หลังจากที่เราไม่ได้อัพเดทเรื่องราวประวัติของแบรนด์แฟชั่นมาสักระยะหนึ่ง วันนี้เราก็ไปเจอข้อมูลของแบรนด์กระเป๋ายี่ห้อหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะนอกจากคอนเซ็ปต์ในการสร้างสินค้าที่โคตรเท่แล้ว เรื่องราวความเป็นมาของพวกเขาก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เรากำลังพูดถึง Freitag แบรดน์กระเป๋าสุดแนวที่ครองใจวัยรุ่นสายสตรีทฮิปสเตอร์ และก้าวขึ้นมาเป็น top of mind เวลาที่ใครสักคนอยากจะเลือกซื้อกระเป๋าสักใบที่ อึด ถึก ทน “Freitag” เกิดขึ้นจากมันสมองของสองพี่น้อง Danial และ Markus Freitag ในปี 1993 ซึ่งในขณะนั้นทั้งสองคนอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แถบชานเมืองซูริคทำให้พวกเขาทั้งสองต้องใช้จักรยานเป็นพาหนะในการเดินทางแทบจะตลอดเวลา โดยที่ในตอนนั้นพวกเขาต้องการจะหากระเป๋าใส่เอกสาร messenger bag ที่มีขนาดใหญ่พอที่จะเก็บอุปกรณ์การเรียน และสามารถใช้เดินทางร่วมกับจักรยานได้ กระทั่งวันหนึ่งขณะที่ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่ในครัว ก็ได้เหลือบมองออกไปที่ถนน เขาเห็นรถทุกคันมีผ้าใบคลุมอยู่จึงเกิดไอเดียว่า น่าจะลองเอาผ้าใบนี้มาใช้ทำกระเป๋าได้ เพราะด้วยสีสัน คุณสมบัติกันนำ้ได้ ทนทาน และที่สำคัญคือเป็นวัสดุรีไซเคิล ความคิดในการสร้างกระเป๋าจึงได้เริ่มขึ้นจากจุดนี้ สองพี่น้องได้เริ่มหาผ้าใบคลุมรถบรรทุกมาล้างทำความสะอาด แล้วก็ตัดเย็บกันเองจนได้เป็นกระเป๋าใส่เอกสาร messager bag ตามที่ต้องการ ซึ่งนอกจากวัสดุผ้าใบ Markus และ Danial ยังนำของเหลือเหลือใช้ส่วนอื่น ๆ อาทิ เข็มขัดนิรภัยรถยนต์สำหรับทำสายสะพาย และยางในรถยนต์เย็บเก็บขอบริมกระเป๋า โดยหวังว่าจะใช้คอนเซ็ปต์ ECO-Friendly มาประยุกต์
ทุกครั้งที่มีเหตุให้ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะออกเดินทางท่องเที่ยวพักร้อน หรือไปคุยงานเจรจาธุรกิจ เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ชาว UNLOCKMEN ให้ความสำคัญไม่แพ้การเตรียมตัวซื้อตั๋ว จองที่พัก จัดกระเป๋าให้พร้อมสำหรับทริปนั้น ๆ นั่นก็คือเรื่องของความรวดเร็วสะดวกสบายระหว่างการเดินทาง ตามสัญชาตญาณพื้นฐานของผู้ชายอย่างเรา ๆ ที่ไม่ชอบอะไรวุ่นวาย เน้นง่ายเข้าว่า จนเลือกที่จะยอมจ่ายมากกว่าเพื่อแลกกับบริการหรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ซึ่งช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางให้ดีกว่า ไม่ต้องเหนื่อยกับขั้นตอนที่ยุ่งยาก จนต้องเสียแรง เปลืองเวลามากมายเกินความจำเป็น เพราะคงไม่มีอะไรดีไปกว่าในวันเดินทางมีรถลีมูซีนสุดหรูมารับถึงหน้าบ้านยิงตรงเข้าสู่สนามบิน พร้อมผู้ช่วยส่วนตัว ที่คอยอำนวยความสะดวกในการเช็คอินรวมถึงขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองแบบสะดวกรวดเร็วผ่านช่องทาง Fast Track มีเวลาเหลือเฟือให้แวะนั่งจิบกาแฟเพลิน ๆ ในเล้าจ์รับรองพิเศษระหว่างรอขึ้นเครื่อง ลืมภาพที่ต้องลากกระเป๋าพะรุงพะรัง เดินงมหาเคาน์เตอร์เช็คอิน เข้าคิวต่อแถวต.