตอนเดียว ชั่วพริบตาฝาขวดก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย การออกแบบของ GrOpener ทำให้แน่ใจว่าฝาจะไม่โค้งงอหรือบิดเบี้ยวในขณะเปิด ส่วนแม่เหล็กที่อยู่ภายในทำหน้าที่ยึดฝาทันทีที่หลุดออกจากคอขวด ทั้งเท่แถมใช้ง่าย พกพาสะดวกแบบนี้ GrOpener จึงเป็นอีกหนึ่ง
เป็นเทคโนโลยีที่ดังในข้ามคืน และสร้างการถกเถียงได้อย่างรุนแรงภายในข้ามวันเช่นกัน เมื่อแหล่งข่าวแรกจาก Japansauce.net เผยเรื่องราวงานประดิษฐ์สุดว้าวปนขนลุก ‘Dead Fish Brain Flash Drive’ ผลงานของนักศึกษาเคมีที่เผยแพร่ผลงานนี้ผ่านทาง Twitter user @ni28_xp โดยเนื้อหาสรุปแบบเร็ว ๆ ได้ว่า ตัวของเค้านั้นสามารถใช้ปลาซิวที่ตายแล้ว นำมาตกแต่งพัฒนาผสมกับความรู้ทางด้านเคมี สามารถทำให้สมองปลาซิวอันเล็กจิ๋วสามารถใช้เป็น Storage เก็บความจุได้มากถึง 32 Gb โดยมีลักษณะหัวเป็น USB Port ปกติ ติดกับเรซิ่นใสที่บรรจุปลาตายและเส้นลวดต่าง ๆ รวมถึงหลอดไฟแสดงสถานะการทำงานขนาดเล็ก ด้วยความ Weird ของสิ่งประดิษฐ์นี้ ทำให้หลายสื่อต่างนำเสนอเรื่องนี้กันอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเรื่องราวก็ไปกระตุกให้หลายคนเกิดสงสัยกลายเป็นคำถามว่า มันทำงานได้แบบนั้นจริงหรือ? ด้วยรูปร่างที่ดูน่าสงสัย และลักษณะทางกายภาพของปลาในการใช้งานตามที่ @ni28_xp ได้กล่าวอ้าวเอาไว้ จึงมีอีกแหล่งที่เผยข้อมูลน่าสนใจออกมาหักล้างความเป็นไปได้ ว่าที่จริงแล้ว Dead Fish Brain Flash Drive อาจจะกลายเป็นเรื่องของลูกเล่นที่ใช้ตกแต่งเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือเคมีของตัวปลาแต่อย่างใด เว็บไซต์ Tech-critter.com เป็นอีกสื่อที่ไปเจอข่าวนี้เข้า เกิดความสงสัยว่า “รายละเอียดมันไม่
ให้ทำงานยาก ๆ หนักแค่ไหนก็ได้ แต่จะให้ซักผ้ารีดผ้า มันทำไม่ไหวจริง ๆ ในยุคที่เรามีทุกความอัจฉริยะอยู่รอบตัว แม้แต่รถยนต์ยังสามารถขับเองได้ มันทำให้เราสงสัยทุกครั้งว่า ทำไมเรื่องยาก ๆ อย่างนั้นถึงสามารถทำได้ แต่เรื่องง่าย ๆ อย่างการสร้างเทคโนโลยีที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระการทำความสะอาดและรีดเสื้อผ้าให้มนุษย์ยุ่ง ๆ อย่างเรา เมื่อไหร่จะพัฒนาออกมาบ้าง แต่ในงาน CES 2019 ก็เหมือนเห็นอนาคตที่สดใสจากการฉายแววของ LG ที่ได้นำเสนอ LG Styler ตู้อัจฉริยะที่สามารถทำความสะอาดเสื้อผ้าให้พร้อมใช้งานได้โดยไม่ต้องออกแรง LG Styler Black Tinted Mirror Glass Door คือตู้อัจฉริยะรุ่นล่าสุดที่ LG ได้พัฒนาให้ช่วยแบ่งเบาภาระการซักทำความสะอาดเสื้อผ้าให้เราได้ ด้วยวิธีการง่าย ๆ แค่แขวนเสื้อผ้าเข้าไปได้ประมาณรอบละ 6 ชุด แบ่งเป็นการแขวน 5 ชุด และวางกางเกงได้อีก 1 ตัว จากนั้นระบบ LG AI ThinQ assistant จะคำนวณวิธีทำความสะอาดจากไอร้อนอัฉริยะที่เรียกว่า TrueSteam ในการทำความสะอาดเสื้อผ้า ซึ่งแม้จะไม่ใช่การซักทำความสะอาดในรูปแบบปกติ
