ในยุคที่โลกกำลังแข่งกันสร้างสรรค์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สุดแสนจะไฮเทค ขุมพลังแรง และวิ่งได้ไกลแสนไกล แต่ในโลกแห่งความล้ำหน้า ย่อมตีคู่มาด้วยโลกของความคลาสสิค วันนี้เราขอแนะนำให้รู้จักกับ Iconic car ที่โด่งดังในอดีต รถทรงไข่ขวัญใจชาวประชาทั่วโลก และเป็นฮีโร่ที่ช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้ BMW กลับมาจากสถานการณ์ใกล้ล้มจนยิ่งใหญ่แบบในทุกวันนี้ นั่นคือ Isetta Micro Car แต่วันนี้มาในรูปแบบ All-Electric พลังงานไฟฟ้าสุดล้ำสำหรับคนเมืองในชื่อ ‘Microlino’ Microlino มาในรูปแบบเดียวกับ Isetta เป๊ะ ๆ ด้วยรูปทรงไข่ขนาด 2.4 เมตร ที่เปิดประตูเข้าออกได้จากหัวรถด้านหน้าเต็มบาน นั่งได้เต็มที่ 2 คน แต่ผ่านการเปลี่ยนหัวใจใหม่ให้เป็นแบตเตอรี่ขนาด 8 kWh และ 14.4 kWh ให้เลือกได้ตามต้องการ ขุมกำลัง 15 kW แรงบิดสูงสุด 110Nm สามารถชาร์จผ่านปลั๊กไฟแบบ Type 2 มาตรฐานโลกได้ตามปกติ ชาร์จแบตเต็มหนึ่งครั้งใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางไกล 120
ใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทุกที สำหรับโปรเจคที่ Porsche กำลังเข็นออกมาฆ่า Tesla โดยใช้จุดเด่นที่ตำนานและจิตวิญญาณอันยาวนานของ Porsche และแน่นอนว่าสเปคของ Taycan หรือที่เรียกกันติดปากว่า Mission E ก่อนหน้านี้ รถ Supercar เบอร์หนึ่งจากค่ายทั้งทีย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่นอน Porsche Taycan เปิดเผยสเปคอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยจะมีรุ่นย่อยให้เลือก 3 รุ่น แตกต่างกันตามแรงม้าและขนาดแบตเตอรี่จากใหญ่ไปเล็ก โดยรุ่นพี่ใหญ่สุดจะมากับขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 600 แรงม้า (440 kilowatts) เด่นด้วยเทคโนโลยีระบบไฟฟ้า 800-volt Fast-Charging Electric System ซึ่งสามารถชาร์จไฟฟ้าให้แบตเตอรี่ได้ถึง 80% โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง สามารถซัดได้ระยะทางไกลถึง 500 กิโลเมตรสบาย ๆ หรือถ้าจะใช้ซิ่งในสนามแข่ง ระยะทางอาจจะลดลงเล็กน้อยตามความแรงเท้าที่กดคันเร่ง ใน Porsche Taycan 600 แรงม้า สามารถทำความเร็ว 0 – 100
ถ้าพูดถึงการไปเที่ยว Hong Kong เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยไปบ่อยไม่ต่างกับไปต่างจังหวัด ด้วยความใกล้ บินไม่นาน ค่าตั๋วไม่แพง แค่ Search หาว่าไปทำอะไรดี ก็จะมีสารพัด Review โผล่ขึ้นมาให้เดินทางกันแบบไม่รู้จบ ซึ่งข้อดีของเกาะ Hong Kong คือไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างจะเข้ากับคนไทยง่าย นั่นคือกิน ดื่ม เที่ยว ถ่ายรูป ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือความสวยงามของตึก Skyscraper สูง ซึ่งตั้งเบียดเสียดกันอยู่บนเกาะที่มีทั้งภูเขาและทะเล ยิ่งได้ดูวิว Hong Kong จากบนที่สูง เราจะยิ่งค้นพบเสน่ห์ที่ทำให้จิตใจสงบ เป็นอีกมุมของ Hong Kong ที่เราไม่สามารถสัมผัสได้จากพื้นถนนแนวราบ การไล่ตามหาจุดที่สูงที่สุดของ Hong Kong เป็นเรื่องไม่ยาก แค่ขึ้นไปที่ Sky Terrace 428 บน The Peak Hong Kong ก็จะสามารถเห็นวิวงาม ๆ บนระดับความสูง 428 เมตรจากน้ำทะเลได้ หรือนั่งกินข้าวที่ Aqua ก็สามารถรับชมวิวของ
