หลังจากคอลเลกชัน Adidas x Dragonball Z ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ดูเหมือนยักษ์ใหญ่ค่ายกีฬาอย่าง Adidas กำลังมองหาการ์ตูนเรื่องใหม่มาคอลแลปส์รองเท้าอีกครั้ง ล่าสุดมีภาพหลุดรองเท้าคู่ที่ 2 ในคอลเลกชันออกมาแล้วโดยเป็น NARUTO x ADIDAS ซึ่งอาจารย์จากทีม 7 อย่าง “ฮาตาเกะ คาคาชิ” ก็เป็นตัวละครผู้ถูกเลือกนั่นเอง ก่อนหน้านี้มีข่าวเล่าลือว่าค่ายสามขีดและ Naruto Shippeden หรือชื่อไทยที่ว่า นินจาจอมคาถา ผลงานของอาจารย์ Masashi Kishimoto หนึ่งในการ์ตูนดังจากแดนปลาดิบที่หนุ่มทั่วโลกหลงใหล โดยลือกันว่ากำลังซุ่มร่วมทำงานคอลแลปส์รองเท้าคอลเลกชันใหม่กันอยู่ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีภาพหลุดรองเท้าที่คาดกันว่าเป็นคู่ประจำตัวนางเอกของเรื่อง ฮารุโนะ ซากุระ ที่มีสีแดง-ชมพู คล้ายกับชุดหลักของตัวละคร รวมถึงสัญลักษณ์ T7 แปลว่า ทีม 7 ติดไว้ข้างเท้าด้านนอก รวมถึงแผ่นอินโซลสีม่วงที่มีรูปตัวละครอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ผู้ที่ชอบการ์ตูนเรื่องนี้พากันคาดเดากันว่าคอลเลกชันดังกล่าวใกล้สมบูรณ์แล้ว ยิ่งเป็นการตอกย้ำข่าวลือไปอีกเมื่อมีรูปหลุดของรองเท้าคู่ล่าสุดซึ่งคราวนี้เป็นตัวละครโปรดของใครหลายคนอย่าง ฮาตาเกะ คาคาชิ ผู้เป็นอาจารย์ในทีม 7 ของเหล่าตัวเอก รวมถึงโฮคาเงะรุ่นที่ 6 ในเวลาต่อมา ผู้ซึ่งมีเอกลักษณ์เด่นคือผ้าคลุมปากและผ้าคาดศรีษะที่ปิดตาข้างหนึ่งไว้ ซึ่งคนที่อ่านนารูโตะมาแล้วคงทราบกันดีว่าคืออะไร รองเท้ารุ่นประจำตัวของเจ้าของฉายา “นินจาก๊อปปี้” มาในรุ่น Copa
ผู้ชายทุกคนล้วนมี Golden Moments หรือช่วงเวลาสุดยิ่งใหญ่ที่น่าจดจำและมีความหมายต่อหัวใจของเรา แต่ถ้าต้องพูดถึง Golden Moments แห่งมวลมนุษยชาติที่หวนรำลึกกลับไปครั้งใดก็สัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ เราทุกคนล้วนนึกถึง “ภารกิจพิชิตดวงจันทร์” จาก Golden Moments ของวันนั้นสู่วันนี้ ครบรอบ 50 ปีแล้วตั้งแต่นักบินอวกาศประทับรอยเท้าแรกลงบนดวงจันทร์จนพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง ในช่วงเวลาครบรอบเหตุการณ์สำคัญที่สุดของมวลมนุษยชาติ โอเมก้า (OMEGA) สุดยอดแบรนด์นาฬิกาหรูระดับโลกสัญชาติสวิสจึงฉลองด้วยจักรกลเวลา โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ (OMEGA Speedmaster) รุ่นใหม่ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของนักบินอวกาศ ภารกิจอพอลโล 11 (Apollo 11) และ Golden Moments แห่งประวัติศาสตร์สุดพิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากย้อนกลับไปยังเดือนพฤศจิกายนปี 1969 นับเป็นเวลา 4 เดือนหลังจากที่ Apollo 11 ลงจอดบนดวงจันทร์ เรือนเวลา OMEGA Speedmaster รุ่นพิเศษก็ออกวางจำหน่ายเพื่อร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของภารกิจพิชิตดวงจันทร์โดยเป็น Speedmaster รุ่นแรกของแบรนด์ซึ่งผลิตระหว่างปี 1969 – 1973 Speedmaster รุ่นแรกของแบรนด์นี้มีเพียงแค่ 1,014 เรือนเท่านั้น แต่ละเรือนยังมีหมายเลขประจำเรือนอีกด้วย โดยนาฬิกาหมายเลข 3 –
ถือว่า Nike Daybreak x UNDERCOVER ได้ไปต่อและได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียวโดย Nike Daybreak x UNDERCOVER ถือเป็นงานคอลแลปส์คู่ล่าสุดระหว่างค่ายกีฬาอย่าง Nike และแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชาย UNDERCOVER ของดีไซน์เนอร์ Jun Takahashi และความแรงฉุดไม่อยู่นี้ทำให้ Nike Daybreak x UNDERCOVER เตรียมเปิดตัวรองเท้า 3 สีใหม่ ออกมาล้วงเงินในกระเป๋าหนุ่ม ๆ อย่างเราแล้ว นี่คืองาน Collaboration อีกรุ่นที่น่าสนใจของปี หลังจากสองแบรนด์อย่าง Nike และ UNDERCOVER ตัดสินใจหยิบรองเท้าโมเดล Daybreak ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งที่เริ่มผลิตขึ้นในปี 1984 มาปัดฝุ่นสร้างผลงานคอลแลปส์ชิ้นใหม่ จนออกมาเป็น Nike Daybreak x UNDERCOVER ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ของโครงสร้างอัปเปอร์ขนาดใหญ่ด้านหลังที่ใช้หนังกลับเป็นวัสดุ แต่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์แบบดั้งเดิมด้วยพื้นวาฟเฟิล ก่อนจะส่งไปเปิดตัวในงาน Paris Fashion Week 19 ซึ่งนับได้ 4 โทนสีด้วยกัน และตอนนี้กำลังจะเปิดตัว 3 สีล่าสุดตามออกมาแล้ว 3
สำหรับผู้ชายที่หลงใหลการเล่นกีฬาและดูการแข่งขันกีฬา รวมไปถึงคนที่ชื่นชอบเสื้อผ้ากีฬาและรองเท้ารูปแบบต่าง ๆ เชื่อเหลือเกินว่าโลโก้ “Swoosh” ของแบรนด์กีฬา Nike ต้องเป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้าที่เราคุ้นเคยกันดี แม้จะเปลี่ยนแปลงหลายตลบกว่าจะมาเป็นโลโก้ที่เห็นในปัจจุบัน ระยะเวลาผ่านมา 48 ปี นับตั้งแต่ชายที่ชื่อ Phil Knight และ Bill Bowerman ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทรองเท้าของพวกเขาด้วยการเปลี่ยนชื่อจาก Blue Ribbon Sport มาเป็น Nike.inc ณ เวลานั้นพวกเขาต้องการสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนสินค้า นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของโลโก้ที่ใครหลายคนรู้จัก วันนี้เราจะชวนย้อนดูความเป็นมาและวิวัฒนาการของโลโก้ “Swoosh” ผ่านคอลเลกชัน “The Evolution of the Swoosh” กับ 3 แพ็ครองเท้าที่นำโลโก้รุ่นเก๋าจากยุค 70’s มาดีไซน์ลงบนรองเท้ารุ่นยอดฮิตของค่ายในปัจจุบัน กลับสู่จุดกำเนิด “Script Swoosh” Pack เริ่มต้นกันที่ “Script Swoosh” หนึ่งในแพ็คที่โดดเด่นด้วยโทนสีขาว-ดำและแดง รองเท้าทั้ง 4 ในแพ็คประกอบไปด้วยโมเดลอย่าง Air Force 1, Air
