BMW 4-Series กลายเป็นที่ถูกอกถูกใจสาวก BMW ที่ชอบรถตัวถัง Coupe แบบสุด ๆ และนั่นก็ทำให้ทาง BMW มีการพัฒนาปรับโฉม 4-Series มาตลอด จนกระทั่งในโฉมปี 2017 ที่หลายคนอาจจะมองว่า มีการปรับปรุงน้อยไปนิด แม้จะมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้ B-Sereis แทนของเดิมอย่าง N-Series แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีเสียงซุบซิบออกมาไม่น้อยว่า ถ้าหากนำ BMW 4-Series ไปเทียบกันกับรถของแบรนด์อื่น ๆ โดยเฉพาะแบรนด์คู่แข่งร่วมชาติตลอดกาล แล้วเรื่องของเครื่องยนต์ และความแรง ก็ถือว่าเป็นของจุดอ่อนของ BMW 4-Series ไปโดยปริยาย แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า ทาง BMW จะกลับไปทำการบ้าน และปรับปรุงข้อเสียรวมไปถึงจุดบกพร่องต่าง ๆ ของ BMW 4-Series โฉม 2017 มาเป็นที่เรียบร้อย เมื่อมีการเปิดตัว 2018 BMW 4-Series LCI โฉมใหม่ (รุ่นเปิดตัวล่าสุด) ที่สำคัญคือในครั้งนี้จะเป็นรุ่น
ภาพผลงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซของศิลปินผู้โด่งดัง ใคร ๆ ก็คงจะคิดว่า มันจะต้องถูกประดับเอาไว้ในหอศิลป์, พิพิธภัณฑ์ หรือไม่ก็คงถูกคนนำไปประชันความงามตามเวทีประกวด รวมไปถึงงานประมูลอย่างแน่นอน แต่เมื่อนานมาแล้วมีผู้ชายอยู่หนึ่งคนที่ได้ทำการ UNLOCK ความเชื่อเหล่านั้น จนกลายเป็นต้นกำเนิดของตำนานความงาม และงานศิลปะที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุดอย่าง BMW Art Cars และเขาคนนั้นก็คือ Hervé Poulain ความคิดสุดแหวกแนวนี้ เดิมทีเป็นเพียงแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของผู้ชายที่มีอาชีพเป็นนักประมูลรถ ที่มักจะใช้เวลาว่างไปกับการแข่งรถเท่านั้น โดยเขาฝันเอาไว้ว่า ถ้าหากมีโอกาสก็อยากจะเข้าไปลองขับรถแข่งในรายการ The 24 Hour Race ที่สนาม Le Mans ดูสักครั้ง โดยรถที่ใช้จะต้องเป็น Super Sport Cars ที่มีลวดลายโดดเด่นสะดุดตาผู้ชมทุกคน เขาจินตนาการเอาไว้ว่า จะให้ศิลปินระดับท็อปมาทำงานศิลปะประดับลงไปบนตัวรถ ความคิดทั้งหมดนี้เกือบจะกลายเป็นเพียงความฝันไปซะแล้ว แต่ BMW กลับมองเห็นศักยภาพ และความเจ๋งของไอเดียสุดบ้าคลั่งนี้ จึงเริ่มลงมือนำ BMW 3.0 CSL มาเพ้นท์ลวดลายโดยให้จิตรกรชาวอเมริกันอย่าง Alexander Calder
ทุกวันนี้เราพึ่งพาสิ่งที่เรียกว่าพลังงานกันมากจนเกินไปหรือเปล่า ? เช่นเวลาไปเที่ยว เราก็ต้องพกพาแบตฯ สำรอง (Power Bank) อยู่ทุกครั้ง จนกลายเป็นของคู่กับสมาร์ทโฟนแบบที่ขาดไม่ได้ แต่ไม่ว่าเราจะมีโทรศัพท์มือถือที่มีแบตเตอรี่จุได้เยอะมากมายขนาดไหนหรือมีแบตฯ สำรองขนาดความจุ 30,000 mAh ก็ตาม อย่าลืมว่ามันก็ย่อมมีวันหมด ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินต้องการโทรหาใครสักคนล่ะ เคยคิดเผื่อใจ เผื่อเหลือใช้เวลานั้นกันบ้างหรือเปล่า