เวลาเราดูหนังฮีโร่ เรามักเห็นเรื่องราวของวายร้ายที่ไม่ได้มีนิสัยเลวร้ายมาแต่กำเนิด บางคนก่อนหน้านั้นเป็นคนดีด้วยซ้ำ แต่พวกเขาได้เจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของเขาดิ่งลงอย่างช้า ๆ เช่น ถูกทารุณกรรม ถูกกลั่นแกล้ง หรือ ถูกล่วงละเมิดทางเพศในวัยเด็กมาเป็นเวลานาน เหตุการณ์ฝั่งใจเรานั้นกลายเป็นแรงบันดาลใจที่พาพวกเขาเข้าสู่โลกสีดำมืดในที่สุด ในโลกความจริง เราก็มีอาชญากรที่เกิดจากปมด้อยหลายคนเหมือนกัน หนึ่งในนั้น คือ Jason Vukovich ชายผู้เข้าสู่เส้นทางของอาชญากร เพราะถูกผู้ปกครองล่วงละเมิดในวัยเด็ก และฮีโร่ผู้นำความยุติธรรมมาสู่เด็กที่โดนละล่วงละเมิดทางเพศในสายตาของใครหลายคน เขาได้รับสมญานามว่า “Alaska Avenger” จากการตามล่าพวกไคร่เด็ก 3 คนในรัฐอลาสก้า ซึ่ง UNLOCKMEN อยากพาทุกคนไปรู้จักกับเขาให้มากขึ้น บาดแผลในใจของ Jason Vukovich เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ.1975 หนุ่มน้อย Jason Vukovich ได้ถือกำเนิดขึ้นในเมืองแองเคอเรจของรัฐอลาสก้า เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่เคร่งศาสนาคริสต์อย่างมาก (มักเข้าโบสถ์เป็นเวลา 2 -3 ครั้งต่อสัปดาห์) โดยมีแม่ของเป็นผู้ปกครองคนแรก และเลี้ยงเขาด้วยตัวคนเดียวมาตลอด จนกระทั่งพ่อบุญธรรม Larry Lee Fulton ได้เข้ามาเป็นคนรับเลี้ยง Vukovich ในเวลาต่อมา
ผู้ชายมักต้องแบกรับภาระมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ค่าเช่าบ้าน ค่าเลี้ยงดูครอบครัว ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ฯลฯ ถ้าวันใดซวยป่วยไข้แล้วต้องเจอกับค่ารักษาพยาบาลอีก เราคงจะเหนื่อยกันมากเกินไป UNLOCKMEN จึงอยากมาแนะนำวิธีการป้องกันปัญหาด้านสุขภาพที่มักเจอบ่อยในหมู่ผู้ชาย เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างแฮปปี้ยาวนานกันร่างกายและการเงิน โรคหลอดเลือดและหัวใจ (Cardiovascular Disease) โรคหลอดเลือดและหัวใจ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกไปเป็นจำนวนมาก องค์การอนามัยโลกพบว่าในปี 2019 คนจำนวนกว่า 17.9 ล้านคน เสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดและหัวใจ (CVDs) เช่น โรคหัวใจวาย หรือ โรคหลอดเลือดสมอง คิดเป็น 32% ของการตายทั่วโลกเลยทีเดียว โรคนี้มักถูกเรียกว่าเป็นนักฆ่าเงียบ (Silent Killer) อีกด้วย เพราะผู้ป่วยที่คอเลสเตอรอลอุดตันในเส้นเลือด มักไม่แสดงอาการในช่วงแรก แถมยังมีการศึกษาและพบว่าผู้ชายเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิงอีกด้วย มันจึงเป็นโรคที่อันตรายสำหรับชาวเรามาก และจะดีที่สุดถ้ารู้จักป้องกันมันตั้งแต่ต้น วิธีป้องกันโรค: ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายให้เพียงพอ (2.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับการออกกำลังกายปานกลาง หรือ 75 นาทีต่อสัปดาห์สำหรับการออกกำลังกายหนัก) และถ้าคุณเป็นสิงห์อมควันหรือผู้ชื่นชอบแอลกอฮอล์ตัวยง ควรลดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง หรือถ้าเลิกได้จะดีมาก โรคเบาหวาน (Diabetes)
