รุ่นพิเศษเอาใจคนชอบขับหลัง Audi R8 V10 GT RWD โมเดลสุดท้ายที่จะใช้เครื่องยนต์ V10 FSi engine ทีเด็ดสร้างชื่อเสียงที่เริ่มใช้ครั้งแรกใน S8 ปี 2006 และผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 333 คันทั่วโลก ความแตกต่างของ Audi R8 V10 GT จากรุ่นปกติก็คือการจับคู่เครื่องยนต์ 5.2-liter V10 กับระบบขับเคลื่อนล้อหลังเป็นครั้งแรก ให้พละกำลังเทียบเท่าตัว Quattro ที่ 611 hp @8,000 rpm แรงบิดลดลงเล็กน้อยเหลือ 417 lb-ft เกียร์ 7-speed dual-clutch ถูกปรับอัตราทดให้ชิดขึ้น เพิ่มอรรถรสในการขับที่สนุกสนานสะใจ ในรุ่นขับหลัง จะมีระบบ torque-rear traction control system ที่ปรับแต่งใหม่เพื่อควบคุมแรงบิดให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ สามารถเลือกปรับ Driving mode ถึง 7 รูปแบบได้ที่ปุ่มบริเวณพวงมาลัย ทำงานร่วมกับช่วงล่างแบบ
หากเอ่ยถึงชื่อ Speedmaster หนึ่งในซีรีส์นาฬิการะดับไอคอนิกจาก OMEGA เชื่อว่าบรรดาผู้หลงใหลในเรือนเวลาส่วนใหญ่คงมีภาพจำถึงเรื่องราวการประกาศศักดาให้โลกจารึกในฐานะ Moonwatch นาฬิกาที่ถูกสวมโดยนักบินอวกาศ Neil Armstrong และ Buzz Aldrin ผู้ฝากรอยเท้าเล็ก ๆ ที่สุดแสนจะสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติลงบนพื้นผิวดวงจันทร์ในเดือนกรกฎาคม ปี 1969 แต่สำหรับสาวก Speedmaster อีกจำนวนไม่น้อยคงรู้กันดีว่า เดิมทีนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อพิชิตดวงจันทร์ หากแต่ชื่อ Speedmaster ยังประกาศก้องถึง DNA แห่งความเร็วที่ชัดเจนเข้มข้นจนแทบไม่ต้องเสียเวลาตีความ นับย้อนไปตั้งแต่ปี 1957 ช่วงเวลาที่ปฐมบทของเรื่องราวแห่ง Speedmaster จาก OMEGA ได้เริ่มต้นด้วยเรือนเวลาที่มาพร้อมเข็มบอกทิศทางแบบ Broad Arrow รูปทรงหัวลูกศรสุดโดดเด่น และยังเป็นนาฬิกาข้อมือ Chronograph แบบแรกที่นำสเกล Tachymeter หรือมาตรวัดความเร็วมาไว้บนขอบตัวเรือน เพื่อจุดประสงค์สำหรับใช้งานในวงการ Motorsport เรียกได้ว่าก่อนจะไปโลดแล่นบนดวงจันทร์ เหล่านักแข่งรถ ช่างเทคนิค รวมถึงทีมงานในสนามประลองความเร็ว ต่างก็เคยประทับใจในความทนทาน, ประสิทธิภาพ รวมถึงงานดีไซน์ของ Speedmaster มาแล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ชื่อของ Speedmaster
ชายผู้เคยบอกว่า AI นั้นน่ากลัวและเป็นภัยต่อมนุษยชาติ เมื่อคืนพึ่งจะเปิดตัวผลงานเทคโนโลยีชิ้นล่าสุดที่กำลังพัฒนาโดย Tesla มีนามว่า “Optimus” AI Robot ที่เปิดตัวอย่างสวยงามบนเวทีงาน Tesla AI Day ใน Silicon Valley มันสามารถเดินและเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมโบกมือทักทายผู้คนในงานได้อย่างคล่องแคล่ว Elon Musk ตั้งใจพัฒนา Optimus ขึ้นมาเพื่อใช้ทำงาน routine ในโรงงาน Tesla ซึ่งคาดว่าจะสามารถวางขายเพื่อใช้แทนแรงงานมนุษย์ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยราคาราว 750,000 บาทต่อตัว ซึ่งถือไม่แพงเลยหากมันช่วย automated บางขั้นตอนในการผลิตให้สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีป่วย ไม่มีลา ไม่มีจับกลุ่มด่านินทาเพื่อนร่วมงานให้เกิดดราม่าในองค์กร และไม่ต้องกลัวว่าวันนึง Optimus จะชวนกันกลายร่างเป็น The Terminator robot แล้วหันยึดครองโลกมนุษย์ เพราะ Elon Musk จะจำกัดขีดความสามารถของมัน เช่น จำกัดความเร็วในการวิ่งไม่เกิน 5 mph พร้อมปุ่มสำหรับปิดฉุกเฉินแบบ hardwired
การ collaboration ครั้งที่สองของ BMW และ KITH แบรนด์จาก New York ของ Ronnie Fieg ผู้คลั้งไคล้และสะสม BMW รุ่นเด็ด ๆ เอาไว้หลายคัน และการร่วมมือกันครั้งนี้คือ BMW i4 M50 ตกแต่งสีพิเศษ Vitality Green ที่จะมีจำนวนเพียง 7 คันเท่านั้น และยังมีเสื้อผ้า collection พิเศษวางจำหน่ายพร้อมกันอีกราว 51 ชิ้น โดยใช้สี Vitality Green รวมถึงสี Caramel Merino ซึ่งเป็นสีพิเศษของ BMW Individual สำหรับตกแต่งภายในรถคันนี้ ก่อนจะพูดถึง BMW i4 M50 เราขอแนะนำรถคลาสสิคคันข้าง ๆ ก่อน นี่คือ 1972 BMW 1602 Elektro by
หมดเวลาแล้วเธอคงต้องไป เรากำลังพูดถึงหัวใจใหญ่ระดับ V8 ที่เคยประจำการในห้องเครื่องของ Mercedes-AMG C63 ในวันที่โลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ Mercedes-Benz ตัดสินใจใช้ขุมพลังใหม่ที่เรียกว่า ‘E Performance’ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า plug-in hybrid system การันตีว่ามีแรงมากกว่า V8 แบบเก่า ซึ่งสเปคที่แท้จริงจะเป็นยังไง อีกไม่กี่วันได้รู้กันแน่นอน ล่าสุด Mercedes-AMG ได้แง้มภาพ teaser ของ C63 generation ใหม่ในตัวถังซีดานออกมาแล้ว ซึ่งที่จริงหลายคนอาจเคยเห็น C63 E Performance คันเต็ม ๆ มาแล้วในเทศกาล 2022 Goodwood Festival of Speed โดยสเปกตอนนั้นรายงานว่าได้เฉพาะเครื่อง 2.0 ลิตร ก็ได้แรงม้า 473 ตัว มากกว่า RS5 เครื่องยนต์
Generation ที่ 7 ของ Ford Mustang ที่หลายคนเฝ้ารอ ถูกเปิดตัวเผยโฉมหน้าออกมาแล้ววันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจหลายจุด โดยเฉพาะเส้นสายที่เพิ่มฟิลลิ่งความหรูหราและทันสมัย และยังคงมีขุมพลังที่ใหญ่แรงสะใจสไตล์ American Muscle ให้เลือกใช้เหมือนเดิม ขุมพลังของ Ford Mustang ใหม่ยังคงแบ่งเป็น 2.3-liter turbocharged EcoBoost และรุ่นใหญ่ใน Mustang GT เครื่องยนต์ NA 5.0-liter Coyote V8 generation ที่ 4 ซึ่งเป็นตัวแรงสุดของ Coyote V8 เท่าที่เคยมีมาด้วยการพัฒนาใหม่ เพิ่ม air flows เข้าไปเผาไหม้มากขึ้น พร้อมเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ “Dark Horse” ที่มากับตัวเลขแรงสะใจถึง 500 แรงม้า จับคู่เกียร์ 6-speed manual พร้อม rev-matching หรือ 10-speed automatic ที่เน้นความสะดวกสบาย
นี่คือครั้งแรกของ Ferrari 4 ประตู 4 ที่นั่ง ที่ดูคล้าย SUV มากที่สุดเท่าที่ Ferrari เคยมีมา มันใช้เครื่องยนต์ 6.5 ลิตร V12 715 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD system ที่ทำเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุดทะลุ 300 แรงม้า ชื่อ “Purosangue” เป็นภาษาอิตาลี หมายถึงสายพันธุ์ม้าแข่งที่โด่งดังซึ่งมีทั้งความเร็วและความแข็งแกร่ง ซึ่งแม้คนทั้งโลกจะเรียกมันว่ารถ SUV แต่ Ferrari ยังคงยืนยันว่า “นี่ไม่ใช่รถ SUV” เสียงแข็ง เพราะมันมีความสูงเพียง 62.6 นิ้ว เตี้ยกว่า Lamborghini Urus ถึง 2 นิ้ว มีพื้นที่ ground clearance
นาน ๆ จะเปิดตัวสักที แต่เปิดแล้วการันตีว่าไม่ธรรมดาแน่นอนสำหรับ Pagani กับการเผยโมเดลใหม่ในรหัส Utopia หลังจากซุ่มพัฒนาภายใต้ codename C10 มาพร้อมเครื่องยนต์ 6.0-liter twin-turbo V12 852 horsepower 811 lb-ft of torque จาก Mercedes-AMG ที่พัฒนาเป็นพิเศษให้ Pagani โดยเฉพาะ Pagani Utopia ใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวถังจากวัสดุ Carbotanium ซึ่งได้จากการผสมระหว่าง carbon fiber และ titanium ให้ความแข็งแกร่งสูงสุด และมีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก ซึ่งเป็นวัสดุแบบเดียวกับที่ใช้ใน Zonda และ Huayra โดย Utopia คันนี้มีน้ำหนักเพียงแค่ 1,280 กิโลกรัม ทั้ง ๆ ที่แบกน้ำหนักเครื่อง V12 852 แรงม้าอยู่ด้านหลัง จึงได้ตัวเลขอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักตัวที่ยอดเยี่ยมมาก น่าเสียดายที่ Pagani ยังไม่เปิดเผยอัตราเร่งออกมาในตอนนี้
สองปีก่อน Ducati เคยสร้างมอเตอร์ไซค์สุดพิเศษสำหรับจับคู่กับ Lamborghini Sian ออกมาในชื่อ Ducati Diavel 1260 Lamborghini และวันนี้สองแบรนด์ผู้นำสัญชาติ Italian จากสองโลกคู่ขนานก็ได้โคจรมาพบกันอีกครั้ง กับผลงานชิ้นล่าสุด Ducati Streetfighter V4 Lamborghini โดยครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก Lamborghini Huracan STO Ducati Streetfighter V4 Lamborghini โมเดลพิเศษสุดเท่าที่เคยพัฒนา สร้างขึ้นจากพื้นฐานของ Panigale V4 S sport bike 205 แรงม้า และจะผลิตออกมาทั้งหมดเพียง 630+63 คัน ซึ่งจำนวนตัวเลขเป็นการย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของ Lamborghini ในปี 1963 โดยแบ่งเป็น Ducati Streetfighter V4 Lamborghini 630 คัน และรุ่นตกแต่งเป็นพิเศษอีก 63 คัน ภายนอกของ Ducati Streetfighter
L’Epee เป็นแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Desk Clock มีชื่อเสียงด้านความคราฟต์ในการสร้างสรรค์ผลงานเรือนเวลาที่ฉีกกรอบความเชื่อมามากกว่า 180 ปีจาก Switzerland และนี่คือผลงานชิ้นใหม่ที่น่าจะถูกใจคนรัก Sports car แบบพวกเราแน่นอน L’Epee Fast Track II Desk Clock นาฬิกาตั้งโต๊ะใน Time Fast series ล่าสุด สร้างสรรค์บนแรงบันดาลใจจากดีไซน์รถแข่งจากยุค 1960s เป็น ยุคทองของรถแข่งที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และสมรรถนะ เป็น race car สองที่นั่งคาดลาย Le Mans บอดี้ของนาฬิกาผลิตจากวัสดุเดียวกับที่ใช้ผลิตรถแข่งคันจริง ตัวกลไกแยกอิสระสองเครื่อง กลไกแรกอยู่ในตำแหน่งคนขับ เป็นเครื่อง 8-day movement 2.5 Hertz ปรับเวลาทั้งชั่วโมงและนาทีที่แสดงผลในห้องเครื่อง V8 ด้วยพวงมาลัย 3 ก้านในห้องโดยสาร ส่วนอีกกลไกทำหน้าที่สร้างความเคลื่อนไหวให้ลูกสูบขยับขึ้นลงได้โดยไม่เกี่ยวกับการบอกเวลา สั่งการด้วยกุญแจรถและเกียร์ภายในห้องโดยสาร ทั้งหมดถูกวางอยู่ในโครงสร้างที่ขึ้นรูปด้วย H-chassis แบบเดียวกับที่ใช้สร้างรถแข่งในยุค 1960s ด้วย และล้อลายซี่ลวดทั้ง 4