หลาย ๆ คนคงจะคุ้นเคยกับสไตล์ที่เรียกว่า Goth หรือ Gothic แฟชั่นลึกลับสุดดาร์ก เน้นการสวมใส่สีดำเป็นหลัก มีการแต่งหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น เขียนขอบตาดำ กรีดอายไลน์เนอร์สีดำ หรือทาปากสีเข้ม ๆ เป็นต้น (ทั้งหญิงทั้งชาย) หากใครคิดไม่ออก ให้ลองคิดถึง Robert Smith วง The Cure หรือ Siouxsie Sioux วง Siouxsie and the Banshees ที่ถูกจัดเป็นตัวพ่อและตัวแม่แห่งแฟชั่นชนิดนี้ดูก็น่าจะนึกออก แท้จริงแล้ววัฒนธรรมแบบ Classic Gothic ถือกำเนิดตั้งแต่ศตวรรษ 2-3 จุดเริ่มต้นไม่ต่างจากกลุ่ม Punk เสียเท่าไหร่ เพราะเกิดขึ้นจากการต่อต้านสังคมเหมือนกัน เพียงแต่ Goth มาจากการต่อต้านนักบวชและศาสนาที่ใช้อำนาจในทางไม่ชอบธรรม นับว่าเป็นอีกวัฒนธรรมที่มีประวัติเก่าแก่มายาวนาน จนเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป Goth ก็ยังไม่จางหาย แต่ถูกนำมาประยุกต์ ดัดแปลง ให้ทันสมัยมากขึ้น และเริ่มเฟื่องฟูอีกครั้งในหมู่ศิลปินเพลงร็อกและโพสต์พังค์ในช่วง 80 นั่นเอง เมื่อก้าวเข้าสู่ยุค 90 ศิลปินแนว Industrial Rock อย่าง Nine
วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาแห่งการต่อต้าน เต็มไปด้วยความคิดนอกกรอบเพื่อสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง รวมถึงการแสดงออกเพื่อให้สังคมยอมรับ ในประเทศญี่ปุ่นก็มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มีความคิดเป็นของตัวเอง รวมถึงแฟชั่นที่จัดจ้านโดดเด่น ที่คนทั่วไปเรียกเด็กเหล่านี้ว่า “แยงกี้” UNLOCKMEN สนใจเรื่องราวของกลุ่มแยงกี้และจะพาไปทำความรู้จักกับแก๊งเด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นให้มากขึ้นว่าพวกเขาเป็นใคร มีแฟชั่นแบบไหน คิดอะไรอยู่ และทำไมถึงกลายเป็นคนชายขอบของสังคมญี่ปุ่น แท้จริงแล้ว “แยงกี้” คืออะไร ? แยงกี้เป็นคำที่เกิดขึ้นช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา สำหรับคนทั่วโลกเวลาเรียกแยงกี้จะหมายถึงคนอเมริกันแบบรวม คล้ายกับคำเหยียดดูหมิ่นกลาย ๆ แต่สำหรับคนอเมริกันเองจะมองว่าแยงกี้คือคำที่ใช้เรียกคนทางภาคเหนือของประเทศ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แยงกี้กลายเป็นคำเรียกของทีมเบสบอลชื่อดังของนิวยอร์ก แต่สำหรับแยงกี้ในญี่ปุ่นจะเป็นคำเรียกของนักเลง เด็กเกเรที่ต่อต้านสังคม แยงกี้สไตล์ญี่ปุ่น ความเข้าใจร่วมกันของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อคำว่า “แยงกี้” คือกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มีวัฒนธรรมและความคิดเฉพาะตัว มีมุมมองหลายเรื่องแตกต่างกับคนอื่น ๆ ในสังคม เช่น แฟชั่น เสื้อผ้า ความชื่นชอบการ์ตูนต่อสู้ อาวุธ การแต่งรถ และค่านิยมแบบลูกผู้ชายญี่ปุ่น ตามคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมาของคนญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นของแยงกี้เกิดขึ้นในย่านอเมริกามูระ เมืองโอซาก้าปี 1960-1970 ช่วงเวลาแห่งความสูญเสียจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศญี่ปุ่นบอบช้ำอย่างหนักจากการแพ้สงคราม สภาวะบ้านเมืองย่ำแย่ ผู้คนอยู่ในความสับสน