ปัญหาที่กล่าวมาเหมือนเป็นความท้าทายเหล่าคนใช้ที่ไม่รู้จักประมาณตัวเองในการใช้งานที่คิดว่าการมีแบตฯ สำรองจะช่วยได้ทุกอย่าง ตอนนี้มีทางออกสำหรับปัญหานี้และผู้ที่ต้องการมือถือที่อยู่ได้นาน ๆ แล้ว โดยเหล่านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ได้คิดค้นโทรศัพท์มือถือที่ไม่จำเป็นต้องใช้แบตฯ ออกมาแล้ว บอกไว้ก่อนเลยว่ามันคือโทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่สมาร์ทโฟนแบบจัดเต็มฟังก์ชั่นเหมือนที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ โดยการทำงานของมันทำได้เพียงแค่การใช้รับโทรศัพท์และโทรออกอย่างง่าย ๆ เท่านั้น โดยหลักการทำงานของเจ้ามือถือเครื่องนี้เป็นการใช้กำลังไฟเพียง 3.5 วัตต์เท่านั้นในการทำงาน ซึ่งมือถือเครื่องนี้จะใช้พลังงานจากโซลาร์เซลขนาดเล็ก ๆ และแปลงคลื่นวิทยุโดยรอบตัวให้เป็นพลังงานไฟฟ้า Battery-free Cellphone ออกแบบขึ้นมาอย่างง่าย ๆ ตัวปุ่มกดเป็นคาปาซิทีฟเซ็นเซอร์เพียงไม่กี่ปุ่ม เช่น ปุ่มตัวเลข 0-9 รวมทั้งปุ่ม * และ # และปุ่มแอ็กชั่น 2 ปุ่มสำหรับวางสาย อยู่บนแผงวงจรและมัดรวมผสมกับชิ้นส่วนอื่น ๆ โดยในบอร์ดนั้นทางทีมผู้ผลิตได้กล่าวว่าเป็นชิ้นส่วนที่สามารถหาชื้อได้ทั่วไป
ในวัยเด็กเมื่อครั้งได้ดูหนัง Sci-fi ที่ตัวเอกของเรื่องเก่งในการใช้งานเทคโนโลยี คอยเจาะระบบ ปิดสัญญานเตือนนิวเคลียร์อะไรล้ำ ๆ นั่นคือหน้าที่ของ “Hacker” อาชีพในฝันที่เราเชื่อว่าตอนนั้นใครดูหนังจบ ก็ล้วนแต่อยากจะเป็นสักครั้ง เมื่อเติบโตขึ้นมา เรากลับรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่กับการเดินตามความฝันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะใจรักอย่างแท้จริงกับการที่ต้องอยู่กับระบบเลข ระบบประมวลความคิด คำสั่งมากมาย แม้จะไม่อาจเป็นแบบความฝันได้ แต่ความชื่นชอบก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งหายไป ลองเปลี่ยนมาเป็นเสพติดหนังแบบครั้งวัยเด็กก็คงไม่เลว UNLOCKMEN จึงคัดหนังชั้นยอดของฮอลลีวู้ดที่เกี่ยวกับการแฮกเกอร์ งัดความสามารถล้ำเทคโนโลยี ไว้ให้เปิดดูถึง 10 เรื่องกันเลยครับ WarGames (1983) ย้อนกลับไปหนังแฮกเกอร์เรื่องแรก ๆ ในอดีต เมื่อปี 1983 ภาพยนตร์เรื่องนี้ประกอบเป็นการดำเนินเรื่องของ David Lightman (Broderick) แฮกเกอร์อายุน้อยระดับไฮสคูลที่บังเอิญเข้าสู่ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ คิดว่ามันคือเกม! แต่กลับการเป็นเรื่องจริงที่พาเขานับถอยหลังสู่สงครามโลกครั้งที่สาม Hackers (1995) เด็กชายที่ถูกจับกุมโดย US Secret Service ในข้อหาทำการสร้างไวรัสคอมพิวเตอร์ขึ้นมาและสร้างภัยอันตรายให้แก่ประเทศชาติ จนทำให้ถูกศาลสั่งห้ามงดใช้คอมพิวเตอร์อีกจนกว่าจะอายุครบ 18 ปี แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาได้เจอกับเพื่อนใหม่ที่ดันไปค้นพบแผนไวรัสตัวอันตรายที่กำลังจะถูกปล่อยออกมา ซึ่งพวกเขาก็ต้องใช้ทักษะในการค้นหาหลักฐาน และหลบหลีกจาก US Secret Service ทั้งที่พวกเขากำลังจะช่วยโลก