ม. ยาวเหยียดไปได้เลย ซึ่งสิทธิพิเศษเหล่านี้ ในบางเรื่องใช่ว่าจะสามารถควักเงินจ่ายกันไปโต้ง ๆ แล้วจะได้มา แต่มันเป็นเรื่องของการบริหารเงิน รู้จักใช้เงินให้เป็น ในเมื่อมีทุนอยู่กับตัวก็ต้องมองหาช่องทางใช้จ่ายให้คุ้มค่า หรือจะเรียกว่าเป็นการลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิประโยชน์มากมายที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ชายสายเดินทางอย่างพวกเราก็คงไม่ผิดนัก และช่องทาง ที่เราเองประทับใจในสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมายจากที่นี่ จนอยากแนะนำให้ชาว UNLOCKMEN ได้รู้จัก นั่นก็คือ การมีสถานะเป็นลูกค้า Citigold ซึ่งสถานะนี้ได้มาจากการฝากเงิน หรือนำเงินไปลงทุนกับกองทุนต่าง ๆ ผ่านธนาคารซิตี้แบงก์ ในยอดเงินตั้งแต่
จะเรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมประจำปีของ Google ก็ได้ที่คอยสรรหาความสนุกมาเติมให้เรามากกว่าการใช้งานฟีเจอร์หลักเสมอ โดยเฉพาะการทำ Doodle เด็ด ๆ ปล่อยออกมาตามเทศกาลให้เราเล่นกัน เช่นเดียวกับปีนี้ก็มีมินิเกมเทศกาลปล่อยผีมาให้เราเล่นเพื่อรับเทศกาลกับเขาเหมือนกัน สำหรับใครที่อยากเล่นเกม Doodle นี้ ไม่ว่าจะเล่นคนเดียวหรือเล่นกับกลุ่มเพื่อนเพื่อความสะใจ มาเตรียมตัวก่อนเล่นพร้อมกันได้ แค่เปิดหน้า google เท่านั้น แถมให้อีกนิดว่าถ้าเปิดลำโพงดัง ๆ จะช่วยให้เล่นเกมได้มันส์ขึ้นด้วย เกมผีเก็บลูกไฟวิญญาณ เราตั้งชื่อมันว่าเกมผีเก็บลูกไฟวิญญาณตามลักษณะการเล่นของมันแล้วกัน ก่อนอื่นเบื้องต้นต้องบอกก่อนว่าเกมนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายตามสี คือสีเขียวและสีม่วง โดยแต่ละทีมจะมีตัวละครหลายตัวที่มีชื่อและหน้าตาแตกต่างกัน ดังนี้ ตัวละครฝ่ายสีเขียว ตัวละครฝ่ายสีม่วง เริ่มต้นเราจะได้เล่นฝั่งสีเขียว วิธีเล่นอย่างง่าย แค่กดปุ่มลูกศรบนคีย์บอร์ดบังคับขึ้น ลง ซ้าย ขวา ผีน้อยในเกมก็จะเคลื่อนตัวตามนั้น ไล่เก็บลูกไฟวิญญาณสีฟ้าไปเรื่อย ๆ ต่อท้ายตัวให้เป็นแถวยาว ขั้นตอนนี้ถ้าใครงง ๆ ให้กดทดลองเล่นตาม Tutorial ก่อนได้ จากนั้นค่อยเริ่มเปิดศึกกับฝ่ายตรงข้ามด้วยการบังคับตัวเราให้ไปชนกับหางซึ่งเป็นลูกไฟวิญญาณของสีฝั่งตรงข้ามเพื่อขโมยให้มาติดอยู่กับฝั่งเราก่อน จากนั้นก็ลากเข้าฐาน ถ้าเราเก็บได้มาก เกมจะเพิ่มสกิลเด็ด ๆ ให้ตัวละครของเรา ไม่ว่าจะเป็นการติดสปีดตัวละคร หรือแม่เหล็กไว้ดูดวิญญาณจากฝ่ายตรงข้าม ฯลฯ จำไว้ว่าอย่าลืมส่องสกอร์ความโปรดักทีฟของทีมเราด้านบนด้วย ถ้ากำลังตามหลังต้องรีบตีตื้นให้ทันการจับเวลาเกมที่เหลือ เมื่อจบเกมจะมีการประกาศฝ่ายที่ชนะและบอกว่าเราได้สกอร์เท่าไหร่ในเกมนี้