ปืนพกแบบ Sub-Compact หนึ่งในทางเลือกสำหรับอาวุธป้องกันตัวชั้นเยี่ยมที่ได้รับความนิยมมาเป็นเวลานาน ด้วยขนาดที่กระทัดรัด พกพาง่าย และซ่อนจากสายตาผู้คนได้อย่างมิดชิด แต่ในเวลาเดียวกันระยะหวังผลและพลังทำลายของมันกลับไวใจได้สวนทางกับขนาดตัวของมัน ในอดีตหลายคนอาจจะคิดว่าปืนพกยิ่งใหญ่โตยิ่งดีเพราะมีประสิทธิภาพสูง แต่ในด้านการใช้งานจริงแล้ว การพกพาและหยิบขึ้นใช้งานได้รวดเร็วจะได้เปรียบกว่ามาก เพราะจะกระสุนขนาดไหนโดนเข้าไปก็สามารถหยุดอันตรายจากโจรขโมยหรือเอาให้ถึงตายก็ยังได้ วันนี้เราจึงขอแนะนำ Kevin Self Defense Handgun ปืน .38 ที่พกง่ายสุด ๆ ด้วยขนาดที่เล็กสุด ๆ Kevin Self Defense Handgun เป็นปืนพกขนาด .380 ที่ได้รับการออกแบบโดย Prokop Strnka นักออกแบบผลิตภัณฑ์มากฝีมือ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากปืน Sub-Compact ในตำนานอย่าง ZVI Kevin และมีลักษณะเหมือนกับ Micro Dessert Eagle ที่เกิดใหม่ในรูปทรงที่ย่อส่วนและล้ำสมัยมากขึ้น จนออกมาเป็น Hand Gun ที่มีดีไซน์ภายนอกสวยงามมาก ปืนมาพร้อมลำกล้องขนาด 2.22 นิ้ว พร้อมเฟรมขนาดเล็กที่เหมาะกับการพกพา จุดประสงค์หลักในการออกแบบคือต้องการให้มันเป็นอาวุธป้องกันตัวสำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตำรวจในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ โดย KSDH มาพร้อมความจุยอดนิยมของ Sub-Compact คือแบบ Six-Plus-One
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบัน ‘แฟชั่น’ ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตอย่างมาก โดยเฉพาะชีวิตในเมืองใหญ่ที่ทุกช่วงเวลา ทุกการกระทำ เกี่ยวข้องกับสไตล์ แฟชั่น และการออกแบบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าหน้าผมเท่านั้น เพราะนิยามคำว่าแฟชั่นกว้างกว่านั้นมาก เริ่มตั้งแต่ลืมตาตื่นบนที่นอน ถ้าไม่มีแฟชั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เราคงไม่จำเป็นต้องเลือกผ้าปูเตียงให้เข้าคู่กับผ้าห่มปลอกหมอน หรือการตกแต่งห้องนอนให้สวยงามก็คงไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่อีกหนึ่งพาร์ทสำคัญของชีวิตที่แฟชั่นได้เข้ามามีบทบาทอย่างสูง และเราจะพูดถึงในวันนี้คือพาร์ทของ ‘การทำงาน’ ที่ในปัจจุบันต้องยอมรับว่ารูปแบบของมันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การทำงานของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไม่จำเป็นต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ในออฟฟิศอีกต่อไป