ไม่นานมานี้หนุ่ม ๆ ที่ชื่นชอบเรื่องราวของญี่ปุ่นและโปรดปรานการลิ้มรสชาติแสนเฉพาะตัวของซูชิต่างต้องตกใจไปตาม ๆ กัน เมื่อร้านซูชิโคตรดังอย่าง Sukiyabashi Jiro Honten ที่ซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดินย่านกินซ่าใจกลางกรุงโตเกียวถูกถอดดาว 3 ดวง และลบชื่อออกจาก Michelin Guide ทั้งที่เป็นร้านซูชิที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการอาหารญี่ปุ่นทำให้คนทั่วโลกต่างจับตามอง UNLOCKMEN จึงไม่พลาดนำเรื่องราวของเจ้าของร้าน Sukiyabashi Jiro นามว่า Jiro Ono มาบอกเล่าให้ฟังกันว่าเพราะเหตุใดเขาถึงกลายเป็นชายที่โลกเรียกว่า ‘ปรมาจารย์ซูชิที่ไม่มีใครเทียบชั้น’ และทำไมร้านอาหารเล็ก ๆ ของเขาถึงกลายเป็นร้านที่เหล่านักชิมทั่วโลกต้องมาเยือนสักครั้ง JIRO ONO ตำนานของวงการซูชิที่ยังมีลมหายใจ แรกเริ่มเดิมทีเรื่องราวของ Jiro Ono และร้านซูชิ Sukiyabashi Jiro ของเขาไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขนาดนี้ เขาเป็นเพียงแค่ผู้ชายที่เปิดร้านซูชิต้นทุนต่ำประทังชีวิตเท่านั้น เพราะฐานะทางบ้านของ Jiro ไม่ได้มั่งคั่งร่ำรวย เขาต้องแอบทำงานพิเศษในร้านอาหารตั้งแต่ 7 ขวบ (ที่ต้องแอบทำเพราะผิดกฎหมายแรงงาน) ถูกพร่ำสอนเสมอว่าเมื่อโตขึ้นเราจะไม่หันหลังกลับ บ้านที่อยู่อาจจะหายไปเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่จะติดตัวเราไปทุกที่คือความตั้งใจและการไม่ยอมแพ้ เมื่อ Jiro เปิดร้านซูชิช่วงแรกเขาไม่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นเชฟได้เต็มปาก ลูกค้าที่เข้ามาในร้านก็ถือว่าเป็นคนหลงเข้ามาเสียมากกว่า
หลังจากที่คราวก่อนเราได้แนะนำ 5 ร้าน Omakase ที่เราชื่นชอบที่สุดกันไปแล้ว (GUIDE: 5 ร้าน OMAKASE ที่เราอยากแนะนำ เพราะทุกคำเสิร์ฟพร้อมจิตวิญญาณและความตั้งใจของเชฟ) นอกจากจะได้พิกัดร้านขั้นเทพแล้ว เรายังได้เล่าถึงความเป็นมาของวัฒนธรรมการกินแบบ Omakase ไว้ด้วย เป็นการประดับความรู้เสริมความมั่นใจก่อนไปนั่งประจันหน้ากับเชฟ แต่เรารู้ดีว่าราคาคอร์สของแต่ละร้านที่เราแนะนำไปนั้นทำเอาขนหน้าแข้งร่วงไปหลายเส้น เพราะความพรีเมียมของมัน ดังนั้นใน Omakase Guide ภาค 2 นี้ เราขอแนะนำร้าน Omakase ราคาประหยัด ที่พกแบงค์พันไปแค่ 3 ใบก็สามารถอิ่มอร่อยได้ตามขนบวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ ๆ Sushi Hinata ถึงแม้จะตั้งอยู่ในห้างสรรพสิค้าหรูใจกลางเมืองอย่าง Central Embassy แต่คอร์ส Omakase ของ Sushi Hinata นั้นราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2,000 บาทเท่านั้น เรียกว่าถูกแบบเหลือเชื่อถ้าเทียบกับทำเลและคุณภาพวัตถุดิบที่ได้รับ Sushi Hinata ตกแต่งร้านสไตล์ดั้งเดิม เน้นความสงบและเรียบหรู เมื่อเปิดประตูเข้าไปคุณจะเจอกับปลามากมายหลายชนิดวางเรียงรายอยู่บนเคาน์เตอร์จนอาจจะเข้าใจผิดว่านี่คือตลาดปลาสักแห่งในญี่ปุ่น นอกจากคุณภาพปลาที่สดใหม่ หวานฉ่ำตามธรรมชาติและฝีมือการปั้นขั้นเทพของเชฟ โยชิกิ ยามาดะ แล้วที่นี่ยังตกแต่งอาหารในคอร์สออกมาได้สวยงาม เพิ่มความประทับใจให้เรามากขึ้นไปอีก ใครอยากมาลอง
ไม่รู้เหมือนกันว่าอาหารญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาเปิดตลาดในบ้านเราตั้งแต่เมื่อไร เราจำได้ว่าเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วนั้นร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยนั้นมีน้อยจนนับนิ้วได้ แต่รู้ตัวอีกที ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปไหนก็เจอร้านอาหารญี่ปุ่นละลานตาเต็มไปหมดโดยเฉพาะร้าน ‘ซูชิ’ แต่ในสิ่งเก่า ย่อมมีสิ่งใหม่เสมอ เช่นเดียวกับร้านซูชิที่ปกติเราจะคุ้นชินกับการสั่งเป็นคำหรือซูชิจานเวียน แต่เมื่อไม่นานมานี้มีร้านซูชิประเภทหนึ่งเริ่มเข้ามาในไทย และมันก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ทุกคนเรียกมันว่า ‘Omakase’ คำว่า Omakase ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า ‘ฉันยกให้คุณจัดการเลย’ เมื่อมารวมกับบริบทเกี่ยวกับอาหาร จึงอาจจะแปลได้ว่าให้เชฟเป็นคนเลือกมาให้ว่าวันนี้ควรกินอะไรและอะไรคือวัตถุดิบที่ดีที่สุดในวันนี้ เนื่องจากมันเป็นวัฒนธรรมการกินที่ใหม่ คนไทยอาจจะยังไม่คุ้นชิน แถมราคาก็ไม่ใช่ถูก ๆ จึงทำให้หลายคนยังลังเลที่จะเดินเข้าร้านประเภทนี้ วันนี้เราจึงมาแนะนำ 5 ร้าน Omakase ที่เราชื่นชอบที่สุด เผื่อไว้เป็นทางเลือกสำหรับผู้อ่านทุกคน Ginza Sushi Ichi ขอเปิดหัวด้วยร้าน Omakase ชื่อดังจากย่านกินซ่า ประเทศญี่ปุ่น และได้ขยับขยายมาเปิดสาขาในไทยเป็นที่เรียบร้อย การันตีด้วยดาว 1 ดวง จากมิชลิน แน่นอนว่าเมื่อเป็นร้านสาขาจากญี่ปุ่น บรรยากาศภายในร้านจึงเป็นตามขนบดั้งเดิมแท้ ๆ รวมถึงเชฟที่เดินทางมาไกลจากแดนปลาดิบ (สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้) จุดเด่นของ Ginza Sushi Ichi คือคุณภาพและความสดของเนื้อปลา ซึ่งทางร้านอิมพอร์ตมาจากตลาดปลา Tsukiji อันเลื่องชื่อในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่ามาถึงปุ๊บเสิร์ฟปั๊ปกันแบบวันต่อวัน
“ซูชิ” เมนูกินง่ายสั่งสะดวกที่ผู้ชายนิยม เพราะมันเป็นเมนูที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงความพิถีพิถัน วัฒนธรรม พูดง่าย ๆ ว่าแค่คำเดียวก็ได้เสพครบทุกอย่าง ยิ่งถ้าร้านไหนมีปลาสด ข้าวเหนียวนุ่ม กับอุณหภูมิพอเหมาะของมือเชฟชั้นยอด ซูชิทั้งคำที่หยิบเข้าปากแทบละลายหายไปในพริบตาจนต้องเร่งสั่งคำใหม่มากินเรื่อย ๆ ไม่หยุด ทว่าภายใต้หน้าตาคลีน ๆ ของซูชิที่ดูจะมีแค่ปลากับข้าวก็อย่างเพิ่งวางใจว่ามันจะไม่เป็นพิษเป็นภัยกับหุ่นและสุขภาพเราชาว UNLOCKMEN วันนี้เราจึงขอรวมวิธีการกินซูชิให้คลีนมาแจก จะได้กินกันอย่างสบายใจขึ้น คำเตือนจากนักโภชนาการ “ซูชิ” ไม่เฮลตี้อย่างที่คิด ถ้าจะให้มานั่งควบคุมแคลอรี่การกินนับหน่วยขนาดนั้นอาจจะไม่ใช่ทางของผู้ชายอย่างเรา แต่มันก็ต้องดูไว้บ้างเหมือนกันเพราะปัญหาหลักที่เราไม่ค่อยตั้งข้อสังเกตมันอยู่ที่ปริมาณการกิน รู้ไหมว่าซูชิประเภทโรลชิ้นเล็ก 1 ม้วนที่ซอยออกได้ 6-9 ชิ้น กินไปยังไม่ทันอิ่มมันอัดแคลอรี่ไว้ได้มากถึง 500 แคลฯ เลย ซึ่งหลัก ๆ มันมาจากข้าวขาวคลุกน้ำส้มสายชูกับน้ำตาลที่ช่วยเจริญน้ำย่อยทำให้สั่งเพลินหลายชุด ยิ่งเจอข้าวที่เป็นคาร์โบไฮเดรตซึ่งต่อไปก็จะย่อยเป็นแป้งและน้ำตาลอีก ต่อให้โปะหน้าด้วยเนื้อปลาดิบลีน ๆ ไขมันดีแค่ไหนก็คงช่วยไม่ได้ (คลี่ไปใส่ชามแต่ละมื้อนี่จะเจอว่ากินข้าวไปหลายถ้วย) แก้ลำด้วยการสั่งซูชิให้คลีน 1. เลือกซูชิที่ใช่ ก่อนสั่งก็ส่องเครื่องซูชิกันก่อน เลี่ยงซูชิประเภทโรลที่ใส่ซอสมายองเนสไว้ เน้นเครื่องข้างในเป็นผักสด หรือถ้าอยากให้คงรสชาติความมันเต็มคำไว้บ้างให้เลือกประเภทที่มีอโวคาโด เพราะเส้นใยกำลังดี ไขมันมีประโยชน์ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นการเลือกประเภทซูชิแยกคำแบบเดี่ยว ๆ จะมีส่วนผสมและซอสน้อยกว่าซึ่งดีต่อร่างกาย