เตรียมตัวพบกับ JAM FEST มิวสิคเฟสติวัลที่รวมเอาดนตรี ศิลปะ อาหาร เครื่องดื่ม แจ่ม ๆ มารวมไว้ในงานเดียวเพราะภายในงานประกอบไปด้วยโซนคอนเสิร์ตที่จะทำให้ทุกคนได้สนุกกันอย่างเต็มที่กับเวที 3 สไลต์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนที่มาร่วมงานสามารถเลือกฟังเพลงแจ่ม ๆ ที่ตัวเองชอบได้ตามต้องการ เริ่มจากเวทีไฮไลท์ของงานกับ Main Stage ที่ทำมาเพื่อเอาใจคอเพลงยุค 90’s โดยเฉพาะด้วยการรวบรวมเอาศิลปินรุ่นเก๋าที่ทุกคนต้องรู้จัก อาทิ Monotone / Noi Pru / 2 Days ago Kids / Flure / Scrubb พร้อมวงน้องใหม่มากฝีมือไม่ว่าจะเป็น Whal & Dolph / The TOYS ft. Twopee / Fucking Hero ต่อด้วย Dood Stage เวทีรองที่รวมเอาศิลปินหน้าใหม่มาสร้างพื้นที่สำหรับคนรักเสียงเพลงนอกกระแสรวมถึงเปิดโอกาสให้กับนักดนตรีเลือดใหม่ได้ออกมาแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่ โดยทุกขั้นตอนตั้งแต่การคัดเลือกวงดนตรี ออกแบบเวที และระบบแสง สี เสียง
“Spark the night with Chandon Matsuri“ เริ่มต้นค่ำคืนที่สนุกสนานพร้อมแก้วไวน์ใบโปรดของคุณ เพราะช่วงสิ้นปีแบบนี้ Chandon สปาร์คกลิ้งไวน์ระดับซูเปอร์พรีเมียมได้ร่วมงานกับดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น Mr. Koji Takeuchi ในการสร้างสรรค์ลายบนขวดของ Chandon Matsuri Limited Edition 2018 ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความสนุกสนานครื้นเครงแบบดั้งเดิมที่หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียวกับเทศกาล Natsu Matsuri เทศกาลงานวัดที่ประเทศญี่ปุ่น Chandon เป็นแบรนด์ที่มีความเป็นมาอันน่าภูมิใจ เริ่มต้นจากการนำเอาทักษะความรู้ของ Moët & Chandon บริษัทแม่ผู้ผลิตแชมเปญระดับโลกมาผนวกเข้ากับเทคนิคการปลูกไวน์ของออสเตรเลียเพื่อผลิตสปาร์คกลิ้งไวน์ให้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ โดยปีนี้เพิ่มความพิเศษด้วยการสร้างสรรค์ลวดลายลิมิเต็ด อิดิชัน Chandon Matsuri ลงบนขวด Chandon Brut ที่ได้แรงบันดาลใจจากความสวยงามของโคมไฟประดับที่ส่องสว่าง ดอกไม้ไฟอันตระกาลตาสร้างสีสันสวยงามบนท้องฟ้าและความสนุกสนานแบบมีชีวิตชีวาในค่ำคืนของเทศกาล Natsu Matsuri งานวัดประจำปีของประเทศญี่ปุ่นที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมาดื่มด่ากับความงดงามที่ยากจะลืมเลือน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งจิบ Chandon ไปพร้อมกับการดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนที่จะทำให้คุณได้มีโมเมนต์แห่งความสุขไปพร้อมกับคนที่รัก เตรียมพบกับ Chandon Matsuri Limited Edition 2018 ได้แล้ววันนี้ที่ร้านอาหารสุดชิคและซุปเปอร์มาร์เกตชั้นนำทั่วประเทศ Big C, Foodland, Gourmet Market,