โดยเฉพาะอาชีพฟรีแลนซ์, Entrepreneur, หรือแม้กระทั่งเจ้าของธุรกิจ StartUp ที่ต้องทำงานได้ในทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นอาวุธคู่กายที่จะขาดไม่ได้เลยคือ ‘Laptop’ ที่ปัจจุบันเราไม่ต้องการแค่คอมที่ทำงานได้ดี แต่มันต้องมีสเปคที่แรงกว่าใครในดีไซน์ที่สวยงาม เพราะเราต้องยกมันจากห้องประชุม ไปร้านกาแฟ พบลูกค้า เป็นอวัยวะที่ 34 ต่อจาก Smartphone อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าแล็ปท็อปทุกเครื่องจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งาน เพราะแล็ปท็อปส่วนใหญ่นั้นไม่ได้คำนึงถึงแง่ดีไซน์ความสวยงาม เน้นแค่การใช้งานเป็นหลัก ดังนั้นจะดีแค่ไหนถ้ามีแล็ปท็อปที่ใส่ใจทั้ง 2 ด้านควบคู่ไปด้วยกัน มีสเปคที่ล้ำหน้าระดับหัวแถว พร้อมสำหรับทุกการใช้งานให้ได้เปรียบไม่เป็นสองรองใคร พร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยวสุดล้ำ ไม่ว่าจะ Cafe หรือ Co-Working Space ก็สามารถพกพาไปอย่างมั่นใจ สะท้อนรสนิยมและคาแรคเตอร์ของผู้ใช้งานได้อย่างมีสไตล์กว่าใคร จึงจะเรียกว่าแล็ปท็อปที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานอย่างแท้จริง ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง ‘HUAWEI Matebook X Pro’ แล็ปท็อปที่มาพร้อมคอนเซ็ป
เทคโนโลยีที่ไม่มีการควบคุมมักจะสร้างปัญหาให้พวกเราได้เป็นประจำ อย่างในปีนี้เราได้เห็นการขยายตัวของยานยนต์อัตโนมัติไร้คนขับหรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า โดรน กลายมาเป็นของเล่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยการเข้าถึงที่ง่าย ราคาไม่แพง จึงมีทั้งคนที่ซื้อไปใช้อย่างสร้างสรรค์ และคนที่ซื้อไปใช้สนองความต้องการแปลก ๆ ของตัวเอง ถึงแม้หลายประเทศจะยังไม่อนุญาตให้นำโดรนขึ้นบินอย่างอิสระ และต้องมีการขอใบอนุญาตหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนก็ตาม แต่แน่นอนว่ายังมีคนลักลอบนำโดรนขึ้นบินอยู่ดี และถ้าหากวันหนึ่งเราเจอกับโดรนแปลกหน้าบินเข้ามาในพื้นที่ส่วนบุคคลขณะทำกิจกรรมส่วนตัวกับคนรู้ใจอยู่ แทนที่จะต้องคอยถามว่าของใคร การมีปืนสำหรับสอยโดรนให้ร่วงโดยที่ไม่สร้างความเสียหายเก็บไว้ซักกระบอกก็คงจะดีไม่น้อย เทคโนโลยีปืนสอย Drone นั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับความน่าเป็นห่วงจากสารพัดปัญหาที่มาจากโดรนเถื่อน หรือล่าสุดกับปัญหา Drone ต้องสงสัยที่บินวนป่วนอยู่ในสนามบินประเทศอังกฤษจนการจราจรทางเครื่องบินปั่นป่วนไปหมด ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งเรื่องของเที่ยวบินที่ต้องถูกระงับ เพราะไม่สามารถนำเครื่องบินขึ้นได้ เนื่องจากอาจเกิดการชนโดรนและทำให้ตัวเครื่องบินเสียหาย เพราะการบังคับโดรนสามารถทำได้จากระยะไกล ทำให้ในบางครั้งก็ไม่อาจทราบได้ว่าผู้ที่ควบคุมโดรนนั้นอยู่ตรงไหน ยากจะหาต้นตอเจ้าของมันได้ เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเกี่ยวกับโดรนที่ไม่ทราบที่มาที่ไป จึงทำให้บริษัท OpenWorks Engineering ของประเทศอังกฤษเร่งพัฒนาปืนสำหรับจำกัดโดรนในชื่อสุดเท่ว่า Skywall 100 ปืนขนาดใหญ่แบบวางบนบ่า (Shoulder-mounted) น้ำหนัก 10 kg ที่แม้จะหนักแต่มีประโยชนมากมายเพื่อให้องค์กรต่าง ๆ สามารถซื้อเจ้าปืนอันนี้ไว้ใช้ในยามจำเป็น หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอย่างกรณีโดรนไม่ทราบที่มาบินเข้ามาในพื้นที่ส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ป้องกันการสอดแนม รวมถึงการรุกล้ำละเมิดสิทธิส่วนบุคคล การใช้งานเจ้า Skywall 100 นั้นก็แสนจะง่ายดาย เพราะมันคือปืนที่จะสอยโดรนให้ร่วงอย่างง่ายดายด้วยแก๊สอัดลมพื่อส่ง หัวจรวด SP40 ติดตั้งตาข่ายไว้สำหรับจับโดรน
เชื่อว่าหลายคนที่นั่งหลังพวงมาลัยคงเคยรู้สึกเครียดกับสภาพรถติดบนท้องถนนกับถ้วนหน้า เพราะไม่ว่าเราจะมีรถพันธ์ุดุหลายแรงม้าหรือรถบ้าน รวยหรือจน แต่ถ้าเข้าเส้นลาดพร้าวช่วงไพร์มไทม์แล้วล่ะก็ยังไงก็จอด มีโอกาสสบตากันยาวตั้งโต๊ะกินข้าวกันได้เป็นชั่วโมง ๆ สำหรับคนอื่นที่เจอเหตุการณ์รถติดแบบนี้อาจจะแค่บ่น แต่ตัวพ่ออย่าง ELON MUSK จะไม่ยอมบ่นเฉย ๆ เพราะเขาเอาจริง หยิบความคับข้องใจตอนเจอพิษรถติดเวลาเดินทางจากบ้านมาที่ทำงานมาเป็นแรงบันดาลใจ (จากลอสแองเจลิสมา สำนักงาน SpaceX เมือง Hawthorne) จึงทุ่มทุนใช้งบหลายล้านดอลลาร์กับเวลา 1 ปีขุดอุโมงค์เพื่อวาร์ปรถหนีการจราจร แถมยังตั้งชื่อบริษัทเกรียน ๆ มาทำโปรเจกต์ด้วยว่า The Boring Company บริษัทน่าเบื่อที่ระดมทุนจากหมวก สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่อยากเชื่อ แต่มันก็เป็นจริง ไม่ใช่แค่พาวเวอร์ของเทคโนโลยีที่เหลือล้น แต่เบื้องหลังของบริษัท The Boring Company ที่สร้างโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่นี้เริ่มต้นจากการระดมทุนขายหมวกไม่กี่ใบในราคาใบละ 20 ดอลลาร์กับทวีตขายหมวกในทวิตเตอร์ของ Musk ที่เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกวันที่ 18 ตุลาคมปี 2017 โดยหวังว่าจะเอาเงินพวกนี้ไปแก้ปัญหาน่าเบื่อ ๆ ซึ่งแน่นอนวันนี้เขาได้ทำมันแล้ว และเราก็ได้เห็นการเดินทางระดับตำนานแบบนี้เป็นครั้งแรกของโลก ดิ่งลงดิน วาร์ปข้ามแดน เส้นทางการดำดินครั้งนี้ Elizabeth Lopatto หนึ่งในทีม