New Balance ถือเป็นรองเท้าที่ผสานในเรื่องเทคโนโลยี และความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว โดยที่พวกเขาก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนานไม่แพ้แบรนด์รองเท้าอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่ง New Balance มีคอนเซ็ปต์ในการออกแบบตั้งชื่อรุ่นรองเท้าด้วยตัวเลข และมักไม่ค่อยนำดารา นักกีฬามาเป็นพรีเซ็นเตอร์เสียเท่าไหร่ เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้มาเป็นปัจจัยต่อการเลือกซื้อรองเท้า แต่ในเรื่องของตัวเลขรุ่นก็ยังมีนัยยะที่บ่งบอกถึงวัสดุ และเทคโนโลยี หากตัวเลขยิ่งสูง แปลว่ารองเท้าคู่นั้นยิ่งมีรายละเอียดพิถีพิถันตามไปด้วยนั่นเอง ในปัจจุบัน New Balance เป็นเพียงรองเท้าไม่กี่แบรนด์ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ยังคงใช้ฐานการผลิตเดิมในประเทศสำหรับการผลิตรองเท้าโมเดลรุ่นท็อป ๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขายังคงการันตีมาตราฐานที่ยอดเยี่ยม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโมเดลซีรีย์ 99x ที่ทีมงานจะมาเล่าเรื่องให้ฟังในวันนี้ 990 (1982) สำหรับรองเท้ารุ่นแรกคือ 990 ซึ่งถือเป็นรองเท้าที่ทาง New Balance ต้องการจะผลิตออกมาเพื่อนักวิ่ง และคนธรรมดาทั่วไป มีการผลิตครั้งแรกในปี 1982 โดยชูในเรื่องวัตถุดิบคุณภาพสูง ความแตกต่างของกระบวนการผลิตแบบคราฟต์ที่สร้างความมั่นคง และยืดหยุ่นดีเยี่ยม พร้อมทั้งโฆษณาจุดยืนที่ชัดเจนว่า “นี่คือรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุด ที่ New Balance เคยผลิตออกมา” แต่ด้วยราคารองเท้าที่สูงลิบถ้าเทียบกับรองเท้าแบรนด์อื่น ๆ ในสมัยนั้น ทำให้มันไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ขายได้เพียง 5,000 คู่ในปีแรก 995 (1986)
โฆษณาถือเป็นอีกหนึ่งสื่อที่สามารถกระตุ้นและชวนให้ผู้บริโภคฉุกคิดเรื่องราวต่าง ๆ ได้ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้ช่วงหนึ่งสื่อโทรทัศน์ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง โฆษณาจึงกลายเป็น Talk of the town สำหรับผู้คน แถมยังมีโอกาสได้ดูโฆษณาดี ๆ เจ๋ง ๆ ที่ออกมาสร้างเสียงหัวเราะ หรือแม้แต่เรียกน้ำตาไปพร้อม ๆ กัน แต่พอยุคปัจจุบัน ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เข้าสู่ยุคดิจิตัล ทำให้เราห่างทีวีเข้าถึงโฆษณาขั้นระหว่างละครได้น้อยกว่าเดิม โฆษณาหลายตัวจึงเปลี่ยนตามพฤติกรรมผู้บริโภคตามมาออกบนสื่อออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งจะพอมีโฆษณาขึ้นเราก็กด skip ข้ามทันที ทำให้ทุกวันนี้การเข้าถึงโฆษณาและดูจนจบอาจไม่เหมือนเช่นเคยถ้าโฆษณานั้นไม่เจ๋งจริง วันนี้ UNLOCKMEN จึงได้นำหนังโฆษณาจากต่างประเทศที่ได้รางวัล Gold Lion จากเทศกาล Cannes Lions Festival ประจำปี 2017 มาฝากกัน ซึ่งแต่ผลงานแต่ละชิ้น ต้องยอมรับว่าทำออกมาคู่ควรแก่การรับชมจนจบ We’re The Superhumans Halloween The Truth is hard to find Evan Da Da Ding The
