ในชีวิตนี้เราคงผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความสุขมามากมาย เช่น ตอนที่ได้ของขวัญวันเกิด ตอนที่ได้รางวัลใหญ่ ตอนที่จีบสาวติด หรือ ตอนที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จ เหตุการณ์เหล่านั้นคงทำให้หลายคนเกิดอาการดีใจเบิกบาน ร่าเริง และมีกำลังใจในการใช้ชีวิตไปอีกหลายวัน แม้ความสุขดูจะเป็นสิ่งที่ดีจนทำให้หลายคนพยายามตามหามัน แต่วิทยาศาสตร์กลับบอกเราว่า การให้ความสำคัญกับความสุขมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อเราได้ในหลายด้านเหมือนกัน เช่น ทำให้เราเผชิญหน้ากับปัญหาได้แย่ลง ทำให้เราไม่มีความสุข ร้ายที่สุดมันอาจทำให้เราตายไวขึ้นด้วย ความสุขที่มากเกินไปอาจไม่ดีต่อหัวใจ ความสุขที่มากเกินไปอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจของเราอ่อนแรงลงได้ไม่ต่างจากคนอกหัก ทีมวิจัยจาก University Hospital Zurich พบว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขอาจทำให้เราเกิด ภาวะใจแหลกสลาย (Takotsubo syndrome) หรือ ภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงแบบเฉียบพลันได้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย Takotsubo syndrome จำนวน 485 ราย แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยจำนวนกว่า 96% มีเหตุการณ์เศร้าเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ ส่วนอีก 4% มีอาการจากเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาดีใจสุดขีด งานวิจัยชิ้นนี้ทำให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ความเศร้าที่เป็นภัยต่อหัวใจ แต่ความสุขก็ทำให้ชีวิตตกอยู่ในอันตรายได้เหมือนกัน ความสุขที่มากเกินไปอาจทำให้เราแก้ปัญหาได้แย่ลง แม้ความปิติยินดีจะเป็นแรงผลักดันให้เราใช้ชีวิต และทำให้เราทำอะไรหลายอย่างได้ดีขึ้น แต่ถ้าเราถูกครอบงำด้วยความสุขมากเกินไป ผลที่เกิดขึ้นอาจมีร้ายมากกว่าดี งานวิจัยเมื่อปี 2008 ได้ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ คือ
“ความสุข” เมื่อพูดถึงคำนี้ทีไร เราก็หามาตรวัด หาเกณฑ์เฉพาะ หรือหาปริมาตรมาขีดแบ่งได้ยากแสนยาก ดังนั้นเมื่อเราทุกคน “อยากมีความสุขมากขึ้น” เราจึงล้วนแต่มีวิธีเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป เพราะเชื่อว่าไม่มีทางที่ความสุขของคนที่เราเห็นอยู่ไกล ๆ หรือใกล้ ๆ จะมาเทียบหรือเหมือนกับความสุขของเราได้ หนักเข้าก็มีทัศนคติหนึ่งเดียวที่ว่า “ความสุขอยู่ที่ใจ” หรือมาจากภายในตัวเราเท่านั้น ถ้าใจเราสุข สงบ ทุกอย่างรอบกายก็เป็นเพียงมายา เป็นเพียงสิ่งไม่จริง หนังสือ “วิทยาศาสตร์แห่งความสุข” (The