ต้องยอมรับว่า URBAN MEN หลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการ พนักงานออฟฟิศ หรือฟรีแลนซ์ ต่างคนต่างมีเป้าหมายปลายทางเดียวกัน นั่นคือความสำเร็จทั้ง 2 ด้าน ทั้งการงาน และการใช้ชีวิต เลยใส่เต็มที่กับทุกกิจกรรม ทำงานดึก ปาร์ตี้หนัก เชียร์บอลทีมรักยันเช้า แม้กระทั่งออกท่องเที่ยวก็ยังลุยสมบุกสมบันจนสุดทาง จึงไม่แปลกที่จะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ส่งผลให้ต้องเผชิญชีวิตหมอง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด พักผ่อนน้อย โดนแสงแดดทำร้าย จากชีวิตที่เคยสดใสกลายเป็นต้องหมองหม่น ห่างไกลจากความสดชื่นแจ่มใสไปซะอย่างนั้น แต่จะปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ UNLOCKMEN จึงอยากขออาสานำเอาวิธีคลายความหมองในชีวิตให้หายไป เอามาแนะนำให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายได้นำเอาไปปฏิบัติตาม รับรองว่าจากนี้ไปไม่ว่าจะใช้ชีวิตระห่ำ หรือโดนความเครียดกระหน่ำแค่ไหน ยังไงความสดใสก็ไม่มีห่างหายไปจากชีวิตแน่นอน BREATH เริ่มต้นบอกลาชีวิตหมอง ๆ ได้ ง่าย ๆ อย่างการหายใจ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวมากเสียจนหลายคนมองข้ามไป เผลอหายใจตื้น ๆ ถี่ ๆ กันจนติดเป็นนิสัย ซึ่งการหายใจแบบนี้ยิ่งเป็นการเพิ่มความเครียด สร้างอารมณ์หมองให้เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทางที่ดีเราอยากให้ลองฝึกวิธีหายใจเสียใหม่ให้เคยชิน กับวิธีของ Dr. Andrew Weil
การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ต้องตื่นมาส่องกระจกแล้วพบว่าผมของตัวเองในปัจจุบันไม่ใช่ทรงในอุดมคติอีกต่อไป ทั้งยาวกระเซิง แทงหูทิ่มตา จนเกิดความคิดว่าคงถึงเวลาต้องหั่นออกให้เรียบร้อยเสียหน่อย แต่ความน่ากลัวที่ผู้ชายมักจะต้องเจออยู่เป็นประจำก็คือ การเสี่ยงดวงในร้านตัดผม เพราะเราเองยังจดจำครั้งล่าสุดที่เข้าร้านตัดผมได้ว่า เมื่อบอกให้ช่างตัดทรง Undercut แบบพี่หมื่นเรืองไป แต่เมื่อเสร็จกลับพบว่าทรงที่ได้มาเหมือนกับทหารพึ่งปลดประจำการมาไม่มีผิดเพี้ยน แล้วจะโทษใครได้ล่ะทีนี้ ตัวเราเองหรือช่างตัดผม ? ถ้าไม่อยากให้ความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นอีกล่ะก็วันนี้ UNLOCKMEN มี 5 ศิลปะการเข้าร้านตัดผมมาฝาก ให้คุณไม่ต้องพลาดได้ผมผิดทรงกลับบ้านอีกต่อไป 1. หารูปตัวอย่างให้เหมาะสม การนำรูปทรงผมไปให้ช่าง จะช่วยคุณได้มากทีเดียว ควรเก็บข้อมูลก่อนจะออกไปร้าน เพราะเราจะมีเวลาเลือกอย่างไม่ต้องเร่งรีบ ค้นหาภาพจากโทรศัพท์หรือนิตยสาร โดยเลือกจากแบบที่มีรูปหน้าและชนิดของผมคล้ายกับเรามากที่สุด อย่าทึกทักไปเองว่านี้แหละใช่ และเมื่อขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้เพื่อเตรียมตัดก็ใช้ภาพชี้จุดให้ช่างดูอย่างชัดเจนว่าคุณต้องการตัดแต่ละส่วนออกแค่ไหน