ถ้าพูดถึงระบบรองรับแรงกระแทกของแบรนด์อย่าง Nike ผู้ชายหลายคนคงคุ้นเคยกันดีกับ “AIR” รวมถึงระบบ React ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ดูเหมือนค่าย Swoosh ยังยอมหยุดพัฒนาเรื่องความนุ่มสบายให้รองเท้าของพวกเขา ล่าสุดจึงเปิดตัวนวัตกรรมรองรับแรงกระแทกตัวใหม่ของค่ายที่เรียกว่า JoyRide ออกมา ถ้าพูดถึงระบบรองรับแรงกระแทก AIR ที่พัฒนาจนต่อยอดออกมาเป็นนวัตกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Air Max, Air Zoom, Air Huarache ที่หนุ่ม ๆ หลายคนโดยเฉพาะนักวิ่งหรือนักออกกำลังคงเคยสัมผัสความนุ่มสบายของระบบต่าง ๆ กันมาบ้าง Nike เองก็ทราบดีว่ากลุ่มลูกค้าของพวกเขาต่างมองหารองเท้าวิ่งที่มาพร้อมระบบรองรับแรงกระแทกที่นุ่มนวล นวัตกรรมรองรับแรงกระแทกที่ชื่อ Joyride จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดค้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการนี้โดยเฉพาะ หลังจากเปิดตัวนวัตกรรม React มาได้ปีกว่า ๆ และได้เสียงตอบรับที่ดี จนถูกพัฒนาออกมารวมกับรองเท้ารุ่นต่าง ๆ มากมาย ล่าสุด Nike เปิดตัว Joyride นวัตกรรมรองรับแรงกระแทกกรรมสิทธิ์ล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับรองเท้ากีฬา โดยเฉพาะรองเท้าวิ่งระยะใกล้รวมถึงระยะกลาง หลักการทำงานของ Joyride คือการลดและกระจายแรงกระแทก ด้วยเม็ด Thermoplastic Elastomers (TPE) จำนวนมากที่ถูกห่อเอาไว้โดยเม็ดโพลิเมอร์เหล่านั้นจะมีลักษณะยืดหยุ่นคล้ายสปริงและมีความทนทานสูง เมื่อถูกน้ำหนักกดทับจะหดและขยายตัวได้แบบทุกทิศทาง อีกทั้งยังจัดการความเหมาะสมในการรองรับแรงกระแทกด้วยการแบ่งเม็ด TPE
ประโยคนี้คือประโยคจาก “ขวัญ-ชวิน นันทเทิม” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการจัดแต่งทรงผมและผู้ก่อตั้ง BLACK AMBER ซึ่งเป็น Gentlemen’s Club และบาร์เบอร์สำหรับสุภาพบุรุษที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าพิถีพิถันกับการจัดแต่งทรงผมผู้ชายแบบหาตัวจับยาก ใช่ ผู้ชายอย่างเราต่างรู้ว่าทรงผมสำคัญและอยากจัดแต่งทรงผมของตัวเองออกมาให้ได้ดั่งใจ ราวกับเดินออกมาจากบาร์เบอร์มืออาชีพ แต่หลายครั้งการเซ็ตผมตัวเองที่บ้านกลับไม่ราบรื่นอย่างที่หวัง UNLOCKMEN จึงพามาหาคำตอบกับ “ขวัญ-ชวิน นันทเทิม” เรื่องทรงผมที่เหมาะกับผู้ชายแต่ละคน และตัวช่วยไหนที่จะทำให้ผู้ชายจัดแต่งทรงผมง่าย ได้ดั่งใจ แถมสะดวกจนทำเองได้ทุกวัน การมีทรงผมอย่างใจต้องการ ไม่เกี่ยวกับว่าเราเป็นผู้ชายที่ชอบแต่งตัวจัดหรือไม่ แต่การมีทรงผมอย่างใจต้องการหมายถึงความมั่นใจจากภายในและบุคลิกภาพที่ดีที่ผู้ชายทุกคนควรพิถีพิถันในทุกวันของชีวิต “ถ้าพูดถึงเรื่องสไตล์เนี่ย ทรงผมสำคัญมากเท่ากับเสื้อผ้าและรองเท้าเลย มันคือรากฐานหนึ่งที่คนภายนอกจะมองเราว่ามี Personality แบบไหน