Happiness Hypothesis) โดย Jonathan Haidt ซึ่งผ่านการรวบรวมงานวิจัยทางจิตวิทยา สังคมวิทยา มนุษยวิทยา หรือแม้แต่ชีววิทยาไว้ กลับบอกว่า “ความสุขไม่ได้อยู่ที่ใจเสมอไป” ใช่ ปัจจัยความสุขส่วนหนึ่งมาจากความรู้สึกภายใน แต่ต่อให้ภายในเราจะสงบนิ่งราวคืนค่ำไร้ลมเพียงใด ถ้าปัจจัยภายนอกไม่เหมาะควรก็อาจทำให้เราไม่มีความสุขนัก และนี่คือปัจจัยภายนอก 5 อย่างที่ผ่านการศึกษาวิจัยมาแล้วว่าเป็น “สูตรสำเร็จแห่งความสุข” ถ้าเราจัดการ 5 ปัจจัยภายนอกนี้ได้ เราจะมีความสุขมากขึ้น กำจัดเสียงรบกวน “เสียง” ดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ใครต่อใครมองข้าม เพราะรู้สึกว่ามันช่างไม่ส่งผลกระทบทางที่ดีหรือแย่กับเราเท่าใดนัก แต่จากงานวิจัยระบุว่าการที่เราต้องพักอาศัยในสถานที่แสนจอแจเต็มไปด้วยเสียงรบกวน (ไม่คงที่) เสียงเหล่านั้นจะทำให้ความคิดเราบกพร่อง โดยเฉพาะเสียงที่เกิดเป็นช่วง ๆ
ความสำเร็จที่รายล้อมรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ตำแหน่งที่สมกับความสามารถ ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกับความทุ่มเท ด้านชีวิตส่วนตัว บ้านหลังใหญ่ รถคันโปรดที่พาเราไปไหนมาไหนทุกที่ แต่แล้วเรากลับพบว่าท่ามกลางความสำเร็จที่พาของรอบตัวเหล่านั้นมา มีบางสิ่งข้างในที่มันขาดหายไป ความรู้สึกเว้าแหว่งยามที่ควานลงไปพบแต่ความดำมืดและความว่างเปล่า หากคุณเกิดความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ในใจ UNLOCKMEN อยากชวนหนุ่ม ๆ มาสำรวจความรู้สึกของตัวเองว่าอะไรกันที่มันขาดหายไป เพราะเหตุใดเราจึงรู้สึกว่าเติมอะไรก็ไม่เคยเต็ม เรามัวแต่ใช้เวลาไปกับสิ่งที่ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ เมื่อเราเติบโตขึ้นจนถึงวัยที่ได้ใช้ชีวิตจริง ๆ อย่างวัยทำงาน ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องมาก่อนสิ่งที่ถูกใจ สังคมรอบข้างหล่อหลอมให้เราเชื่อว่า หากทำแบบนั้นได้ เราจะดูเป็นคนมีวุฒิภาวะ รู้จักเลือกสิ่งที่จำเป็นมาก่อนสิ่งอื่น จนนั่นทำให้เราใช้เวลาไปกับสิ่งที่ถูกต้องเสียมากมาย หากไม่ทันรู้ตัวก็อาจจะใช้ครึ่งชีวิตที่เหลือไปกับสิ่งที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียวเลยก็ได้ แต่นั่นก็จำเป็นต้องทำจริง ๆ นั่นแหละ แล้วการทำสิ่งที่ถูกต้องมันแย่ตรงไหนกัน ? คำตอบคือมันไม่แย่เลย หากเรารู้จัก Balance ชีวิตของเราให้ดีในทุกด้าน ไม่ให้ตัวเองตึงเพราะสิ่งที่ถูกต้องเกินไป จนตัวเองกลายเป็นหุ่นยนต์หาเงิน แล้วจะทำยังไงเราถึงจะ Balance ชีวิตของเราได้ ไปดูข้อต่อไปกัน ยังไม่ลงมือทำสิ่งที่รัก หลายคนต่างเคยมีความฝันหรืองานอดิเรก ความชอบ ที่มันยังอยู่ในใจของเราเสมอมา เพียงแต่ในตอนเด็กเราไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะ Support สิ่งนั้นไปได้สุดทาง (แต่ถ้าใครทำได้แล้ว เรายินดีด้วยจากใจจริง) พอโตขึ้นมาอยู่ในวัยทำงาน เรามีกำลังทรัพย์มากพอที่จะ Support สิ่งที่เรารัก
เปิดหมวดหนังโรแมนติกขึ้นมาทีไร มีแต่หนังรักหวาน ๆ น้ำตาลขึ้นตา จนรู้สึกว่าการมีคู่นี่มันช่างจรรโลงโลกใบนี้ให้จนเหมือนถูกย้อมสีด้วยสีสันแห่งความรัก ดูตอนแรก ๆ แค่หมั่นไส้ ดูไปดูมารู้สึกจะอ้วกแล้วโว้ย หนุ่มโสดอย่างเราไม่มีที่ยืนสำหรับหนังรักกันเลยหรือยังไง ถ้าคุณเป็นหนุ่มโสดที่อยากจะดูหนังรักกับเขาบ้าง แต่ก็ไม่อยากถูกซ้ำเติมด้วยความรักที่ลอยฟุ้งในอากาศ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 หนังรักขาด ๆ เกิน ๆ จนรู้สึกว่าเป็นโสดนี่โชคดีแล้วหนุ่ม Gone Girl (2014) Director : David Fincher Nick และ Amy คู่รักที่มีชีวิตเข้ากันตั้งแต่บทสนทนาแรกที่เจอกัน จนทำให้ทั้งคู่ลงเอยด้วยการลั่นระฆังวิวาห์แบบไม่มีลังเล แต่แล้วความรักหลังการแต่งงานมันก็ไม่ได้สวยงามเหมือนตอนที่ยังอยู่ในฐานะคนรัก พอขยับความสัมพันธ์มาเป็นสามี-ภรรยาแล้ว ทุกอย่างรอบตัวบีบบังคับให้ทั้งคู่ต้องกลายเป็นคู่รักที่ชีวิตสมบูรณ์แบบ ทั้งคู่พยายามแสดงออกไปแบบนั้น แต่ความสัมพันธ์ภายในของทั้งคู่กลับสั่นคลอนอย่างน่ากลัว Amy สาวน้อยมหัศจรรย์ ที่ชีวิตของเธอเหมือนกับถูกลดทอนความก้าวหน้าลงเพราะสามีจอมขี้เกียจ Nick หมดไฟกับการเป็นหนุ่มผู้แสนดี และตอนนี้เบื่อหน่าย Amy สาวคนเดิมที่เขาเคยหลงรัก กลายเป็นผู้หญิงที่คอยตามจิกชีวิตเขาจนอยากจะหนีไปไกล ๆ ชีวิตคู่ที่เหี่ยวแห้งว่าแย่แล้ว มันทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อวันดีคืนดี Amy หายตัวไป แถมยังทิ้งร่อยรอยหลายอย่างไว้ จนหลักฐานเหล่านั้นตีกรอบเข้ามาแล้วชี้ว่า Nick เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งแบบไร้คู่แข่งเลยก็ว่าได้ แม้จะชิงชังชีวิตคู่ขนาดไหน Nick ก็ยืนยันหนักแน่นว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเธอ มาดูกันว่าใครกันแน่ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้
เรามักจะเชื่อว่า ความสุข เป็นเหมือนจุดหมายในชีวิตของพวกเรา ทุกอย่างที่เราตั้งเป้าไว้คือสิ่งที่เราเชื่อว่าจะมีความสุขเมื่อได้มันมา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของที่เป็นรูปธรรม หรือเรื่องของความรู้สึกที่เป็นนามธรรม อย่างความปลอดภัยในชีวิต ความรักที่ได้รับจากคนรอบข้าง ความสงบสุขที่ใฝ่หามาตลอดชีวิตที่แสนวุ่นวาย ยิ่งในยุคที่เราใช้ชีวิตรวดเร็วไปเสียทุกเรื่อง แม้แต่การหาความสุขใส่ตัวก็ยังต้องรวดเร็วทันใจ แต่ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ UNLOCKMEN ขอแนะนำวิธีหาความสุขง่าย ๆ จากสิ่งรอบตัว หวังว่ายิ่งทำง่ายเราจะยิ่งหาความสุขให้กับตัวเองกันได้มากขึ้น พักสายตาด้วยสีเขียว เหนื่อยล้ามาจากไหนก็ตาม ลองมองหาพื้นที่สีเขียวอย่างสวนสาธารณะ ลงไปเดินเล่นสูดหายใจลึก ๆ สักห้านาที หากมีต้นไม้ต้นเล็ก ๆ เป็นมุมสีเขียวไว้ที่บ้านหรือโต๊ะทำงานก็จะง่ายขึ้นมาก ๆ แถมยังช่วยผ่อนคลายเราได้ทุกครั้งที่ต้องการอีกด้วย เหตุผลที่เรามองสีเขียวแล้วมันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเพราะมันเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากตึก เมือง ห้องสี่เหลี่ยมที่เราเจออยู่ทุกวัน ได้เจออะไรที่มันเป็นธรรมชาติจริง ๆ ตามสัญชาตญาณของมนุษย์เรามักจะรู้สึกว่าอะไรสีเขียว ๆ ที่มาจากธรรมชาติมักจะเป็นมิตรกับเราเสมอ เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ที่มนุษย์เราเลือกที่จะตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์แล้ว บริหารสมองด้วยอะไรง่าย ๆ สละเวลาสักวันละห้านาทีหรืออาจจะน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ ด้วยเกม Puzzle เกมลับสมองง่าย ๆ สักเกมสองเกม มันไม่ได้ทำเพื่อความสมาร์ตปราดเปรื่องอะไรหรอก แต่มันคือการบริหารสมอง ลดความเบลอจากเรื่องประสาทแดก หรือการมองจอคอมพิวเตอร์มาทั้งวัน ถ้าไม่สะดวกที่จะหาเกมมาเล่น ลองเป็นอะไรที่ปลุกความครีเอตในตัวเรา อย่างการมองหามุมสวย ๆ แล้วเก็บภาพประทับใจตอนนั้นไว้ วาดรูปอะไรก็ได้ที่เราอยากจะวาดบนกระดาษ
หลายครั้งที่เราต้องให้ชีวิตเดินไปข้างหน้าให้ทันตามเวลา ด้วยหน้าที่และภาระที่ยังคอบบีบบังคับให้เราไม่มีแม้แต่เวลากลับมาถามตัวเองว่า “เหนื่อยเกินไปมั้ย ?” “ได้ยิ้มหัวเราะอย่างเต็มที่ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ?” หากชีวิตมันวุ่นวายขนาดนั้น อย่าปล่อยให้ตัวเองตึงมากเกินไปนัก หายใจเข้าลึก ๆ UNLOCKMEN จะแนะนำวิธีเติมความสุขให้ชีวิตที่แสนจะวุ่นวาย กลับมามีชีวาอีกครั้ง ง่าย ๆ เพียงวันละ 5 นาทีเท่านั้น อย่าบอกนะว่าไม่มีเวลา! หมดไฟเมื่อไหร่ ให้คุยกับตัวเอง การสื่อสาร ความสัมพันธ์ มันฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องของคนสองหรือมากกว่านั้น เราแคร์เรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับคนรอบข้างมากเสียจน เราหลงลืมที่จะสื่อสารกับตัวเองไปบ้างหรือเปล่า ? อย่าเพิ่งมองว่าการคุยกับตัวเองมันเหมือนคนบ้าหรือเปล่า ? จริง ๆ มันเป็นสิ่งที่จะเป็นเวลาเรารู้สึกเคว้งคว้างหลงทางขึ้นมา ลองกลับมาฟังเสียงตัวเองดูบ้างว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราพอใจในชีวิตของเราแค่ไหน เราอาจจะเหนื่อยแล้วมีความสุขในตอนท้ายที่ได้ทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ก็ได้ หรือความสุขอาจจะกำลังเลือนหายไปแบบไม่รู้ตัว บางครั้งเราเองนี่แหละคือเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง คนที่รับรู้เรื่องราวมาตลอด คนที่รู้ว่าข้างในลึก ๆ เราต้องการอะไร ลองหยุดสิ่งวุ่นวายทั้งหมด แล้วมาถามไถ่เรื่องราวของเพื่อนคนนี้กันบ้าง อย่าปล่อยให้สังคมรอบข้างกลืนกินเราไปจนหมดสิ้นจนเพื่อนคนนี้ไม่มีชีวิตชีวาอีกต่อไป เจอเรื่องแย่ ๆ เหรอ เขียนมันลงไปสิ! ไม่ใช่ว่าทุกครั้งเราจะมีที่ปรึกษาที่พูดได้ทุกเรื่อง ต่อให้มีก็ตามใช่ว่าเราจะพูดทุกอย่างที่เราคิดออกไปได้หมดเปลือก ในวันที่ชีวิตดำมืดไม่รู้จะเดินไปทิศไหน อย่าเพิ่งคลำทาง คลำหาดินสอและกระดาษ มาเขียนเรื่องราวแย่ ๆ ที่ทำให้เรา
ลองนึกถึงครั้งสุดท้ายที่คุณซื้อของที่อยากได้มาก ๆ สักชิ้นดูสิ แล้วหลังจากซื้อมาได้นั้นรู้สึกยังไง ? แน่ล่ะ มันก็ต้องรู้สึกดีใช่มั้ยล่ะ แล้วถ้าตอนนี้มีของที่อยากได้อีกล่ะ ? ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ เสื้อผ้า หรือ PS4 เอาไว้ผ่อนคลายในวันหยุด เอาสิ อยากได้อะไรก็ซื้อเลย จะอะไรก็ช่าง ถ้ามันนำความสุขมาให้คุณและคุณก็มีเงินเหลือมากพอสำหรับมันด้วย แม้ผู้ชายอย่างเราจะได้ยินมาจนหูแทบชาว่า “เงินซื้อความสุขไม่ได้” แต่เราดันรู้สึกมีความสุขเมื่อได้ซื้อของที่อยากได้น่ะสิ ตกลงความสุขนี่มันซื้อได้มั้ยวะ ? UNLOCKMEN จะพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน ล้วงลึกเหตุผลที่ทำให้เรามีความสุขแม้แต่ตอนเสียเงิน มนุษย์เรามักจะไขว่คว้าหาความพึงพอใจแบบสำเร็จรูปที่ได้มาง่ายและเร็วกันอยู่แล้ว คุณอาจจะเคยได้ยินพวกคำคมเกี่ยวกับความสุข เงิน สิ่งของ นู่นนี่สลับกันไปมาเยอะแล้ว การที่เราจะได้อะไรมา เราจะจดจำความรู้สึกของวินาทีนั้นไว้ ในวันที่ความสุขแบบสำเร็จรูปกลายเป็นความต้องการส่วนหนึ่งตามธรรมชาติของมนุษย์ เรากลับอาศัยอยู่ในสังคมที่ไม่ได้หาความสุขจากการจับจ่ายซื้อของมาได้ง่ายนัก เราต้องรอวันเงินเดือนออก เพื่ออาหารจานโปรด เพื่อกาแฟไฮเอนด์สักแก้ว หรือพรีออเดอร์ของเล่นสักชิ้น พอเราได้มันมา จึงเหมือนเราได้เติมความพึงพอใจให้ตัวเอง ความตื่นเต้นเมื่อเราได้สิ่งของที่อยากได้มา ยิ่งสร้างความพึงพอใจให้เราและมันทำให้ร่างกายของเราหลั่ง Dopamine ออกมามาก เราเลยรู้สึกวูบวาบ ใจเต้นแรง จริง ๆ แล้วนั่นหมายความว่าเรารู้สึกตื่นเต้นไปกับ Dopamine ก่อนที่จะตอบสนองกับสิ่งกระตุ้นอย่าง Fancy Things
ถ้าทุกๆวันมีความน่าเบื่อ อยู่ๆชีวิตกลับไม่มีความสุขขึ้นมา ลองอ่าน ถ้ามันใช่ รีบเดินออกไป หาสิ่งใหม่ได้แล้ว!!