กรุงเทพฯ เป็นแหล่งรวมร้านอาหารหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น ไปจนถึง ฝรั่งเศส แต่หลายคนมักไม่รู้จัก UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำร้านอาหารฝรั่งเศสที่สามารถพาคนรู้ใจไปสร้างความประทับใจผ่านมื้ออาหารด้วยกันได้ La Vie Bistronomy La Vie ห้องอาหารฝรั่งเศสที่อยู่บนชั้น 11 ของโรงแรม VIE Hotel Bangkok ที่เสิร์ฟอาหารสไตล์ Bistronomy หรือ French Casual Fine Dining ที่ทานง่ายและทำจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ โดยแต่ละเมนูถูกรังสรรค์ในครัวเปิดที่คนทั่วไปสามารถรับชมเชฟปรุงอาหารได้ แถมยังมีไวน์ให้เลือกหลายชนิดอีกด้วย เราสามารถดื่มเคล้ากับอาหารฝรั่งเศสรสชาติดีในบรรยากาศหรูหราสไตล์โมเดิร์นของห้องอาหารได้อย่างลงตัว Google Maps Facebook Website Water Libary (Chamchuri Square) ห้องอาหาร Fine Dining ระดับมิชลินไกด์ที่มีจุดขาย คือ รวบรวมน้ำแร่จากหลายประเทศทั่วโลก เช่น ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ อิตาลี นอร์เวย์ หรือ ญี่ปุ่น จนเหมือนเป็นห้องสมุดน้ำ
ถ้าพูดถึง ‘เซินเจิ้น (Shenzhen)’ ใครหลายคนคงลำดับภาพสินค้าก๊อบปี้จากหลากแบรนด์ดังทั่วโลกขึ้นมาในหัว แต่คนส่วนใหญ่อาจยังไม่รู้ว่าในช่วงสิบปีให้หลัง ภาพลักษณ์เก่า ๆ ของเมืองเซินเจิ้นได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เมืองริมฝั่งตรงข้ามเกาะฮ่องกงเมืองนี้ไม่ได้เป็นเมืองแห่งการลอกเลียนเหมือนก่อน หากกลายเป็นเมืองนวัตกรรมและศูนย์กลางการออกแบบของจีนแผ่นดินใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากผลงานดีไซน์เจ๋ง ๆ จาก Shenzhen Design Week สองปีซ้อนที่ทำเอาคนทั่วโลกตกตะลึง เมืองเซินเจิ้นยังมีผลงานสถาปัตยกรรมเท่ ๆ ซุกซ่อนอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทั่วเมือง และร้านอาหาร ‘Voisin Organique’ ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานสถาปัตยกรรมภายในที่โดดเด่นไม่น้อยในเมืองนี้ Voisin Organique เป็นร้านอาหารจีนในเขตฟูเทียน (Futian) ที่เน้นเสิร์ฟอาหารจีนดั้งเดิมและจีนร่วมสมัยแบบ farm-to-table โดยมีวัตถุดิบหลักเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่ใช้สารเร่งโต รวมทั้งผักออร์แกนิกที่ไม่ได้ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมหรือใช้ปุ๋ยเคมี ร้านนี้คือหนึ่งในผลงานการออกแบบของ Various Associates สตูดิโอออกแบบในเซินเจิ้นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์หลงทางในหุบเขาอันมืดมิด ทีมนักออกแบบจึงฉาบเพดานขึ้นสลับลงเพื่อเล่นกับความสูงชันต่างระดับ ตั้งใจดีไซน์สเปซออกมาให้คล้ายกับช่องว่างระหว่างหุบเขา โดยหวังว่าความต่างของความสูงจะดึงดูดผู้คนให้แหงนมองขึ้นไป สมทบด้วยแสงไฟสลัวที่สาดยาวลงมาจากด้านบน ราวกับแขกในร้านกำลังรับประทานอาหารจากก้นบึ้งของหุบเขา พื้นผิวภายในร้านตั้งแต่ผนังไปจนถึงฝ้าเพดานถูกเคลือบด้วยกระดาษฟอยล์สีเงินด้าน สร้างบรรยากาศสลัวรางที่ทำให้แขกรู้สึกเหมือนตนกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางสายหมอกที่คลุมเครือ จะชัดก็ไม่ใช่ จะเลือนรางก็ไม่เชิง ภายในร้านแบ่งเป็นโซนเลานจ์ ห้องรับประทานอาหาร และห้องครัวสุดกว้างขวางที่มีขนาดมากกว่า 100 ตารางเมตร โซนเลานจ์ดีไซน์เป็นบาร์เครื่องดื่มหรูมาคู่กับเก้าอี้สีแดงทรงสูง มีโต๊ะกลมคู่โซฟาสำหรับแขกที่มาเป็นกลุ่ม รวมทั้งโต๊ะไม้กลมติดกับหน้าต่างช่องเล็ก
