หนุ่ม ๆ ที่เป็นแฟนรองเท้าค่าย Nike โดยเฉพาะโมเดลยอดฮิตตลอดกาลอย่าง Air Max 90 คงกำลังตั้งตารอคอยคอลแลปส์คอลเลกชันอย่าง Nike Air Max 90 x UNDEFEATED ที่ก่อนหน้านี้ประกาศว่าจะวางขายในวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว แต่รอแล้วก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรออกมา ข่าวล่าสุดประกาศว่าเตรียมวางขายในเดือนตุลาคม พร้อมกับสีใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวออกมา ปีนี้ Nike และ UNDFTD ร่วมงานกันไปแล้วในโปรเจกต์รองเท้าบาส UNDEFEATED x Nike Kobe 4 Protro “Black Mamba” และก่อนจะมาจับรองเท้าโมเดล Air Max 90 ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยประสบความสำเร็จด้วยกันมาแล้วใน UNDFTD x Nike Air Max 97 ที่สวยถูกใจหลายคน จนราคารีเซลพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วแม้จะทำออกมาเพียงแค่ 2 สีก็ตาม มาวันนี้คอลเลกชัน Nike Air Max 90 x
ฝนที่ตกกระหน่ำตลอดหลายวันที่ผ่านมา คงทำให้หนุ่มสายสนีกเกอร์เฮดหลายคนอดกังวลเกี่ยวกับการใส่รองเท้าคู่โปรดออกจากบ้านไม่ได้ ถึงแม้จะมีสเปรย์กันน้ำช่วยลดความกังวลได้บ้างก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องเจอปัญหาในขั้นตอนการทำความสะอาดอยู่ดี มีเทคโนโลยีและถึงอุปกรณ์เสริมมากมายถูกผลิตออกมาเพื่อป้องกันรองเท้าของเราจากน้ำหรือคราบสกปรก หนึ่งในนั้นคือ MudGuards ที่จะปกป้องส่วนขอบรองเท้าได้เป็นอย่างดี ล่าสุดค่ายกีฬาอย่าง Adidas ก็จับมันใส่ไว้ในรองเท้าโมเดลยอดฮิตอย่าง NMD R1 และกำลังจะปล่อยออกสู่ตลาดในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้แล้ว คอลเลกชันใหม่ Adidas NMD R1 เปิดตัวออกมาพร้อมกัน 4 สี ประกอบไปด้วย Core Black, Ash Silver, Cloud White และ Orchid Tint คราวนี้มาพร้อมส่วนอัปเปอร์ผ้าถักแบบแข็งแรงพิเศษที่ยึดติดกับส่วนมิดโซลซึ่งยังคงใช้เป็นโฟมเทคโนโลยี Boost ส่วน MudGuards ที่ถูกเพิ่มเข้ามาถือเป็นส่วนเด็ด โดยใส่ไว้ตรงข้างเท้าด้านนอกเริ่มจากปลายนิ้วยาวไปถึงส้นด้านหลังซึ่งจะช่วยป้องกันคราบสกปรกไม่ให้ซึมเข้าใปในขอบรองเท้า ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับการเสริม MudGuards โดยเฉพาะการใส่ในช่วงฤดูฝนหรือการสวมใส่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างสมบุกสมบันเสี่ยงต่อการเลอะเทอะ เพราะหนุ่ม ๆ ที่ทำความสะอาดรองเท้าด้วยตัวเองคงทราบกันดีว่าคราบฝังแน่นในบริเวณขอบรองเท้าทำความสะอาดยากมาก ๆ ดังนั้นการมี MudGuards จะช่วยให้เรากังวลแค่ในส่วนอัปเปอร์และโฟมสีขาวโดยรอบเท่านั้น ทั้งหมดทำให้ NMD R1 คอนเลกชันนี้เหมาะสมกับผู้ชายที่ต้องการรองเท้าใส่เดินลุยแบบไม่ต้องกังวล แฟน ๆ