ว่ากันเรื่องผู้ชายกับยานพาหนะ ย่อมมีความหมายมากกว่าแค่ผู้ขับขี่และรถคันหนึ่ง นอกจากสมรรถนะอันยอดเยี่ยมที่ทำให้เราประทับใจแล้ว เรื่องราวต่าง ๆ ของรถคู่ใจยังเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เราหลงใหล เป็นความหมายที่ช่วยผลักดันให้ทำสิ่งที่เปี่ยมไปด้วย Passion ที่ส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้ จากการวิจัยพบว่า สาเหตุที่ผู้ชายอาจหลงใหลในยนตรกรรมมาก ๆ ก็เพราะว่าเสน่ห์ของการออกแบบที่อยู่ถาวร ความรู้สึกอิสระในเวลาที่ได้ควบคุมพวกมาลัยและคันเร่งที่จะพาเราไปทุกที่ การอยากจะดูแลยานพาหนะสักคันตามสัญชาติของหนุ่ม ๆ มันสามารถบ่งบอกตัวตนของเราได้ จึ่งไม่แปลกที่ผู้ชายจะรู้สึกว่ารถคันโปรดของเขาคือส่วนหนึ่งในชีวิต ราวกับมิตรสหายที่โตมาด้วยกัน และถ้าพูดถึงยนตรกรรมที่เต็มเปี่ยมไปด้วย Story, Passion และ Feeling นั้น ชื่อแรก ๆ ที่โผล่ขึ้นมาในใจก็คือ BMW ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีที่ผู้คนทั่วโลกต่างยอมรับทั้งชื่อเสียง สมรรถนะ เทคโนโลยี ความสวยงาม และเรื่องราวระดับตำนานมาถึง 100 ปี ซึ่งความคล้องจองระหว่าง insight และตัวแบรนด์ใบพัดฟ้า-ขาว ทำให้ BMW ผุดไอเดียแคมเปญ #BMWStories ที่เกิดจากความเชื่อที่ว่า “เรื่องราวของทุกคน สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้” โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้รถ BMW ในประเทศไทยได้บอกเล่าเรื่องราว, passion และความประทับใจของรถคันโปรด และแบ่งปันแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น จากแคมเปญ #BMWStories ทำให้เราได้รับแรงบันดาลใจจากผู้คนที่มาถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองกับรถ BMW คู่ใจ ซึ่งแต่ละคนก็จะมี passion ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งรถ, นักเดินทาง
590,000,000 (ห้าร้อยเก้าสิบล้าน) บาท นี่ไม่ใช่งบประมาณลับทางทหารของประเทศไทยที่ประชุมกันแบบไม่เปิดเผย แต่นี่คือราคาของรถยนต์ 1 คัน ที่ได้รับตำแหน่ง “แพงที่สุดในโลก” อย่างเป็นทางการ แซงหน้า One-off Rolls-Royce Sweptail รถหรูสั่งทำคันเดียวในโลกที่เคยครองแชมป์ด้วยราคา $13,000,000 (440,000,000 บาท) ไปแบบไม่เห็นฝุ่น นั่นคือ Pagani Zonda HP Barchetta ตำนานสุดพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาเพียง 3 คันในโลก มันดีซะจนเจ้าของต้องขอเก็บไว้ใช้เอง 1 คัน เหลือวางขายเพียง 2 คันเท่านั้น ในราคาเลือดตากระเด็น $17,500,000 (590,000,000 บาท) และราคานี้เราคงโดนผู้ใหญ่ดุว่า ซื้อรถทั้งทียังไม่มีหลังคามาให้ซะด้วย หลังผ่านช่วงอายุขัยการผลิตกว่า 18 ปีของ Pagani Zonda และหยุดสายการผลิตไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ยังทิ้งตำนานที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ และล่าสุดพึ่งจะเปิดเผยรุ่น Special Edition ทิ้งทวน Zonda series ที่พิเศษถึงขั้นใช้ชื่อย่อของ Horacio Pagani ผู้ก่อตั้งเป็นรหัสใน