ค่ำคืนวันศุกร์สุดคึกครื้นและแสงสีของราตรีกาลที่ไม่เคยหลับใหล นำเราเดินดุ่มขึ้นไปยังชั้น 39 ของตึก Sathorn Square มีน้อยคนจะรู้ว่าที่นี่เป็นที่ตั้งของ KOI RESTAURANT ร้านอาหารควบบาร์เหล้าอันมีเอกลักษณ์ด้วยเมนูอาหารและเครื่องดื่มสไตล์เจแปนนิสแคลิฟอร์เนียน เป็นการยกครัวชื่อดังจากสาขาใน Los Angeles มาจุติที่ประเทศไทย หนุ่ม ๆ จะได้สัมผัสประสบการณ์ 3 แบบ 3 สไตล์ผ่านโซน Dinner, Lounge และ The Club @ Koi ที่เชื่อมต่อและเดินทะลุถึงกันได้ทั้งหมด นอกจากอาหารเลิศรส คุณยังได้ชิมทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ยามราตรีที่โอบล้อมไปด้วยความงดงามของตึกระฟ้าแห่งมหานคร ก้าวแรกที่เข้ามาในโซน Dinner ก็สัมผัสได้ถึงความเท่ เนื่องด้วยการตกแต่งเน้นหนักเฟอร์นิเจอร์สีเข้ม มีโคมระย้าทรงแปลกตาห้อยลงมาจากด้านบน ทั้งยังเล่นกับลวดลายแพตเทิรน์ซ้ำ ๆ ทำให้ภาพงานสถาปัตยกรรมแบบอินดัสเทรียลลอฟต์และบรูทัลลิสต์แวบเข้ามาในหัวเรา แต่เมื่อถามไถ่จนได้ความ ก็รู้ว่า KOI RESTAURANT แห่งนี้ดีไซน์ร้านอิงตามหลักฮวงจุ้ย เลือกใช้วัสดุจากไม้เป็นหลักและสอดแทรกรายละเอียดของเอเลเมนต์ทั้ง 4 เอาไว้อย่างน่าทึ่ง เริ่มจานแรกด้วย Creamy White Shrimp Tempura เทมปุระกุ้งที่ทวิสต์ขึ้นมาให้มีความเป็นอเมริกันด้วยการคลุกเคล้าซอสมายองเนส แต่แม้จะมีซอสเคลือบด้านนอกเรากลับไม่รู้สึกถึงความเลี่ยนเลยสักนิด
เมนูยอดฮิตของร้านตามสั่งอย่าง “กะเพรา”เป็นอีกเมนูที่รสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทยจึงครองใจคนทุกเพศทุกวัยไปแบบขาดลอย วันนี้เมนูกะเพราไม่ได้เป็นแค่เมนูซิกเนเจอร์ในร้านอาหารตามสั่งทั่วไปอีกแล้ว แต่ยังเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านนั่งดื่มบรรยากาศดีอย่าง “กะเพราผัด รัชบาร์ 32” ที่หยิบเอาเมนูนี้มาขายจนเป็นจานเด็ดของร้านที่ไม่สั่งไม่ได้ แค่กะเพราธรรมดาก็คงจะเหมือนร้านอื่นเกินไป มาลองกะเพรารสเด็ดเผ็ดถึงใจ ด้วยวัตถุดิบที่ตั้งใจคัดมาอย่างดีเหมือนกับทำกินเองของร้านนี้ แกล้มเบียร์เย็น ๆ ในร้านบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองด้านใน หรือจะเป็นสวนด้านนอกที่ร่มรื่น ชวนให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศแห่งความหรรษากันแบบ Open Air ลองไปทำความรู้จักกับเมนูเด็ดของร้านนี้ที่มันส์ไม่แพ้เมนูของพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน ก่อนที่จะหยิบกุญแจรถออกเดินทางไปพิสูจน์ความเผ็ดร้อนกันในคืนนี้ ร้านนี้ซ่อนตัวอยู่ในซอยรัชดา 36 เดินทางง่ายใกล้ MRT ลาดพร้าว เข้าซอยมาให้มองทางขวามือไว้ จะเห็นบรรยากาศร่มรื่นที่ยื่นออกมานอกรั้วเล็กน้อย นั่นแหละ ถึงร้านแล้ว แม้ชื่อร้านจะชวนให้คิดว่านี่คือร้านอาหาร แต่ความจริงพรั่งพร้อมด้วยเครื่องดื่มบาดคอให้เราได้เมามายไปพร้อมกับบรรยากาศด้วยเช่นกัน บริเวณของร้านแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนด้านในบ้านและสวนด้านนอก