Pablo Escobar คือชื่อของราชาโคเคน อาชญากรที่ร่ำรวย และประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์การค้ายาเสพติด ซึ่งหากใครที่เป็นแฟนซีรีย์น่าจะพอผ่านตามากับเรื่องราวของเขามาบ้างใน Narcos โดยเรื่องราวของ Pablo Escobar ถือว่ามีการนำมาเล่าต่อกันในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นสารคดีหรือภาพยนตร์ที่ต่างหยิบยกนำเรื่องเขามาเล่นจนเราแทบจะไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนแต่ง แต่สิ่งที่ยืนยันได้อย่างหนึ่งคือ Pablo Escobar มีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่ราว ๆ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (1.018 ล้านล้านบาท) จากธุรกิจมืดนี้ และเคยทำให้เขาติดอันดับมหาเศรษฐีจากการจัดอันดับโดย Forbes จากประวัติอาชาญกรรมทั้งหลาย วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงได้นำ 10 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ Pablo Escobar มานำเสนอให้ทุกท่านได้รู้กันไว้เตือนใจว่าการไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมันไม่เคยมีจุดจบที่สวยงาม Pablo Escobar ประกอบอาชญากรรมครั้งแรก Pablo Escobar แทบจะไม่เคยเห็นคุณค่าของชีวิตคนตั้งแต่ในวัยเด็ก เพราะหลังจากที่เขาลาออกจากโรงเรียน อาชญกรรมแรกที่เขาเลือกทำคือการขโมยหีบศพ ขุดเอาป้าย และโลงจากหลุมฝังศพ ไปขายต่อให้กับคนยากคนจน แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาได้ขยับความรุนแรงขึ้นไปเป็นการลักพาตัว และเรียกค่าไถ่จากคนรวยแทน Pablo Escobar สามารถขนยาข้ามสหรัฐได้มากว่า 15 ตันต่อวัน ความจริงแล้วในธุรกิจโคเคนของเขามีการจัดจำหน่ายโคเคนมากกว่า 70-80 ตันต่อวัน
แน่นอนว่า การขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปท่องเที่ยวกินลมชมวิวในวันว่างนั้น เป็นเรื่องที่ทำให้คนเรารู้สึกสนุก และมีความสุขไปกับมัน ตราบใดที่ยังไม่มีสิ่งแปลกปลอม หรือปัญหาเกิดขึ้นมากับดวงตาอันบอบบางของเรา ดังนั้นเราจึงมักจะเห็นว่า Biker ทั้งหลาย จะสวมใส่แว่นตากันแทบทั้งนั้น ถ้าหากว่าหมวกกันน็อคที่พวกเค้าสวมใส่อยู่ไม่ได้เป็นแบบที่มีชิล ปกป้อง แว่นตาสำหรับขี่มอเตอร์ไซค์จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ Fashion ที่ทำให้คุณดูเท่ขึ้นเท่านั้น แต่มันยังช่วยในเรื่องความปลอดภัย และช่วยปกป้องดวงตาให้พ้นจากอันตรายจากหลายๆ สิ่งรอบตัว ทั้งรังสี UV จากดวงอาทิยต์, ฝุ่นละออง รวมไปถึงแมลงตัวเล็กตัวน้อย ที่คุณจะพบเจอมันได้ในตลอดทุกช่วงการเดินทางด้วยรถ 2 ล้อ คู่ใจ ถ้าหากคุณเกิดโชคร้ายเจอเข้ากับเศษฝุ่น เศษหิน แรงลม หรือแม้แต่แมลง กระเด็นเข้าไปที่ดวงตาในขณะที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็วอยู่ล่ะก็ ความสนุกทั้งหมดที่มีอาจกลายเป็นความพินาศได้ในชั่วพริบตาเลยทีเดียว ดังนั้น สิ่งที่หลายคนมองว่า เป็นเรื่องเล็กอย่างแว่นตานั้น อาจจะไม่จริงเสมอไป เพราะถ้าเกิดอะไรกับดวงตาตอนขี่รถขึ้นมา รับรองได้เลยว่า เรื่องเล็กจะกลายเป็นใหญ่แน่นอน ดังนั้น ถ้าหากใครที่กำลังมองหาแว่นตาดีๆ สำหรับขี่รถมอเตอร์ไซค์อยู่ หรือว่าใครก็ตาม ที่มีแว่นอยู่แล้ว แต่พอลองเอามาใส่ขี่รถมอเตอร์ไซค์แล้วพบว่า มันทรมาณมากกว่าตอนไม่ใส่แว่นล่ะก็ ลองดูแว่นเหล่านี้เอาไว้ให้ดี เพราะนอกจากจะมันจะมีไว้ใส่ขี่มอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะแล้ว เรื่องของความเท่ และความปลอดภัย ก็นับว่า มากันครบถ้วนเลยทีเดียว Motorcycle Eyewear
เด็กสมัยนี้คงไม่รู้จักความคลาสสิคของเกมสไตล์ 8bit โพลีก้อนอีกต่อไป เพราะพวกเขาล้วนเติบโตมากับเทคโนโลยีล้ำสมัยไม่ว่าจะเป็น Xbox หรือ Play Station 4 แต่พวกเราที่เป็นผลผลิตจากยุค 90s กลับโหยหาความเป็นอดีตไม่ว่าจะเป็น Ninetendo , SEGA หรือแม้กระทั่ง Play Station ยุคแรก ๆ ที่ไม่สามารถหาเล่นไม่ได้แล้วในสมัยนี้ แต่ข่าวที่ UNLOCKMEN นำมาฝากถือเป็นข่าวดีสำหรับทุกคน เพราะบริษัท SEGA ผู้ผลิตวิดีโอเกม และซอฟต์แวร์สัญชาติญี่ปุ่น จะพาเราหวนความทรงจำด้วยการนำเอาวิดีโอเกมคลาสสิคในอดีตจากเครื่องเกมของ SEGA อาทิ Megadrive , Dreamcast , Saturn กลับมาให้พวกเราได้เล่นอีกครั้ง SEGA ได้ตั้งโปรเจคที่ชื่อว่า SEGA Forever เพื่อที่จะนำเอาเกมต่าง ๆ มายัดลงไว้ในสมาร์ทโฟนที่รองรับได้ทั้ง iOS และ Android จากข่าวลือเกมที่น่ามาชัวร์สำหรับโปรเจค SEGA Forever ประกอบไปด้วย Soinc the Hedgehog ,
ถึงเราจะรู้ว่าหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมงเท่ากันแค่ไหน แต่ยังไง้ ยังไง ช่วงเวลาของวันหยุดก็ดูเหมือนว่าจะผ่านไปเร็วไวกว่าวันธรรมดาไปเสียทุกที ไม่ว่าเราจะพยายามแพลนวันหยุดให้มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน แต่พอเย็นวันสุดท้ายก่อนที่จะถึงวันทำงาน เรากลับต้องรู้สึกหดหู่ทดท้อว่าเวลาแห่งการพักผ่านไปไวจนรู้สึกเหมือนไม่ได้หยุดพักเลย! ปัญหาจึงไม่ได้อยู่แค่การจัดการเวลาของเราในช่วงวันหยุด แต่อยู่ที่เซนส์การรับรู้เรื่องเวลาของสมองเราด้วย จะดีสำหรับผู้ชายอย่างเราแค่ไหน ถ้าสามารถปรับการรับรู้เรื่องเวลาของตัวเองให้รู้สึกเหมือนว่ามีเวลาช่วงวันหยุดยาวนานกว่าที่เคย ศาสตราจารย์ David Eagleman นักประสาทวิทยาจาก Stanford University ผู้เขียนหนังสือ The Brain: The Story of You อธิบายเรื่องวิธีการรับรู้เรื่องเวลาของคนเราไว้ง่าย ๆ ว่าเรามักจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ เมื่อเราสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ สิ่งใหม่ เนื่องจากสมองเราจะจดจำรายละเอียด จัดระบบ เรียนรู้ประมวลผลกับประสบการณ์ใหม่ทั้งหมด ถ้านึกไม่ออกให้ลองนึกถึงปิดเทอมฤดูร้อนของช่วงวัยเด็กดู แม้จะปิดเทอมแค่สามเดือน แต่ดูเหมือนยาวนานไม่จบสิ้น เริ่มตั้งแต่ฟังผลสอบ เล่นว่าวตอนหน้าร้อน รอคอยการมาถึงของเทศกาลสงกรานต์ ไปจนถึงเริ่มซื้อชุดนักเรียนสำหรับเทอมใหม่ จนกระทั่งเริ่มเปิดเรียน หรือถ้าให้สั้นไปกว่านั้น การเดินทางขาไปมักสร้างความรู้สึกยาวนานกว่าการเดินทางขากลับ (โดยเฉพาะการเดินทางด้วยรถยนต์ รถไฟที่จะได้สัมผัสบรรยากาศใหม่ ๆ สองข้างทาง) เนื่องจากการเห็นสิ่งใหม่ส่งผลให้สมองประมวลผลให้เรารับรู้อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน ไม่แปลกอะไรถ้าช่วงวันหยุดที่เราไปเที่ยวในที่ใหม่ ๆ หรือเจอคนที่ไม่ค่อยได้เจอกัน เมื่อเราจะมองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกว่าเวลายาวนานคุ้มค่ากว่าที่เคย หรือถ้าไม่ได้ไปที่ใหม่