ความหล่อของ BMW X5 นั้นเราคงไม่ต้องวิจารณ์อะไรให้มากความ เพราะมันเป็นรถ SUV ขนาดใหญ่ที่ดูป๋าสุด แถมยังพกเทคโนโลยีมาเต็มเปี่ยม ทรงพลังไม่แพ้ใครบนท้องถนน ซึ่งทรง BMW เรียกมันว่า SAV หรือ Sports Activities Vehicle ซึ่งตัวแรงสุดในตระกูลนี้ต้องเป็น BMW X5 M ที่มาพร้อมขุมพลัง 570 แรงม้า ทำเวลา 0 – 100 Km/h ได้ภายใน 4 วินาที ตัวเลขที่คนทั่วไปแค่เห็นก็ถึงกับต้องเกร็งตัวดูเหมือนจะยังไม่พอใจสำนักจูนรถ Auto-Dynamics Vehicle แห่ง Poland มากนัก จึงจับมันมาทำเป็นโปรเจคพิเศษ เสกแรงม้าเพิ่มเข้าไปให้อีก 100 ตัว กลายเป็น BMW X5 M Avalanche รถ SUV ที่ทรงพลังยิ่งกว่า Lamborghini Urus ด้วยตัวเลขแรงม้ามากถึง 670 แรงม้า
ในขณะที่โลกเรากำลังถกเถียงกันว่า AI จะเป็นประโยชน์หรือโทษมหันต์กันแน่? คำตอบที่ Sun Tianqi ผู้หลงใหลในหุ่นยนต์ AI และเป็น CEO บริษัท Vincross ที่มีผลงานเด่นเป็นหุ่นยนต์แมงมุม 6 ขาอารมณ์ดีนามว่า Hexa ได้มอบคำตอบให้เราเรียบร้อยแล้วว่า มันขึ้นอยู่กับการใช้งานสิ่งเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์หรือโทษต่างหาก พร้อมหลักฐานผลงานสร้างสรรค์ในฐานะ Art Project ของตัวเองที่ตั้งชื่ออย่างตรงตัวเข้าใจง่ายว่า “Sharing Human Technology with Plants” ผลงานที่ว่าคือหุ่นยนต์ที่ใช้พื้นฐาน Hexa หุ่นยนต์ชื่อดังของบริษัท Vincross ของตัวเอง ผ่านการนำมา Reprogramming ใหม่ให้รองรับการทำงานร่วมสารพัด Sensors และ Infrared ที่ติดตั้งเข้ามาเพิ่มจาก Hexa เวอร์ชั่นปกติ สำหรับตรวจจับแสงแดด เงา และความชื้นรอบ ๆ พร้อมสิ่งสำคัญคือกระถางต้นไม้บนหัว เมื่อ Hexa รู้สึกว่าต้นไม้ขาดน้ำ จะสามารถแสดงอารมณ์ได้ด้วยการกระทืบเท้าให้เรารับรู้ว่าถึงเวลาต้องรดน้ำ หรือเมื่อต้นไม้ต้องการแสงแดด Hexa สามารถพาตัวเองไปหาแสงแดดได้เองโดยอัตโนมัติ พร้อมกับหมุนตัว 360 องศา เพื่อให้มั่นใจว่าต้นไม้จะได้รับแสงแดดอย่างทั่วถึงทุกซอกทุกใบ
เวลาผ่านไปไวเกิน หรือหน้าตาของ Audi TT / TTS คลาสสิคล้ำสมัยเกินไป ทำให้เราเกือบลืมไปว่ามันกำลังเข้าสู่ช่วงกลางอายุขัยของ Generation ที่ 3 แล้ว และในขณะที่หลายคนกำลังตัดสินใจว่าจะซื้อตอนนี้ หรือจะรอเห็นหน้าตา Facelift version ให้สบายใจก่อน ซึ่งจากแผนเดิมควรจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ในงาน Paris Auto Show เดือนตุลาคม แต่ดูเหมือนจะไม่ต้องรออีกต่อไปแล้ว เพราะวันนี้เราได้เห็นโฉมหน้าความเปลี่ยนแปลงของ 2018 Audi TT แบบเต็มตาไร้ผ้าคลุม ความเปลี่ยนแปลงของ Audi TT และ TTS Facelift ภายนอกที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุดก็คือ ดีไซน์ชุดกันชนหน้าและหลังใหม่ โดยกันชนด้านหน้าแบบ 3D singleframe radiator grille มีการเพิ่มช่องดักลมที่เชื่อมต่อกันจากด้านข้างซ้ายและขวาขนาดใหญ่เข้าไป ซึ่งของเดิมไม่มี ทำให้ด้านหน้าของ Audi TT ดูเต็มตา ใหญ่โตมากขึ้น ส่วนกันชนหลังมีการเพิ่มช่องระบายอากาศ และ Air Diffuser บริเวณท่อไอเสียเพิ่มขึ้น สำหรับล้อลายใหม่นั้น เราคิดว่า Audi Thailand