ถ้าหากคุณมีอาชีพเป็น Photographer หรือ Videographer ยังไงก็ต้องรู้จักแบรนด์ที่มีชื่อว่า RED อย่างแน่นอน เพราะ RED ถือว่าเป็นอุปกรณ์หาเลี้ยงชีพในฝันของใครหลายคน อีกทั้งชื่อเสียง และคุณภาพของตัวแบรนด์เอง ก็สูงสุดๆ ในระดับที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์กันได้แบบสบายๆ แต่เมื่อไม่นานมานี้ RED ก็ได้สร้างเซอร์ไพร้ส์ครั้งใหญ่ ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ ซึ่งไม่ใช่กล้องอย่างที่เคยเป็นมาตลอด แต่กลับเป็นโทรศัพท์ Smartphone ซะอย่างนั้น วันนี้เราจะมาดูกันว่า Smartphone ที่ RED ทำออกมานั้น มีอะไรที่แปลกใหม่กว่าของแบรนด์อื่นๆ บ้าง แล้วกล้องของมันจะเทพเทวดาสมชื่อ RED หรือไม่ ขอเชิญชาว UNLOCKMEN ทุกท่าน ไปทำความรู้จักกับมันพร้อมๆ กันกับเราได้เลย ครั้งนี้ RED มีความต้องการที่จะบุกตลาดใหม่ ด้วยความตั้งใจที่จะนำภูมิปัญญา และความสามารถทั้งหมดที่เคยทำเอาไว้ในฐานะผู้ผลิตกล้องที่มีคุณภาพสูงที่สุด มากลายสภาพให้เป็น Smartphone สุดล้ำ จึงเป็นที่มาของโทรศัพท์รุ่นล่าสุดที่มีชื่อว่า “RED Hydrogen One” เครื่องนี้ Smartphone เครื่องนี้ ปัจจุบันได้เปิดรับ Pre-Order” กันไปแล้ว
ถ้าถามว่าเวลาออกจากบ้านอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เราคิดว่าหนึ่งในคำตอบของหลายคนต้องมีกระเป๋าสตางค์แน่นอน แม้ว่าสมัยนี้พวกเทคโนโลยีต่าง ๆ จะพยายามยัดเยียดการจ่ายเงินอันแสนสะดวกสบายผ่านอุปกรณ์ IOT, Smartphone มากขึ้น เพื่อให้คนเราไม่ต้องพกกระเป๋าหรืออะไรให้วุ่นวายเหมือนแต่ก่อนก็ตาม แต่ว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ตอบรับนวัตกรรมเหล่านั้นเท่าที่ควรอยู่ดี เพราะว่าการพกกระเป๋าสตางค์ยังไงมันก็ดูเป็นสิ่งที่จำเป็นและตัดทิ้งออกไปไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่าจะเรื่องบัตรประชาชน ใบขับขี่ บัตรสะส้มแต้ม ที่มันไม่ใช่มีแค่บัตรทางการเงินเท่านั้น ยังไงก็ต้องพกอยู่ดี ในเมื่อเราตัดกระเป๋าสตางค์ทิ้งไปไม่ได้ UNLOCKMEN ก็จะพาไปรู้จักกับกระเป๋าสตางค์อัจฉริยะที่ยัดความล้ำ ไฮเทค แต่คงไว้ในรูปแบบเดิมให้ใช้กัน พูดกันตรงนี้เลยว่ามันโคตรเจ๋งจริง ๆ แต่เดิมพวกเราอาจเคยเห็นขีดความสามารถของการที่กระเป๋าสตางค์เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อใช้ GPS ติดตามตำแหน่งกระเป๋าสตางค์กันมาบ้างแล้ว แต่ Volterman กระเป๋าสตางค์อัจฉริยะที่เรากำลังจะพูดถึงนี้มีมากกว่านั้นแน่นอน อย่างแรกคือ Volterman นำคุณสมบัตินวัตกรรมเดิม ๆ อย่างเช่น GPS , Notification ใส่เข้ามาให้เรียบร้อย เพื่อให้เราใช้ GPS ในการตามหาตำแหน่งได้แบบ Real-time ป้องกันการถูกขโมยหรือลืมได้เป็นอย่างดี อย่างต่อมาที่แปลกที่สุดในความเป็นกระเป๋าสตางค์คือการที่ Volterman ใส่กล้องขนาดเล็กภายในกระเป๋าสตางค์ ถ้าเราจับคู่กระเป๋าสตางค์ Volterman เข้ากับสมาร์ทโฟนของเราอยู่แล้ว อยู่ ๆ เกิดสูญหายหรือถูกขโมยขึ้นมา แค่เรากดคำสั่งจากสมาร์ทโฟนโหมด “Lost
ของดี…มีมนต์ขลัง!! อ่านจบแล้วจะเข้าใจว่า ทำไม “BMW 3 Series” ถึงได้ครองใจคนมาได้อย่างยาวนาน
ปัญหาเกี่ยวกับฟัน เป็นปัญหาที่อยู่คู่กับชีวิตคนเรามาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะตั้งแต่วัยเด็กหรือแก่ผมขาวก็ล้วนแต่ต้องผ่านต้องโดนกันสักครั้ง และต้นตอเหตุผลสุดคลาสสิคก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการแปรงฟันที่ไม่สะอาด บางครั้งที่เราตั้งใจแปรงฟันเป็นเวลานาน ๆ ไม่มีอะไรการันตีได้ว่านั่นคือความสะอาดสำหรับช่องปากเลย แถมบางครั้งเกิดลามเป็นอาการปวดฟันขึ้นมาเมื่อไหร่ รับรองว่าเห็นนรกอยู่รำไรเลย ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากเท่าไหร่ แต่อุปกรณ์ในชีวิตประจำวันอย่างแปรงสีฟัน กลับกลายเป็นเรื่องล้าหลังไม่มีการพัฒนาเท่าที่ควร (ล่าสุดคือแปรงสีฟันไฟฟ้า) ทำให้ตอนนี้มีทีมหัวใส เตรียมทำแปรงสีฟันอัตโนมัติชิ้นแรกของโลกออกมาพลิกโฉมให้ใช้กัน Amabrush แปรงสีฟันไฮเทคทำงานอัตโนมัติที่สามารถช่วยทำความสะอาดฟันได้ในเวลาเพียง 10 วินาทีเท่านั้น และขั้นตอนการทำงานก็ง่ายแสนง่าย แค่กดปุ่มเริ่มทำงานคลิกเดียวเท่านั้นเอง จากข้อมูลบอกว่าสาเหตุที่คิดค้นแปรงตัวนี้ขึ้นมาก็เพราะต้องการรักษาสุขภาพช่องปาก ปัญหาเรื้อรังที่มีอย่างยาวนาน โดยจากการสำรวจพบว่าบางกลุ่มไม่ชอบแปรงฟันก่อนนอน เพราะรู้สึกเหนื่อยจากการทำงานหรือกิจกรรมอะไรหนัก ๆ ในระหว่างวันมาแล้วทั้งวัน ซึ่งส่วนใหญ่คนเราจะใช้เวลาแปรงฟัน 1 นาทีซึ่งเหล่าหมอฟันก็เคยแนะนำว่าต้องใช้เวลาแปรงฟัน 3 นาทีขึ้นไปถึงจะถูกต้อง และอีกอย่างคือ 90% ของปัญหาช่องปากเกิดขึ้นจากการแปรงฟันไม่ถูกวิธีซะส่วนใหญ่ Amabrush จะมีอุปกรณ์แยกเป็นสองส่วน คือส่วนแรก MouthPiece ที่ครอบฟันที่มาพร้อมกับขนแปรงสำหรับคาบไว้ในช่องปาก ทำมาจากซิลิโคนที่มีความยืดหยุ่นสูง เคลือบชั้นด้วยสารแอนตี้แบคทีเรีย ภายในจะมีช่องขนาดเล็กสำหรับการกระจายยาสีฟันให้ทั่วช่องปาก และในส่วนของขนแปรงถูกออกแบบมาให้มีความอ่อนนุ่ม เพื่อไม่ให้ทำร้ายเหงือกของผู้ใช้ จะทำมุม 45 องศาเข้ากับฟัน ตัวขนแปรงสามารถล้างทำความสะอาดได้ แต่ควรใช้งานแค่ 3-6 เดือน แล้วควรเปลี่ยนใหม่ และอีกส่วนคือ Handpiece
หลายคนคงเคยเห็นภาพการวาดเส้นแสงไฟ หรือ Light Painting ที่สร้างความแปลกใหม่ และความน่าตื่นตาตื่นใจ ให้กับภาพถ่ายกลางคืนได้เป็นอย่างดี ด้วยสีสัน และความพลิ้วไหวของแสงไฟ ที่เราสามารถลากเส้นสร้างสรรค์ลวดลายได้ตามจินตนาการ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีถ่ายภาพที่สนุก และน่าสนใจ ที่สำคัญคือสามารถถ่ายเล่นเองได้ไม่ยากอย่างที่คิด เหมาะที่จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับใครที่อยากลองเริ่มต้นทำอะไรสนุก ๆ ปลุกไฟให้กับชีวิตที่ไม่ต้องการหยุดนิ่งอยู่กับอะไรเดิม ๆ สำหรับวิธีการถ่าย Light Painting อย่างที่เราบอกไว้ข้างต้นว่ามันไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น สามารถเริ่มต้นจนจบกระบวนการได้ด้วยการโซโลเดี่ยวคนเดียวด้วยซ้ำ แค่เข้าใจหลักการถ่าย เตรียมอุปกรณ์ และความสนุกในหัวใจให้พร้อมก็พอ ซึ่งวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จะมาแนะนำหลักการถ่าย Light Painting ให้ไปลองทำตามกันดู เมื่อรู้หลักแล้วหลังจากนี้คงไม่ใช่เรื่องยากในการนำไปต่อยอดจนเกิดเป็นภาพถ่ายที่สวยงามแปลกใหม่ตามสไตล์ที่ชอบได้เลย เตรียมอุปกรณ์ กล้อง: สำหรับกล้องในที่นี้ จะใช้กล้อง DSLR ระดับโปร, กล้อง Compact ขนาดกะทัดรัด หรือแม้กระทั่งกล้องจากโทรศัพท์มือถือก็จัดมาได้ตามสะดวก ขอเพียงแค่กล้องเหล่านี้รองรับการตั้งค่าสปีดชัตเตอร์ (ในโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นที่มีโหมด Pro) เพราะการลากเส้นแสงไฟให้มีความสวยงาม จำเป็นต้องเปิดชัตเตอร์ค้างไว้นานกว่าปกติ ขาตั้งกล้อง: อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญไม่แพ้กล้องถ่ายภาพ เพราะเมื่อเราเปิดชัตเตอร์ค้างไว้นาน ๆ จำเป็นต้องหาที่วางกล้องให้มีความมั่นคง เพื่อให้ภาพไม่สั่นไหว หากใช้มือจับกล้องเอาไว้ตามปกติ แม้จะมั่นใจว่ามือนิ่งแค่ไหน
นาน ๆ ทีที่เราจะได้เห็นคนที่มีความบ้าเหลือล้น ชนิดที่นำเอายอดรถจักรยานยนต์ราคาแสนแพง มาทำการยำใหญ่ใส่หนักสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการ ตัด, ต่อ, เชื่อม ตกแต่งแบบ Custom ตามใจตัวเองสุด ๆ ดังนั้นคงพลาดไม่ได้ที่จะนำรถที่มีชื่อว่า “Thivervel” ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นโดยคนบ้าผู้มีจิตใจรักการแต่งรถอย่างนาย Fred Krugger คนนี้ แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่น่าจะแปลกอะไรมากนัก เพราะเขาเป็นถึงเจ้าสำนักแห่งการ Custom รถที่ชื่อว่า Belggager Customizer ในประเทศเบลเยี่ยมเองด้วย แต่ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ไป งานแต่งรถคงมารอต่อคิวเข้าไปที่ร้านของเขาอย่างยาวเหยียดแน่นอน รวมไปถึงชื่อเสียงของสำนักแต่งของเขา ก็คงจะเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น เพราะล่าสุด Fred ได้นำรถของเขาออกมาโชว์ประชาชนให้เห็นถึงความเจ๋งกันไปเบา ๆ หนึ่งดอก เล่นเอาสั่นสะเทือนวงการรถจักรยานยนต์กันไปทั่วทุกมุมโลก วันนี้เราจึงอยากพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านที่ชื่นชอบรถ 2 ล้อ โดยเฉพาะรถที่มีหน้าตาดุดัน ร่างกายบึกบึนกำยำ อย่าง Ducati Diavel ที่หล่อ และโหดสุด ๆ โดยเฉพาะถ้าหากใครเป็นแฟนของสุดยอดรถ Cruiser รุ่นนี้อยู่เป็นทุนเดิมแล้วล่ะก็ ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด