ในวงการแฟชั่นที่เราได้เห็นสูตรสำเร็จของการ collaboration ในฐานะ Creative Parter ที่ผสมผสาน Music and Street Fashion culture เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Kanye x Adidas, Rihanna x Puma, Kendrick Lamar x Reebok ก็คงไม่แปลกที่่วันนึงจะถึงตาของยานแม่รุ่นใหญ่อย่าง Beyonce’ ที่จะได้สวมหมวกแสดงฝีมือด้าน Creative บนเวทีแฟชั่นบ้างแล้ว Beyonce’ ได้ประกาศเซ็นสัญญาร่วมงานกับ Adidas ในฐานะครีเอทีฟพาร์ทเนอร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะสร้างแรงบันดาลใจและเสริมพลังให้กับครีเอเตอร์รุ่นใหม่ ไปจนถึงผลักดันการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้โลกใบนี้ผ่านทางกีฬา และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ Beyonce’ กล่าวถึงการตัดสินใจร่วมงานกับ Adidas ในครั้งนี้ว่า “อาดิดาสประสบความสำเร็จอย่างมากในการขยายขอบเขตด้านความคิดสร้างสรรค์ เราต่างมีแนวความคิดที่เหมือน ๆ กัน ทั้งในเรื่องของการใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ และความรับผิดชอบต่อสังคม เราคาดหวังที่จะทำให้ Ivy Park และแบรนด์ Adidas ก้าวไปสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง” Beyonce’ และ Adidas ถือเป็นหุ้นส่วนที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
นอกจากงานออกแบบใหม่และนวัตกรรมสมัยใหม่ในรองเท้าที่ค่อยขับเคลื่อนวงการสนีกเกอร์ในพัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องแล้ว มนต์เสน่ห์จากรองเท้ารุ่นเก๋าในอดีตก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ชายผู้รักรองเท้าทั้งหลายหลงใหลไม่แพ้กัน ทั้งจากรูปทรง ดีไซน์ และเรื่องราวเฉพาะตัวที่มีอยู่ในรองเท้าแต่ละคู่ ย้อนเวลากลับไปในช่วงทศวรรษ 1990 เป็นเวลาเดียวกันกับที่บริษัทอย่าง Apple ได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแสดงผลแบบจอสีออกมาวางขายเป็นครั้งแรก ครั้งนั้นพวกเขาเฉลิมฉลองมันด้วยการออกแบบรองเท้าจากวัสดุหนังสีขาวล้วน ที่ตกแต่งด้วยโลโก้สีรุ้งของบริษัทไว้ในส่วนลิ้นและด้านข้างของตัวรองเท้า จากนั้นได้นำไปผลิตและแจกจ่ายให้เฉพาะในกลุ่มพนักงานของบริษัท ทำให้มันกลายเป็นแรร์สนีกเกอร์ที่ไม่เคยมีใครเคยมีโอกาสสัมผัสมาก่อน แต่ภายหลังรองเท้าคอลเลคชันนี้จำนวน 1 คู่ถูกขายต่อให้กับ BitRebels และถูกประกาศขายบนเว็บไซต์ eBay ในปี 2007 ในราคาเพียง 79 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 2,500 บาทเท่านั้น แม้รองเท้าตำนานของ Apple จะหายไปพร้อมกับ BitRebels ด้วยราคาเพียงไม่ถึง 3,000 ในยุคนั้น และเริ่มซาความนิยมในวงการสนีกเกอร์ แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา (2017) การหวนกลับมาคืนจอประมูลอีกครั้งใน Beverly Hills ด้วยสภาพสุดเนี้ยบ สะอาดหล่อและยังขาวใส ก็เด้งราคาเริ่มต้นการประมูลของมันขึ้นมาจากตอนประกาศขายใน eBay ถึง 190 เท่า (15,000$) ก่อนแย่งกันเคาะแล้วปิดลงด้วยราคาถึง 30,000$ หรือประมาณ 950,000 บาทเลยทีเดียว ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในต้นแบบรองเท้าที่คนตามหามากที่สุด จนล่าสุดมีงานออกแบบรองเท้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากมันอีกด้วย
ถือเป็นความอัฉริยะของทีมนักออกแบบ Nike ในการออกแบบและตั้งชื่อรองเท้าดีไซน์แปลกตา ที่ตั้งใจสร้างมาเพื่อฉลองให้กับวันกัญชาโลก 4/20 หรือวันที่ 20 เดือน 4 ด้วยการตั้งชื่อและออกแบบที่ twist ความหมายให้หลายคนงง แต่เป็นการส่งสัญญาณที่คนสายเขียวหัวใจกัญชาโลกรู้กันดี เพราะคำว่า ‘Walk The Dog’ ในที่นี้หมายถึงสายพันธุ์กัญชายอดฮิตในอเมริกา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังออกแบบมาให้ใส่เพื่อฉลองวันพาหมาไปเดินเล่นได้อีกด้วย ‘Walk The Dog’ เป็นกัญชาที่มีลักษณะเฉพาะคือช่อสีเขียว Olive มีขนสีส้มรอบ ๆ เป็นกัญชาที่เพาะขึ้นแบบ Indica-dominant (การผสมพันธุ์ระหว่างสายพันธุ์ Afghani Indica และ Mexican + Columbian Sativa) เป็นสายพันธุ์ที่ผสมได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวสบายใจกำลังดี ดูดแล้วสามารถออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เต็มที่ไม่ว่าจะเป็นนั่งคุยกับพ่อแม่หรือพาหมาไปเดินเล่น ขายในต่างประเทศที่กรัมละ $10 – $11 จึงเป็นที่มาของชื่อสายพันธุ์นี้นั่นเอง อย่าพึ่งสับสนว่ากดเข้ามาอ่านผิดบทความหรือไม่ เราเพียงอธิบายเรื่องที่มาของชื่อรุ่นรองเท้าเพลินไปหน่อย กลับมาที่ Nike SB Dunk High ‘Walk The Dog’ ซึ่งไม่ได้บังเอิญชื่อตรงกัน
เราทำอะไรกับรองเท้าที่ซื้อมาสวมใส่กันบ้างหลังจากที่มันหมดสภาพใช้งานไปแล้ว วางทิ้งไว้ ส่งซ่อมหรือซื้อคู่ใหม่มาทดแทนเพราะยังไงตลาดรองเท้าที่ขยายใหญ่มากขึ้นทุกวัน ก็ทำให้หนุ่ม ๆ มีสนีกเกอร์มากมายให้เลือกสรรเป็นคู่ใหม่ แต่จะดีแค่ไหนถ้ามีรองเท้าที่สามารถนำไปรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาทำรองเท้าคู่ใหม่ได้โดยไม่ต้องใช้วัสดุที่มีผลกับธรรมชาติ รองเท้าหลายหมื่นคู่ทั่วโลกหลังใช้งานและกลายสภาพเป็นขยะที่ไม่มีใครต้องการ ถูกกำจัดด้วยวิธีฝั่งกลบไม่ก็เผาทำลายซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นด้านขยะมูลฝอยและมลพิษในอากาศ เรื่องราวเหล่านี้เองที่ทำให้แบรนด์กีฬาอย่าง Adidas หันมาผลิตรองเท้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุดในชื่อ FUTURECRAFT.LOOP ซึ่งเป็นรองเท้าในสายการผลิตใหม่ล่าสุดจาก Adidas ที่วันนี้พวกเขาไม่ได้มานำเสนอระบบรองเท้าใหม่ แต่เป็นการผลิตรองเท้าที่สามารถนำทุกชิ้นส่วนกลับมารีไซเคิลได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับผลิตรองเท้าคู่ใหม่ได้อีกด้วย แนวทางของ FUTURECRAFT.LOOP คือการผลิตรองเท้าหนึ่งคู่จากวัสดุชิ้นเดียวไม่ว่าจะเป็นส่วนอัปเปอร์ มิดโซล เชือกและพื้นรองเท้า โดยทั้งหมดทำจากวัสดุที่เรียกว่า Thermoplastic Polyurethane (TPU) ที่ทางแบรนด์พัฒนาร่วมกับ BASF ซึ่งมันถูกผลิตจากขยะพลาสติกในทะเล ก่อนจะทำมาประกอบให้กลายเป็นส่วนต่าง ๆ ในรองเท้าคู่สมบูรณ์โดยไม่มีการใช้กาวเชื่อมต่อแม้แต่หยดเดียว นอกจากนี้ผู้สวมใส่สามารถส่งรองเท้าหลังจากไม่ต้องการใช้งานแล้วให้แบรนด์ ก่อนพวกเขาจะนำมาหลอมด้วยความร้อนและแปรรูปเป็นวัสดุสะอาดและสดใหม่สำหรับผลิตรองเท้าคู่ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามแม้วัสดุทั้งหมดที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์จะเป็นสัดส่วนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของรองเท้าคู่ใหม่เท่านั้น แต่การพัฒนาในครั้งนี้ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับวงการรองเท้าและคนที่รักรองเท้าด้วย เพราะต่อไปทางค่ายรองเท้าทั่วโลกอาจหันมาใช้วัสดุเพื่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นซึ่งผลประโยชน์ก็ตกมาอยู่ที่พวกเราทุกคน SOURCE 1
ตั้งแต่ปี 1905 เป็นต้นมา บริษัท Rolex SA ก็ได้ผลิตนาฬิกาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และความหรูหราที่เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของโลกมาโดยตลอด แน่นอนว่า การที่คุณกดเข้ามาดูบทความที่เรากำลังเขียนอยู่นี้ คุณต้องรู้อยู่แล้วว่าเรากำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร ที่เราเขียนบทความนี้ขึ้นมาก็เพราะว่า ก่อนที่คุณจะนำเงินจำนวนไม่น้อยไปให้กับคนแปลกหน้า เพื่อแลกกับนาฬิกาในฝันมาสักเรือนนั้น คุณจำเป็นต้องมีความชัวร์ และมั่นใจได้ว่า มันเป็นของแท้เท่านั้น เพราะการซื้อนาฬิกาอย่าง Rolex มันไม่ใช่เพียงแค่การซื้อเรือนเวลา แต่มันเป็นการลงทุนที่จะทำให้คุณมีผลกำไรต่อในอนาคต และยังเป็นทรัพย์สมบัติที่คุณสามารถส่งต่อไปให้กับลูกหลานของคุณได้อีกด้วย สรรพคุณของนาฬิกาอย่าง Rolex มีมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าใครก็ต้องอยากได้เป็นธรรมดา เพียงแต่ว่าจะมีสักกี่คนที่รู้ว่า Rolex ที่คุณกำลังจะซื้อนั้น เป็นของจริงแน่นอน ไม่ใช่ของปลอมจากเสิ่นเจิ้น ดังนั้นวันนี้ เราจึงนำเอาวิธีง่ายๆ ที่จะบอกได้ว่า Rolex ที่อยู่ตรงหน้าคุณนั้น มันเป็นของเก๊ หรือของจริง มาให้ได้ดูกัน The Weight การที่จะยอมให้ลูกค้าจ่ายเงินจำนวนมากได้นั้น ย่อมต้องแลกมาด้วยคุณภาพที่สมราคาด้วยเช่นกัน ดังนั้น นาฬิกาอย่าง Rolex จึงเลือกใช้แต่วัสดุที่มีคุณภาพ และดีที่สุดเท่านั้น ในการผลิตนาฬิกาของพวกเค้า ไม่ว่าจะเป็น อัญมณี, ทองคำ หรือ สแตนเลสสตีล 904L
ดีเซลเผยคอลเลคชันแคปซูลใหม่ล่าสุดที่ประกอบไปด้วยไอเทมลิมิเตดทั้งหมด 12 รุ่นตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการทำงานร่วมกันครั้งพิเศษกับ Fedez แร็พเปอร์ชาวอิตาลี โดยคอลเลคชันนี้มีทั้งแจ็คเก็ตเดนิม สเวตเชิ้ต เสื้อยืด ถุงเท้า หมวก และแน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้ย่อมต้องเป็นงานเดนิมสุดพิถีพิถันชิ้นเอกลักษณ์ของดีเซล คอลเลคชัน Diesel x Fedez จะมีวางจำหน่ายทั่วโลกผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซของดีเซล และที่บูติคสำคัญของดีเซลในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก คอลเลคชันแคปซูล Diesel x Fedez ได้แรงบันดาลใจมาจากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่มีจำหน่ายหลังเวทีคอนเสิร์ตวงร็อคในอดีต เรื่อยไปจนถึงการแต่งกายของนักร้องแร็พและฮิปฮอปในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงงานศิลปะสุดโดดเด่นที่ก่อรูปขึ้นด้วยแสงของหลอดฟลูออเรสเซนต์ของ Dan Flavin สเวตเตอร์และเสื้อทีเชิ้ตที่มีรายละเอียดของการฟอกและย้อมสี ดูสะดุดตาและให้ความรู้สึกที่เบาสบายน่าสวมใส่ ด้วยเอกลักษณ์แบบวินเทจของการที่สีดำค่อย ๆ ซีดจางลงจนกลายเป็นสีเทา โดยมีการใช้โลโก้ในรูปแบบของการวางโลโก้ของสปอนเซอร์ในอีเวนต์ต่าง ๆ บนเสื้อผ้า แจ็คเก็ตเดนิมมีรายละเอียดของงานกราฟิติมือด้วยสีนีออน ส่วนกางเกงยีนส์มีการใช้เทคนิคการฟอกและการทำให้รุ่ยตลอดช่วงขา เผยให้เห็นรายละเอียดของการใช้สีนีออนและงานผ้าปะติดไปด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ เสื้อผ้าที่เหมาะกับนักร้องนักดนตรีรุ่นใหม่ในปี 2019 ที่ออกทัวร์ไปพร้อมกับคิดคำนึงถึงเหล่าศิลปินในอดีตที่ส่งอิทธิพลต่อตัวตนของพวกเขาภายใต้บริบทร่วมสมัยของยุคปัจจุบัน ด้วยแรงบันดาลใจจากสไตล์การแต่งตัวและเพลงของ Fedez เสื้อผ้าในคอลเลคชันนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะสวมใส่ไปสนุกกับคอนเสิร์ตดี ๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปชมคอนเสิร์ตกลางสเตเดียมสุดยิ่งใหญ่ในช่วงค่ำ หรือจะย่ำเท้าไปในเทศกาลดนตรีกลางแจ้งตลอดช่วงกลางวัน เพราะรายละเอียดของการย้อมสีผ้าของเสื้อผ้าในคอลเลคชันนี้สามารถทำให้คุณดูโดดเด่นได้เสมอเมื่ออยู่ในอีเวนต์เหล่านี้ มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่
‘ศิลปะ’ คือหนึ่งในคำที่มีความหมายกว้างที่สุดในโลก ไม่มีคำนิยามตายตัว มีมากมายหลายแขนง บ้างก็มีไว้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ บ้างก็มีไว้เพื่อสื่อความหมายอะไรบางอย่าง บ้างก็มีไว้เพื่อตีความ แต่ศิลปะแขนงที่เราจะพูดถึงวันนี้ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น เพียงแต่ต้องใช้ความสามารถขั้นสูงของศิลปินผู้สร้างสรรค์ ‘Hyper Realistic’ คือศิลปะที่มุ่งเน้นความสมจริง เน้นรายละเอียดทุกรูขุมขน จนยากที่จะแยกออกว่ามันคือภาพวาดหรือภาพถ่าย ศิลปะแขนงนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากยุค 70 ในประเทศสหรัฐอเมริกาและภาคพื้นยุโรปโดยศิลปินผู้บุกเบิกคือ Carole Feuerman, Duane Hanson, และ John De Andrea บนหลักการแห่งสุนทรียศาสตร์ของแสงเสมือนจริงเพื่อแสดงออกถึงความเคลื่อนไหวของศิลปินหัวขบถสมัยใหม่ วันนี้ UNLOCKMEN มีภาพตัวอย่างบางส่วนมาให้ดู รับรองว่าเห็นแล้วตกตะลึงแน่นอน Pencil Drawings by Diego Fazio Acrylic Paintings by Jason de Graaf Oil Paintings by Pedro Campos Oil Paintings by Robin Eley Sculptures by Ron Mueck Oil Paintings by
Drake แรปเปอร์หนุ่มจากแคนาดาที่สร้างชื่อจากเพลงฮิตติดชาร์ตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Hotline Bling หรือ In my Feelings รวมถึงคอลเลกชันรถยนต์สุดหรูของเขาที่ UNLOCKMEN เคยนำเสนอไปแล้ว (ย้อนอ่านได้ที่ Drake’s Collection: ส่องรถหรูรุ่นหายากของแรปเปอร์หนุ่มที่กำลังมาแรงตอนนี้) นอกจากนั้นเขายังสร้างความฮือฮาให้วงการแฟชั่นด้วยเครื่องแต่งกายราคามหาโหดผ่าน Youtuber ช่อง The Unknown Vlogs UNLOCKMEN จะพาไปดูแฟชั่นของหนุ่ม Drake ที่ถูกพูดถึงว่าช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั้นจะมีไอเทมอะไรบ้างที่น่าสนใจเพื่อเป็นไกด์การแต่งตัวให้กับหนุ่ม ๆ ที่ต้องออกงานสังคม คลิปที่ทุกคนเห็นอยู่นี้คือหลังเวทีของคอนเสิร์ต Assansination Tour ณ กรุงลอนดอน จะเห็นว่าไม่ได้มีเพียงแค่ Drake คนเดียวเท่านั้น แต่มีทั้งนักออกแบบท่าเต้น สไตล์สิสต์ แดนเซอร์ ที่ปรากฎตัวพร้อมไอเทมแฟชั่นเท่ ๆ อย่างไรก็ตามสิ่งที่บรรดาคอแฟชั่นสนใจมากที่สุดคือไอเทมแฟชั่นของหนุ่ม Drake ที่เรียบหรูแต่ก็ยังคงความเท่แบบดิบ ๆ ไว้ด้วย ไอเทมชิ้นแรกที่ Drake ภูมิใจนำเสนอคือเสื้อสูทสั่งตัดพิเศษจากแบรนด์สัญชาติอิตาลี Brioni ที่ก่อตั้งในปี 1945 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงพอดิบพอดี สูทสั่งตัดของแรปเปอร์หนุ่มจะเป็นสูทยาวสีน้ำตาลอมเทา
เขื่อว่าหนุ่ม ๆ แฟนซีรีส์ของมหาศึกชิงบัลลังก์ Games Of Thrones คงเริ่มนับถอยหลังรอคอยกันแล้ว หลังจากเหลือเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่ซีรีส์เรื่องนี้จะออกฉายสู่สายตาผู้ชม โดยช่องเจ้าของลิขสิทธิ์สาขาโลกตะวันออกอย่าง HBO Asia ก็ได้ปล่อยโมเดลคัสตอมรองเท้ารุ่นยอดนิยมจากค่ายสามขีด ออกมาเรียกกระแสจากแฟน ๆ เป็นการเรียกน้ำย่อยแล้ว ใครที่เป็นแฟนของทั้ง Games Of Thornes และ Adidas มีโอกาสได้รองเท้าและของสะสมเพิ่มอีกครั้งหลังจาก HBO Asia เตรียมฉลองการเปิดตัวซีซันสุดท้ายของซีรีส์สุดฮิตที่หลายคนตั้งตารอมาเป็นเวลานาน ด้วยการจับโมเดลรองเท้าจากค่ายสามขีดมา Custom 4 รุ่น 4 คู่ด้วยกัน เริ่มจากโมเดล Continental 80’s ในโทนสี Black, Gold , Red ที่ใช้แรงบันดาลใจจาก House Lannister ต่อด้วยโมเดล Stan Smith มาในลวดลาย Dessert-Camo เป็นตัวแทนของ House Targaryen ตามด้วยโมเดล Micro R1 ในโทนสี
การสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกของจิตรกรแต่ละคนผ่านผ้าใบ พู่กัน สี และความคิดสร้างสรรค์จนเกิดเป็นผลงานระดับพรีเมียมทำให้ศิลปินหลายคนกลายเป็นศิลปินที่ทรงอิทธิพลต่อศิลปะตะวันตก วิธีเดียวที่จะได้เสพผลงานของศิลปินตะวันตกที่ชื่นชอบคือต้องบินไปยังทวีปยุโรป แต่ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันการเสพงานศิลปินที่เราหลงรักอาจไม่ยากเหมือนก่อนแล้ว เพราะผลงานมาสเตอร์พีซของศิลปินในลัทธิต่าง ๆ ถูกยกมาที่กรุงเทพฯ ในนิทรรศการที่มีชื่อว่า From Monet to Kandinsky นิทรรศการ From Monet to Kandinsky ก่อนหน้านี้จัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีและประสบความสำเร็จล้นหลาม โชคดีที่คิวต่อจากกรุงเบอร์ลินคือกรุงเทพฯ โดยถือเป็นที่แรกของเอเชียที่ได้จัดแสดงนิทรรศการของโครงการนี้ พร้อมกับผลงานจิตรกรรมกว่า 1,500 ชิ้น ผ่านโปรเจกต์เตอร์ที่เคลื่อนไหวได้ รอให้ผู้ชื่นชอบและหลงใหลในศิลปะมารับชมงานศิลป์แบบ 360 องศา ผลงานที่ถูกนำมาจัดแสดงล้วนมาจากฝีมือยอดจิตรกรทั้ง 16 คน ที่เมื่อเห็นชื่อของจิตรกรและผลงานของเขาหลายคนจะต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน เริ่มตั้งแต่ศิลปินผู้มีอิทธิพลต่อวงการศิลปะตะวันตกอย่าง Claude Monet กับผลงาน Impression Sunrise หรือความประทับใจของพระอาทิตย์ขึ้นที่ชื่อของภาพนี้กลายมาเป็นชื่อลัทธิ Impressionism นอกจากนี้ยังมีผลงานของ Edger Degas ที่โดดเด่นเรื่องการวาดภาพประวัติศาสตร์ และ Pierre August Renoir กับศิลปะอ่อนช้อยสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกลึกซึ้ง ซึ่งศิลปินทั้งสองคนก็อยู่ในลัทธิ Impressionism ด้วยเช่นกัน ถัดจากลัทธิ