ขึ้นชื่อว่าผู้ชายสุดเหวี่ยงแล้ว เมื่อทำงานเหนื่อยหนักมาทั้งปี อยากไปปาร์ตี้ทั้งทีก็ต้องเลือกปาร์ตี้แบบมันส์สุดขีดให้ได้ปลดปล่อยความสนุกสุดขั้ว แต่ปาร์ตี้ที่มาพร้อมความสนุกสุดเหวี่ยงมักขาดความสะดวกและความลงตัวด้านอื่นไปอย่างน่าเสียดาย จะดีแค่ไหนถ้ามีปาร์ตี้ที่ให้ความสนุกกับเราได้อย่างเต็มสูบ แต่ในขณะเดียวกันก็ BLEND รสชาติความสะดวกสบายและความบันเทิงอื่น ๆ ไว้ได้อย่างกลมกล่อม Waterzonic 2018 คือปาร์ตี้ที่เราขอยกให้เป็นปาร์ตี้ที่ตอบโจทย์ในฝันของผู้ชายรักสนุกสุดเหวี่ยงอย่างพวกเราแบบไม่มีข้อกังขา เพราะไม่ว่าจะมากับเพื่อนแก๊งใหญ่ที่เต็มไปด้วยเพื่อนที่มีไลฟ์สไตล์ความสนุกเหมือนกันสุดขีดหรือต่างกันสุดขั้วแค่ไหน งานนี้ก็ชวนให้พวกเรา Let’s BLEND ความสนุกเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว Waterzonic 2018 ถือเป็นการกลับมาการันตีความมันส์อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 การกลับมาครั้งนี้มาอย่างยิ่งใหญ่และมันส์ทุกหยาดหยดสมกับการเป็นปาร์ตี้กลางสายน้ำที่ชุ่มไปด้วยความเปียกและฉ่ำไปด้วยความสนุกยากจะหาใครเหมือน โดยในปีนี้ Waterzonic จัดเป็นเฟสติวัล 2 วันเหมือนที่ผ่านมา แถมดึงเอาจุดเด่นของ EDM Festival มาโชว์ได้แบบอลังการ สำหรับใครที่พลาดโอกาสไปเสพสุขเมื่อวันที่ 14-15 กันยายน 2561 ที่ไลฟ์พาร์ค พระราม 9 ก็ไม่ต้องเสียใจไป เราเก็บภาพบรรยากาศความมันส์มาให้ได้เสพกันเต็มอิ่มแน่นอน โปรดักชั่น Waterzonic ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง แม้จะได้ชื่อว่าเป็นปาร์ตี้ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยสายน้ำแต่เรื่องแสงสีเสียงและดอกไม้ไฟสุดอลังการก็จัดหนักมาให้เราได้เต็มอิ่มกับการปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงเพลงราวกับลอยหลุดไปอีกโลกที่มีแต่ความสนุกสุดเหวี่ยง ที่สำคัญดีเจตัวท็อปที่ตบเท้าขึ้นเวทีมาให้เราได้ศุดปากตื้นเต้นไม่ขาดสายทั้ง Yellow Claw, Dimitri Vegas & Like Mike, San Holo และอีกมากมายที่ทำให้เราใจเต้นแรงด้วยความเมามันส์ตลอดงาน
“ชิ้นนี้เป็นงานของปี 1978 สเกล 1:1 เท่าของจริงที่ใช้ถ่ายหนังเลยนะพี่” นี่ไม่ใช่น้ำเสียงที่สื่อถึงความโอ้อวด หรือหวงของ แต่มันคือน้ำเสียงของความภูมิใจ และความสุขที่ได้เล่าเรื่องราวของสิ่งที่หลงใหล ซึ่งถูกเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เราขอยืมหน้ากาก Darth Vader ของ ‘ธนวัฒน์ ใจกล้า’ หรือ ‘เย่’ เพื่อเอามาสัมผัสด้วยความชื่นชม แม้จะเปิดเรื่องมาด้วยหน้ากาก Darth Vader แต่วันนี้เราไม่ได้มาพูดคุยกับเขาถึงเรื่องราวชีวิตของลอร์ดมืดในตำนานผู้นี้ หรือพูดคุยเกี่ยวกับมหากาพย์ภาพยนตร์อย่าง Star Wars แต่เรากำลังจะพูดถึงอีกสิ่งหนึ่งซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ Darth Vader และ Star Wars รวมถึงเกี่ยวข้องกับตัวของชายหนุ่มวัย 20 ปลาย ๆ คนนี้ เป็นอย่างมาก เพราะผู้ชายคนนี้ได้เลือกใช้ชีวิตบนเส้นทางของความหลงใหล ทุ่มเทให้กับสิ่งที่สายตาคนทั่วไปตัดสินว่าเป็นแค่ของเล่น เป็นแค่เรื่องเสียเวลาไร้สาระ แต่เสียงวิจารณ์ และคำดูถูกเหล่านั้นไม่อาจต้านทานความตั้งใจของเขาได้ และในตอนนี้หากจะเรียกเขาว่าเป็นนักคราฟต์ดาบ Lightsaber อาวุธทรงพลังในโลกของหนัง Star Wars ซึ่งกลายมาเป็นของเล่น ของสะสมที่มีคุณค่าทางจิตใจในโลกจริง อย่างเต็มตัวก็คงไม่ผิดนัก “ผมเรียนจบวิจิตรศิลป์ จากลาดกระบัง ก่อนจะมาเป็น Sabersmith ก็ทำงานประจำเป็น
“You can’t buy happiness. But you can prepare a cocktail and that’s kind of the same things” ประโยคที่เปรียบเทียบได้อย่างยอดเยี่ยมว่าค็อกเทลดี ๆ สักแก้วสามารถสร้างความรู้สึกแบบไหนให้เราได้บ้าง แต่อารมณ์แบบนี้ก็ใช่ว่าจะพบเจอกันง่าย ๆ และจะรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อมีโอกาสได้นั่งอยู่ตรงข้ามกับบาร์เทนเดอร์ที่ใส่ใจการปรุงค็อกเทลเท่านั้น ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาสิ่งที่ว่ามาอยู่ POUR BAR คือชื่อที่เราอยากแนะนำในวันนี้ POUR BAR ตั้งอยู่ท่ามกลางความพลุกพล่านของย่านลาดพร้าว ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปคุณจะพบกับห้องโถงยาวถูกออกแบบมาให้เข้ากับบาร์ และแสงไฟโทนแดง-น้ำเงินที่เคลือบไว้ทั้งร้าน ช่วยสร้างคาแรคเตอร์ที่เท่และน่าตื่นเต้น เมื่อผสมเข้ากับเสียงเพลงกรันจ์ภายในร้านยิ่งสร้างคึกคักภายในเวลาเดียวกัน ทั้งหมดเริ่มมาจากความตั้งใจของ “บอมบ์ นภดล ธรรมส่องหล้า” หนุ่มอัธยาศัยดีผู้ควบ 2 ตำแหน่งคือเจ้าของร้านและบาร์เทนเดอร์หลัก ที่กำลังยืนล้างมืออย่างประณีต เพื่อเตรียมทำเครื่องดื่มแก้วพิเศษอยู่อีกด้านของบาร์ พร้อมเผยความพิเศษของทางร้านให้ฟังสำหรับคนที่จะมาเยี่ยมเยือน 2 อย่างด้วยกัน Special Ingredient ประสบการณ์มากกว่า 7 ปีของเขาทำให้ POUR BAR เป็นค็อกเทลบาร์ที่แตกต่างกับร้านอื่นโดยสิ้นเชิง เรื่องแรกคือเมนูค็อกเทลของทางร้านจะมีการเปลี่ยนแปลงตามตารางตั้งแต่
คงจะถูกใจกันไม่น้อยสำหรับหนุ่ม ๆ ที่รักความเร็วทุกคน หลัง McLaren เปิดตัวรถ Super Series คันใหม่ของค่ายในงาน Pebble Beach Concours d’Elegance 2018 ในชื่อ McLaren 720s GT3 ซึ่งเป็นรูปแบบพัฒนาจากบรรพบุรุษของมันอย่าง McLaren 720s แถมยังมีการยกชุดใหม่ทั้งคันไม่ว่าจะเป็นด้านเครื่องยนต์และโครงสร้างของตัวรถ ซึ่งในอนาคตมันจะกลายเข้ามาแทนที่รถรุ่นพี่ McLaren 650S GT3 แถมทางค่ายยังบอกอีกด้วยว่าทำออกมารองรับรูปแบบการใช้งานของทั้งนักขับมือสมัครเล่นและมืออาชีพ Mike Flewitt ซีอีโอของ McLaren Automotive บอกว่า 720s GT3 มีพื้นฐานมาจากโมเดลรถอย่าง 720s แต่เปลี่ยนองค์ประกอบทั้งหมดใหม่กว่า 90% เป้าหมายของ McLaren คือการเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้หลากหลาย ไม่ใช่แค่เป็นรถสำหรับขับบนสนามแข่งเพียงอย่างเดียว แต่การขับขี่บนถนนก็ต้องตอบโจทย์ผู้ใช้งานขับขี่บนท้องถนนทั่วไปได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างความปลอดภัยหรือเรื่องเล็กน้อยที่ Supercar ส่วนใหญ่มองข้ามกัน เช่นเรื่องการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งทั้งหมดเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของ McLeren ที่ต้องการเพิ่มฐานลูกค้าของตัวเองให้มีวงกว้างมากกว่าเดิม ตัวรถ 720S GT3 เสริมความปลอดภัยด้วยโครงสร้างรถแบบคาร์บอนไฟเบอร์ใหม่ทั้งหมด ทั้งแข็งแรงและน้ำหนักเบา เรียกว่า MonoCage
SSC North America ผู้ก่อตั้ง Shelby Supercar เอาใจเหล่าชายผู้รักความเร็วด้วยการเปิดตัว Hypercar โปรเจคใหม่ของทางค่ายในงาน Pebble Beach Concours d’Elegance 2018 โดยใช้ชื่อว่า SSC TUATARA หลังจากที่ก่อนหน้านี้เรียกน้ำย่อยด้วยการปล่อยภาพเครื่องยนต์ที่ใช้เป็นขุมพลัง และเงา Silhouette ตัวรถคร่าว ๆ ให้เราเดากันเล่น ๆ ว่าจะออกมารูปร่างหน้าตาแบบไหน SSC ได้เปิดเผยสเปครถบางส่วนออกมาแล้วโดย SSC Tuatara แรงจัดสะใจด้วยเครื่องยนต์ขนาด 5.9-liter V8 Twin-Turbocharged ให้พลัง 1,750 แรงม้า กรณีใช้เชื้อเพลิง E85 (1,350 เมื่อใช้เชื้อเพลิงค่าออกเทน 91) โดยส่งกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อหลัง สั่งงานโดยชุดเกียร์อัตโนมัติ 7-speeds ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แม้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าทำความเร็วตั้งแต่ 0- 100 กิโลเมตรได้ในกี่วินาที แต่ SSC ก็เคลมว่าสามารถทำความเร็วสูงสุดแบบหยุดไม่อยู่ถึง 480 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้แน่นอน อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจคือค่าสัมประสิทธิ์ในการสร้างแรงต้านอากาศในระบบ Aerodynamic ของ