ระหว่างที่เขียนคอลัมน์นี้อยู่ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Milli (ดนุภา คณาธีรกุล) ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 สตรีผู้เป็นแรงบันดาลใจและทรงอิทธิพลจากทั่วโลก ประจำปี 2022 จากสำนักข่าว BBC โอ้มายก็อดส์! ความรู้สึกเดียวที่เรามีให้เลยคือ ‘ยินดีด้วย’ เพราะตลอดการเดินทางของแร็ปเปอร์คนนี้ไม่มีคำว่าฟลุ๊ค จะเป็นการแสดงสดที่เทศกาลดนตรี Cochella หรือการได้ร่วมงานกับค่าย 88 Rising ผงาดพลัง Asia Power สู่เวทีโลก ล้วนสะท้อนภาพความพยายามอย่างหนักทั้งนั้น และอัลบั้มแรกในชีวิตของเธอ ‘BABB BUM BUM (แบบเบิ้มเบิ้ม)’ ภายใต้สังกัด Yupp ก็เป็นอีกผลงานที่เต็มเปี่ยมด้วยความพยายาม ภายใต้อัลบั้มที่มีพาร์ทดนตรีสุดปั่น และไรห์มสุดยียวน นี่คืออัลบั้มที่ศิลปินผู้รู้จักตัวเองเป็นอย่างดี และรู้ว่าเพลงของตัวเองสามารถเป็นอะไรได้บ้างโดยไม่ทำให้เสียเอกลักษณ์ตัวตนแม้แต่น้อย และมันไม่ใช่เพราะว่า Genre ของ Hip-Hop ที่อนุญาตให้ดนตรีหลากหลายด้วยนะ แต่ Milli ทำให้เพลงทั้ง 10 อัลบั้มเป็นเรื่องราวของตัวเองจริง ๆ สำหรับเราในวันนี้ Milli ได้กลายเป็นตัวละครเอกของมังงะชีวิตที่ตัวเองเขียนไปแล้ว เป็นตัวละครที่บ้าพลัง มุทะลุชนทุกกำแพง และแม้จะย่อท้อก็สามารถลุกขึ้นมาร้องเพลงใหม่ได้เสมอ
สำหรับปี 2022 ก็เป็นระยะเวลาที่มังงะโจรสลัดอันดับหนึ่งของโลกอย่าง One Piece เข้าขวบที่ 25, ความยาว 1,000 ตอน และ จำนวนเล่มที่ 100 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหล่าแฟนคลับคงจะได้อ่านข้อความขอบคุณผู้อ่านอันยาวเหยียดของอาจารย์ ‘เออิจิโระ โอดะ’ กันแล้วใช่มั้ยครับ ระหว่างที่เขาเขียนจะมีน้ำตารึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เชื่อว่าทุกคนที่ติดตามกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น มีเรือของพวกเขาเทียบท่าอยู่ในใจตลอดมา ต้องเสียน้ำตากันอย่างแน่นอน เมื่ออาจารย์โอดะทิ้งท้ายข้อความจดหมายเอาไว้ว่า ‘เนื้อเรื่องได้เดินทางเข้าสู่ช่วงสุดท้ายกันแล้วครับ’ พอคิดล่วงหน้าถึงวันที่ตอนจบมาถึงก็คงจะเศร้าที่ต้องจากลา แต่ก็คงโล่งใจไม่น้อยที่ได้รู้บทสรุปเสียที เพื่อเป็นการฉลองให้กับความยิ่งใหญ่ของการ์ตูนโจรสลัดกับ The Movie ลำดับที่ 15 ในชื่อตอน One Piece Film RED ซึ่งพาเราไปรู้จักกับตัวละครใหม่อย่าง ‘อูตะ’ สาวน้อยไอดอลในโลกของโจรสลัด และความลับในอดีตของจักรพรรดิผมแดงอย่าง ‘แชงค์’ ที่แฟน ๆ ทั่วโลกอยากรู้มาโดยตลอด One Piece Film RED เข้าฉายแล้วทุกโรงภาพยนตร์ในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา แต่สำหรับที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งฉายก่อนตั้งแต่วันที่ 6
