ความเท่เป็นอะไรที่ต้องมาคู่กับผู้ชายอย่างเราเสมอ นอกจากแจ็คเก็ตหนังหรือผมทรงควิฟที่ช่วยเพิ่มมาดเท่ ๆ ให้กับหนุ่ม ๆ ไอเทมอีกชิ้นที่ขาดไม่ได้เลยคือแว่นกันแดดที่ช่วยกรองทั้งแสง UVA และ UVB แต่คุณสมบัติในการกันแดดของมันอาจเป็นเรื่องรอง ถ้าเทียบกับความเท่เฉียบเนี้ยบในขณะที่สวมใส่ ต่อให้มิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้าได้เห่ยสุด ๆ แต่สวมแว่นกันแดดเจ๋ง ๆ สักอันก็เอาอยู่แล้วละครับ วันนี้ UNLOCKMEN เลยยกความเท่ของแว่นกันแดดที่พระเอกคนดังระดับตำนานเขาใส่กัน มาให้หนุ่ม ๆ ของเราดู จะหล่อและคูลขนาดไหน ไปดูกัน! OLIVER PEOPLES 523 (FIGHT CLUB, 1999) แว่นตาสุดแปลกในภาพยนตร์ตลกร้ายลึกลับ FIGHT CLUB ที่พูดถึงปรัชญาช่างแม่งหรือแนวคิดสุญนิยม ไม่เชื่อและไม่ยอมรับระบบคุณค่าใด ๆ แถมยังนำเสนอความเบื่อหน่ายของชีวิตที่นำไปสู่ความมืดมิด และความรุนแรงจากการปลดปล่อยสัตว์ร้ายในตัวมนุษย์ นอกจากความเจ๋งของหนังแห่งอุดมการณ์ ในเรื่องนี้ยังมีแว่นตาเท่ ๆ อีกอันที่หนุ่ม Brad Pitt ใส่เกือบตลอดทั้งเรื่อง แว่นรุ่นนี้คือ OLIVER PEOPLES 523 แว่นกันแดดรุ่นเก๋าสัญชาติอเมริกันที่ผลิตออกมาตั้งแต่ปี 2000 มาพร้อมรูปทรงประหลาดสะท้อนมาดกวน ๆ และความกล้าบ้าบิ่น มีทั้งกรอบสีเงินกับเลนส์สีแดงเลือดนกและกรอบสีเงินกับเลนส์สีส้ม
แม้หลายแบรนด์แฟชั่นจะผลิตรองเท้าคอลเลกชันใหม่มาประจันหน้ากันไม่หยุดหย่อน แต่ถ้าพูดถึงความคลาสสิกและความร่วมสมัยที่ถูกใจผู้ชายอย่างเรา คงไม่มีแบรนด์ไหนโค่นล้ม GUCCI ไปได้แน่นอน คราวนี้ GUCCI กลับมาทวงบัลลังก์เจ้าพ่อแฟชั่น slide sandal อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรองเท้าแตะสองคอลเลกชันใหม่สุดเท่ LOGO LEATHER RUBBER SLIDE และ GG CUT-OUT RUBBER SLIDE ที่ดีไซน์พื้นรองเท้าให้นุ่มเบาสบายเหมาะสำหรับใส่ในช่วงร้อน ๆ ฝน ๆ แบบนี้ เสริมความเฟี้ยวด้วยหนังคุณภาพ 2 แบบ 2 สไตล์ สะท้อน DNA แบรนด์ไฮเอนด์ที่คงความร่วมสมัยมาตั้งแต่ยุคแรกของวงการแฟชั่น LOGO LEATHER RUBBER SLIDE รองเท้าแตะสีดำแบบคาดที่ได้แรงบันดาลใจจากชุดกีฬาย้อนยุค ผลิตด้วยหนัง embossed leather ผ่านการตกแต่งผิวให้เรียบเนียนก่อนจะนำไปเคลือบและอัดลายตามแม่พิมพ์ เพิ่มความแข็งแรงทนทานในการยึดเกาะด้วยสายรัด velvro คุณภาพเยี่ยม ด้านหน้าออกแบบลายปั๊มนูนสีส้มเขียนว่า “GUCCI” ใช้ฟอนต์ย้อนยุคสไตล์ SEGA-esque house จากบริษัทผลิตวิดีโอเกมสัญชาติญี่ปุ่น ก่อนจะล้อมรอบลายปั๊มนูนสีส้มอีกชั้นด้วยลายเส้นสีขาวบางให้ดูคลาสสิกและร่วมสมัยตามแบบฉบับ GUCCI GG CUT-OUT RUBBER
คนส่วนมากรู้จัก Tom Hiddleston พระเอกหนุ่มเมืองผู้ดีจากบทบาทของ Loki ตัวร้ายที่ครองใจผู้คนจากภาพยนตร์ในจักรวาล Marvel แต่สำหรับคนในวงการแฟชั่นที่ชื่นชอบการแต่งตัวจะรู้จักเขาในด้านเจ้าพ่อชุดสูทที่มักแต่งตัวเนี้ยบเสมอทุกครั้งที่ออกงาน ด้วยความเท่ที่ไม่น้อยหน้าใครจึงทำให้ UNLOCKMEN อยากนำสไตล์การแต่งตัวของหนุ่มเจ้าสำอางมาแบ่งปันให้ได้ชมกันว่าแต่ละสถานการณ์เขาแต่งตัวอย่างไรบ้าง วันสบาย ๆ สไตล์ Hiddleston ก่อนหน้าที่คนจะสนใจเรื่องแฟชั่นของ Tom Hiddleston มักโฟกัสไปที่โปรไฟล์อันเพียบพร้อม จบการศึกษาจากสถาบันดังของเขา ทั้งช่วงมัธยมจาก Eton College โรงเรียนชายล้วนเก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ และจบจากมหาวิทยาลัย Cambridge แม้จะมีโปรไฟล์ที่ดูเท่และเข้าถึงยาก แต่วันทั่ว ๆ ไปของหนุ่ม Hiddleston ก็แต่งตัวสบาย ๆ อย่างตอนออกเดตเรามักจะเห็นเขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีพื้นโดยเฉพาะสีฟ้าและน้ำเงินกับรองเท้าหนังกลับอยู่บ่อยครั้ง นอกจากเสื้อเชิ้ตพอดีตัวสีเข้ากันกับกางเกงและรองเท้าหนัง อีกสิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือเข็มขัดหนังแบบเรียบที่จะทำให้วันเบา ๆ ของ Hiddleston ดูดีทุกกระเบียดนิ้วเข้ากับทุกสถานการณ์ เนี้ยบเรียบหรูบนงานพรมแดง ภาพลักษณ์สะอาดเกลี้ยงเกลาของ Hiddleston ตั้งแต่ใบหน้าที่เขามักจะโกนหนวดเคราก่อนถ่ายแบบและออกงานเสมอ ประกอบกับเสื้อผ้าที่เขามักสวมใส่ออกงานพรมแดงเป็นชุดสูทและทักซิโด้สั่งตัดเข้ารูปพอดีตัวและกางเกงสีเข้ากัน ฝ่าเท้ารองรับด้วยรองเท้าหนังเงาวับแบบ oxfords ใส่คู่กับเนกไท polka-dot บางครั้งสีสันจากเนกไทช่วยทำให้การแต่งตัวออกงานไม่เคร่งขรึมและน่าเบื่อ สังเกตได้ว่า Tom
การร่วมงานประจำปีของสองโคตรแบรนด์สตรีตและสปอร์ตแนวหน้าของวงการกลับมาอีกครั้งในคอลเลกชัน Supreme x Nike Summer Collection แม้คราวนี้จะไม่มีรองเท้าคู่งามประกอบรวมอยู่ในคอลเลกชันด้วย แต่ด้วยสไตล์เสื้อผ้าที่สวยได้ใจคงทำให้แฟน ๆ ที่รอคอยกันอยู่ลืมความผิดหวังเล็ก ๆ ไปได้อย่างแน่นอน ทันทีที่ Supreme x Nike Summer Collection 2019 เปิดภาพเต็มของไอเทมทุกชิ้นในแคปซูลออกมาก็ทำให้หนุ่มทั้งสายสตรีตและสายกีฬากระเป๋าเงินร้อนนั่งไม่ติด แม้ปีนี้ในคอลเลกชันจะไม่มีโมเดลรองเท้าแจ่ม ๆ จากค่าย Swoosh รวมอยู่ในงานคอลแลปส์ แต่เสื้อผ้าสไตล์สปอร์ตรูปแบบเรโทรที่ปล่อยออกมาก็สวยงามน่าครอบครองไม่แพ้กัน Supreme x Nike Summer ชุดนี้ประกอบไปด้วยไอเทมสารพัดไม่ว่าจะเป็นเสื้อแจ็คเก็ตกีฬาไนลอนแบบกันน้ำและกางเกงขายาวแบบเดียวกัน รวมไปถึง Sweatshirt Sweatpant และเสื้อไหมพรมที่มาพร้อมโลโก้ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าสะพายที่ทำจากวัสดุไนล่อนสีสันสดใสปิดท้ายเป็นไอเทมเสริมให้สายสตรีตทั่วโลกได้เตรียมพร้อมเสียเงินกันแล้ว Supreme x Nike Summer Collection 2019 เตรียมวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและปารีสเป็นที่แรกในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ต่อด้วยโซนเอเชียในประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 25 พฤษภาคม สำหรับหนุ่ม ๆ ในบ้านเราแม้อาจไม่ได้ครอบครองทุกชิ้น แต่คาดว่าเหล่าพ่อค้านักหิ้วทั้งหลายจะมือเร็วพอที่จะนำบางชิ้นมาเปิดรีเซลล์ให้หลายท่านได้สู้ราคากันต่อแน่นอน SOURCE 1