บอกช้า ๆ ไม่ต้องกลัวช่างจะอารมณ์เสียกับความเรื่องมาก เพราะทุกวันนี้การใส่ใจในเรื่องที่ทำให้ตัวเองดูดีเป็นสิ่งที่ทุกคนทำกัน 2. เน้นย้ำกับสิ่งที่คุณต้องการเป็นพิเศษ ถ้าคุณต้องมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างตัดผม ให้เน้นจุดบอกไปเลย เพราะบางทีช่างก็อ่านใจเราไม่ออก ตัวอย่างเช่น ผมข้างบนเอาออกนิดเดียว ส่วนนี้ก็ต้องขยายความคำว่านิดเดียว ว่าจะให้ตัดออกตรง ซอยให้บางลง หรือแค่เก็บส่วนชี้ฟู ถ้าคิดว่าร้านที่เข้าช่างรู้จักศัพท์เฉพาะ เช่น Fade ( ไถ่ไล่ระดับผมจากบางไปหนา )
ในช่วงที่อากาศในเมืองไทยกำลังจะไต่ระดับจากร้อนจังวะ ไปจนถึงร้อนโคตร ๆ แบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมทรง Undercut คือทรงผมที่ควรนำมาไว้บนหัวเสียเเหลือเกินด้วยลักษณะของผมด้านข้างแบบสั้นเกรียน ระบายอากาศได้ดี จึงเหมาะสำหรับหนุ่ม ๆในบ้านเราเป็นอย่างมาก แถม Undercut ยังมีความเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความคลาสสิกมีสไตล์ ทำให้เราพบเจอมันได้ตั้งแต่บนหัวของนักศึกษาจนถึงเหล่าดาราน้อยใหญ่ แล้วจะทำอย่างไรถ้าเราอยากตัดผมทรงนี้บ้าง วันนี้เรามีคู่มือทำความเข้าใจง่ายสำหรับ Undercut มาฝากกัน รูปทรงหน้า Undercut หรือการตัดผมแบบเปิดข้างเป็นทรงผมที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ เหตุผลง่าย ๆ เพราะ มันสามารถเข้าได้กับรูปหน้าของผู้ชายทุกแบบ ไม่ว่าจะหน้าทรงเหลี่ยม หน้ารูปไข่ หรือคนหน้ากลม จุดเด่นของมันคือ ทำให้หน้าของเราดูเรียวและมีมิติขึ้น ยิ่งสำหรับคนหน้ารูปไข่แล้ว จำไว้เลยว่า คุณเหมาะสมในการตัด Undercut มากที่สุด แต่สำหรับคนที่มีใบหน้ากลมก็ไม่ควรจะไถให้สั้นเตียนจนเกินไป ประเภทของผม สำหรับคนผมตรง รวมถึงผมเส้นเล็กมีความบางกำลังดีไม่หนามาก มักไม่พบเจอปัญหาเวลาตัด Undercut มากนักเพราะผมแบบดังกล่าวสามารถจัดทรงได้ง่าย แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าคนมีผมหยิกและหนาจะไม่เหมาะกับทรงนี้ เพียงแค่ต้องมีขั้นตอนการตัดที่เพิ่มขึ้นมา คือหลังจากไถผมด้านข้างกับด้านหลังออกแล้ว ต้องให้ช่างทำการซอยผมส่วนบนให้บางลง ไม่เช่นนั้นเวลาปล่อยผม จะทำให้หัวของคุณมีลักษณะคล้ายกับเห็ด แถมตอนจัดทรงยังเก็บผมได้ยากอีกด้วย แต่ผมหยิกหนาก็มีข้อได้เปรียบเพราะเมื่อคุณทำการเซต มันจะดูมีวอลลุ่มมากกว่าคนผมบางนั่นเอง ต้องเอาใจใส่ ถ้าคุณเลือกจะตัดทรง Undercut อาจจะต้องมั่นใจว่าคุณมีเวลาในการเข้าร้านตัดผมบ่อยกว่าคนอื่นเล็กน้อย