ความเท่เป็นอะไรที่ต้องมาคู่กับผู้ชายอย่างเราเสมอ นอกจากแจ็คเก็ตหนังหรือผมทรงควิฟที่ช่วยเพิ่มมาดเท่ ๆ ให้กับหนุ่ม ๆ ไอเทมอีกชิ้นที่ขาดไม่ได้เลยคือแว่นกันแดดที่ช่วยกรองทั้งแสง UVA และ UVB แต่คุณสมบัติในการกันแดดของมันอาจเป็นเรื่องรอง ถ้าเทียบกับความเท่เฉียบเนี้ยบในขณะที่สวมใส่ ต่อให้มิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้าได้เห่ยสุด ๆ แต่สวมแว่นกันแดดเจ๋ง ๆ สักอันก็เอาอยู่แล้วละครับ วันนี้ UNLOCKMEN เลยยกความเท่ของแว่นกันแดดที่พระเอกคนดังระดับตำนานเขาใส่กัน มาให้หนุ่ม ๆ ของเราดู จะหล่อและคูลขนาดไหน ไปดูกัน! OLIVER PEOPLES 523 (FIGHT CLUB, 1999) แว่นตาสุดแปลกในภาพยนตร์ตลกร้ายลึกลับ FIGHT CLUB ที่พูดถึงปรัชญาช่างแม่งหรือแนวคิดสุญนิยม ไม่เชื่อและไม่ยอมรับระบบคุณค่าใด ๆ แถมยังนำเสนอความเบื่อหน่ายของชีวิตที่นำไปสู่ความมืดมิด และความรุนแรงจากการปลดปล่อยสัตว์ร้ายในตัวมนุษย์ นอกจากความเจ๋งของหนังแห่งอุดมการณ์ ในเรื่องนี้ยังมีแว่นตาเท่ ๆ อีกอันที่หนุ่ม Brad Pitt ใส่เกือบตลอดทั้งเรื่อง แว่นรุ่นนี้คือ OLIVER PEOPLES 523 แว่นกันแดดรุ่นเก๋าสัญชาติอเมริกันที่ผลิตออกมาตั้งแต่ปี 2000 มาพร้อมรูปทรงประหลาดสะท้อนมาดกวน ๆ และความกล้าบ้าบิ่น มีทั้งกรอบสีเงินกับเลนส์สีแดงเลือดนกและกรอบสีเงินกับเลนส์สีส้ม
แม้หลายแบรนด์แฟชั่นจะผลิตรองเท้าคอลเลกชันใหม่มาประจันหน้ากันไม่หยุดหย่อน แต่ถ้าพูดถึงความคลาสสิกและความร่วมสมัยที่ถูกใจผู้ชายอย่างเรา คงไม่มีแบรนด์ไหนโค่นล้ม GUCCI ไปได้แน่นอน คราวนี้ GUCCI กลับมาทวงบัลลังก์เจ้าพ่อแฟชั่น slide sandal อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรองเท้าแตะสองคอลเลกชันใหม่สุดเท่ LOGO LEATHER RUBBER SLIDE และ GG CUT-OUT RUBBER SLIDE ที่ดีไซน์พื้นรองเท้าให้นุ่มเบาสบายเหมาะสำหรับใส่ในช่วงร้อน ๆ ฝน ๆ แบบนี้ เสริมความเฟี้ยวด้วยหนังคุณภาพ 2 แบบ 2 สไตล์ สะท้อน DNA แบรนด์ไฮเอนด์ที่คงความร่วมสมัยมาตั้งแต่ยุคแรกของวงการแฟชั่น LOGO LEATHER RUBBER SLIDE รองเท้าแตะสีดำแบบคาดที่ได้แรงบันดาลใจจากชุดกีฬาย้อนยุค ผลิตด้วยหนัง embossed leather ผ่านการตกแต่งผิวให้เรียบเนียนก่อนจะนำไปเคลือบและอัดลายตามแม่พิมพ์ เพิ่มความแข็งแรงทนทานในการยึดเกาะด้วยสายรัด velvro คุณภาพเยี่ยม ด้านหน้าออกแบบลายปั๊มนูนสีส้มเขียนว่า “GUCCI” ใช้ฟอนต์ย้อนยุคสไตล์ SEGA-esque house จากบริษัทผลิตวิดีโอเกมสัญชาติญี่ปุ่น ก่อนจะล้อมรอบลายปั๊มนูนสีส้มอีกชั้นด้วยลายเส้นสีขาวบางให้ดูคลาสสิกและร่วมสมัยตามแบบฉบับ GUCCI GG CUT-OUT RUBBER
คนส่วนมากรู้จัก Tom Hiddleston พระเอกหนุ่มเมืองผู้ดีจากบทบาทของ Loki ตัวร้ายที่ครองใจผู้คนจากภาพยนตร์ในจักรวาล Marvel แต่สำหรับคนในวงการแฟชั่นที่ชื่นชอบการแต่งตัวจะรู้จักเขาในด้านเจ้าพ่อชุดสูทที่มักแต่งตัวเนี้ยบเสมอทุกครั้งที่ออกงาน ด้วยความเท่ที่ไม่น้อยหน้าใครจึงทำให้ UNLOCKMEN อยากนำสไตล์การแต่งตัวของหนุ่มเจ้าสำอางมาแบ่งปันให้ได้ชมกันว่าแต่ละสถานการณ์เขาแต่งตัวอย่างไรบ้าง วันสบาย ๆ สไตล์ Hiddleston ก่อนหน้าที่คนจะสนใจเรื่องแฟชั่นของ Tom Hiddleston มักโฟกัสไปที่โปรไฟล์อันเพียบพร้อม จบการศึกษาจากสถาบันดังของเขา ทั้งช่วงมัธยมจาก Eton College โรงเรียนชายล้วนเก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ และจบจากมหาวิทยาลัย Cambridge แม้จะมีโปรไฟล์ที่ดูเท่และเข้าถึงยาก แต่วันทั่ว ๆ ไปของหนุ่ม Hiddleston ก็แต่งตัวสบาย ๆ อย่างตอนออกเดตเรามักจะเห็นเขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีพื้นโดยเฉพาะสีฟ้าและน้ำเงินกับรองเท้าหนังกลับอยู่บ่อยครั้ง นอกจากเสื้อเชิ้ตพอดีตัวสีเข้ากันกับกางเกงและรองเท้าหนัง อีกสิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือเข็มขัดหนังแบบเรียบที่จะทำให้วันเบา ๆ ของ Hiddleston ดูดีทุกกระเบียดนิ้วเข้ากับทุกสถานการณ์ เนี้ยบเรียบหรูบนงานพรมแดง ภาพลักษณ์สะอาดเกลี้ยงเกลาของ Hiddleston ตั้งแต่ใบหน้าที่เขามักจะโกนหนวดเคราก่อนถ่ายแบบและออกงานเสมอ ประกอบกับเสื้อผ้าที่เขามักสวมใส่ออกงานพรมแดงเป็นชุดสูทและทักซิโด้สั่งตัดเข้ารูปพอดีตัวและกางเกงสีเข้ากัน ฝ่าเท้ารองรับด้วยรองเท้าหนังเงาวับแบบ oxfords ใส่คู่กับเนกไท polka-dot บางครั้งสีสันจากเนกไทช่วยทำให้การแต่งตัวออกงานไม่เคร่งขรึมและน่าเบื่อ สังเกตได้ว่า Tom
การร่วมงานประจำปีของสองโคตรแบรนด์สตรีตและสปอร์ตแนวหน้าของวงการกลับมาอีกครั้งในคอลเลกชัน Supreme x Nike Summer Collection แม้คราวนี้จะไม่มีรองเท้าคู่งามประกอบรวมอยู่ในคอลเลกชันด้วย แต่ด้วยสไตล์เสื้อผ้าที่สวยได้ใจคงทำให้แฟน ๆ ที่รอคอยกันอยู่ลืมความผิดหวังเล็ก ๆ ไปได้อย่างแน่นอน ทันทีที่ Supreme x Nike Summer Collection 2019 เปิดภาพเต็มของไอเทมทุกชิ้นในแคปซูลออกมาก็ทำให้หนุ่มทั้งสายสตรีตและสายกีฬากระเป๋าเงินร้อนนั่งไม่ติด แม้ปีนี้ในคอลเลกชันจะไม่มีโมเดลรองเท้าแจ่ม ๆ จากค่าย Swoosh รวมอยู่ในงานคอลแลปส์ แต่เสื้อผ้าสไตล์สปอร์ตรูปแบบเรโทรที่ปล่อยออกมาก็สวยงามน่าครอบครองไม่แพ้กัน Supreme x Nike Summer ชุดนี้ประกอบไปด้วยไอเทมสารพัดไม่ว่าจะเป็นเสื้อแจ็คเก็ตกีฬาไนลอนแบบกันน้ำและกางเกงขายาวแบบเดียวกัน รวมไปถึง Sweatshirt Sweatpant และเสื้อไหมพรมที่มาพร้อมโลโก้ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าสะพายที่ทำจากวัสดุไนล่อนสีสันสดใสปิดท้ายเป็นไอเทมเสริมให้สายสตรีตทั่วโลกได้เตรียมพร้อมเสียเงินกันแล้ว Supreme x Nike Summer Collection 2019 เตรียมวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและปารีสเป็นที่แรกในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ต่อด้วยโซนเอเชียในประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 25 พฤษภาคม สำหรับหนุ่ม ๆ ในบ้านเราแม้อาจไม่ได้ครอบครองทุกชิ้น แต่คาดว่าเหล่าพ่อค้านักหิ้วทั้งหลายจะมือเร็วพอที่จะนำบางชิ้นมาเปิดรีเซลล์ให้หลายท่านได้สู้ราคากันต่อแน่นอน SOURCE 1