วันที่ 12 เดือนมิถุนายน เป็นวันฤกษ์งามยามดีที่เหล่าผู้ชื่นชอบสายลับจักรวาล Men In Black จะได้พบกับภารกิจครั้งใหม่ล่าสุด ซึ่งนับเป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 4 แต่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Men In Black: International ซึ่งแม้คราวนี้จะไม่มี 2 Agents ตัวหลักใน 3 ภาคแรกอย่าง Will Smith และ Tommy Lee Jones ออกมาปราบปรามวายร้ายจากต่างแดนที่แฝงร่างมาในโลกมนุษย์ แต่ก็ได้ดาราแม่เหล็กอย่าง Chris Hemsworth ซึ่งการันตีความคูลจากบทบาทของ Thor ใน The Avengers หลากหลายตอน รวมถึง Tessa Thompson หรือหลายคนอาจจะจำได้ในบทบาทของ Valkyrie นักรบคู่ใจจากดินแดน Asgard ดังนั้นจึงเป็นคู่ขาที่เล่นเข้าแข้งกันเป็นอย่างดีแน่นอน นอกจากนี้ยังได้ Liam Neeson สายบู๊จอมโหดมาร่วมงานอีกด้วย เนื้อเรื่องของ Men In Black: International เกี่ยวกับภารกิจที่ใหญ่โตยิ่งกว่าเก่า เพราะไม่ใช่แค่กำจัดเหล่า Aliens เหมือนที่ผ่านมา แต่คราวนี้ต้องตามหา “ไส้ศึก”
‘ศิลปะ’ บ่งบอกถึงความคิด ความรู้สึก และแรงบันดาลใจในการสรรสร้างชิ้นงานของศิลปิน นอกจากมันจะเป็นหนึ่งในความสวยงามที่ประดับไว้บนโลกนี้แล้ว บางครั้งก็เป็นเครื่องมือสะท้อนมุมมืดของสังคมและโลกตามขนบ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ สมองกล AI แห่งโลกอนาคตอันมีวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์เป็นเบ้าหลอม มันเต็มไปด้วยความสามารถอันน่าทึ่งทัดเทียมมนุษย์และกำลังคืบคลานเข้ามาในโลกดิจิทัล การทำงาน ตลอดจนชีวิตประจำวันของเรา ดูเผิน ๆ แล้วศิลปะและปัญญาประดิษฐ์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและเหมือนจะอยู่กันคนละโลกซะด้วยซ้ำ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าศิลปะที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ผสมผสานกับเทคโนโลยี AI จนได้ออกมาเป็นนิทรรศการศิลปะยุคใหม่ของโลกอนาคต The Barbican Centre London ศูนย์ศิลปะ ดนตรี และการแสดงที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เปิดให้เข้าชม ‘AI: MORE THAN HUMAN EXHIBITION’ นิทรรศการที่จัดแสดงความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ภายใต้ฉากหลังของงานศิลปะ ใช้สมองกล AI สุดล้ำประยุกต์งานศิลปะให้หลากหลาย ทันสมัย และมีชีวิต ถือเป็นนิทรรศการ AI แบบ interactive ที่ไม่เคยจัดขึ้นที่ไหนมาก่อน งานนี้รวบรวมสิ่งประดิษฐ์จากศิลปิน นักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัย พร้อมผลงานผลเท่ ๆ ของคนดังในอดีต ไม่ว่าจะเป็น Charles Babbage นักคณิตศาสตร์และผู้บุกเบิกคอมพิวเตอร์ชาวอังกฤษที่สร้างเครื่องวิเคราะห์เชิงกลชิ้นแรกของโลก Ada Lovelace
ในปัจจุบัน เราต่างใช้ชีวิตอยู่กับความเร่งรีบ ต้องพบเจอเรื่องราวมากมายที่พาพวกเราไหลผ่านกระแสเวลาไปข้างหน้าแทบไม่ได้หยุดพัก ทำให้บ่อยครั้งที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างโหยหาช่วงเวลาที่เรียบง่าย ช่วงเวลาที่ได้อยู่นิ่ง ๆ กับตัวเอง เพื่อเสพความงดงามของคืนวันที่ผันผ่าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือคำอธิบายที่ว่าทำไม แม้พวกเราจะดำรงอยู่ท่ามกลางความสะดวกสบายของเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย แต่ก็ไม่วายที่จะโหยหาบรรยากาศเก่า ๆ ข้าวของเครื่องใช้วินเทจ ที่ยังคงความคลาสสิกจากอดีตอยู่เสมอ และ RADO Captain Cook Automatic Limited Edition คืออีกหนึ่งความทรงจำอันหอมหวานจากอดีต ในรูปแบบของเรือนเวลาสุดคลาสสิก