ใครสะดวกนั่งตรงไหนสามารถจับจองพื้นที่กันได้ตามใจชอบ เดิมทีร้านนี้เป็นเหมือนร้านที่เพื่อนหลาย ๆ คนหุ้นกันทำ ความตั้งใจแรกคือเปิดร้านขายเฉพาะกะเพรา เพราะทุกคนชอบกินกะเพราเหมือนกันหมด แต่กะเพราเฉย ๆ ก็คงจะเบสิกเกินไป เติมรสชาติจัดจ้านจึงเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของร้าน ความเผ็ดร้อน เข้มข้น ดุเดือด ซ่อนตัวอยู่ในเนื้อฉ่ำ ๆ ทุกจาน ที่สำคัญยังไม่ต้องกลัวว่าปรุงใหม่แล้วรสชาติไม่เหมือนกัน เพราะทางร้านคิดถึงความง่ายและสะดวกจึงคิดค้นซอสกะเพราสูตรลับของร้านที่ปรุงขึ้นมาเองเป็นตัวชูรสขึ้นมาใช้ ส่วนใครที่ไม่สันทัดความเผ็ดระดับปรอทแตกไม่ต้องกังวล
บอกตามตรงว่ามีไม่กี่รายการที่เรายังคงติดตามดูหน้าจอทีวีอยู่ นอกจาก บริษัทฮาไม่จำกัด อีกรายการหนึ่งก็คือ Iron Chef สมรภูมิเชฟกระทะเหล็ก ด้วยความเข้มข้นของการทำอาหารที่ยากเกินคนธรรมดาอย่างเราจะสามารถสร้างสรรค์ได้ ก็ขนาดทำข้าวผัดธรรมดา เรายังใช้เวลาเป็นชั่วโมง พร้อมข้าวของในครัวเละเทะเหมือนเกิดสงครามโลก การเห็นคนทำอาหารเก่ง ๆ ใช้วัตถุดิบเทพ ๆ แข่งกัน มันให้อารมณ์น่าติดตามอย่างบอกไม่ถูก ถ้าคุณก็ดูเหมือนกัน น่าจะเคยคิดอิจฉากรรมการ และเต็มไปด้วยความสงสัยว่า อาหารจากฝีมือเชฟเทพ ๆ เหล่านั้นรสชาติจะดีขนาดไหนกันนะ ด้วยความอยากลิ้มรสนี้เอง จึงกำเนิดเป็นร้านอาหาร Iron Chef ที่ The Taste ทองหล่อ 11 ซึ่งเป็นร้านที่แฟนรายการ และนักชิมที่อยากกินของดีที่สุดต้องเคยไปลองกันมาแล้ว กับอาหารที่รังสรรค์โดย บรรดาสุดยอดเชฟกระทะเหล็ก ทั้ง เชฟเอียน เชฟชุมพล เชฟบุญธรรม เชฟป้อม เชฟไก่ เชฟอาร์ท แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าร้านได้มีการปรับเปลี่ยน Concept ใหม่ กลายเป็น Iron Chef Dragon ที่เน้นรังสรรค์อาหารจีนร่วมสมัยเมนูสุดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ วัตถุดิบจัดเต็ม ในรสชาติดีเกินบรรยาย Iron Chef
ทำไมวันหยุด วันว่าง เวลามันถึงผ่านไปเร็วเหลือเกิน? หลายคนน่าจะเคยถามประโยคนี้กันมาแล้ว และเราไม่ได้คิดกันไปเอง โชคดีที่มีคำอธิบายจากงานวิจัยของ Professor David Eagleman แห่ง Baylor College of Medicine, Houston บอกว่า ทุกครั้งที่เราไปในที่เดิม ๆ ความทรงจำดูเหมือนจะข้ามรายละเอียดบางอย่างไปด้วยความคุ้นเคย แต่เมื่อเราไปทำอะไรใหม่ ๆ ไปในที่ใหม่ ๆ สมองเราก็จะตื่นเต้นไม่แพ้กัน ทำให้จดจำรายละเอียดต่าง ๆ ได้มาก และเราก็มักจะใส่ใจในสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้เวลาเหมือนกับจะยาวนานขึ้น ดังนั้นไม่ต้องรอให้ถึงวันหยุดยาว เราก็ก้าวออกไปหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้ชีวิตได้ในเมืองไทย ออกไปเจอสถานที่ และเรื่องราวใหม่ ๆ ที่ไม่คาดคิด เที่ยวให้สุด สนุกกับการแก้ปัญหาระหว่างท่องเที่ยว เพราะความ Unexpected นี่แหละที่ทำให้ชีวิตมีความพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก ผลวิจัยหลายชิ้นก็ยืนยันว่าการออกไปสถานที่ใหม่ ๆ ไปทำอะไรใหม่ ๆ เหมือนเป็นการบริหารสมอง สามารถสร้างความตื่นเต้น ได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ เป็นประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิต ช่วยให้อารมณ์ดี ร่างกายแข็งแรง