ช่วงนี้ผู้ชายหลายคนคงรู้สึกเหงากันอย่างหนักหน่วง เพราะ COVID-19 ทำให้เจอเพื่อนน้อยลง และออกไปเที่ยวสังสรรค์ได้ยากลำบากมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่เราจะหาสัตว์เลี้ยงคู่ใจสักตัวมาเป็นเพื่อนร่วมบ้าน เพราะนอกจากจะช่วยคลายความเหงาแล้ว การเลี้ยงสัตว์ยังอุดมไปด้วยประโยชน์อื่น ๆ อีกมายที่คุณอาจคาดไม่ถึง ! ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง ช่วยลดความเครียด สัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้ในช่วงที่เจอกับความเครียดอย่างหนัก งานวิจัยชิ้นหนึ่ง (2017) ได้ทำการศึกษาผู้ป่วยโรคเอดส์ (HIV) ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวนกว่า 252 คน และพบว่า เมื่อพวกเขาเลี้ยงสัตว์ โอกาสเป็นโรคซึมเศร้าจะน้อยลง นอกจากนี้การเลี้ยงสัตว์สี่ขาอย่างหมา จำเป็นต้องพามันออกไปเดินหรือเล่นนอกบ้าน ซึ่งกระตุ้นให้เราได้ออกกำลังกายนอกบ้านมากขึ้น และมีภูมิคุ้มกันปัญหาทางจิตมากขึ้นเช่นกัน หาเพื่อนใหม่ได้ง่ายขึ้น นอกจากจะช่วยลดความเครียดแล้ว การพาหมาออกไปเดินเล่นนอกบ้าน อาจทำให้เราดูเข้าถึงง่ายขึ้น และเข้าสังคมได้เก่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย งานวิจัยชิ้นหนึ่ง (2015) ได้ทำการสำรวจชาวออสเตรเลียและอเมริการาว 2,692 คน เพื่อศึกษาว่าสัตว์เลี้ยงส่งผลอย่างไร ต่อการรู้จักคนหน้าใหม่ การสร้างเพื่อน และเครือข่ายทางสังคม ซึ่งนักวิจัยพบว่าคนเลี้ยงหมาราว 40% สามารถสร้างเพื่อนใหม่ได้ง่ายขึ้น เพราะสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ช่วยให้ชีวิตของเราสนุกสนานมากขึ้น หมาอาจช่วยให้ชีวิตของเรามีสีสัน และความสนุกสนานมากขึ้นกดว่าเดิม งานวิจัยชิ้นหนึ่ง
เคยไหมเวลาจะพาสาว ๆ ไปกินข้าวหรือพาไปเที่ยวที่ไหนสักที่ ขณะเรากำลังขับรถก็ปล่อยให้เธอดูแผนที่ตามปกติ แต่แล้วเธอดันพาเราไปหลงได้บ่อยครั้ง แม้จะมีระบบนำทางอัจฉริยะอย่าง GPS ก็ดูจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ที่แย่ไปกว่านั้นคือประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องทะเลาะว่าใครถูกใครผิดและทำให้เราทั้งคู่เถียงกันไม่รู้จบ ต้องบอกว่าการดูแผนที่นอกจากจะต้องเข้าใจข้อมูลมิติเชิงพื้นที่แล้ว ยังต้องใช้จินตนาการคาดเดาเส้นทางว่าเลี้ยวซ้ายแยกนี้หรือเลี้ยวขวาแยกหน้า เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้อง ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะคิดว่าตนมีศักยภาพด้านแผนที่และชำนาญเส้นทางมากกว่าผู้หญิง แต่แท้ที่จริงแล้วหญิงหรือชายที่เก่งเรื่องนี้มากกว่ากัน? เพศสภาพและฮอร์โมน เพศสภาพที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดทำให้ผู้ชายและผู้หญิงต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งเผยว่าแม้เพศชายจะแข็งแรงทางกายภาพมากกว่า แต่ผู้หญิงนั้นมีวิธีจัดการกับอารมณ์ได้ดีกว่าผู้ชายเรา เนื่องจากผู้หญิงจะใช้สมองสองส่วนในการแก้ปัญหา คือส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหตุผลและส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ขณะที่ผู้ชายใช้สมองเพียงส่วนเดียว ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าฮอร์โมนเพศที่ต่างกันทำให้ความสามารถทางปัญญาของสองเพศไม่เหมือนกัน โครงสร้างสมองและการเชื่อมต่อของเส้นประสาท งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร National Academy of Sciences เผยว่าเหตุที่ผู้ชายชำนาญเรื่องแผนที่มากกว่าผู้หญิงเป็นเพราะโครงสร้างสมองและวิธีการเชื่อมต่อของเส้นประสาทในสมอง (hardwired) ต่างกัน สมองของผู้ชายเส้นประสาทจะเชื่อมต่อกันจำนวนมากบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของสมองซีกเดียวกัน ใขณะที่ผู้หญิงนั้นการเชื่อมต่อส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา การเชื่อมต่อของเส้นประสาทที่ต่างกันทำให้ระบบการประมวลผลในสมองของชายและหญิงไม่เหมือนกัน ผู้หญิงจึงชำนาญเรื่องความคิดเชิงตรรกะ การจดจำ การรับรู้ ตลอดจนสัญชาตญาณ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือพวกเธอนั้นเชี่ยวชาญทางด้านวาจาและมีความฉลาดทางอารมณ์มากกว่าผู้ชายเรา แต่ถ้าเป็นงานเกี่ยวกับอวกาศ ทักษะยานยนต์ หรือการอ่านแผนที่ผู้ชายจะทำได้ดีกว่า เพราะผู้ชายมีจุดเด่นในการควบคุมกล้ามเนื้อและการอ่านข้อมูลมิติเชิงพื้นที่ ผู้ชายเก่งแผนที่มากกว่าผู้หญิง? นักประสาทวิทยาที่ The Norwegian University of Science and Technology ให้อาสาสมัครชาย
“If you can’t be better than your competition, just dress better.” – Anna Wintour ประโยคสุดคลาสสิกของอดีตบก.นิตยสารแฟชั่นระดับโลกอย่าง Vogue มันคือความจริงที่สุด เพราะรูปร่างหน้าตาเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงได้แล้วก็ตามแต่ก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี ที่สำคัญต้องเจ็บตัวอีกต่างหาก แต่การแต่งตัวให้ดีเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมากมาย และเชื่อสิว่าชีวิตจะดีขึ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน UNLOCKMEN อยากให้หนุ่ม ๆ ทุกคนแต่งตัวดี วันนี้จึงมีเคล็ดลับง่าย ๆ มานำเสนอกับ 10 นิสัยที่มีติดตัวเอาไว้รับรองว่าคุณจะกลายเป็นคนแต่งตัวดีแน่นอน จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย! ยึดมั่นในสไตล์ตนเอง แน่นอนว่าในโลกนี้มีสไตล์การแต่งตัวมากมายหลากหลายแบบด้วยกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องหาสไตล์ที่ใช่กับตัวคุณให้เจอและยึดมั่นกับสไตล์นั้น อาจจะเป็นสไตล์หล่อเนี้ยบด้วยเสื้อเชื้ต Oxford หรือสไตล์สตรีทก็แล้วแต่ความชอบ เพราะถ้าคุณหาสไตล์ของตัวเองไม่เจอแล้วล่ะก็ คุณจะต้องเสียเงินจำนวนมหาศาลไปกับเสื้อผ้าที่ไม่ใช่สไตล์ของคุณจริง ๆ ตามการสำรวจที่พบว่าผู้ชายอังกฤษจะสวมใส่เสื้อผ้าจำนวน 13% ของทั้งหมดที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นรีบหาสไตล์ของตัวเองให้เจอเถอะ ก่อนที่เงินในกระเป๋าคุณจะหมดเสียก่อน! ออกไปช็อปด้วยตัวเองบ้าง เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในโลกของเรามากขึ้นทุกวัน รวมถึงเรื่องการช็อปปิ้งด้วย ทุกวันนี้แค่คุณอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนก็สามารถช็อปปิ้งเสื้อผ้าหลากหลายแบรนด์จากทั่วทุกมุมโลกมาส่งถึงหน้าบ้านได้แล้ว แต่เชื่อเถอะว่ายังไงเสียการออกไปช็อปปิ้งที่ร้านเสื้อผ้าด้วยตัวเองก็เป็นสิ่งที่ดีกว่า นอกจากคุณจะลองหน้ากระจกว่าเสื้อผ้าตัวนั้นเหมาะกับคุณจริงหรือไม่ ใส่ได้พอดีหรือเปล่า บางทีคุณอาจจะได้รับคำแนะนำดี