วันที่ 12 เดือนมิถุนายน เป็นวันฤกษ์งามยามดีที่เหล่าผู้ชื่นชอบสายลับจักรวาล Men In Black จะได้พบกับภารกิจครั้งใหม่ล่าสุด ซึ่งนับเป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 4 แต่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Men In Black: International ซึ่งแม้คราวนี้จะไม่มี 2 Agents ตัวหลักใน 3 ภาคแรกอย่าง Will Smith และ Tommy Lee Jones ออกมาปราบปรามวายร้ายจากต่างแดนที่แฝงร่างมาในโลกมนุษย์ แต่ก็ได้ดาราแม่เหล็กอย่าง Chris Hemsworth ซึ่งการันตีความคูลจากบทบาทของ Thor ใน The Avengers หลากหลายตอน รวมถึง Tessa Thompson หรือหลายคนอาจจะจำได้ในบทบาทของ Valkyrie นักรบคู่ใจจากดินแดน Asgard ดังนั้นจึงเป็นคู่ขาที่เล่นเข้าแข้งกันเป็นอย่างดีแน่นอน นอกจากนี้ยังได้ Liam Neeson สายบู๊จอมโหดมาร่วมงานอีกด้วย เนื้อเรื่องของ Men In Black: International เกี่ยวกับภารกิจที่ใหญ่โตยิ่งกว่าเก่า เพราะไม่ใช่แค่กำจัดเหล่า Aliens เหมือนที่ผ่านมา แต่คราวนี้ต้องตามหา “ไส้ศึก”
‘ศิลปะ’ บ่งบอกถึงความคิด ความรู้สึก และแรงบันดาลใจในการสรรสร้างชิ้นงานของศิลปิน นอกจากมันจะเป็นหนึ่งในความสวยงามที่ประดับไว้บนโลกนี้แล้ว บางครั้งก็เป็นเครื่องมือสะท้อนมุมมืดของสังคมและโลกตามขนบ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ สมองกล AI แห่งโลกอนาคตอันมีวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์เป็นเบ้าหลอม มันเต็มไปด้วยความสามารถอันน่าทึ่งทัดเทียมมนุษย์และกำลังคืบคลานเข้ามาในโลกดิจิทัล การทำงาน ตลอดจนชีวิตประจำวันของเรา ดูเผิน ๆ แล้วศิลปะและปัญญาประดิษฐ์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและเหมือนจะอยู่กันคนละโลกซะด้วยซ้ำ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าศิลปะที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ผสมผสานกับเทคโนโลยี AI จนได้ออกมาเป็นนิทรรศการศิลปะยุคใหม่ของโลกอนาคต The Barbican Centre London ศูนย์ศิลปะ ดนตรี และการแสดงที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เปิดให้เข้าชม ‘AI: MORE THAN HUMAN EXHIBITION’ นิทรรศการที่จัดแสดงความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ภายใต้ฉากหลังของงานศิลปะ ใช้สมองกล AI สุดล้ำประยุกต์งานศิลปะให้หลากหลาย ทันสมัย และมีชีวิต ถือเป็นนิทรรศการ AI แบบ interactive ที่ไม่เคยจัดขึ้นที่ไหนมาก่อน งานนี้รวบรวมสิ่งประดิษฐ์จากศิลปิน นักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัย พร้อมผลงานผลเท่ ๆ ของคนดังในอดีต ไม่ว่าจะเป็น Charles Babbage นักคณิตศาสตร์และผู้บุกเบิกคอมพิวเตอร์ชาวอังกฤษที่สร้างเครื่องวิเคราะห์เชิงกลชิ้นแรกของโลก Ada Lovelace
ในปัจจุบัน เราต่างใช้ชีวิตอยู่กับความเร่งรีบ ต้องพบเจอเรื่องราวมากมายที่พาพวกเราไหลผ่านกระแสเวลาไปข้างหน้าแทบไม่ได้หยุดพัก ทำให้บ่อยครั้งที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างโหยหาช่วงเวลาที่เรียบง่าย ช่วงเวลาที่ได้อยู่นิ่ง ๆ กับตัวเอง เพื่อเสพความงดงามของคืนวันที่ผันผ่าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือคำอธิบายที่ว่าทำไม แม้พวกเราจะดำรงอยู่ท่ามกลางความสะดวกสบายของเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย แต่ก็ไม่วายที่จะโหยหาบรรยากาศเก่า ๆ ข้าวของเครื่องใช้วินเทจ ที่ยังคงความคลาสสิกจากอดีตอยู่เสมอ และ RADO Captain Cook Automatic Limited Edition คืออีกหนึ่งความทรงจำอันหอมหวานจากอดีต ในรูปแบบของเรือนเวลาสุดคลาสสิก ที่หวนกลับมาสร้างความประทับใจให้เหล่านักสะสมนาฬิกา และผู้ที่หลงใหลในความวินเทจแบบเต็มเปี่ยม กับรุ่นพิเศษใหม่ล่าสุดในปี 2019 ซึ่งเก็บทุกรายละเอียดทางด้านรูปลักษณ์ของ Captain Cook รุ่นแรก ที่ผลิตขึ้นระหว่างปี 1962 และ 1968 เอาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งขนาดที่เป็นเอกลักษณ์และคุณสมบัติที่โดดเด่นจากยุคเก่าผสานเข้ากับความโมเดิร์นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งต้องบอกว่านี่เป็นงานถนัดของ RADO ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำจากสวิส ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้า ควบคู่ไปกับความสวยงามของดีไซน์ โดย RADO นั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ” ที่มีแนวทางการปฏิวัติการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิม ด้วยการนำเอาไฮเทคเซรามิกที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ และมีสีสันสดใส รวมถึง Ceramos™ มาใช้ก่อนใครในวงการนาฬิกา ถือเป็นการผสมผสานประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ เข้ากับความโมเดิร์นสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เรือนเวลารุ่นเก๋าอย่าง
หนุ่ม ๆ สายสตรีตหลายคนอาจยังค้างคาใจกันอยู่สำหรับรองเท้าคู่ที่ทาง Virgil Abloh เจ้าพ่อแห่งอาณาจักร Off-White™ ใส่ไปร่วมงาน Coachella เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนเกิดข่าวลือหน้าหูว่าเขาได้กลับมาร่วมมือกับ Nike อีกครั้ง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ข่าวลืออีกต่อไปเพราะยืนยันด้วยภาพเปิดตัวที่ปล่อยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว Off-White ™ x Nike Zoom Terra Kiger 5 คือชื่อของโมเดลรองเท้าคู่ล่าสุดที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาอำนาจแบรนด์กีฬา Nike และค่ายสตรีตที่กำลังมาแรงสุด ๆ อย่าง Off-White ™ โดยเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชัน “Athlete In Progress” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการสร้างความเชื่อมั่นในตนเองของเหล่านักวิ่งตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โมเดลคอลแลปส์คู่ระหว่างสองค่ายดังเป็นรองเท้าวิ่งที่มาแบบรูปทรงดั้งเดิมของ Zoom Terra Kiger 5 ที่วางโลโก้ขนาดใหญ่ไว้ด้านนอก แต่ถูกดัดแปลงให้ต่างออกไปหลายส่วนไม่ว่าจะเป็นจุดร้อยเชือกรองเท้าแบบเฉพาะที่ไล่ระดับมาตั้งแต่ส่วนหัว ป้ายยี่ห้อที่เย็บติดไว้บนส่วนลิ้นรองเท้าที่เลือกใช้เป็นโลโก้ย้อนยุค รวมถึงสายคล้องที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการคอลแลปส์จาก Off-White™ ที่เปลี่ยนจากสีส้มมาเป็นสีเขียวโทนเข้มทั้งหมด ล่าสุด Off-White ™ x Nike Zoom Terra Kiger 5 ถูกปล่อยออกมาใน 3