มีภาพยนตร์มากมายที่ใช้รถเป็นตัวหลักของเรื่อง จนทำให้รถคันนั้นดูเด่นพอ ๆ กับนักแสดงนำของเรื่องเสียอีก แม้ว่าปัจจัยหลักส่วนใหญ่เวลาค่ายหนังจะเลือกใช้รถซักคันมักมาจากสปอนเซอร์ แต่ทว่าหนึ่งในยี่ห้อรถที่ถูกนำมาใช้ค่อนข้างมากคือแบรนด์สุดเก๋าอย่าง Ford อาจเพราะพวกเขามีรถให้เลือกใช้หลายประเภทตั้งแต่รถสปอร์ตยันรถกระบะคันใหญ่ ซึ่งส่วนมากหนังจากฮอลลีวูด มักจะเลือกรุ่นสปอร์ตอเมริกันยอดนิยมอย่าง Mustang ดังนั้นวันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำรถ Ford 5 คันที่ถูกเลือกนำไปใช้ประกอบหนังจนโด่งดังเป็นพลุแตกให้ได้รับชมกันครับ 1968 Ford Mustang Fastback – BULLITT เริ่มคันแรกกับ 1968 Ford Mustang Fastback สีเขียวเข้ม Dark Highland Green จากหนังไล่ล่าชื่อดังระดับตำนานอย่าง BULLITT ที่นำแสดงโดย Steve McQueen นักแสดงชื่อดังผู้ล่วงลับ ว่าด้วยเรื่องของตัวเอก Frank Bullitt นายตำรวจแห่งเมืองซานฟรานซิสโกผู้ถูกมอบหมายให้คุ้มครองพยานปากเอกคนสำคัญ ซึ่งจะต้องขึ้นให้การกับศาลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่งานกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อ Bullitt ค้นพบว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลกับพยานคนนี้ โดย Bullitt ก็ได้ใช้รถ Mustang Fastback ปี 1968 สีเขียวเข้มคันนี้เป็นรถประจำตัวเองอีกด้วย และจุดเด่นของเรื่องนี้คือฉากไล่ล่าระดับตำนานซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังรถยุคใหม่
เป็นความบังเอิญที่สวยงาม เมื่อป้าย GT-R และสำนักออกแบบ Italdesign มีอายุครบ 50 ปี พร้อมกันพอดิบพอดี เพื่อเป็นการสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน ทั้งสองบริษัทจึงคิดว่าน่าจะสร้างผลงาน Masterpiece ขึ้นมาสักชิ้นนึง และรถโมเดลที่เหมาะจะนำมาปั้นเฉลิมฉลองครั้งนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก NISMO GT-R กลายเป็นผลงาน Collaboration ที่โหดสุดในชื่อรหัส Nissan GT-R50 by Italdesign Nissan GT-R50 by Italdesign ถูกสร้างขึ้นมาแบบ One-off เพียงคันเดียวในโลก Italdesign ได้ทำการออกแบบ GT-R ขึ้นมาใหม่ โดยใช้พื้นฐานจากความเป็น Iconic ของ GT-R ดั้งเดิมเอาไว้จะเหมาะสมกว่า รถคันนี้ถูกนำเสนอในโทนสีเทาใหม่ “Liquid Kinetic Gray” ที่ดูดุดันน่าเกรงขาม ตัดลวดลายด้วยโทนสีทอง “Energetic Sigma Gold” สร้างคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจ นำเสนออารมณ์ได้ทั้งความเก๋า ความดุ และความหรูหราที่ลงตัว ลวดลายสีทองถูกเติมเข้าไปในตำแหน่งที่เหมาะเจาะมาก เริ่มจากกระจังด้านหน้าบริเวณช่องดักอากาศ ช่องระบายอากาศบนฝากระโปรงมีการเจาะรูที่ชัดเจนขึ้นในโทนสีทองเช่นกัน