ที่หวนกลับมาสร้างความประทับใจให้เหล่านักสะสมนาฬิกา และผู้ที่หลงใหลในความวินเทจแบบเต็มเปี่ยม กับรุ่นพิเศษใหม่ล่าสุดในปี 2019 ซึ่งเก็บทุกรายละเอียดทางด้านรูปลักษณ์ของ Captain Cook รุ่นแรก ที่ผลิตขึ้นระหว่างปี 1962 และ 1968 เอาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งขนาดที่เป็นเอกลักษณ์และคุณสมบัติที่โดดเด่นจากยุคเก่าผสานเข้ากับความโมเดิร์นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งต้องบอกว่านี่เป็นงานถนัดของ RADO ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำจากสวิส ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้า ควบคู่ไปกับความสวยงามของดีไซน์ โดย RADO นั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ” ที่มีแนวทางการปฏิวัติการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิม ด้วยการนำเอาไฮเทคเซรามิกที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ และมีสีสันสดใส รวมถึง Ceramos™ มาใช้ก่อนใครในวงการนาฬิกา ถือเป็นการผสมผสานประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ เข้ากับความโมเดิร์นสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เรือนเวลารุ่นเก๋าอย่าง
หนุ่ม ๆ สายสตรีตหลายคนอาจยังค้างคาใจกันอยู่สำหรับรองเท้าคู่ที่ทาง Virgil Abloh เจ้าพ่อแห่งอาณาจักร Off-White™ ใส่ไปร่วมงาน Coachella เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนเกิดข่าวลือหน้าหูว่าเขาได้กลับมาร่วมมือกับ Nike อีกครั้ง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ข่าวลืออีกต่อไปเพราะยืนยันด้วยภาพเปิดตัวที่ปล่อยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว Off-White ™ x Nike Zoom Terra Kiger 5 คือชื่อของโมเดลรองเท้าคู่ล่าสุดที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาอำนาจแบรนด์กีฬา Nike และค่ายสตรีตที่กำลังมาแรงสุด ๆ อย่าง Off-White ™ โดยเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชัน “Athlete In Progress” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการสร้างความเชื่อมั่นในตนเองของเหล่านักวิ่งตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โมเดลคอลแลปส์คู่ระหว่างสองค่ายดังเป็นรองเท้าวิ่งที่มาแบบรูปทรงดั้งเดิมของ Zoom Terra Kiger 5 ที่วางโลโก้ขนาดใหญ่ไว้ด้านนอก แต่ถูกดัดแปลงให้ต่างออกไปหลายส่วนไม่ว่าจะเป็นจุดร้อยเชือกรองเท้าแบบเฉพาะที่ไล่ระดับมาตั้งแต่ส่วนหัว ป้ายยี่ห้อที่เย็บติดไว้บนส่วนลิ้นรองเท้าที่เลือกใช้เป็นโลโก้ย้อนยุค รวมถึงสายคล้องที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการคอลแลปส์จาก Off-White™ ที่เปลี่ยนจากสีส้มมาเป็นสีเขียวโทนเข้มทั้งหมด ล่าสุด Off-White ™ x Nike Zoom Terra Kiger 5 ถูกปล่อยออกมาใน 3
