เคยสังเกตไหมทำไมบางครั้ง รองเท้าที่บรรดาคนดังทั้งหลายสวมใส่ช่างดูแปลกตา และไม่สามารถสรรหาได้ตามชั้นรองเท้าร้านค้าทั่วไป และยิ่งไปตามหาทั่วในอีเบย์ หรือบอร์ดซื้อขายของก็ยิ่งหาไม่พบเข้าไปอีก เหตุผลก็เพราะบางครั้งแบรนด์รองเท้าเหล่านี้ได้เปิดโอกาสให้ ดารา นักร้อง หรือแม้แต่ดีไซน์เนอร์ออกแบบรองเท้าต้นแบบ ซึ่งมีทั้งแบบ Sample เหมือนที่ Kanye West สวมใส่ adidas Yeezy 350 ก่อนวันขายจริงร่วมครึ่งปี หรือจะเป็นแบบ Friend&Family ที่ทำขึ้นพิเศษเพื่อแจกจ่ายเฉพาะบรรดาเพื่อนฝูงเท่านั้น ทำให้สัปดาห์นี้ UNLOCKMEN จะนำเสนอรองเท้าเจ๋ง ๆ ที่มีการดีไซน์ต้นแบบออกมาแต่ไม่ได้ขายจริง หรือไม่แน่ว่าอาจจะวางขายแบบเซอร์ไพร์สในเร็ววันนี้ Nike & Tom Sachs เมื่อราว ๆ ปี 2012 Nike ได้เลือกดีไซน์เนอร์ที่ไม่ได้มีผลงาน เป็นที่รู้จักในวงกว้างชื่อว่า Tom Sachs มาออกแบบรองเท้ารุ่นพิเศษชื่อว่า the Mars Yard ซึ่งรองเท้าคู่นี้มีผลิตออกมาจำนวนน้อยมาก ๆ ในทางกลับกันกับเป็นที่พูดถึง ทำให้ the Mars Yard 1.0 มีการประมูลกันสูงระดับ 100,000
เรื่องง่ายๆเกี่ยวกับแว่นตากันแดดที่เรามักมองข้าม
บทบาทหนุ่มตุ้ยนุ้ย และเพื่อนผู้แสนดีแห่งวงการฮอลลีวู้ด หลายคนคงจะนึกถึง Jonah Hill เพราะไม่ว่าเขาจะแสดงภาพยนตร์เรื่องใดก็มักจะได้รับบทเพื่อน คู่หู สม่ำเสมอ ซึ่งเรื่องฝีมือการแสดงคงไม่ต้องพูดถึง เมื่อเขาได้พิสูจน์ตัวเองผ่านผลงานมากมายทั้งบท ตลก ดราม่า แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ Jonah Hill ทำออกมาได้เป็นอย่างดี และไม่ค่อยมีใครพูดถึง คือเรื่องสไตล์การแต่งตัวที่เขาสามารถแสดงออกได้ดีไม่แพ้กับการแสดง พัฒนาการของหนุ่มอวบที่รู้สึกจะชื่นชอบแบรนด์ Palace เป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เขา bulk น้ำหนักตัวให้อ้วนมาก จนถึงช่วงที่ผอม เขาก็สามารถแต่งตัวออกมาได้มีความพอดี Jonah Hill อาจไม่ได้มีสไตล์ชนิดแหวก หรือเป็นไอคอนล้ำ ๆ แบบ Kanye West , Russell Westbrook , A$ap Rocky แต่เขามีสไตล์ที่ลงตัวแบบมนุษย์ธรรมดาเดินดินใส่กันทั่วไป ดังนั้นพวกเราจึงอยากจะนำเสนอสไตล์ของ Jonah Hill เพื่อเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการแต่งตัวให้กับทุกคน Palace Spokeperson Jonah Hill เรียกได้ว่าเป็นแฟนตัวยงของแบรนด์ Palace ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในวงการสตรีทแฟชั่นพอสมควร ซึ่งจะว่าไปแล้วเมื่อเราเจอเสื้อผ้าแบรนด์ที่รู้สึกชื่นชอบ ถูกใจ ก็ไม่ผิดแปลกที่เราจะสร้างแบรนด์รอยัลตี้
มีสไตล์แบบไม่ต้องเสียตัง มา DIY กางเกงยีนส์แบบ Cool Cool Style Unlockmen
“รอยสัก” ศิลปะบนเรื่องร่างมนุษย์ที่คนจำนวนไม่น้อยต่างหลงใหล แต่อะไรที่อยู่เบื้องหลังคนทำงานศิลปะอย่าง “ช่างสัก” แรงบันดาลใจใดที่ขับเคลื่อนให้พวกเขามาอยู่ตรงนี้ ความกดดันกับการสรรค์สร้างศิลปะที่จะอยู่บนเรือนร่างผู้คนไปชั่วชีวิตทำให้ความคิดของพวกเขาหมุนวนไปทางใด วันนี้ UNLOCKMEN ชวน บอลและดุ่ย ช่างสักจาก St.Martin Tattoo Studio มาพูดคุยกันยาว ๆ เพื่อให้ได้บรรยากาศและการพูดคุยเจาะลึกเป็นกันเอง UNLOCKMEN บุกเข้าไปถึงตรอกข้าวสาร สถานที่ที่ St.Martin Tattoo Studio ตั้งอยู่ท่ามกลางร้านสักอีกหลายร้านและร้านรวงอื่น ๆ บรรยากาศแห่งความหลากหลายและสีสันของตรอกข้าวสารยิ่งกระตุ้นเร้าให้การสัก น้ำหมึก ศิลปะบนเรือนร่างดูมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเดินทางไปถึง St.Martin Tattoo Studio เราจึงไม่รอให้ความสงสัยคุกรุ่นในตัวเราอยู่นาน เราเริ่มยิงคำถามกับช่างสักมากฝีมือ 2 คนนี้อย่างรวดเร็ว UNLOCKMEN: แนะนำตัวกับชาว UNLOCKMEN หน่อย บอล: ผมชื่อเล่นชื่อบอลครับ แล้วก็ทำงาน tattoo ทำงานสักได้ทั้ง bamboo และ machine ทั้งสองอย่างอยู่ที่ St.Martin Tattoo Studio ข้าวสารครับ ดุ่ย: ชื่อดุุ่ยนะครับ ทำงานเป็นช่างสักอยู่ที่ St.Martin Tattoo Studio
บางครั้งการใส่กางเกงยีนส์ หรือสแล็ค ก็อาจจะทำให้หนุ่ม ๆ รู้สึกเบื่อหน่ายซ้ำซากจำเจมากจนเกินไป จึงไม่น่าแปลกใจหากพวกเราจะชอบลองอะไรแปลกใหม่ โดยการเลือกกางเกงประเภทอื่น อาทิ กางเกงวอร์มหรือจ็อกเกอร์ เพื่อมามิกซ์แอนด์แมทช์ในวันหยุดพักผ่อนสบาย ๆ หากใครลองสังเกตดูดี ๆ ในปัจจุบันจะมีกางเกงประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “Zipper Pants” ลักษณะของมันจะคล้าย ๆ กับ จ็อกเกอร์ เพียงแต่มีดีเทลลูกเล่นคือซิปอยู่ปลายขา ด้วยลูกเล่นที่แปลกตา ทำให้ zipper pants กลายเป็นกางเกงคู่ใจของวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อเป็นการไกด์ไอเดียสำหรับใส่กางเกง zipper อย่างไรให้ชาว UNLOCKMEN ได้สนุกกับการแต่งตัว เราจึงมีวิธีมิกซ์แอนด์แมทช์แบบง่าย ๆ โดยที่คุณแทบจะไม่ต้องเสียเงินซื้ออะไรใหม่เลย LA to Bangkok จุดเริ่มต้นของกางเกง zipper นั้นมาจากแบรนด์ Fear of God ที่ต้องการสร้างสไตล์ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคน LA แต่เนื่องด้วยความเรียบง่ายแต่ดูมีอะไร การแต่งตัวแบบนี้จึงได้แพร่หลายไปถึงคนทั่วโลก รวมถึงชาวไทย ซึ่งวิธีการมิกซ์แอนด์แมทช์ก็แสนง่าย เพียงหาเสื้อวงดนตรี หรือลายกราฟฟิคที่ชื่นชอบ มาใส่กับกางเกง zipper บวกกับสนีกเกอร์โดน ๆ สักคู่แบบนี้ก็ได้ได้ลุค
แน่นอนมันคือกรรมพันธ์ุและชาติพันธุ์ของเราชาวเอเชียที่ถูกสร้างมาให้รูปร่างไม่สูงโปร่ง ขายาวเหมือนฝรั่งตาน้ำข้าว ซึ่งโดยค่าเฉลี่ยส่วนสูงชายไทยนั้นสูงแค่เพียง 169.5 เซ็นติเมตร ซึ่งก็ไม่ได้เป็นตัวเลขที่สูงมากนัก ( ที่มา Size Thailand ) แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าผิดหวังหรือเสียใจอะไร ในเมื่อเลือกขนาดตัวไม่ได้ เราก็ต้องมาหาวิธีแก้ไขอำพรางปกปิดจุดไม่เด่นของเรากันไป ซึ่งความจริงแล้วในหลักแฟชั่นเขาก็มีการผลิตเสื้อผ้าออกมาหลากหลากแบบเพื่อปกปิดข้อบกพร่องต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือหนุ่ม ๆ เอเชียอยู่แล้ว วันนี้ UNLOCKMEN จึงรวบรวมข้อมูลวิธีการแต่งตัวอย่างไรให้ดูสูงเพียว เพื่อชายไทยจะได้ดูสูงสง่าในทุกโอกาส Monochrome การใส่เสื้อคุมโทนสีเข้มนั้นจะทำให้คุณดูผอมลง ไม่เชื่อลองเปรียบเทียบเวลาคุณใส่สีดำกับเสื้อสีสันอื่น ๆ จะเห็นข้อแตกต่างที่ชัดเจนว่าสีแนว Monochrome จะสามารถปกคลุมความเจ้าเนื้อ และทำให้เราดู Slim ขึ้นได้อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องถึงกับดำสนิทไปหมดทั้งตัวเหมือนกับ Gothic เพราะมันจะทำให้ดูดำอึมครึมเกินไปสักนิดนึง Fit ความพอดีคือสิ่งที่ลงตัวที่สุด การใส่อะไรที่มัน Oversize หรือ Under บางครั้งผลลัพธ์ก็ไม่ได้จะออกมาดีเสมอไป ลองคิดภาพคนรุ่นพ่อที่ใส่สูทตัวโคร่ง มันช่างดูอ้วน และตันเอามากจริง ๆ ดังนั้นพยายามหาจุดลงตัวของหุ่นคุณ และใส่อะไรที่มันพอดี ก็จะช่วยให้คุณดูสูงขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนกางเกง ก็ต้องคำนึงถึงรูปร่างอีกนั่นแหละ ถ้าขาเล็กเรียวอันนี้ใส่ Skinny ได้เลย แต่ถ้าพวกขาหุ่นนักกีฬา หลีกเลี่ยงกางเกง Skinny
การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่บรรดาแบรนด์ และผู้บริโภคยังคงพบเจอตลอดมา ซึ่งสาเหตุหลักใจความสำคัญของปัญหานี้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ก็คือยังมีความต้องการซื้อ จึงทำให้อุปทานของการผลิตสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ออกมาวางจำหน่ายอย่างไม่ลดละ ซึ่งบางครั้งความซวยดันตกไปอยู่กับผู้บริโภคที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คิดว่าได้ของถูกมาครอง แต่ก็ยังมีอีกกรณีคือการลอกเลียนสินค้า แล้วมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียด และนำเสนอเป็นของตัวเอง ซึ่งตรงจุดนี้คือช่องโหว่ทางกฎหมายที่ไม่ครอบคลุมในเรื่องของดีไซน์ หากไม่ได้นำเอาโลโก้ หรือชื่อตราแบรนด์ไปใช้ เช่นเสื้อผ้าผู้หญิงที่คุณเห็นสินค้าดีไซน์ซ้ำกันราว 100 แบบ แค่เพียงเปลี่ยนโลโก้ก็ไม่สามารถทำอะไรในทางกฎหมายได้แล้ว วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ขอหยิบเรื่องราวแบรนด์หนึ่งที่ท้าทาย และลอกเลียนดีไซน์จากแบรนด์ต่าง ๆ มากว่า 40 ปีอย่างไม่เกรงกลัวใครมาฝากกัน Thom McAn คือชื่อบริษัทรองเท้าที่เริ่มต้นกิจการขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ 1922 จากนาย Ward Melville และ J.Franklin McElwain ที่ได้นำชื่อโปรกอล์ฟมาเป็นชื่อแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งผลิตรองเท้าประเภท dress shoes และมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องคุณภาพสูง และราคาถูก พวกเขาสามารถขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว เพราะในเวลาเพียงแค่ 5 ปี Thom McAn สามารถเปิดสาขาได้มากกว่า 300 ร้านค้า และหลังจากยุค 60s บริษัท Melville Corporation
เชื่อหรือไม่ว่าเหล่า sneakerheads ควรจะขอบคุณกีฬาเทนนิสที่ทำให้พวกเรามีรองเท้าคลาสสิคใส่อย่างเช่นทุกวันนี้ เพราะนอกจากบาสเก็ตบอลแล้ว กีฬาหวดแร็กแก็ตนี้ก็เคยเป็นส่วนสำคัญต่อหน้าประวัติศาสตร์วงการรองเท้าโลกเช่นกัน หลายคนอาจจะติดภาพลักษณ์ รองเท้าหนา ๆ ทรงหน้าตาประหลาดที่เหล่านักเทนนิสในยุคนี้สวมใส่กัน แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อประมาณสัก 20-30 ปีก่อน รองเท้าเทนนิสนั้นได้ถูกดีไซน์ออกมาอย่างไลฟ์สไตล์มากกว่าปัจจุบัน ถ้าไม่เชื่อวันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำรองเท้าที่เกิดขึ้นจากกีฬาเทนนิสใน Sneakers of the weeks ประจำสัปดาห์ Adidas Stan Smith ก่อนหน้าจะมี Yeezy หรือ NMD รองเท้าคู่นี้ได้ชื่อว่าเป็นรองเท้าที่มียอดขายดีที่สุดสำหรับ adidas Originals ซึ่งเราคงไม่ต้องอธิบายประวัติอะไรของรองเท้าคู่นี้อีกแล้ว เพราะทุกคนคงจะทราบกันดีว่า Stan Smith เกิดขึ้นจากนักเทนนิสที่ชื่อ Robert Haillet ในเริ่มแรก ก่อนที่ adidas จะส่งมอบรองเท้าคู่นี้ไปให้ยอดนักเทนนิสอย่าง Stan Smith และเปลี่ยนชื่อตามภายหลัง ซึ่งในปัจจุบัน adidas Originals Stan Smith ไม่ได้มีเพียงสีขาว
จากไอเดียการผสานอดีตเข้ากับอนาคต จนเป็นรองเท้าที่กำลังมาแรงที่สุดใน พ.ศ. และกำลังขีดเขียนตำนานอย่างไม่รู้จบ