เพราะฉะนั้นทรงผมถึงสำคัญมาก ๆ สำหรับผม” “ท้าท้ายที่สุดน่ะหรอ ผมว่าน่าจะเป็นการหาทรงผมที่เข้ากับคน ๆ นั้นครับ เพราะว่าประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่างมาก เขาทำอาชีพอะไร ไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร ลักษณะนิสัยเป็นคนอย่างไร ลักษณะเส้นผมเป็นลักษณะไหน บางทีเขาอยากได้ทรงผมนี้ แต่ว่าเส้นผมมันไปไม่ได้แน่ ๆ มันก็อาจจะยังไม่ใช่ทรงผมที่เหมาะสมมากนัก การหาจุดลงตัวสำหรับทรงผมของคนคนนั้น ผมว่าสำคัญมาก ๆ” ทรงผมสำหรับผู้ชายจึงเป็นทั้งรากฐานที่บ่งบอกตัวตน และเป็นความลงตัวที่ต้องการผู้ช่วยที่เข้าใจไลฟ์สไตล์และสภาพเส้นผมมาดูแลอย่างมืออาชีพ แม้ผู้ชายอย่างเราจะเก่งกาจจนสามารถเสกอะไรหลายอย่างให้ชีวิตตัวเองได้ แต่เรื่องทรงผมถ้าเรามีที่ปรึกษาหรือผู้ช่วยที่เชี่ยวชาญและมีความมืออาชีพเต็มเปี่ยม จะทำให้เรื่องทรงผมกลายเป็นเรื่องง่ายราวกับมีเวทมนตร์ “ตัวช่วยสำคัญมากครับ เพราะคนเราบางครั้งอาจจะยังไม่เข้าใจลักษณะเส้นผมของตัวเองเท่าไหร่
กระแสเทรนด์แฟชั่นเป็นอะไรที่เปลี่ยนไปมาเร็วมาก ทุก ๆ 6 เดือนก็จะมีการไหลเวียนเปลี่ยนผ่านในเรื่องของเทรนด์ ซึ่งหากจะให้จำกัดความในปัจจุบันคงไม่สามารถบอกตายตัวได้ว่า มันเป็นเทรนด์ของอะไร ทุกอย่างโดนมิกซ์รวมกันไปหมดจนไร้ขอบเขตของการแต่งตัวสำหรับผู้ชายไปแล้ว เพราะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าครั้งหนึ่งเราเคยคิดเล่น ๆ ว่าจะมีโอกาสไหมที่ผู้ชายจะเลิกใส่กางเกงทรงสลิมฟิตกลับไปใส่กางเกงขาใหญ่เหมือนสมัยก่อน แต่แล้ววันนั้นก็มาถึง เพราะในปัจจุบันเราได้เห็นสไตล์การแต่งตัวแบบยุค 90s กลับมาฮิตอีกครั้ง ดังนั้นเพื่อเป็นย้อนวันวาน เนื่องจากเราก็เป็นหนึ่งในเด็กยุค 90s เหมือนกัน ทีมงาน UNLOCKMEN จึงเอา Tip สำหรับการมิกซ์แอนด์แมทช์เครื่องแต่งกายยุค 90s มาฝากกัน Baggy Back ในยุคที่จุดศูนย์กลางวัยรุ่นอยู่ที่ สยาม เซ็นเตอร์พ้อยท์ การใส่เสื้อผ้าสไตล์ Baggy ไม่ว่าจะเป็น Levi’s 501 หรือ Dickies 874 เรียกได้ว่าเป็นไอเทมของยุค ที่หากใครไม่ใส่จะถือว่าเชยมาก ซึ่งหากชาว UNLOCKMEN ลองนำกลับมาใส่จะรู้ถึงข้อดีของกางเกงทรงนี้ว่าสบายแบบสุดโต่ง ชนิดที่คุณไม่สามารถได้รับจากกางเกงทรงสกินนี่ ดังนั้นลองไปหากางเกงของ พ่อ พี่ชาย หรือของเก่าเก็บที่ยังพอมีอยู่ทรงหลวม ๆ หน่อย มาบวกับเสื้อกราฟิกโลโก้เบิ้ม ๆ แค่นั้นก็ได้อารมณ์
แหล่งน้ำกำลังโดนทำลาย หลอดพลาสติกทำร้ายสัตว์น้ำ แก้วพลาสติกใช้เวลาหลายปีเพื่อย่อยสลาย เรื่องนี้เรารู้กันมาเป็นชาติตั้งแต่ยังเรียนประถมแล้ว แต่ปัญหาหลายอย่างยังไม่ค่อยได้รับการแก้ไข และเมื่อมันทยอยลุกลามเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้จึงถึงเวลาที่แต่ละฝ่ายออกมามีส่วนร่วมปลุกกระแสการรณรงค์รักษ์โลกในรูปแบบของตัวเอง วันนี้ UNLOCKMEN นำเรื่องราวเสื่อมโทรมที่บอกเล่าผ่านมุมมองทางศิลปะแสนสวยถ่ายทอดได้กระแทกใจกลับมาส่งต่ออีกครั้ง แม้ว่าทั้ง 3 นิทรรศการนี้จะจบลงแล้ว แต่เราคิดว่าควรแบ่งปันเพราะเนื้อหาของมันไม่เก่าเลย Popsicles project ผลงานชิ้นนี้เกิดขึ้นจาก 3 นักศึกษาชาวไต้หวันที่ร่วมมือกับโครงการที่ดูแลเรื่องน้ำเสีย นำเสนอโปรเจกต์รวบระหว่างการเสพสุนทรียภาพทางศิลปะและการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน ด้วยการนำน้ำจากแหล่งน้ำเสีย 100 แห่งในไต้หวันมาและนำไปคงรูปในรูปแบบของแท่งไอติม ไอติมน้ำเสีย 1 แท่ง 1 สถานที่ ที่เขาใช้วิธีทำพิมพ์หล่อเรซินไว้สำหรับโชว์ จากนั้นสร้างแพ็กเกจสีสันสดใสห่อหุ้มไว้ เห็นแล้วอยากจะหยิบกิน แต่เมื่อแกะซองออกมาเห็นเนื้อไอติมใส ด้านในกลับมีมลพิษมากมายเจือปนอยู่ การนำเสนอโครงการแบบดักตีหัวอย่างนี้ไม่เพียงสนุก น่าสนใจ และเป็นไวรัลเท่านั้น แต่มันยังสะท้อนว่าวันนี้สังคมเรามองข้ามเรื่องน่าเกลียดและปัญหาต่าง ๆ ที่มีจากการไปโฟกัสมุมอื่นที่สวยงามมาแทนที่ด้วย 100%純污水製冰所 完整版形象影片來囉!!!好看=好吃?我們親自取臺灣100個污染水源地的水後,將其製成冰棒,因冰棒不易保存所以我們將他們再復刻成1:1的poly模型做展示,透過美麗包裝與內容物的反差感來傳達純淨水的重要,最後以圖鑑來呈現。那麼我們想問問大家的是:【這麼美的冰棒,你敢吃嗎?】設計團隊: 洪亦辰 、 郭怡慧 、鄭毓迪( Yudi Jheng)新一代設計展🏊↣ 台北世貿一館 / 編號D07(臺藝大)↣ 05.19(五) – 05.22(一)↣
เรามักได้ยินปัญหาอยู่เป็นระยะเกี่ยวกับการแคมป์เพื่อรอต่อแถวซื้อรองเท้าบางรุ่นที่คาดว่าผู้คนจะนิยม แต่ใครจะคิดว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นต้นเหตุความวุ่นวายถึงขั้นที่ตำรวจต้องมาปิด POP-UP STORE ก่อนไล่คนกลับบ้านแบบยกขบวน! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใจกลางนครนิวยอร์ก เมื่อ AdidasNYC เตรียมเปิด POP-UP ขายรองเท้าคอลเลกชัน Adidas Original x Arizona Iced Tea ซึ่งเป็นการร่วมงานกับเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีฐานการผลิตอยู่ในนิวยอร์ก ประกอบด้วยรองเท้าสองรุ่นคือ Yung-1 และ Continental โดยแต่ละรุ่นทำออกมาเป็นสองสี ซึ่งเป็นสีของบริษัทเครื่องดื่มชื่อดัง โดยผู้ผลิตประกาศออกมาก่อนหน้านี้ว่าจะมีการวางขายรอบพิเศษระหว่างวันที่ 18 และ 19 เพียงสองวันเท่านั้น ความพิเศษของมันทำให้ผู้คนทั่วนิวยอร์กหลั่งไหลมาเพื่อรอซื้อรองเท้ารุ่นดังกล่าวถึงขั้นล้นออกมาบนถนน บางคนถึงขั้นมายืนรอตั้งแต่ช่วงตีสี่ แต่ดูเหมือนทีมงานจะไม่คาดคิดว่าจะมีคนมารอคิวซื้อมากขนาดนี้ทำให้การจัดระเบียบต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปอย่างเหมาะสมจนหลายคนเริ่มกังวลถึงความอันตรายหากมีความวุ่นวายเกิดขึ้นจากฝูงชน อีกเหตุผลที่ทำให้ผู้คนแห่กันมารอซื้อเป็นจำนวนมาก เพราะราคาวางขายของ Adidas Original x Arizona Iced Tea รอบนี้ถือว่าถูกมาก แค่ซื้อเครื่องดื่ม AriZona Iced Tea แบบกระป๋องในราคา 99 เซ็นต์ก็จะได้บัตรซึ่งสามารถเลือกรองเท้า 1 ใน 4 คู่จากคอลเลกชันได้ ทันทีที่การขายเริ่มต้น ความวุ่นวายที่หลายคนกังวลก็เกิดขึ้นจริง