คนที่อ่านมังงะเรื่องวันพีซ (One Piece) มาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จักชนชั้นสูงของโลกที่เรียกว่า “เผ่ามังกรฟ้า” และ UNLOCKMEN เชื่อว่าเกือบทุกคนจะต้องหมั่นไส้ตัวละครกลุ่มนี้มากแน่นอน เพราะพวกเขาไม่เคยแคร์คนอื่น ห้ามใครขัดใจ คิดว่าตัวเองเป็นเทพเจ้า ใครขัดขืนเผ่ามังกรฟ้า ถ้าไม่ถูกเอาไปเป็นทาสต้องพบกับความตาย แล้วเพราะอะไรพวกเขาถึงยิ่งใหญ่คับฟ้าขนาดนี้ ? เผ่ามังกรฟ้า (Celestial Dragons) ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันพีซตอนที่ 497 พวกเขาเป็นสมาชิกของราชวงศ์เก่าแก่ 20 ตระกูล ที่ร่วมกันสร้างรัฐบาลโลกเมื่อ 800 ปีก่อน เมื่อสงครามใหญ่จบลงพวกเขาพากันไปใช้ชีวิตอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แมรี่โจอาหรือแมรีจัวส์ (Mariejois) ผืนแผ่นดินที่ตั้งอยู่บนยอดของเรดไลน์ พร้อมกับคัดเลือกคนที่เหมาะสมให้มาปกครองดินแดนต่าง ๆ แทนตัวเองที่ย้ายไปอยู่ยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เผ่ามังกรฟ้าตระกูลเนเฟลตาลี (Nefertari) ขอเลือกใช้ชีวิตอยู่บนแผ่นดินปกติตามเดิม และลูกหลานของตระกูลนี้เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางกลุ่มตัวละครหลักของเรื่อง เรื่องราวของเผ่ามังกรฟ้าที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับพระเจ้าถูกอาจารย์โอดะค่อย ๆ สอดแทรกอยู่ในช่องสี่เหลี่ยมของหนังสือการ์ตูน ทำให้คนอ่านตามเก็บรายละเอียด รับรู้เรื่องราวของชนชั้นสูงในโลกวันพีซว่าพวกเขายิ่งใหญ่ ถูกเรียกว่า ‘สายเลือดของพระเจ้า’ และไม่ค่อยสุงสิงกับพวกมนุษย์ชั้นต่ำ เราจะได้เห็นแฟชั่นของชนเผ่ามังกรฟ้าแบบเต็ม ๆ ครั้งแรกเมื่อพวกลูฟี่มาเยือนยังหมู่เกาะชาบอนดี้ เผ่ามังกรฟ้าจะไม่ใช้อากาศหายใจร่วมกับมนุษย์คนอื่น ๆ พวกเขาแต่งตัวเหมือนกับมนุษย์อวกาศ รวมถึงสัตว์เลี้ยงมีค่ามากกว่าคนทั่วไป ไม่ค่อยออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าจะลงมาข้างล่างพวกเขามักแวะเวียนมายังหมู่เกาะชาบอนดี้อยู่บ่อย ๆ เพราะเกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของโรงประมูลทาสที่ใหญ่ที่สุดในโลก เผ่ามังกรฟ้าเวลาออกจากแมรี่โจอาแต่ละครั้งมักสร้างความเดือดร้อนให้ผู้คน
UNLOCKMEN เชื่อว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นวัยไหนต่างก็อ่านมังงะเรื่อง One Piece แถมบางคนไม่ใช่แค่อ่านเฉย ๆ แต่เป็นแฟนเดนตายผู้หลงรักเรื่องราวการผจญภัยที่กลั่นออกมาจากจินตนาการของอาจารย์โอดะ เล่าผ่านเด็กหนุ่มนามว่าลูฟี่ เพราะใคร ๆ ต่างก็ชื่นชอบมังงะโจรสลัดจึงทำให้แบรนด์แฟชั่นสายสปอร์ตจากอิตาลีไม่พลาดที่จะนำตัวละครหลักจากเรื่อง One Piece มาปรับให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ ต้องเกริ่นกันก่อนว่าแบรนด์แฟชั่น Kappa เป็นแบรนด์ที่คนรุ่นเก๋ารู้จักกันอย่างกว้างขวาง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1950 มักมาพร้อมกับสัญลักษณ์เฉพาะตัวเป็นรูปคนนั่งหันหลังชนกัน คนไทยส่วนใหญ่เรียกว่าแบรนด์คนคู่ ส่วนคนอิตาลีเรียก “The Omni” เราจะไม่เห็นหน้าตาของคนคู่นี้เพราะพวกเขามาแต่เพียงเงาซึ่งกลายเป็นจุดเด่นที่ถูกกล่าวขาน เพราะคนคู่ที่เป็นโลโก้ของแบรนด์สามารถเป็นใครก็ได้ Kappa จึงเกิดไอเดียนำตัวละครขวัญใจจากมังงะเรื่อง One Piece มาสร้างสรรค์เป็นผลงานคอลเลกชันพิเศษ Kappa x One Piece นำโดยตัวหลักของเรื่องอย่าง มังกี้ ดี ลูฟี่ มาเป็นหนึ่งในคนคู่และให้ตัวละครสำคัญประกบคู่พร้อมกับสีสันที่คนอ่าน One Piece เห็นสีแล้วจะต้องนึกถึงตัวละครนั้น ๆ ทันที บนเสื้อฮู้ดสีขาวสะอาดตา เราจะเห็นลูฟี่นั่งหันหลังชนกับ ‘แชงคูส’ ชายผมแดงผู้จุดประกายแรงบันดาลใจให้เด็กหนุ่มออกทะเลเป็นโจรสลัด นอกจากนี้สำหรับเสื้อเซตคนคู่ลูฟี่แชงคูสยังมีเสื้อฮู้ดสีแดงเหมือนสีผมของเขา เสื้อฮู้ดแขนยาวสีดำตัดความโดดเด่นด้วยสีส้มกับขาว และเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นให้เลือกแมตช์กับไอเทมแฟชั่นอื่น ๆ ตามต้องการอีกด้วย ถัดจากชายที่ชักจูงให้ตัวเอกของเรื่องเดินเข้าสู่เส้นทางโจรสลัดคือ
หลังจากที่แบรนด์รองเท้าสัญชาติเยอรมนีอย่าง Puma ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากการปล่อยสนีกเกอร์โมเดล CELL VENOM ไปก่อนหน้านี้ ในตอนนี้แบรนด์เครื่องกีฬาชื่อดังก็พร้อมต่อยอดความสำเร็จดังกล่าวด้วยการเบนเข็มมายังฝั่งมังงะและแอนิเมชันเรื่องดังของประเทศญี่ปุ่น มังงะที่ว่าคือการผจญภัยของเหล่าโจรสลัดที่ตามหาขุมทรัพย์ ณ เกาะสุดท้ายกับเรื่อง One Piece ผลงานจากปลายปากกาของอาจารย์เออิจิโระ โอดะ ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยจะหยิบประเด็นที่ว่าด้วยความมืดและความสว่างที่เป็นแกนกลางของเรื่องมาเล่าบนสนีกเกอร์รุ่น LQD CELL เส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วคืออะไร ? คือทหารเรือกับโจรสลัด หรือแท้จริงแล้วเราทุกคนไม่ว่าจะมีจุดยืนอยู่ฝ่ายไหนต่างก็ล้วนมีด้านมืดและด้านสว่างอยู่ในตัว ? ถ้าใครที่เป็นแฟนมังงะจะรู้ว่าไม่ใช่ทหารทุกคนจะเป็นคนดี และไม่ใช่ว่าโจรสลัดจะชั่วร้ายไปเสียหมดทุกคน ด้วยประเด็นแสนละเอียดอ่อนที่อาจารย์โอดะสอดแทรกอยู่ในผลงานอย่างน่าสนใจ Puma จึงนำแรงบันดาลใจที่ว่าเปลี่ยนเป็นแฟชั่นโดยใช้ความมืดและความสว่างมาบรรจบกันอยู่บนสนีกเกอร์ LQD CELL ที่ถูกแต่งแต้มด้วยเรื่องราวของความมืดและแสงสว่างจากเรื่อง One Piece เป็นสนีกเกอร์ที่รับแรงบันดาลใจมาจากแฟชั่นรองเท้ายุค 90 และนำมาผสานกับเทคโนโลยีปัจจุบันอย่างลิควิดเซลล์รูปทรงหกเหลี่ยม นุ่มและคืนตัวซ่อนอยู่ในส้นรองเท้าแบบหนา รองรับแรงกระแทกจากการเดิน วิ่ง และกระโดดได้เป็นอย่างดี การเล่าเรื่องความมืดและความสว่างบน Puma LQD CELL จะประทับอยู่บนสนีกเกอร์สีขาวสะอาดตา เมื่อยามเดินตามปกติในเวลากลางวันหรือสถานที่มีแสงเยอะก็จะเป็นการเผยตัวตนของความดีที่อยู่ด้านสว่าง แต่ความพิเศษขั้นกว่ากลับถูกซ่อนไว้ในด้านมืดเพราะเมื่อเราเดินเข้าสู่สถานที่ที่มีแสงน้อยหรือตอนกลางคืน สนีกเกอร์ตัวแทนด้านสว่างก็จะเปลี่ยนไปเป็นด้านมืดพร้อมกับโชว์ลวดลายเรืองแสงตรงแถบ 3M Sock Lining รูปหัวกะโหลกสวมหมวกฟาง สัญลักษณ์ธงโจรสลัดของกลุ่มลูฟี่ ที่อยู่รอบบริเวณ Upper
“ฉันต้องเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย!” สำหรับแฟน ๆ การ์ตูนเรื่อง One Piece ต้องคุ้นเคยกับประโยคแสนมุ่งมั่นของลูฟี่หมวกฟางอย่างแน่นอน การ์ตูนโจรสลัดอารมณ์ดีที่ผู้ชายหลายคนเฝ้าอ่านเฝ้าติดตามดูเรื่องราวของกลุ่มโจรสลัดนี้เรื่อยมาตั้งแต่เด็กจนโต และไม่น่าเชื่อว่าในปี 2019 แอนิเมชันเรื่อง One Piece จะเดินทางมาถึงปีที่ 20 แล้ว พร้อมกับการปล่อยตัวอย่างของแอนิเมชัน The Movie ลำดับที่ 14 ที่จัดเต็มความยิ่งใหญ่สำหรับเรื่องราวกว่า 20 ปี อันแสนยาวนาน UNLOCKMEN เองก็เป็นแฟนคลับการ์ตูน One Piece ไม่ต่างจากใคร ๆ ดังนั้นเมื่อแอนิเมชันเรื่องนี้เข้าฉายในประเทศไทยแถมยังครบรอบ 20 ปีอีก เราจึงไม่พลาดหยิบเรื่องราวของ One Piece The Movie มาร้อยเรียงให้เห็นถึงการเติบโตมาด้วยกันระหว่างคนดูและตัวละคร พร้อมกับพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความทรงจำ และความประทับใจที่ได้จากการ์ตูนเรื่องนี้ร่วมกัน แต่ละก้าวเดินของ ONE PIECE THE MOVIE นับตั้งแต่ One Piece The Movie ภาคแรกออกฉายเมื่อปี
‘ฉันคือคนที่จะเป็นราชาโจรสลัด!’ นี่คือคำประกาศกร้าวของ มังกี้ ดี ลูฟี่ เด็กหนุ่มพลังยางยืดจากอีสต์บูลในขณะที่ตัวเองกำลังจะโดน บากี้ โจรสลัดตัวตลกประหารในเมืองโล้คทาวน์ ในตอนนั้นมันช่างเป็นคำพูดที่ดูน่าขำสำหรับคนทั่วไป เพราะลูฟี่ยังเป็นเพียงโจรสลัดไร้ชื่อเสียงเรียงนาม การนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับ โกลด์ ดี โรเจอร์ อดีตราชาโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่จึงดูเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินตัว แต่ผ่านมาเพียง 2 ปี จากโจรสลัดไร้ค่าหัวในตอนนั้น ตอนนี้ลูฟี่คือโจรสลัดผู้มีค่าหัวสูงถึง 1,500 ล้านเบรี พร้อมฉายา ‘จักรพรรดิหมวกฟาง’ แถมยังได้รับการยกย่องให้เป็นจักรพรรดิคนที่ 5 แห่งท้องทะเล แน่นอนว่าเมื่อกลายเป็นคนยิ่งใหญ่ สิ่งที่ตามมาคือคู่ต่อสู้ระดับพระกาฬที่เขาต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น 4 จักรพรรดิอย่าง ไคโด และมาร์แชล ดี ทีช (หนวดดำ) หรือแม้กระทั่งรัฐบาลโลกที่มีกองกำลังสุดแข็งแกร่งอยู่ในมือ ด้วยสเกลการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ลำพังแค่ตัวลูฟี่กับลูกเรืออีก 9 ชีวิตคงไม่สามารถต่อกรได้แน่นอน กลุ่มพันธมิตรและมิตรสหายจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางในตอนนี้ ‘ใคร ๆ ก็รักลูฟี่’ ด้วยความที่เป็นคนจิตใจดี ไม่มีพิษภัย ที่สำคัญคือรักพวกพ้องมาก ๆ ลูฟี่จึงซื้อใจคนได้มากมาย จนเริ่มมีกองกำลังและพันธมิตรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาเหล่านี้นี่เองคือกุญแจดอกสำคัญที่จะส่งพ่อหนุ่มหมวกฟางของเราขึ้นไปเป็นราชาโจรสลัด ดังนั้นเรามาทำความรู้จักพวกเขาก่อนดีกว่า กองกำลังพันธมิตรมิ้งค์ แมว หมา นินจา
คงจะดีไม่น้อยถ้ารองเท้าผ้าใบของเราถอดคาแรกเตอร์มาจากการ์ตูนเรื่องโปรด ปีที่แล้วแบรนด์รองเท้าสัญชาติอเมริกัน Skechers ก็ทำให้ฝันของใครหลายคนเป็นจริงด้วยการจับมือกับการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังเรื่อง One Piece ออกรองเท้ารุ่นพิเศษ 6 สี จากตัวละครทั้ง 6 คนในเรื่อง ถือเป็นคอลเลกชันที่โดนใจเหล่าแฟนการ์ตูนเป็นอย่างมาก ทำให้ปีนี้ One Piece x Skechers ร่วมกันหยิบตัวละครเด่นอื่น ๆ มาใช้เล่าเรื่องอีกครั้ง จาก One Piece x Skechers ที่เลือกใช้ตัวละครของสมาชิกกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางอย่างกัปตันลูฟี่ นักดาบโซโล ซันจิกุ๊กโหดประจำเรือและคุณหมอช็อปเปอร์ รวมถึงพันธมิตรของกลุ่มหมวกฟางอย่าง ทราฟาลก้า ลอว์ และตัวร้ายสุดเท่ โด ฟลามิงโก้ ไปแล้ว คอลเลกชันล่าสุดจะเล่าเรื่องแบบเดิมแต่ใช้ตัวละครอื่นมาเสริมทัพสร้างความหลากหลายมากขึ้น คาแรกเตอร์จากการ์ตูนวันพีซทั้งหมดจะอยู่บนรองเท้ารุ่น D’Lites ที่โดดเด่นเรื่องน้ำหนักเบา ดีไซน์สวย และระบายอากาศได้ดี สนีกเกอร์วันพีซคอลเลกชันล่าสุดจะยังมีสองตัวละครจากรองเท้ารุ่นแรกอย่างลูฟี่และลอว์มาร่วมแจมด้วย พร้อมกับตัวละครใหม่คนอื่น ๆ อย่าง ทีชหนวดดำ กัปตันหนวดขาว หัวหน้าหน่วยมัลโก้ อดีตเจ็ดเทพโจรสลัดจินเบ เอสหมัดอัคคี และจักรพรรดินีโจรสลัด โบอา แฮนค็อก รวมทั้งหมดเป็น
One Piece เป็นการ์ตูนอีกหนึ่งเรื่องที่อยู่คู่กับนิตยสาร Shonen Jump และผู้อ่านมาอย่างยาวนาน การ์ตูนที่ว่าด้วยโจรสลัดและการผจญภัยในท้องทะเลอันกว้างใหญ่โดยเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา One Piece มีอายุครบ 21 ขวบเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าจะผ่านวัยบรรลุนิติภาวะมาแล้วกว่า 1 ปี แต่ One Piece ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบง่าย ๆ แถมเนื้อเรื่องช่วงนี้ยังกลับมาเข้มข้นแบบสุด ๆ ชนิดที่ว่าพลาดไม่สักตอนเดียว อย่างไรก็ตามวันเกิดอายุ 21 ปีมาเยือนทั้งทีก็ต้องมีอะไรมาฝากแฟน ๆ หน่อย ซึ่ง อ.เออิจิโระ โอดะผู้เขียนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ล่าสุด อ.ได้เปิดเผยออกมาว่าในตอนนี้เนื้อเรื่องดำเนินมาแล้วกว่า 80% ดังนั้นตอนจบที่แฟน ๆ หลายคนรอคอย บางคนตั้งธงไว้ด้วยซ้ำว่าการได้อ่าน One Piece ตอนจบคือ Bucket List ที่ต้องทำให้สำเร็จคงใกล้มาถึงแล้ว (คาดการณ์กันว่าคงอีกประมาณ 7-10 ปี ถึงจะฟังดูไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเร็ว ๆ นี้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่รู้เลยว่ามันจะจบเมื่อไร) วันนี้ผู้เขียนในฐานะที่เป็นโอตาคุคนหนึ่งและติดตาม One
ขึ้นแท่นเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่ขายดีที่สุดตลอดกาลแบบไม่มีใครกล้าเทียบไปแล้วสำหรับ One Piece เรื่องราวของกลุ่มโจรสลัดที่นำโดยมังกี้ ดี ลูฟี่ และออกเดินทางสู่ท้องทะเลกว้างใหญ่เพื่อตามล่าความฝันในการเป็นจ้าวแห่งโจรสลัด โดยล่าสุดซีรีส์การ์ตูนเรื่องนี้ทำยอดขายรวมทั่วโลกกว่า 440 ล้านเล่ม ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง Dragon Ball ซึ่งทำยอดขาย 240 ล้านเล่มแบบไม่เห็นฝุ่น อะไรคือปัจจัยของความสำเร็จนี้? หนึ่งในวลีที่เหล่าผู้ประสบความสำเร็จมักจะพูดกันเสมอคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการจะประสบความสำเร็จนั้นคือคุณต้องคลั่งไคล้กับสิ่งที่คุณทำ ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องนี้ Eiichiro Oda ผู้เขียน One Piece ไม่เป็นสองรองใครแน่นอน เราไปดูกันดีกว่าเคล็ดลับและวิธีการทำงานของเขากัน ว่ากว่าจะพาการ์ตูนเรื่องหนึ่งเดินทางขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลกได้ต้องฟันฝ่าอะไรมาบ้าง เพราะการเดินทางแสนยาวไกลจึงไม่อาจพักผ่อน “ทำไม One Piece ออกช้าจังไม่ทันใจเลย”, “One Piece อาทิตย์นี้งดอีกแล้ว เซ็งว่ะ” ถ้าคุณเคยเป็นคนหนึ่งที่เคยมีความคิดแบบนี้ลองฟังความจริงข้อนี้ก่อนรับรองว่าความคิดคุณจะเปลี่ยนไปแน่นอน ชีวิตประจำวันของชายวัย 43 ปีนาม Eiichiro Oda เริ่มต้นลุกจากเตียงตั้งแต่ตี 5 ฟ้ายังไม่ทันสว่างด้วยซ้ำ และเริ่มต้นทำงานทันทีโดยไม่ลุกไปไหน ไม่มีการพัก เว้นแต่ตอนทานข้าวหรือเข้าห้องน้ำเท่านั้น จนกระทั่งเวลาตี 2 เขาถึงจะลุกจากโต๊ะทำงานไปนอน สรุปแล้ว Eiichiro Oda ทำงานวันละ 21