การที่เราสามารถคาดเดาทิศทางของเทคโนโลยีหรือพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ได้เปรียบในเชิงธุรกิจที่เราจะสามารถคิดค้นนวัตกรรมเจ๋ง ๆ ออกมาเพื่อรองรับความต้องการเหล่านั้น คล้ายกับกรณี Boiler Room ช่องดนตรีออนไลน์ที่กำลังโด่งดังอย่างมากในขณะนี้ ก่อนอื่นเลย เราเชื่อว่าหากคุณไม่ได้สนใจกับเรื่องของดนตรีมากนัก ไม่มีทางที่จะเคยได้ยินชื่อของ Boiler Room อย่างแน่นอน แต่ปัจจุบัน Boiler Room ถือเป็นช่องออนไลน์ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับดนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดช่องหนึ่งทางแพลตฟอร์มออนไลน์ในต่างประเทศ ถ้าจะให้เทียบก็คงเหมือนกับยุคหนึ่งที่เรามี MTV เป็นช่องทางที่ขับเคลื่อนวงการดนตรี Boiler Room เกิดจากความตั้งใจของ Blasie Bellvise ชาวอังกฤษ ที่ไปชักชวนให้ Thristian Richards และ Femi Adeyemi มาลองอัดมิกซ์เทปเพื่อจะลองอัพโหลดบนออนไลน์แม็กกาซีนของตัวเขาเอง ซึ่งนับว่ามันเป็น EP แรกของ Boiler Room ที่ใช้การถ่ายทำอย่างง่าย ๆ ด้วยกล้อง Webcam และอัพโหลดขึ้นทาง Ustrem ทุกอย่างทำขึ้นมาอย่างเรียบง่าย และบ้าน ๆ แต่หลังจากเปิดตัว Boiler Room’s First session ในเดือน มีนาคม
เป็นข่าวน่าเศร้าสำหรับวงการมายาต่างประเทศ รวมถึงทั่วโลก เนื่องจากนักแสดงมากความสามารถที่สุดคนหนึ่งแห่งยุคอย่าง Daniel Day Lewis เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาดารานำชายถึง 3 ครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำได้ ออกมาประกาศลาขาด เตรียมหันหลังให้กับวงการจอเงินเป็นที่เรียบร้อย ข่าวนี้สร้างความช็อคให้กับวงการฮอลลีวู้ดพอสมควรเนื่องจากอายุอานามของเขาก็ยังไม่ได้มากถึงขนาดต้องออกจากวงการ เพราะ Daniel Day Lewis เพิ่งจะอายุได้เพียง 60 ปีเท่านั้น ยังสามารถเลือกบทนำดี ๆ เพื่อสานต่อความสำเร็จต่อไปได้ไม่ยาก นับว่าเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงสำหรับคอหนังที่หลังจากนี้คงไม่มีโอกาสรับชมผลงานใหม่ ๆ จากฝีมือขั้นเทพของเขาอีกแล้ว ดังนั้นเพื่อเป็นการสรรเสริญเชิดชูผลงานของ Daniel Day Lewis ที่ผ่านมา วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ได้นำเรื่องราวของเขามาฝากกัน หากเราพูดถึง Daniel Day Lewis สำหรับคอหนังที่ไม่ใช่สายดูหนังรางวัลอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อสักเท่าไหร่ เนื่องจากเขาเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องความติสท์แตก โดยเขาจะใช้ความพิถีพิถันในการเลือกบทบาทสักเรื่องเพื่อมาทำการแสดง ทำให้เราจะไม่ค่อยเห็นหน้าตาของเขาสักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับดาราคนอื่น ๆ ที่รุ่นราวคราวเดียวกัน ก่อนอื่นเลย เราอยากจะย้อนเรื่องราวความเป็นมาของเขาเสียก่อน ตัวของ Daniel เริ่มต้นในแวดวงการแสดงด้วยการรับบทเล็ก ๆ ทางโทรทัศน์ และละครเวที ก่อนที่จะขยับขยายขึ้นสู่จอเงินเป็นครั้งแรกในปี 1985 กับบทบาทชายรักร่วมเพศในเรื่อง
