เลือกเสื้อผ้าสีขาวดำยังไงให้ดูดีทุกสถานการณ์
“เมื่อเราไม่สามารถจ่ายให้กับของราคาแพงได้ ก็ทำมันขึ้นมาขายเองซะเลย” น่าจะเป็นสิ่งที่ Filip Tysander ผู้ก่อตั้งแบรนด์นาฬิกา Daniel Wellington อันโด่งดังในปัจจุบันคิดเอาไว้เมื่อเริ่มสร้างเรือนเวลามินิมอลออกวางจำหน่ายสู่ตลาดเมื่อปี 2011 ชายวัยเพียง 33 ปี กลับมีทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านโครนาสวีเดน (3,690 ล้านบาท) และสามารถซื้อบ้านเพนท์เฮ้าส์ที่แพงที่สุดในเมือง Stockholm ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง โดยเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีในการสร้างแบรนด์ Daniel Wellington ให้กลายเป็นที่รู้จักและยอมรับไปทั่วโลก ซึ่ง UNLOCKMEN จะขอนำเรื่องราวของ Filip Tysander มาเล่าเพื่อเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่กำลังหมดไฟ ท้อแท้กับชีวิต ให้ได้มีพลังฮึดสู้ต่อไป ไม่มีนักรบที่ไม่มีบาดแผล และไม่มีนักสู้คนใดที่ไม่เคยล้ม หากคุณอยากจะประสบความสำเร็จบางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้จากความล้มเหลวก่อน ซึ่ง Filip Tysander ถือแบบอย่างของความมุ่งมั่น และน่าจะเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ผลักดันให้เขากลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อย ๆ โดยในช่วงมัธยมขณะที่เด็กคนอื่นอาจจะมัววิ่งเล่น เที่ยวเล่น หรือปาร์ตี้เมาไปวัน ๆ Filip Tysander กลับพยายามทำธุรกิจออนไลน์ด้วยการขายเนคไทและนาฬิกาพลาสติก ทว่าแม้ทั้งสองกิจการนี้จะล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ในความคิดของเขากลับคิดว่าถือเป็นการได้เรียนรู้กับสิ่งที่ตั้งใจอยากจะทำ หลังจากเรียนจบมัธยม Filip ได้ตัดสินใจออกเดินทางไปท่องเที่ยว Backpacking ตามสไตล์วัยรุ่นยุโรปทั่วไป ที่อยากจะเปิดโลกกว้างค้นหาความหมายให้กับชีวิตของตัวเอง ระหว่างนั้นเขาได้พบกับชายชาวอังกฤษที่ชื่อว่า Daniel Wellington ทันใดนั้น Filip รู้สึกว่าชายคนดังกล่าวเป็นคนเท่ที่สุดเท่าที่เขาได้เจอมา โดยเฉพาะนาฬิกาบนข้อมือของชายที่ชื่อ Daniel
หากพูดถึงงานปาร์ตี้ระดับโลก ที่ทุกคนรอคอย แน่นอนว่าชื่อของ SENSATION จัดเป็นเทศกาลดนตรีที่น่าประทับใจ และแลนด์มาร์คของสายแดนซ์ทั่วโลก ต่างวาดฝันอยากจะเดินทางมาร่วมงานให้ได้สักครั้งในชีวิต เปรียบกับ Bucket List ของบรรดา Raver ที่หากไม่เคยไปร่วมงานถือว่ายังตายไม่ได้ ก่อนอื่น สำหรับหนุ่ม ๆ คงเคยได้ยินชื่อของ SENSATION มาบ้าง แต่อาจจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว งานที่คนพร้อมใจกันใส่เสื้อผ้าสีขาวโดยมิได้นัดหมาย นั้นมีที่มาอย่างไร ? สำหรับ SENSATION ครั้งแรกต้องนับถอยหลังย้อนกลับไปในปี 2000 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงอัมสเตอร์ดัม และมีผู้เข้าร่วมงานมากถึง 20,000 คน แต่ทว่าความเป็นมาของธีมชุดขาวอันเลื่องลือ จนเป็นเอกลักษณ์ของงาน เริ่มต้นขึ้นในปีถัดมา เมื่อ ดันแคน สตัทเทอร์ไฮม์ ประธานจัดงาน SENSATION ขอร้องให้ผู้ร่วมงานแต่งกายในชุดสีขาว เพื่อเป็นการไว้อาลัยแด่น้องชายที่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยผู้มาร่วมงานต่างให้ความร่วมมือทำตามที่ดันแคนได้ขอไว้ จึงเกิดเป็นภาพประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้ Dress Code สีขาวกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของงาน SENSATION นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ SENSATION ได้ตระเวนมอบความสุขไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยที่ Heineken® ผู้นำด้านประสบการณ์ทางดนตรี
ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา เราได้บอกลาเทรนด์รองเท้าแบบมินิมอลไปจนหมดสิ้น ซึ่งถูกเติมเต็มด้วยกระแสแฟชั่นรองเท้าผ้าใบทรงหนาเตอะใส่แล้วดูบวม ๆ เข้ามาแทนที่ โดยทีแรกเราเชื่อว่าทุกคนจะต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับ Dad Sneakers ว่าจะไปได้ไกลสักแค่ไหน แต่ตอนนี้ต้องยอมรับตามตรง ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหน ล้วนเห็นรองเท้าประเภทนี้มากมายเต็มไปหมด แถมยังคงสร้างสรรค์ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหากจะพูดถึงความเป็นมาของเทรนด์ดังกล่าว เราจำเป็นจะต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับ Demna Gvasalia ที่ได้นำไอเดียคอนเซ็ปต์ Anti-Fashion ใส่ลงไปในคอลเลคชั่นของ Balenciaga จนเกิดเป็นรองเท้ารุ่น Triple S สร้างปรากฎการณ์ความนิยมรองเท้าไฮเอนด์ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน กระทั่งอีกหลาย ๆ แบรนด์จำเป็นต้องสร้างสรรค์รองเท้าทรง Chunky ออกมาสอดคล้องกับการแต่งตัวในปัจจุบัน เพราะขนาด adidas หรือแม้แต่ Puma และแบรนด์แฟชั่นกีฬาชั้นนำมากมาย ยังต้องคลอดรองเท้ารุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นการดึงกลิ่นอายแฟชั่นของ Balenciaga มาใช้กับตนเอง เพื่อโหนรับกับเทรนด์รองเท้าแบบ Dad Sneakers ดังนั้นในวันนี้ UNLOCKMEN ได้รวบรวมรองเท้า Dad Sneakers รุ่นอื่น ๆ ที่เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการตามเทรนด์ ทว่าไม่อยากซ้ำกับใคร adidas Yung-1 หากไม่บอกเราเชื่อว่าหลายคนต้องคิดว่ารองเท้าคู่นี้เป็นโมเดลเก่านำมาปัดฝุ่นทำใหม่อย่างแน่นอนสำหรับ adidas Yung-1
ในยุคปัจจุบันอะไรก็สามารถเป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะคงพิสดารไม่น้อย เมื่อแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง IKEA จะไปขอทำคอลเลคชั่นร่วมงานกับองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติหรือ NASA’s เพื่อพัฒนาข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านให้อลังการกว่าเดิม แต่ทว่าโปรเจคต์นี้ได้เกิดขึ้นจริงเป็นที่เรียบร้อย เพราะว่าก่อนหน้านี้ IKEA ได้ส่งทีมพนักงานของบริษัทไปใช้ชีวิตที่ Mars Desert Research Station (แบบจำลองการใช้ชีวิตบนดาวอังคาร) เพื่อเก็บข้อมูลให้ได้ความรู้สึกแบบเดียวกับที่นักบินอวกาศต้องเจอเมื่ออยูบนดาวอังคาร และนำมาพัฒนาต่อจนเป็นโปรดักต์ที่เกิดประโยชน์มากที่สุดสำหรับคนเมืองที่มีพื้นที่ใช้สอยอย่างจำกัด หลังจากไปใช้ชีวิตเต็ม 3 วันเป็นที่เรียบร้อย ทางทีมดีไซน์ที่นำโดยหัวหน้าฝ่ายครีเอทีพ Micahel Nikolic ก็นำไอเดียต่าง ๆ เหล่านั้นกลับมาผลักดันจนเกิดเป็นคอลเลคชั่นใหม่ที่พร้อมวางจำหน่ายในอนาคตอันนี้ สำหรับเฟอร์นิเจอร์ชุด IKEA x NASA’s นั้น จะเน้นไปถึงการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ที่กำลังประสบปัญหามีพื้นใช้สอยน้อย IKEA จึงอยากมอบความสะดวกสบายในพื้นที่กะทัดรัด จนออกมาเป็นสินค้าต่าง ๆ ที่ล้วนมีความคล่องตัวในการเคลื่อนย้ายและพับเก็บง่าย เป็นการจัดการพื้นที่เก็บของในรูปแบบใหม่ ซึ่งจำแนกตามไลน์สินค้าเป็น Time, Space, Water และ Air จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วย Terrarium (ระบบนิเวศในภาชนะใส) ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นโคมไฟได้ พร้อมทั้งยังมีเครื่องฟอกอากาศ ชั้นวาง โต๊ะ ตู้เสื้อ ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทำมาจากวัสดุไม้รีไซเคิล และมีน้ำหนักเบา
อัลตร้าบูสท์ พาร์ลี่ย์ สี Deep Ocean Blue ได้รับแรงบันดาลใจจากมาเรียน่า เทรนช์ (The Mariana Trench) พื้นที่ใต้ทะเลที่ลึกที่สุดในโลกและยังเป็นที่ๆ ถูกค้นพบขยะที่เป็นถุงพลาสติกที่ลึกที่สุดในโลกอีกด้วย รองเท้าอัลตร้าบูสท์ พาร์ลี่ย์ทุกคู่ ใช้ขวดพลาสติกจากท้องทะเลจำนวนประมาณ 11 ขวดเป็นวัสดุในการผลิตรองเท้า โดยใช้นวัตกรรม Parley Ocean Plastic® นวัตกรรมอีโคที่ปฏิวัติวงการการผลิตรองเท้าซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากขยะพลาสติกที่เก็บมาจากชายหาด และนำมาแปลงเป็นเส้นใยเพื่อถักทอเป็นไพร์มนิตส่วนบนของรองเท้า และยังมีนวัตกรรม “บูสท์” (BOOST) สุดยอดเทคโนโลยีรองเท้าวิ่งของอาดิดาสที่ช่วยฟื้นคืนพลังให้แก่ผู้ใส่ พื้นรองเท้ายางคอนติเนนทัลยึดเกาะในทุกสภาวะพื้นผิว นอกจากนี้ยังมีชิพ NFC ในรองเท้าข้างขวาเพื่อให้ผู้ใส่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการลดปริมาณพลาสติกในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา อาดิดาสสนับสนุนองค์กรพาร์ลี่ย์ทั้งในด้านการศึกษาและการสื่อสาร โดยมีการคิดค้นนวัตกรรม อีโค Parley Ocean Plastic® ที่ช่วยรณรงค์ลดมลพิษจากขยะพลาสติกในท้องทะเล มาในปีนี้อาดิดาสเดินหน้าสนับสนุนองค์กรพาร์ลี่ย์อย่างต่อเนื่องโดยจัดแคมเปญ Run for The Oceans โดยนักวิ่งทั่วโลกสามารถวิ่งเก็บสะสมกิโลเมตรโดยใช้แอพลิเคชั่น Runtastic ระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน – 8 กรกฎาคม
เรื่องของทรงผมกับผู้ชายมักแยกออกจากกันไม่ได้ เพราะนอกจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแล้ว ผมยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของเราให้ดูดีขึ้นครบเครื่อง แต่ผู้ชายไทยมักจะมีปัญหาเรื่องเส้นผมเส้นเล็กบางทำให้จัดทรงไม่ค่อยอยู่ตัว ซึ่งก็ต้องพึ่งตัวช่วยในการจัดแต่งทรงไม่ว่าจะเป็น เจล แว็กซ์ หรือ สเปรย์จัดแต่ง ทว่าสิ่งที่ดูจะรับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยรู้จักกันดีในชื่อ Pomade ซึ่งทีมงาน UNLOCKMEN ยังเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ยังคงยืนงง เวลาไปที่เคาน์เตอร์ ไม่ทราบถึงคุณสมบัติและวิธีการใช้งานอย่างถูกต้องแท้จริง วันนี้เราจะพาทุกคนไปขยายความเกี่ยวกับ Pomade กันว่ามีกี่ประเภทและคุณสมบัติที่เหมาะสมว่าสุดท้ายแล้วคุณจำเป็นต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวันหรือไม่ Pomade คืออะไร ? Pomade คือผลิตภัณฑ์สำหรับจัดแต่งทรงผมแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ตามส่วนประกอบหลักคือ Oil Base และ Water Base ในปัจจุบัน แต่ถ้าหากเราจะย้อนเรื่องราวของมันต้องถอยกลับไปไกลถึงยุคสมัยโรมันเลยทีเดียว โดยมันถูกคิดค้นจากชาวยุโรป ซึ่งมาจากไขมันของหมีเป็นส่วนผสมหลัก กระทั่งในที่มีจดบันทึกกันอย่างจริงจังในช่วงปี 1873 เมื่อบริษัท Morgan Pomade ก่อตั้งขึ้นและจัดจำหน่ายอุปกรณ์แต่งผมนี้ให้โด่งดังไปทั่วโลก ใช้ส่วนผสมหลักเป็นขนแกะ ขี้ผึ้ง และปิโตรเลียมเจลลี่ มีลักษณะความเหนียวและทนทาน วัฒนธรรมการใช้ Pomade มาจริงจังเอาในช่วงปี 1960 เมื่อเด็ก ๆ ชาวอเมริกันนิยมการไว้ผมแบบ Pompadour
คงจะไม่มีกระแสอะไรที่ร้อนแรงไปกว่าฟุตบอลโลกเสียแล้ว ซึ่งแม้ในปีนี้ดูไม่ค่อยคึกคักเหมือนกับครั้งที่ผ่าน ๆ มา อาจเพราะประเด็นการเมือง แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าเรื่องนอกสนามคือแฟชั่นฟุตบอลที่ต้องยอมรับเลยว่าชุดการแข่งขันของชาติที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายล้วนดีไซน์ โดดเด่นสวยงามไม่ว่าจะเป็นของ Nigeria ที่กวาดรายได้ยอดขายเสื้อสูงสุดยิ่งกว่าสโมสรชั้นนำอย่าง Man Utd เสียอีก โดยหนุ่ม ๆ สามารถเข้าไปดูเสื้อ Jersey ทั้งหมดได้ที่คอนเท้นท์ (Link) ซึ่งเหมือนครั้งหนึ่งเราจะเคยบอกว่า อย่าพยายามใส่เสื้อกีฬาออกไปเที่ยวข้างนอก หากไม่จำเป็นจริง ๆ เพราะคุณไม่ได้กำลังเตะฟุตบอลอยู่ ยิ่งใส่ไปเดทด้วยแล้ว ยิ่งน่าเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายไม่น่าปลื้ม แม้ว่าคุณเองจะรู้สึกว่าเสื้อทีมฟุตบอลตัวนั้นจะสวยแค่ไหนก็ตาม แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นเทศกาลฟุตบอลโลก เราเชื่อคุณอาจจะได้มีโอกาสใส่เสื้อไปเชียร์บอลตามร้านเหล้าบ้าง เพื่อสอดรับกับกระแสนี้ ทีมงาน UNLOCKMEN เลยมานำเสนอเกร็ดวิธีการใส่เสื้อกีฬาสำหรับไลฟ์สไตล์ปกติเผื่อจะเป็นประโยชน์ เลือกเสื้อที่ทำให้คุณดูดี เราเข้าใจว่าหลายคนมีทีมที่ตัวเองเป็นแฟนพันธุ์แท้อยู่แล้ว แต่เชื่อเราเถอะบางทีเสื้อทีมที่คุณชอบก็ไม่ได้มีดีไซน์คู่สีสวยงามเหมาะสวยเหมาะจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น Drake ที่เขาแค่มองหาเสื้อที่เขาคิดว่าเท่ อย่างเสื้อทีม Juventus สีชมพูสดใส มาใส่ ทั้งที่ Drake เองก็ไม่ใช่แฟน Juventus เลยสักนิดเดียว หรือถ้าเกิดสุดท้ายแล้วคุณคิดว่าไม่มีเสื้อทีมไหนที่สวยในสายตาคุณ บางทีอาจจะต้องไปพึ่งบริการแบรนด์ Streetwears ที่ทำคอลเลคชั่นเสื้อบอล อย่าง Supreme, Palace, Stussy,
Kanye West จัดเป็นอัจฉริยะที่น่าหมั่นไส้คนหนึ่งของโลก แม้จะพยายามหาแง่มุมต่าง ๆ นา ๆ มาเพื่อบลัฟหรือหาข้อโต้แย้งในตัวเขา แต่เราเองก็ปฎิเสธได้ไม่เต็มปากว่า เขาคือของจริง เนื่องจากผลงานทั้งในแง่ของแฟชั่นหรือดนตรี ที่เต็มไปด้วยเรื่องโอ้อวด โคตรหลงตัว ทว่าเขากลับสามารถจัดการทุกอย่างออกมาได้อย่างชาญฉลาดถึงขั้นอัจฉริยะ เพลงของ Kanye West เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ล้ำสมัย ก้าวไปข้างหน้าเสมอ และความเนื้อเพลงแสนดิบเถื่อน ขี้โม้ หลงตัว แต่ด้วยวิธีการนำเสนอที่แยบยล จึงไม่แปลกหากชายคนนี้จะคว้ารางวัลแกรมมี่ไปถึง 21 รางวัล ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ถือเป็นวันเกิดครบรอบ 41 ปีของ Kanye West ซึ่งก่อนหน้าเขาเพิ่งจะเปิดตัวอัลบั้มใหม่พร้อมปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟกลางป่าใน Jackson Hole, Wyoming โดยใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์อัลบั้ม ‘ye’ ของเขาถูกสตรีมมิ่งมากกว่า 100 ล้านครั้งเพียงแค่สามวันเท่านั้น มิหน่ำซ้ำยังเป็นครั้งที่ 8 แล้วที่มิสเตอร์ Kanye สามารถพาอัลบั้มของตัวเองขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งในชาร์ท Billboard นอกเหนือจากความอัจฉริยะในเรื่องเสียงเพลง ชื่อของ Kanye West ยังถูกจดจำในฐานะต้นแบบเรื่องสไตล์การแต่งตัว เป็นไอดอลของสาวกสตรีทแวร์จนกลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นมากที่สุดคนหนึ่งของโลก โดยตัวเขาเองก็รับรู้ได้ถึงเรื่องนั้นกระทั่งตั้งชื่อเล่นให้กับตัวเองอย่างจองหองสุด
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งกำลังจะเขี่ยลูกเปิดฉากฟาดแข้งกันอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ จัดว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่มิตรรักแฟนบอลทุกสัญชาติไม่ควรพลาด นั่นก็เพราะว่านี่คือสุดยอดทัวร์นาเมนต์ลูกหนังที่จัดขึ้นทุกๆ 4 ปี แถมยังเป็นการดวลกันระหว่างซูเปอร์สตาร์ในวงการฟุตบอลจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น ลิโอเนล เมสซี่, พอล ป็อกบา, กาเบรียล เชซุส, ฮาเมส โรดริเกซ, โม ซาลาห์ และแข้งทองชื่อดังคนอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งสำหรับมหกรรมลูกหนังในครั้งนี้ก็คือ รองเท้าสตั๊ด หรือรองเท้าฟุตบอลที่เปรียบเสมือนอาวุธคู่กายของบรรดานักเตะชื่อดัง ซึ่งทาง อาดิดาส ได้เตรียมคอลเลคชั่นใหม่ที่ชื่อว่า เอนเนอจี้ โหมด (Energy Mode) ซึ่งถูกออกแบบด้วยสีสันที่เท่สะดุดตาและยังอัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพในการใช้งาน ทำให้ ครีเอเตอร์เหล่านี้สามารถวาดลวดลายโชว์ลีลาลูกหนังเหนือจินตนาการออกมาได้อย่างเต็มที่ และในวันนี้เราจะมาแนะนำรองเท้าสตั๊ดพร้อมบรรยายสรรพคุณอันโดดเด่นของแต่ละรุ่นในคอลเลคชั่นนี้ เอ็กซ์ 18 (X18) ผู้เล่นที่ใช้งาน: กาเบรียล เชซุส (บราซิล), หลุยส์ ซัวเรซ (อุรุกวัย), โม ซาลาห์ (อียิปต์) เอ็กซ์ 18 เป็นรองเท้าสตั๊ดรุ่นใหม่เอี่ยมที่เพิ่งจะประเดิมสนามอย่างเป็นทางการไปในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า