เสน่ห์ของการขับขี่พาหนะสองล้อทำให้หนุ่ม ๆ จำนวนมากเลือกเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตัวเองไปทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าระยะจะใกล้หรือไกลแค่ไหน แต่ความรู้สึกเป็นอิสระ มุมมองรอบตัว และกระแสลมที่ไหลบ่าปะทะร่างกายก็มักเติมชีวิตชีวาให้ผู้ชายอย่างเราได้เสมอ นอกจากการหลงใหลในความเร็วและเสพติดประสบการณ์อันยอดเยี่ยมที่ได้รับจากการขับขี่ อีกหนึ่งเรื่องที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้ คือเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญทุกครั้งก่อนออกเดินทาง เพราะร่างกายแต่ละส่วนก็ควรได้รับการปกป้องจากอุปกรณ์เฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันน็อค รองเท้า รวมไปถึงแจ็ตเก็ตสำหรับขับขี่มอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ จะดีแค่ไหนถ้าแจ็คเก็ตเพื่อการขับขี่นั้นให้ทั้งความปลอดภัยและมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ อย่างไรก็ตามหลายคนคงกำลังเผชิญปัญหารูปแบบแจ็คเก็ตไม่เหมาะสมกับอากาศร้อนระอุของเมืองไทย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ 4 หนุ่มผู้หลงใหลในการขับขี่มอเตอร์ไซค์และการเล่นเซิร์ฟให้กำเนิดแบรนด์แจ็คเก็ตที่เหมาะสมกับเหล่าไบค์เกอร์เมืองไทยขึ้นมาในชื่อ Sun of a Beach Thailand เติร์ด-ฐาปนิศร สุขพระโพธิ์, ไปป์-อภิสิทธิ์ เอี่ยมธารทอง, นิว-อิศรา โค้วถาวร และ พจน์-พจนฤทธิ นิมิตกุล ทั้งหมดต่างชื่นชอบการขับขี่มอเตอร์ไซค์ พวกเขาจึงใช้ประสบการณ์ตรงและฟังความต้องการจากเหล่าไบค์เกอร์ถ่ายทอดออกมาเป็นแจ็คเก็ตยีนส์ที่ตอบโจทย์ Urban Men Bikers โดยเฉพาะ วันนี้เรามีโอกาสสนทนากับพวกเขาถึงจุดเริ่มต้นและความพิเศษของแจ็คเก็ตตัวนี้ แรงบันดาลใจที่เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ ? เติร์ด : ที่จริงแล้ว มันเกิดจากจุดเริ่มต้นที่เราชอบขี่มอเตอร์ไซค์กันครับ การที่เราขี่มอเตอร์ไซค์กันบ่อยก็ทำให้เราซื้อแจ็คเก็ตสำหรับขี่มอเตอร์ไซค์กันเยอะมาก ซึ่งคนที่ขี่ Big Bike หลายคนก็จะรู้กันว่าแจ็คเก็ตมีความหมายมากทีเดียวสำหรับคนที่ชื่นชอบกิจกรรมนี้ มาวันหนึ่งผมมีโอกาสซื้อแจ็คเก็ตตัวหนึ่งมาตัวละประมาณสองหมื่นกว่าบาท ช่วงที่ซื้อมาเราก็ออกทริปกันและมันก็ตอบโจทย์การใส่ในระดับหนึ่งเลย แต่พอเรากลับมาที่กรุงเทพเรารู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนของบ้านเราเลย ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยว่าบ้านเราใส่แจ็คเก็ตจริงจังแบบต่างประเทศไม่ได้เพราะอากาศบ้านเราร้อนมาก