หากใครยังไม่รู้เดือนพฤศจิกายนนี้ในหลาย ๆ ประเทศถูกจัดให้เป็นเดือน MOVEMBER หรือ เดือนแห่งการไว้หนวด ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของคนที่อยากทำความดี และช่วยเหลือสังคมด้วยวิธีง่าย ๆ แบบผู้ชายแมน ๆ สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักชื่อนี้มาก่อนเลยอาจจะสงสัยว่ามันคือเดือนอะไรมีความสำคัญอย่างไร ซึ่งเราต้องย้อนไปยังจุดเริ่มต้นโครงการนั่นมาจาก ชาวเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ที่ตั้งกลุ่มกันเพื่อไว้หนวดในช่วงเดือน พฤศจิกายน จึงเป็นที่มาของคำว่า MOVEMBER จากการผสานคำระหว่าง Moustache (หนวด) และ November (พฤศจิกายน) เข้าด้วยกัน โดยการรวมกลุ่มนี้ก่อให้เกิดเป็นกิจกรรมที่เหล่าชายหนุ่มซึ่งเรียกตัวเองว่า MO BROS เข้าร่วมแข่งขันไว้หนวดภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน เพราะกลุ่มผู้ก่อตั้งเชื่อว่าหนวดเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ของเพศชาย เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มักคิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง ไม่ค่อยเจ็บป่วย ทำให้ละเลยในเรื่องของสุขภาพ องค์กรการกุศลที่ใช้ชื่อว่า MOVEMBER มองเห็นเรื่องโรคภัยเป็นสิ่งที่สำคัญจากการที่ผู้ชายชาวออสเตรเลียต้องประสบปัญหาเสียชีวิตจากโรคมะเร็งจำนวนมาก องค์กรการกุศลนี้จึงอยากเป็นตัวกลางที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ชายในการต่อสู้กับมะเร็งต่อมลูกหมากและอัณฑะ รวมไปถึงสุขภาพด้านอื่น ๆ สำหรับวิธีการก็ง่าย ๆ คนที่อยากจะเข้าร่วมโครงการนี้ เริ่มจากการเตรียมพร้อมด้วยใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน และต้องเลี้ยงหนวด ห้ามตัด เล็มเป็นอันขาดจนกว่าจะถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน หลังจากนั้นจะเปิดให้ผู้ใจบุญเข้ามาบริจาคเงินกับความพยายามของหนุ่ม ๆ เหล่านี้ เพื่อนำเงินสมทบทุนไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ประสบปัญหาเกี่ยวมะเร็งต่อมลูกหมากและอัณฑะที่ขาดแคลนในเรื่องทุนทรัพย์ต่อไป ซึ่งมันเป็นแฟชั่นการกุศลที่ฮิตมาก ไม่เฉพาะในประเทศ
เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน หน้าของเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเช่นกัน ยกเว้นแต่ Pharrell Williams ศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี่ที่สามารถสตาฟหน้าตัวเองให้ดูเด็กจนใครหลายคนแอบสงสัยว่าเขาเป็นแวมไพร์ หรืออย่างไร และมีเคล็ดลับอะไรในการดูแลหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัยทั้งที่ปัจจุบัน Pharrell กำลังจะอายุครบ 45 ปีแล้ว สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Pharrell Williams เลย เราขอสรุปเรื่องราวของเขาเพียงสั้น ๆ ว่าเป็น Multi-talented หรืออัจฉริยะหลายด้าน เพราะเขาเป็นทั้งนักดนตรีชื่อดังการันตีผลงานมากมาย อีกทั้งยังเป็นนักธุรกิจที่ชาญฉลาดในการเลือกลงทุน รวมถึงยังควบตำแหน่งดีไซน์เนอร์ที่มีผลงานโดดเด่นชนิดหาตัวจับยาก ซึ่งถ้าอยากรู้เรื่องของเขาเพิ่มเติมสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ content และอย่างที่เราทราบว่า Pharrell ยังคงเป็นคนที่ขึ้นชื่อในเรื่องสไตล์การแต่งตัว ดังนั้นวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ได้ถอดบทสัมภาษณ์ของเขาจาก Dazed ถึงเคล็ดลับในการแต่งตัวรวมถึงวิธีการดูแลตัวเองให้หน้าตาดูอ่อนกว่าวัย เพื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน คุณมองหาอิทธิพลการแต่งตัวจากไหน Pharrell : ผมได้แรงบันดาลใจมาจากทุกคน ผมจะสังเกตคนจากท้องถนนที่พบเจอ เพราะว่าเนี่ยหละคือของจริง ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม บางทีมันอาจจะเกิดเพียงแค่ความจำเป็น หรือฟังก์ชั่นการใช้งาน แต่พอเป็นสไตล์แล้วมันโคตร Swagger เลย ตัวอย่างเช่นเมื่อประมาณ 20 ปีก่อนผมใส่หมวก Trucker Hat เพราะผมไปเห็นคนขับรถบรรทุกใส่กัน ซึ่งมันโคตรจะเท่เลย แค่นั้นเองสำหรับเรื่องของสไตล์ และมีแบรนด์ดีไซน์เนอร์คนไหนที่ชื่นชอบเป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณ
แม้จะมีผลวิจัยมากมายยืนยันว่าผิวผู้ชายนั้นแข็งแกร่ง เสื่อมโทรมได้ยากกว่าผู้หญิง เพราะฮอร์โมนเพศชายนั้นมีส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นเส้นใยที่ยึดโยงให้เซลล์ผิวของมนุษย์เต่งตึง ทำให้มนุษย์ผู้ชายอย่างเรา ๆ มีข้อได้เปรียบในเรื่องของผิวที่เสื่อมโทรมได้ช้ากว่าผิวของสาว ๆ ทั้งหลาย แต่ก็ใช่ว่าจะย่ามใจในความได้เปรียบของเพศสภาพ ไม่ดูแลบำรุงอะไรทั้งสิ้น ปล่อยเซอร์จนหน้าโทรมหมดสง่าราศีก็คงไม่ไหว เพราะต้องไม่ลืมว่าทุกวันนี้มลภาวะ ฝุ่น ควัน และแสงแดดแผดเผาของประเทศไทย ต่างก็ง้างหมัดรอที่จะเข้ามารุมทำร้ายผิวหน้าได้ทุกเมื่อ ยิ่งเป็นผู้ชายยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์หนักหน่วง ใช้ชีวิตเต็มที่ในทุกด้าน ตอนทำงานก็ทุ่มเทเคร่งเครียด เวลาพักผ่อนก็กินดื่มเที่ยวเล่นสุดเหวี่ยงตะลุยไปทุกที่แบบไม่กลัวพลังหมด ยิ่งมีโอกาสที่ผิวหน้าจะอ่อนล้า อ่อนแรง แห้งเหี่ยวก่อนวัยอันควร ทางที่ดีเราแนะนำให้หมั่นดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วย 3 วิธีง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ที่เราอยากให้หนุ่ม ๆ UNLOCKMEN เริ่มทำกันเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อผิวหน้าดี ๆ คงความเท่เอาไว้ได้อย่างยืนยาว ความสะอาดคือพื้นฐานของการดูแลผิวหน้า การล้างหน้าคือขั้นตอนพื้นฐานง่าย ๆ ที่ผู้ชายหลายคนมองข้าม มักจะปล่อยปละละเลย เน้นเร็ว เน้นสะดวกเข้าว่า จนทำให้หยิบอะไรก็ได้ที่พอจะหาเจอในห้องน้ำ แล้วทำให้เกิดฟองได้ เอามาละเลงล้างหน้า กะว่าให้หน้าหายมันเป็นพอ ซึ่งนั่นคือเรื่องผิดมหันต์ ถ้าผิวหน้าดีผิวหน้าแข็งแกร่งอยู่แล้วเป็นทุน อาจยืดระยะเวลาของปัญหาผิวออกไปให้นานหน่อย แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่มีปัญหาผิวอยู่แล้ว ทั้งหน้าแห้ง หน้ามัน หน้าแพ้ง่าย
คงต้องยอมรับแต่โดยดี ว่ามนุษย์ผู้ชายส่วนใหญ่คือกลุ่มคนที่ไม่ถูกโรคกับความยุ่งยากวุ่นวาย ไม่ว่าจะย่างกรายไปไหน หรือจะขยับทำอะไร ก็ต้องเน้นความสะดวกรวดเร็วเข้าว่า แม้กระทั่งกิจกรรมเพื่อสุขลักษณะพื้นฐานอย่างการดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย ผู้ชายหลายคนก็ยังเน้นเร็ว เน้นง่ายไม่ยุ่งยากเอาไว้ก่อน จะอาบน้ำ หรือล้างหน้า ก็ใช้สบู่ก้อนเดียวครอบจักรวาลทั้งถูตัว ถูหน้า แค่พอให้รู้สึกผิวตึง ๆ ก็คิดเอาว่านี่แหละสะอาดแล้ว เอาจริง ๆ ทำแบบนั้นก็สะอาดแน่เราไม่เถียง แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าผิวหน้านั้นมีความแตกต่างจากผิวกาย ถ้ายังคงล้างหน้าด้วยสบู่อาบน้ำ ที่โดยส่วนใหญ่มักจะมีค่าความเป็นกรดด่าง (pH) สูงต่อไปเรื่อย ๆ ผลที่ได้คือผิวหน้าที่แห้งตึง ซึ่งไม่ใช่ว่าหน้าตึงคือหน้าสะอาด แต่มันคือสัญญาณของการสูญเสียน้ำมันปกคลุมผิวตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวแห้งและมีโอกาสเกิดริ้วรอยได้ง่าย อีกทั้งยังทำให้ผิวบอบบาง แพ้ง่าย แถมในบางคนยังประสบปัญหาหน้ามันเยิ้ม เพิ่มปัญหาสิวซ้ำเติมเข้าไปอีก เพราะต่อมไขมันบนใบหน้าเร่งสร้างน้ำมันขึ้นมาทดแทนมากจนเกินความต้องการ คราวนี้จะออกไปไหนก็สูญเสียความมั่นใจเสียหายไปถึงบุคลิกท่าที เพราะมัวแต่กังวลเรื่องหน้าแห้งเป็นขุย คันคะเยอะขึ้นผื่น หรือหน้าเยิ้มมัน ไม่ถึงครึ่งวันก็รองน้ำมันมาทอดไข่ได้แล้ว ทางที่ดีถ้าไม่อยากให้หน้าพัง ผิวเสียสมดุล จนต้องมาดูแลประคบประหงม เปลืองเวลาหนักกว่า เจอขั้นตอนยุ่งยากกว่าการยอมสละเวลาเล็กน้อยใส่ใจกับการล้างหน้าให้ถูกวิธี เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าให้เหมาะเสียตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง และในวันนี้เราก็มีเทคนิคการล้างหน้า วิธีดูแลผิวขั้นต้นอันสุดแสนจะเบสิคแต่ไม่ควรมองข้าม มาฝากชาว UNLOCKMEN ให้ลองไปทำตามกันดู รับรองว่าผิวหน้าดีได้แบบไม่ยุ่งยาก หรือเสียเวลามากมายอย่างที่คิด ล้างหน้าให้ถูกวิธี ต้องรู้จักสภาพผิวของตัวเองให้ดีก่อน ขั้นตอนแรกก่อนที่จะเอาอะไรก็ตามมาล้าง มาสัมผัสบนใบหน้า
ถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดไว้เคราหรือกำลังคิดจะไว้อยู่ล่ะก็ เราเชื่อว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณดูแลเคราให้ดูดีมีระเบียบได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาบาร์เบอร์แต่อย่างใด การไว้เคราถือเป็นเทรนด์ที่ฮิตในหมู่ผู้ชายมาทุกยุคทุกสมัยไม่เว้นแม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ก็ยังเห็นหนุ่ม ๆ เคราเฟิ้ม สัญจรไปมาอยู่แทบทุกตรอกซอกซอย แต่การไว้หนวดเคราที่เหมาะสม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่อยากจะเพิ่มความดุดันให้กับหน้าติ๋ม ๆ จะได้ดิบเถื่อนขึ้น หรือจะเลี้ยงไรหนวดเอาไว้เพื่อไซ้ซอกคอสาวก็ตาม กลับมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผู้ชายไว้หนวดไว้เครามองข้ามไป นั่นก็คือผู้ชายส่วนใหญ่มักจะคิดแค่ว่าปล่อยให้มันงอกยาวออกมาก็ดูน่าจะเพียงพอแล้ว จะว่าได้มันก็ได้ ถ้าหากคุณไม่แคร์กับลุคมนุษย์ถ้ำ หรือหนวดที่ฟุ้งกระจายสไตล์คนป่า แต่ถ้าคุณยังคงใช้ชีวิตใจกลางเมือง แน่นอนว่าแทบทุกคนยังคงต้องพบหน้าพบตาเพื่อนร่วมงาน พบปะพูดคุยกับลูกค้า ต้องเจอกับพ่อแม่ของว่าที่ภรรยา เราขอแนะนำว่า ลองหันมาทำตามสิ่งที่เรานำมาเสนอต่อไปนี้ดู แล้วจะรู้ว่ามันดีกว่าการปล่อยเซอร์ ทิ้งหนวดเคราให้ขึ้นมั่วซั่วเยอะเลยทีเดียว การดูแลเครานั้นมีกรรมวิธีที่ละเอียดอ่อนพอสมควร คุณอาจจะต้องมีความอดทน และใช้เวลากันสักเล็กน้อย รวมไปถึงการใช้ผลิตภัณฑ์อะไรบางอย่างเข้ามาช่วยบำรุงรักษา ตั้งแต่น้ำมันใส่เครา โลชั่นใส่เครา อุปกรณ์แต่งเล็ม หรือแม้กระทั่งแชมพูสระเครา เพราะเคราที่ถูกตัดเล็มมาอย่างดี สามารถสะท้อนถึงบุคลิกภาพที่ดีของตัวคุณ อีกทั้งยังเสริมภาพลักษณ์ และทำให้คุณดูเป็นคนมีอะไรมากขึ้นอีกด้วย และนี่คือเคล็ดลับการดูแลเคราให้ดูดีอยู่เสมอเชิญชมกันได้เลย Keep Your Beard Moisturized and Clean เคราก็ไม่ต่างจากเส้นผม ที่เราต้องรักษาความชุ่มชื้น และรักษาความสะอาดเพื่อให้ได้สัมผัสที่นุ่มละมุนมือเวลาสาง และป้องกันไม่ให้เกิดอาการคันต้องมานั่งเกาเสียมาดสุภาพบุรุษเครางาม ดังนั้น คุณควรลง Conditioner ทุกครั้งหลังจากสระทำความสะอาดเคราของคุณ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเคราจากสำนักเขาเหลียงซานได้แนะนำมาว่า ให้ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับสระและนวดเคราโดยเฉพาะ แต่ถ้าคุณคิดว่ามันยุ่งยากเกินไป
หากชาว UNLOCKMEN ลองสังเกตเทรนด์ทรงผมในบ้านเราตอนนี้ จะเห็นได้ว่าการเสย หวีปาดเรียบนั้นเริ่มจะได้รับความนิยมน้อยลง อาจเพราะด้วยความยุ่งยากในการจัดเซ็ต บวกกับสภาพอากาศที่ร้อน สลับฝนเช่นนี้ ทำให้หนุ่ม ๆ เริ่มกลับมา back to basic โดยการปล่อยเซอร์ไปเสียเลย อีกทั้งเทรนด์ทรงผมจากต่างประเทศที่ล้วนเป็นภาพอ้างอิงสำหรับใช้ในการตัดผมของพวกเราส่วนใหญ่ ก็หันมาจับกระแสใหม่ นั่นคือ Messy Style หรือการปล่อยผมให้ยุ่ง ๆ เซอร์ เหมือนไม่ตั้งใจ แต่ในความไม่ตั้งใจนั้น จริง ๆ แล้วล้วนแฝงไปด้วยเคล็ดลับที่สุดแสนจะตั้งใจ เพราะไอ้ครั้นจะปล่อยเซอร์โดยที่ไม่ผ่านการจัดแต่งเลย แบบนั้นก็คงจะออกมาไม่ได้รูปทรงที่ต้องการ ดังนั้นวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงนำแนวทางการจัดแต่งทรงผมแบบ Messy Style พร้อมตัวช่วยเพื่อให้คุณได้ทรงผมดั่งใจต้องการ Messy Dishevelled ทรงเซอร์สำหรับวันที่ไม่ต้องแต่งตัวเนี้ยบ อย่างที่เราทราบกันว่าทรงผมแบบยุ่งเหยิง หรือไม่เป็นระเบียบนั้นผู้ชายสามารถทำได้ทุกคน ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่ตื่นนอนเราก็จะได้ทรงผมที่ยุ่ง ๆ เซอร์ อยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อคุณเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรต่าง ๆ ทรงผมที่ถูกใจนี้ก็จะหายไปเสียแล้ว โดยเฉพาะผมสั้นที่จะคอนโทรลได้ยากกว่าคนผมยาวที่จะจัดเรียงตัวยุ่งเหยิงได้ดีกว่า จนเป็นที่มาของการจัดแต่งทรงผมสไตล์ Messy Dishevelled หรือถ้าจะให้เรียกง่าย ๆ คือ
หลังจากที่ผู้ชายอย่างเราแตกเนื้อหนุ่มฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนพลุ่งพล่าน ทำให้ร่างกายของเรามีการเปลี่ยนแปลงไปในหลายด้าน อาทิ หนวดเคราที่ยาวขึ้นมาเพื่อบ่งบอกความเป็นชายในตัวคุณ แต่สำหรับบางคนเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอาจด้วยกรรมพันธุ์ที่ไม่เอื้ออำนวยให้ขนบริเวณใบหน้าขึ้นได้ดั่งใจหวัง ซึ่งขอบอกก่อนเลยว่ามันไม่มีเทคนิคหรือยาวิเศษอะไรในโลกที่จะสามารถทำให้คนพันธุ์ขนน้อยมีขนดกดำขึ้นมาได้ ดังนั้นคนที่พอจะมีรากตอของหนวดอยู่ถือว่ายังโชคดี เพราะแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้เลี้ยงหนวดเคราขึ้นมาดกดำได้ เพียงแต่ต้องหาวิธีที่ถูก วันนี้ UNLOCKMEN ก็ได้นำวิธีที่จะทำให้หนวดของคุณยาวยิ่งเร็วขึ้นมาฝากกัน องค์ประกอบสำคัญสำหรับการเร่งเจริญเติบโตของขนบริเวณใบหน้า หรือขนส่วนอื่น ๆ ของร่างกายก็คือคุณภาพชีวิตที่ดี เริ่มจากการกิน พักผ่อน ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต โดยคนที่ต้องการให้หนวดเครา หรือเส้นผมต่าง ๆ ยาวเร็วนั้นต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ บวกกับรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี , ซี , ธาตุเหล็ก , ธาตุสังกะสี และโอเมก้า 3 เพื่อเร่งการยาวของหนวดเครา นอกจากนี้หนวดก็มีลักษณะเฉกเช่นเดียวกับเส้นผมหากขาดซึ่งการพักผ่อน หรือเรามีความเครียดก็จะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของเส้นขน และอาจส่งผลให้เกิดภาวะขนร่วงได้ ทำให้หนวดเคราของเขางอกยาวขึ้นมาช้ากว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นควรออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้งพร้อมกับพักผ่อนให้เพียงพอ เช่นเดียวกับการรักษาความสะอาดบนใบหน้าหากต้องการให้หนวดเคราขึ้นยาวเงาสลวยสวยงาม เราอาจจะต้องหาแชมพูสูตรเฉพาะสำหรับบริเวณหนวดเคราโดยเฉพาะเพื่อทำความสะอาดบริเวณนั้นเป็นประจำ ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วยได้ แต่สำหรับคนที่ทำอย่างไรก็ไม่มีหนวดเคราขึ้นมาเลย ทางออกทางการแพทย์คือการปลูกถ่ายหนวดด้วยการผ่าตัด ซึ่งอาจจะต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายแถมต้องเจ็บตัวสักเล็กน้อย ซึ่งถ้าปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหาก็ติดต่อคลินิคเฉพาะทางได้เลย