Sneakers of the week สัปดาห์นี้ UNLOCKMEN ขอเอาใจสายสเก็ตบอร์ดเสียหน่อย เนื่องจากจริง ๆ แล้ววัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดในไทยถือเป็นกลุ่ม sub culture แรก ๆ ที่ขับเคลื่อนวงการสตรีทแฟชั่นในบ้านเรา บวกกับในปัจจุบันหากลองสังเกตดี ๆ ไอเท็มสเก็ตบอร์ดอย่าง Supreme , Palace ต่างได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ดังนั้นเราจึงได้นำรองเท้าสไตล์สเก็ตบอร์ดที่น่าจับตามองมาฝากกัน Nike SB Paul Rodriguez 10th คู่แรกเป็นรองเท้าที่ทาง Nike ได้ทำออกมาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีที่โปรสเก็ตบอร์ดชื่อดังอย่าง Paul Rodriguez ได้มาร่วมงานกับพวกเขา ซึ่งรองเท้าคู่นี้ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่ายมินิมอลที่สุด ไม่ว่าจะเป็นส่วนหน้าเท้าที่ผลิตจากหนังกลับสีครีม / พื้นขาว และสีน้ำตาลไหม้ / พื้นน้ำตาลอ่อน ที่จะวางขายในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ตามช้อปทั่วโลก รวมถึงอีกหนึ่งสีที่ทำออกมาได้พิเศษสุด ๆ ด้วยดีไซน์สวยสดงดงามคือการนำมาทำในสไตล์รองเท้า Dress Shoes สีน้ำตาลไหม้กับพื้นสีดำ มีจำนวนจำกัดเพียง 10
หากเราพูดถึงการไปเที่ยวทะเลคงจะไม่มีใครมานั่งคิดถึงเรื่องการตื่นมาวิ่งชายหาดในตอนเช้า เพราะส่วนใหญ่น่าจะเมาแฮงค์จากการปาร์ตี้หนักเมื่อคืนเนื่องจากเวลาที่เราจะได้ไปทะเลก็คือช่วงที่เราเลือกจะทิ้งเรื่องการ เรื่องงาน มาพักผ่อนหย่อนใจที่ทะเล แต่หากใครเคยมีโอกาสตื่นมาตอนเช้า ๆ จะเห็นได้ว่าชาวต่างชาติค่อนข้างจะนิยมออกมาวิ่งรับแดดอ่อนในตอนเช้า ซึ่งเหตุผลคงจะไม่ใช่เพราะพวกเขาดูหนังเรื่อง Baywatch แล้วเห็นฉากวิ่งนิ่ม ๆ สโลว์ ๆ บนพื้นทรายแล้วรู้สึกว่าเท่ดีเฉย ๆ หรอกนะ เพราะความจริงแล้วการวิ่งบนพื้นทรายถือเป็นเทคนิคการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่ง และปราดเปรียวให้กับร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยม UNLOCKMEN จึงได้นำเหตุผลทั้ง 5 ข้อว่าหากมีโอกาสไปเที่ยวทะเลก็ควรลองตื่นมาวิ่งชายหาดเสียหน่อย ลดแรงกระแทก เวลาที่คุณวิ่งบนชายหาดเท้าของคุณจะสัมผัสกับพื้นผิวที่นุ่ม และสบายกว่าการวิ่งปกติบนพื้นถนนคอนกรีต ทำให้คุณแทบจะไม่ต้องสวมรองเท้าด้วยซ้ำขณะวิ่งบนพื้นทราย ร่างกายส่วนล่างที่ไม่ว่าจะเป็น สะโพก หัวเข่า หรือฝ่าเท้าจะไม่ต้องรับแรงกระแทกที่มากเกินไป ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บได้ เสริมกล้ามเนื้อในส่วนที่อ่อนแอ อย่างที่บอกว่าหากคุณวิ่งบนชายหาดแล้วจะลดแรงกระแทกได้นั้น ข้อดีอีกอย่างของการวิ่งบนชายหาดคือ ทราย จะก่อความไม่เสถียรสำหรับเท้าดังนั้นร่างกายจะถูกบังคับให้ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ๆ ของร่างกาย อาทิข้อเท้า ซึ่งสำหรับคนปกติทั่วไปบริเวณส่วนนั้นจะอ่อนแอเป็นอย่างมาก และทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย การวิ่งบนทรายจึงทำให้เราได้งัดเอากล้ามเนื้อที่ไม่ค่อยแข็งแรงมาออกกำลัง ร่างกายทรงตัวดีขึ้น เท้าของคุณ น่องของคุณ และกล้ามเนื้อกลุ่มกลูเตียลที่ควบคุมบริเวณสะโพก ก้น จะได้ทำงานอย่างหนักขึ้น และประสานงานร่วมกัน เมื่อต้องวิ่งลงพื้นทรายนิ่ม ๆ ซึ่งวิธีนี้เป็นหนึ่งในการฝึกที่นักกีฬาหลาย ๆ