กระแสความนิยมในตลาดสนีกเกอร์ทั่วโลก กำลังทำให้หนุ่ม ๆ อย่างเรามีตัวเลือกรองเท้ามากมายให้ซื้อและใช้งาน แม้หลายคู่หลายรุ่นจะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่ก็มีรองเท้าหลายรุ่นที่ปล่อยออกมาแล้วกลายร่างเป็นของแรร์จากความต้องการในตลาด รวมถึงความลิมิเต็ดที่ทำให้มีผู้ครอบครองมันเพียงหยิบมือ รองเท้าหลายคู่อัปราคาของตัวเองขึ้นมาเกินเท่าตัว โดยวันนี้เรามีสถิติที่น่าสนใจจาก RealReal ร้านขายรองเท้าออนไลน์สุดหรูที่เก็บข้อมูลเรื่องสนีกเกอร์ที่มีมูลค่าการขายต่อมากที่สุด และนี่คือรองเท้า 9 คู่ที่มีราคารีเซลแพงที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ โดยเรียงลำดับจากเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นมาจากราคาป้ายเดิม จะมีรองเท้าจากค่ายไหนเข้ามาอยู่ในลิสต์กันบ้าง มาดูกันเลย Yeezy Boost 350 V2 Core Black/Core White เข้าป้ายมาเป็นอันดับที่ 9 และเป็นรองเท้าจากค่าย 3 ขีดคู่เดียวในลิสต์นี้สำหรับ Yeezy Boost 350 V2 ในสี Core Black/Core White อันสวยสดงดงาม เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 17 ธันวาคมปี 2016 ตอนนั้น Yeezy รุ่นต่าง ๆ ยังไม่มีการผลิตมากเท่าทุกวันนี้และการมากับกล่องแบบ Original ก็มีส่วนทำให้ราคาของมันสูงอยู่เสมอ ราคาป้าย: 220 ดอลลาร์ ราคาปัจจุบันประมาณ:
“ครั้งแรกน่าจดจำเสมอ” เราเชื่ออย่างนั้นโดยเฉพาะช่วงชีวิตแห่งการเป็นหนุ่มสาวที่ชีวิตเต็มไปด้วยอิสรภาพ ความฝัน และความเป็นไปได้ใหม่ ๆ อะไรก็ตามที่เราทำ ณ ช่วงชีวิตของการเป็นหนุ่มสาวนั้นจึงเป็นครั้งแรกอันเต็มไปด้วยการผจญภัยแสนหอมหวานและน่าจดจำ รวมถึงยังประกอบสร้างตัวตนและความเป็นเรามาจนถึงทุกวันนี้ บ่อยครั้งเราจึงนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ครั้งแรกที่เราได้บรรจงจูบกับใครสักคนด้วยความตื่นเต้น ครั้งแรกที่เราได้ออกเดินทางไปบนถนนหนทางที่เหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด ครั้งแรกที่เราได้ตะลุยผจญภัยอย่างสุดเหวี่ยงกับเพื่อน ครั้งแรกที่เราได้ตกหลุมรัก เพราะไม่มีครั้งไหนเหมือนครั้งแรก เราจึงหวนนึกถึงมันเพื่อเป็นแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้เราอยากลองใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยพลังและอิสรภาพอย่างนั้นอีกสักหน CALVIN KLEIN WATCHES & JEWELRY ก็เชื่อในช่วงเวลาแรก เชื่อในอิสรภาพที่ปราศจากความกลัวของหนุ่มสาวจึงออกแคมเปญ NO TIME LIKE THE FIRST เพื่อกระตุ้นเตือนพวกเราว่าไม่มีครั้งไหนจะเหมือนครั้งแรก และขอให้เราเก็บห้วงเวลานั้นไว้ในความทรงจำให้ดี โดยบอกเล่าผ่านภาพถ่ายของ Lachlan Bailey บนถนนที่ทอดยาวสุดสายตา เพื่อสื่อถึงจุดเริ่มต้น อิสรภาพ การออกเดินทาง และความทรงจำที่น่าจดจำของเราทุกคน แคมเปญครั้งนี้ CALVIN KLEIN ถ่ายทอดผ่านนายแบบ นางแบบจากหลากหลายเชื้อชาติเพื่อสื่อถึงความหลากหลายโดยมี คารา เทย์เลอร์ และจัสติน มาร์ติน จากอเมริกา, โคเฮ ทาคาบาทาเกะ จากญี่ปุ่น, ชินฮยอนจี จากเกาหลีใต้ และรูส
พาหนะอะไรที่สามารถทำให้เราเห็นผู้คนจำนวนมากได้ในคราวเดียว ? หากมีคนถามแบบนี้คำตอบที่ได้ก็คงหนีไม่พ้นระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถเมล์และรถไฟที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน แต่ในความวุ่นวายก็ทำให้เราได้เห็นสไตล์ที่แตกต่างของผู้คน บางวันเราอาจเจอคนที่แต่งตัวเหมือนกัน 10 คน ยืนอยู่บนชานชาลา หรือเมื่อวานก็อาจเห็นแฟชั่นโคตรเท่จากชายที่ยืนฟังเพลงอยู่ในรถไฟฟ้า เพราะสถานีรถไฟกลายเป็นแหล่งรวมคนมากมาย ทำให้มีเรื่องราวหลากหลายเล่าสู่กันฟังผ่านเครื่องแต่งกายที่สามารถบอกว่าไอเทมชิ้นไหนฮิต หรือสไตล์ไหนที่ได้รับความนิยม UNLOCKMEN จึงอยากพาย้อนไปสถานีรถไฟใต้ดินใจกลางมหานคร New York ยังวันเก่าก่อนที่สไตล์ไม่เคยหลุดวงโคจรแฟชั่นไปไหนแฟชั่นช่วงปลายยุค 70 ไปจนถึงช่วงต้นของยุค 80 อันแสนจัดจ้านเป็นตัวของตัวเอง FASHION x MUSIC in NYC 70-80s แฟชั่นผ่านภาพถ่ายแสดงให้เห็นถึงความชอบและวิถีชีวิตของชาว New York ช่วงปี 1977-1984 โดยช่างภาพชาวที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่นาม Willy Spiller เขาบันทึกการเดินทางบนรถไฟผ่านภาพถ่ายทั้งช่วงเวลาเร่งด่วนผู้คนอัดแน่นอยู่เต็มขบวนรถไฟฟ้า ไปจนถึงกลางดึกที่สถานีใกล้ได้เวลาปิดทำการ และการถ่ายภาพของเขากว่า 40 ปี เขาเริ่มถ่ายภาพปี 1977 ช่วงปลายของยุค 70 อันโดดเด่นด้วยสไตล์ของ Disco ของเหล่าศิลปินชื่อดังอย่าง Bee Gees หรือ ABBA เพราะการออกไปพบปะผู้คนในบาร์ Disco จึงทำให้เสื้อผ้ายอดฮิตช่วงเวลานั้นคงหนีไม่พ้นเสื้อผ้าพลิ้ว
หากพูดว่าตอนนี้เป็นยุคสมัยแห่ง ‘วัสดุไม้’ ก็คงจะไม่ผิดนัก แม้ในอดีตไม้จะเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่เหล่านักออกแบบต่างเมินหน้าหนี เพราะคิดว่ามันเปราะบาง ไม่ทนทานต่อสภาพอากาศ และยากที่จะนำมาสร้างงานทางสถาปัตยกรรม แต่ในปัจจุบันคงต้องยอมรับว่าทั้งเปลือก กิ่งก้าน หรือแม้แต่ส่วนใบไม้สามารถนำมาต่อยอดและรังสรรค์ผลงานชิ้นต่าง ๆ ได้อย่างไม่รู้จบ บวกกับนวัตกรรมการก่อสร้างที่ก้าวล้ำของมนุษย์ยุคก้าวกระโดด ทำให้ไม้ที่เคยเปราะบางถูกแปรรูปและพัฒนาจนมันหลุดออกจากข้อจำกัดด้านความแข็งแรงทนทาน ทั้งยังทนต่อความร้อนและยืดหยุ่นมากพอที่จะนำไปก่อสร้างตึกรามบ้านช่องได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งอาคารสไตล์โมเดิร์นทรอปิคัล อาคารสไตล์มินิมัลแบบญี่ปุ่น หรืออาคารอบอุ่นแบบสแกนดิเวียน ล้วนมี ‘ไม้’ เป็นพระเอกหลักในการก่อสร้างด้วยกันทั้งนั้น วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากพาหนุ่ม ๆ มาชมงานสถาปัตยกรรมเท่ ๆ ที่ใช้ไม้ซ้อนทับจนเกิดสเปซอบอุ่น แถมยังเล่าถึงประวัติศาสตร์ของเมืองในเวลาเดียวกัน Odunpazari เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสไตล์โมเดิร์นที่ตั้งตระหง่านกลางเมือง Eskisehir ทางตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกี เกิดจากฝีมือของสถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่น Kengo Kuma เขาใช้ไม้ทับซ้อนและเสียบประสานกันจนเกิดเป็นรูปร่างอาคารทรงบล็อกที่มีเอกลักษณ์ สร้างความอบอุ่น แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชื่อ Odunpazari ของอาคารนิยามถึง “ตลาดฟืนในตุรกี” ที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าไม้อันโด่งดังในยุคก่อน Kengo Kuma จึงหยิบนำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาผูกโยงกับคอนเซ็ปต์การออกแบบ เพื่อให้พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้สามารถบอกเล่าประวัติศาสตร์และความทรงจำในอดีตของเมืองนี้ได้โดยสมบูรณ์ รูปแบบการดีไซน์ของตัวอาคารประกอบด้วยบล็อกทรงสี่เหลี่ยมเป็นหลัก อันเกิดจากคานไม้ลามิเนตที่ซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเก็บสะสมผลงานศิลปะในแขนงต่าง ๆ ตลอดพื้นที่ 4,500
สไตล์มินิมัล (Minimal Style) เป็นอีกหนึ่งผลผลิตของศาสนาพุทธนิกายเซนที่หยั่งรากลึกลงในวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น โดยมีคำสอนหลักคือเน้นความเรียบง่ายแต่ซ่อนความหมายสุดลึกซึ้งเอาไว้ แล้วแนวคิดทางศาสนาอันแรงกล้านี้ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้สไตล์มินิมัลเป็นที่ยอมรับและครองความนิยมอย่างล้นหลามในประเทศแดนปลาดิบ ด้วยพฤติกรรมการถอยห่างจากลัทธิบริโภคนิยมของวัยรุ่นชาวญี่ปุ่น ทำให้คอนเซ็ปต์ ‘Less is more’ เริ่มคืบคลานเข้ามาในสังคมและผสมผสานกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างลงตัว แล้วในปัจจุบันนี้คงต้องบอกว่าการออกแบบตกแต่งสไตล์มินิมัลนั้นขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีอิทธิพลต่องานดีไซน์ทั่วโลก เริ่มตั้งแต่แฟชั่น ของตกแต่ง การใช้ชีวิต หรือแม้แต่การออกแบบบ้าน ที่ลดทอนสิ่งไม่จำเป็นออกไป เหลือไว้เพียงความพอดี เป็นธรรมชาติ และกลิ่นอายความเรียบง่ายที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับตัวบ้าน วันนี้ UNLOCKMEN เลยจะพาหนุ่ม ๆ มาชมงานดีไซน์มินิมัลเท่ ๆ ของบ้านขาวดำในบราซิลที่ผนวกความเรียบง่ายเข้ากับอิทธิพลของศิลปะ Bauhaus โดยสมบูรณ์ ‘RP HOUSE’ บ้านสีดำสุดเท่หลังนี้เป็นผลงานการออกแบบของ Estúdio BG สตูดิโอสถาปนิกชื่อดังแห่ง São Paulo ที่ตัดสินใจตอกเสาเข็มใจกลางเมือง Ribeirão Preto ของ Brazil จนเกิดเป็นตัวบ้านเรียบง่ายสองชั้น ที่สร้างพื้นผิวเรียบเนี้ยบจากสีขาวโพลน ก่อนจะชูความโดดเด่นของโครงเหล็กสีดำทึบที่เป็นพระเอกหลักของบ้านหลังนี้ จุดนำสายตาที่ขโมยความสนใจเราไปตั้งแต่แรกเห็น คือทฤษฎีการทำซ้ำที่จัดวางเค้าโครงให้เป็นแพตเทิร์นเดียวกัน ทั้งยังนำมาตรฐานของโรงเรียนสอนศิลปะและการออกแบบที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง Bauhaus ช่วงศตวรรษที่ 20 เข้ามาสอดแทรกในผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นนี้ด้วย ตัวโครงสร้างหลักเป็นการจัดองค์ประกอบบ้านด้วยรูปทรงเรขาคณิต ใช้หลังคาคอนกรีตเสริมเหล็กกล้า
ถ้าพูดถึงนาฬิกาคู่ใจสำหรับผู้ชาย เชื่อว่าคงมีไม่กี่แบรนด์ที่ครองใจหนุ่ม ๆ หลายคนอยู่ตอนนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในไม่กี่แบรนด์นั้นต้องมี G-SHOCK อยู่อย่างแน่นอน แบรนด์นาฬิกาสุดเท่จากแดนอาทิตย์อุทัยรายนี้ได้รับความนิยมมาหลายยุคหลายสมัยจวบจนปัจจุบัน โดยเฉพาะซีรีส์ CASIO ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นทั้งดีไซน์และไม่ทิ้งจุดเด่นของแบรนด์ในด้านความแข็งแรงทนทาน เมื่อไม่นานมานี้ G-SHOCK เพิ่งเปิดตัวโมเดลรุ่นล่าสุดอย่าง ‘CASIO GA-2100’ มาพร้อมตัวเรือนบางเฉียบ น้ำหนัก 51 กรัม และความหนาเพียง 11.8 มิลลิเมตร ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ขึ้นแท่นเรือนเวลาที่บางที่สุดของค่าย G-SHOCK ไปโดยปริยาย สำหรับผู้ชายที่หลงใหลในความเรียบง่าย คมเท่ และรูปแบบงานดีไซน์ที่ไม่หวือหวาจนเกินไป คงต้องบอกว่า CASIO GA-2100 เรือนนี้ตอบโจทย์คุณเป็นอย่างยิ่ง ด้วยตัวเรือนที่ดีไซน์มาเป็น 8 เหลี่ยมพร้อมสายเรซินแบบดั้งเดิม ทำให้นาฬิกาสะท้อนความร่วมสมัย แถมยังแฝงกลิ่นอายมินิมัลผ่าน 3 เฉดสีเรียบเท่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เสริมความแข็งแกร่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ห่อหุ้มตัวเรือน สายเรซินคุณภาพสูง และโครงสร้างป้องกันแกนกลางระดับพรีเมียม ช่วยให้นาฬิกาเรือนนี้ทนทานต่อแรงกระแทกและมีความสามารถในการกันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร ภายใต้กระจกมิเนอรัลสุดแกร่งยังซ่อนจอ LED สองชั้น บรรจุไฟ Super Illuminator และ Auto Light
ดูเหมือนทาง Adidas และศิลปินอย่าง Pharrell Williams จะตั้งใจให้รองเท้ารุ่น Pharrell x adidas Solar Hu Glide ทำออกมาให้ครบทุกโทนสี CMYK เพราะล่าสุดพวกเขาเตรียมส่งรองเท้า 4 คู่ใหม่ออกมาแล้วในชื่อ Rainbow Pack ก่อนหน้านี้ค่ายสามขีดเพิ่งประกาศเปิดตัว Pharrell x adidas Solar Hu Glide “Grayscale Pack” ออกมาแบบสด ๆ ร้อน ๆ ด้วย Solar Hu Glide 4 คู่ในโทนสีพื้นไม่ว่าจะเป็น White ( ขาว), Off White (ขาวครีม), Grey (เทา) และ Core Black (ดำ) เรียกว่าตั้งใจปล่อยออกมาเรียกเงินในกระเป๋าหนุ่ม ๆ ที่ชื่นชอบรองเท้าโทนสีพื้นโดยเฉพาะ แต่เพื่อตอบโจทย์ให้ครบทุกรสนิยมทุกโทนสี พวกเขาก็ตัดสินใจปล่อยรองเท้าในโมเดลเดียวกันออกมาอีก 4
ผู้ชายอย่างเราแต่ละคนต่างมีมุมมองในการเลือกซื้อรองเท้าแรงแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นตัวรุ่นหรืองานดีไซน์ รวมถึงสีสันบนรองเท้าแต่ละคู่ที่ดึงดูดให้เราเป็นเจ้าของ ขณะเดียวกันกระแสความนิยมของสนีกเกอร์ทั่วโลกทำให้แบรนด์จำนวนมากดีไซน์ออกมาหลากหลายสีสัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในโทนทีมาแรงที่สุดในปีคือ “โทนสีเขียว” ทั้งโทนเข้ม โทนสว่างเรืองแสง ด้วยความนิยมที่กำลังเพิ่มมากขึ้น วันนี้ UNLOCKMEN อยากแนะนำรองเท้า สายเขียว ที่น่าครอบครองในปีนี้ซึ่งจะมีจากค่ายไหนรุ่นอะไรกันบ้าง มาดูกันเลย Nike ZoomX Vaporfly NEXT% “Volt” เริ่มคู่แรกกันกับรองเท้าสายวิ่งจากค่าย Swoosh กับ Nike ZoomX Vaporfly NEXT% “Volt” สีเขียวเรืองแสง อาวุธคู่กายคู่ใหม่ของหนุ่ม ๆ ผู้รักการออกกำลัง พร้อมความนุ่มสบายที่มากกว่าเพราะเพิ่มการใช้โฟม ZoomX ขึ้นถึง 15 เปอร์เซ็นต์ มาพร้อมอัปเปอร์แบบ Flyknit ที่ระบายอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะใส่เดินหรือวิ่งก็ตอบโจทย์ความสบายในการใช้งานทั้งสองแบบ ค่าครอบครองโดยประมาณ : 11,000 บาท Pharrell x Adidas NMD Hu Gum “Solar Yellow” ต่อยอดรองเท้าตระกูล