ผู้ชายที่เป็นแฟนรองเท้าของแบรนด์ Converse คงทราบกันดีว่าค่ายรองเท้าที่พวกเขาหลงใหลนั้นมีจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่จากการเป็นรองเท้าบาสเกตบอล ก่อนที่กาลเวลาผ่านไป เหลือไว้เพียงเรื่องเล่า และแบรนด์กีฬาน้อยใหญ่เข้ามาเป็นผู้ครองตลาดแทน จนกระทั่งวันนี้พวกเขาหวนกลับมาสู่สนามอีกครั้งด้วยโมเดล Converse All-Star Pro BB อดีตมหาอำนาจของวงการรองเท้าบาสเกตบอลในช่วงปี 60’s – 80’s อย่าง Converse เริ่มต้นสร้างตำนานของตัวเองด้วยรองเท้าอย่าง Chuck Taylor ที่ไม่ได้รับความนิยมแค่ในสนาม แต่ยังรวมถึงการสวมใส่ทั่วไปในชีวิตประจำวันและผู้ที่ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบทุกคนยังคงนิยมมาถึงปัจจุบัน ต่อมาในช่วงปี 1980 พวกเขายังคงมีส่วนรวมในตลาดเช่นเคย คราวนี้มาพร้อมโมเดลรองเท้าอย่าง Converse Weapon ที่ได้สองยอดนักบาสแห่งยุคอย่าง Magic Johnson และ Larry Bird มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้มันไม่ได้เสียงตอบรับเท่าที่ควร จนในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจหยุดการผลิตรองเท้าสายตรงของกีฬาบาสเกตบอลไป อย่างไรก็ตามปีนี้ Converse หวนกลับคืนสู่สนามอีกครั้งโดยกลับมาพร้อมกับ Converse All-Star Pro BB รองเท้าบาสเกตบอลที่ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมาจาก Chuck Taylor และ Pro Leather สองโมเดลในตำนานที่สร้างขึ้นก่อนหน้า Pro BB มาพร้อมรูปทรงแบบ High Top โทนสีขาวและดำ ส่วนของ
ในวงการแฟชั่นที่พวกเรามักจะเห็นเพียงในมุมของความสวยงาม การดีไซน์ที่ต้องเร่งตาม Season ที่ยิ่งวันยิ่งหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็วตามความต้องการของลูกค้า เราจึงได้เห็นคำว่า “Fast Fashion” ซึ่งเป็นการเปรียบให้เห็นถึงการสับเปลี่ยนที่รวดเร็วขึ้นทุกวันของ collection เสื้อผ้า ในวันที่ธุรกิจแฟชั่นเริ่มให้ความสำคัญกับค่า Cost Per Wear ที่ยิ่งผลิตมาก ต้นทุนยิ่งต่ำ ใช้งานไม่ต้องนาน หรือขายไม่หมดก็ไม่ต้องสน เราขนไปฝังดินกลบทิ้งไปเลยก็จบเรื่อง แต่ในความเป็นจริงมันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? ซึ่งขั้นตอนการผลิตและขั้นตอนการกำจัดเสื้อผ้าเหลือใช้ คือสิ่งที่ลูกค้าอย่างเรามักจะมองข้าม ยอมรับเลยว่าตัวเราเองก็เช่นกัน จนกระทั่งเราได้พูดคุยกับ “Bryce Alton” CEO, Nudie Jeans Australia, เกี่ยวกับปัญหาที่เป็นอยู่ของธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้า และทิศทางที่ Nudie Jeans ได้พยายามเป็น Solution ที่อาจจะเปลี่ยนทั้งธุรกิจไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ขอเป็นหนึ่งแบรนด์ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยที่ไม่ทำให้เรื่องของการออกแบบและวัสดุได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยหวังว่าจะเป็นตัวอย่างที่ทำให้อีกหลายแบรนด์หันมานำไอเดียไปปรับใช้ ซึ่งถ้าทุกแบรนด์แข่งขันกันในด้านนี้จริง คนที่ได้ประโยชน์ก็ไม่ใช่ใครนอกจากพวกเราและโลกใบนี้ เชื่อว่าทุกคนต้องมี Nudie Jeans ในครอบครองอย่างน้อย 1 ตัว และเราน่าจะรู้ดีถึงคุณภาพของยีนส์ทั้งด้านการออกแบบ วัสดุ รวมถึงอายุการใช้งานที่ล้มลุกคลุกคลานนานแค่ไหนก็ไม่สะเทือน แต่เรื่องความรักษ์โลกของ Nudie ที่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเค้าได้ทุ่มเทความพยายามในการผลิตที่ไม่กระทบสิ่งแวดล้อมมานาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบ