Porsche 991 เจเนอเรชัน 992 และ Carrera ที่มาในโมเดล สองประตู (Coupe) และ เปิดประทุน (Cabriolet) เผยโฉมและปล่อยสเปคคร่าว ๆ ออกมาให้หนุ่มทั่วโลกได้ทำความรู้จักกันแล้ว โดยเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในต้นปี 2020 พร้อมราคาที่ลดลงเล็กน้อยจากจากรุ่นก่อนหน้า หลังจากทิ้งช่วงจากการเปิดตัว Carrera S ไปเกือบ 8 เดือน ในที่สุดค่ายรถยนต์จากเมืองสตุ๊ตการ์ตอย่าง Porsche ก็ตัดสินใจเผยโฉมรถรุ่นมาตรฐานของเจ้าชาย เจเนอเรชันล่าสุด (992) กับ Porsche 911 Carrera ในสองโมเดลที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีอย่าง Coupe และ Cabriolet ที่มีราคาถูกกว่า Carrera S รุ่นก่อนหน้า ถึงจะเว้นช่วงไปนาน แต่ความแตกต่างด้านดีไซน์ทั้งภายในและภายในของ Carrera และ Carrera S แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ยกเว้นท่อไอเสียที่ Carrera เปลี่ยนมาใช้ดีไซน์ท่อแบบเดี่ยว และขนาดของยางที่ด้านหน้าใช้ขนาด 19 นิ้วและยางหลังขนาด 20 นิ้ว
กลายเป็นธรรมเนียมที่ทำกันต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีกับการจัดประกวดงานถ่ายภาพที่มีชื่อว่า iPhone Photography Awards ซึ่งปีนี้ก้าวเข้าสู่ครั้งที่ 12 แล้ว ที่ Apple เปิดรับภาพถ่ายจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อแสดงให้เห็นว่าภาพถ่ายที่สร้างสรรค์เกิดจากฝีมือของคนเบื้องหลังเลนส์ UNLOCKMEN จะพาไปดูกันว่ารูปภาพที่คว้ารางวัลกลับบ้านไปมีอะไรบ้าง เพื่อเป็นไอเดียต่อยอดสำหรับหนุ่ม ๆ ผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพ รวมถึงล้างความคิดเดิมที่กล่าวกันว่าต้องใช้กล้องโปรแพง ๆ เท่านั้นถึงจะถ่ายรูปสวย ประเภทของรางวัลการแข่งขันแบ่งออกตามหมวดหมู่ เช่น ภาพทิวทัศน์ บุคคล สัตว์ สถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์ ต้นไม้ ธรรมชาติ โดยมีรางวัลใหญ่อย่าง Grand Prize Winner และ Photographer of the Year Award ภาพที่หลายคนกำลังตั้งตารออยู่จะเป็นภาพไหน อยู่ในสาขาใดบ้าง และสวยน่าสนใจสมราคาหรือไม่ ลองไปดูพร้อมกัน เงื่อนไขการเข้าร่วมประกวดงานนี้มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น ภาพถ่ายที่ส่งเข้ามาจะต้องเป็นภาพที่ถ่ายจากกล้องของ iPhone หรือ iPad ความละเอียด 1,000 Pixel ขึ้นไปและยังไม่ผ่านการตีพิมพ์หรือลงในโซเชียลมีเดีย ตอนนี้ทาง iPhone Photography
แม้จะทราบดีว่าพระอาทิตย์เป็นต้นตอของการเกิดแสง และ ‘แสงแดด’ นั้นจำเป็นไม่น้อยต่อมวลมนุษย์ แต่บ่อยครั้งก็อดโกรธเคืองพระอาทิตย์ไม่ได้ เพราะพี่แกเล่นสาดแสงแรงจ้าพุ่งทะยานมายังพื้นโลกแบบไม่เกรงใจใคร แล้วเมื่อใดที่ความร้อนดุจนรกที่ว่าส่องมากลางกระบาลผู้ชาย บวกกับอัตราการเผาผลาญที่ล้ำนำผู้หญิง พานเอาเรารุ่มร้อนตั้งแต่กายไปยันหัว และรู้สึกหงุดหงิดโคตร ๆ กับสภาพอากาศที่ไม่เคยปรานีมนุษย์ตาดำ ๆ อย่างเราเลย แม้กระนั้นก็ยังต้องหอบสังขารไปทำงานและเบียดเสียดกับผู้คนบนรถไฟฟ้าท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ทุกวัน เมื่อดูท่าว่าโลกจะไม่หยุดร้อนลงง่าย ๆ SONY จึงเปิดตัว ‘REON POCKET’ นวัตกรรมเครื่องปรับอากาศแบบพกพาที่ช่วยทุเลาความร้อนและทำให้หนุ่ม ๆ รู้สึกเย็นสบายขึ้นมาทันควัน ตัวเครื่องค่อนข้างกะทัดรัดและมีรูปลักษณ์คล้าย ๆ กับ apple mouse แต่มีน้ำหนักเพียง 3 ออนซ์ หรือ 85 กรัมเท่านั้น อุปกรณ์ปรับอากาศ REON POCKET มาพร้อมเสื้อกล้ามแบบพิเศษที่คัตติ้งช่องเล็ก ๆ บริเวณฐานคอเสื้อ เพื่อให้ผู้ใช้ใส่เครื่องปรับอากาศจิ๋วลงในนั้น เครื่องจะเปิดระบบระบายความร้อนด้วยเทอร์โมอิเล็กทริกและ Peltier Effect สร้างความแตกต่างทางอุณหภูมิโดยการถ่ายโอนความร้อนของวัตถุสองชนิดด้วยกระแสไฟฟ้า ซึ่งกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ภายในจะดูดซับหรือปล่อยความร้อนออกมา ไม่เพียงแต่ลดอุณหภูมิด้านในของเสื้อ หากยังกลายเป็นฮีตเตอร์ที่เพิ่มความอบอุ่นได้อีกด้วย REON POCKET จะทำให้อุณหภูมิร่างกายของผู้ใช้เย็นลงได้มากถึง 13 องศาเซลเซียส หรือประมาณ
เราเคยขอบคุณที่โลกให้กำเนิด Air Pod ขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าตอนม้วนเก็บสายหูฟังแล้วพันกัน หรือตอนใช้งานแล้วลุกไปไหนโดยไม่ได้หยิบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้นทางไปด้วย สายที่เกี่ยวดึงเราไว้ มันน่าหงุดหงิดขนาดไหน ทว่าเอาเข้าจริงพอมาใช้งาน Air Pod ก็ดันมาเจอปัญหาอีกอย่างคือเรื่องแพ็กเกจที่หน้าตาเหมือนที่เก็บไหมขัดฟัน เพราะนอกจากมันจะไม่เท่แล้ว ยังเทอะทะเวลาหยิบเข้า-ออก แต่จะไม่ใช้ก็ไม่ได้เพราะมันเป็นทั้งที่ชาร์จและที่เก็บเพื่อกัน Air Pod ข้างใดข้างหนึ่งหล่นหาย ปัญหานี้ Apple ไม่ได้แก้! แต่มี AXS บริษัทเทคโนโลยีจากบรุกลินลุกมาพัฒนา “Power1” เคสแบตเตอรี่อัจฉริยะดีไซน์สวยงามที่เก็บ Air Pod ได้อย่างประหยัดพื้นที่ น่าใช้ และที่สำคัญฟังก์ชันการชาร์จก็ยังอยู่ครบครัน เลือกชาร์จได้ระหว่างหูฟังกับสมาร์ทโฟน หรือชาร์จพร้อมกันก็ได้! ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ไก่กาเลยจริง ๆ ดังต่อไปนี้ ดีไซน์ ที่เก็บ Air pod ตามปกติจะแยกชิ้นกับมือถือชัดเจน โอกาสที่จะทำหายจึงสูง แถมค่อนข้างเกะกะ ใช้งานจริงไม่สะดวก แต่เคสชิ้นนี้สร้างที่เก็บสำหรับเสียบไว้ที่มุมเคสทำให้ไม่สะดุดเวลาหยิบใช้งาน ที่สำคัญยังมีระบบแม่เหล็กและที่ปิดล็อกใส จึงมองเห็นได้ทันทีจากด้านนอก ไม่มีลืม ไม่มีหล่น ซึ่งช่องที่เราใช้เก็บ Air Pod นี้ยังทำหน้าที่แท่นชาร์จหูฟังให้เราได้อีกด้วย แบตเตอรี่
กีฬาทางอากาศที่น่าตื่นเต้นที่สุดอย่าง Red Bull Air Race จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2003 โดยมี Hamilton ทำหน้าที่เป็นผู้จับเวลาในการแข่งขันอย่างเป็นทางการตั้งแต่ครั้งแรกเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของ Hamilton ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันที่มอบความสนุกและความตื่นเต้นให้กับเหล่าบรรดาแฟนๆ ทั่วโลก ซึ่งในปีนี้พิเศษยิ่งกว่าเคย เนื่องจากได้นาฬิการุ่นล่าสุดอย่าง Khaki X-Wind Day Date มาทำหน้าที่จับเวลาในการแข่งขันทางอากาศสุดระทึกนี้ Khaki X-Wind Day Date มาพร้อมกับตัวเรือนขนาด 45 มิลลิเมตร หน้าปัดสีน้ำเงินที่ทำให้นาฬิกาเรือนนี้เป็นที่น่าจับตามองมากยิ่งขึ้นและยังช่วยให้ผู้สวมใส่ดูเวลาได้สะดวกเพียงพริบตาเดียว ทั้งยังทำให้เข็มนาฬิกาเคลือบสารเรืองแสงด้วย Super-LumiNova® เพิ่มความโดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้นอีกสำหรับหน้าต่างแสดงวันและวันที่อยู่ที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกาและเม็ดมะยมหลักจะอยู่ทางด้านซ้ายของนาฬิกา ส่วนเม็ดมะยมทางขวามือเป็นฟังก์ชันการคำนวณทิศทางลมขวาง (Crosswinds) จากรุ่นดั้งเดิมตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งเป็นนาฬิกาอนาล็อกเรือนแรกที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นนี้และด้วยกลไกอัตโนมัติรหัส H-30 พร้อมกำลังลานสำรองสูงสุด 80 ถึงชั่วโมง ทำให้นาฬิการุ่นนี้จึงพร้อมรับเที่ยวบินตรงทุกเส้นทาง สำหรับการแข่งขัน เรด บูล แอร์ เรซ (Red Bull Air Race) นับเป็นสุดยอดกีฬาทางอากาศที่น่าตื่นเต้นที่สุดโดยมีแฮมิลตันเป็นผผู้ควบคุมเวลาเหนือน่านฟ้าของการแข่งขันนี้มาตั้งแต่การครั้งครั้งแรกในปี 2003
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมาถือเป็นอีกวันสำคัญของมนุษยชาติ เพราะมันคือวันครบรอบ 50 ปีที่ยานอวกาศ Apollo 11 ขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ และเป็นวันที่มนุษย์ได้ประทับรอยเท้าบนดาวเคราะห์ขรุขระดวงนี้เป็นครั้งแรก นอกจาก Neil Armstrong, Michael Collins, Buzz Aldrin และทีมนักอวกาศที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับโลก หนุ่ม ๆ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าแบรนด์กล้องสุดหรูสัญชาติสวีเดนอย่าง HASSELBLAD ก็มีบทบาทไม่น้อยในภารกิจอันใหญ่หลวงนี้ กล้องที่เคยบันทึกภาพประวัติศาสตร์เมื่อ 50 ปีที่แล้ว หากเปิดบันทึกประวัติศาสตร์ย้อนไปเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน จะรู้ว่า HASSELBLAD ได้รับคัดเลือกจาก NASA ให้ผลิตและจัดหากล้องที่จะไปสำรวจดวงจันทร์พร้อมกับยาน Apollo 11 โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นกล้องที่แข็งแรงทนทาน สามารถยืนหยัดต่อสู้กับอุณหภูมิ -270 องศาเซลเซียสและภาวะขาดแรงโน้มถ่วงของอวกาศได้เป็นอย่างดี แบรนด์กล้องสวีเดนเจ้านี้จึงส่ง HASSELBLAD DATA CAMERA (HDC) สีเงิน พร้อมเลนส์ Zeiss Biogon 60 มม. ƒ/5.6 ให้ Neil Armstrong
ดูเหมือนว่าค่ายผลิตมอเตอร์ไซค์สุดเก๋าอย่าง Curtiss Motocycles จะกำลังให้ความสำคัญกับรูปแบบรถพลังงานไฟฟ้าของตัวเองอยากต่อเนื่อง ล่าสุดปล่อยคอนเซ็ปต์รถมอเตอร์ไซค์แห่งอนาคตกับ Curtiss ‘Hades ที่มาในดีไซน์มินิมัล แต่ด้านสมรรถนะถือว่าโหดไม่แพ้มอเตอร์ไซค์คันไหนในโลกแน่นอน ก่อนหน้านี้ไม่นาน Curtiss Motocycles เปิดตัวมอเตอร์ไซค์สายพันธุ์ EV ออกมาในชื่อ Zeus ซึ่งนอกจากจะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 140 KW (190 แรงม้า) ที่ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาต่ำกว่า 3 วินาทีแล้ว ยังเลือกใช้โครงสร้างจากคาร์บอนไฟเบอร์และ Aluminum 6061-T6 เพื่อความเบาและแข็งแรงของตัวรถ ขณะเดียวรถคอนเซ็ปต์คันล่าสุดอย่างรุ่น Hades ก็ไม่น้อยหน้า เพราะมากับโครงสร้างตัวรถที่ใช้เป็น Titanium ขนาด 1.75 นิ้วและวัสดุอย่างเหล็กผสม Chromoly Tubular รวมถึง Aluminum 6061 ที่สร้างออกมาในรูปทรงครุยเซอร์สไตล์คลาสสิกที่มาในโทนสีดำตัดขาว และสีน้ำตาลที่เข้ากับเบาะหนังดีไซน์เฉียบ พร้อมล้อหน้าขนาด 110/80 mm ล้อหลังขนาด 160/60 mm ที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งสองเส้น แม้ดีไซน์จะเรียบง่ายแต่ Hades ก็มีระบบป้องกันการสั่นสะเทือนแบบจัดเต็ม
NASA องค์การอวกาศของสหรัฐ ที่เป็นเจ้าของโครงการ Apollo ซึ่งพามนุษย์ไปลงจอดและเดินบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว และหลังจากภารกิจล่าสุดผ่านไป 47 ปีที่ไม่มีมนุษย์คนไหนได้เดินทางกลับไปเลย ในที่สุดรัฐบาลสหรัฐก็มีแผนที่จะส่งมนุษย์ออกเดินทางกลับไปอีกครั้งให้ได้ โดยครั้งนี้พวกเขามาในชื่อโครงการว่า Project Artemis ที่ตั้งตามชื่อเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ การออกล่า ป่า และเนินเขา ในเทพนิยายกรีกโบราณ ซึ่งเป็นธิดาของเทพ Zeus กับ Leto และเป็นพี่น้องกับเทพ Apollo ชื่อของโครงการแรกที่พามนุษย์ไปลงเดินบนดวงจันทร์ รัฐบาลของประธานาธิบดี Donald Trump ต้องการจะส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์อีกครั้งอย่างเร็วที่สุด และในเดือนเมษายน ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา Mike Pence รองประธานาธิบดีของสหรัฐเองก็ได้ตั้งเป้าหมาย ให้ NASA พามนุษย์กลับไปลงเดินบนนั้นให้ได้ภายในปีค.ศ. 2024 หรือครบรอบ 55 ปีการลงดวงจันทร์ครั้งแรกนั่นเอง ซึ่งคล้ายคลึงกับตอนที่ John F. Kennedy อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศท้าทายและตั้งเป้าหมายการลงดวงจันทร์เอาไว้ในปีค.ศ. 1961 การกลับไปลงเดินบนดวงจันทร์ในรอบนี้นั้นแตกต่างไปจากเมื่อ 50 ปีที่แล้ว นั่นก็เพราะ เป้าหมายของโครงการ
นอกจากปริมาณคาเฟอีนของกาแฟแก้วอุ่นที่ผู้ชายเราโหยหามันทุกเช้า ก็มีเบียร์นี่ละที่อยู่ในความปรารถนาและอยากจะยกมันซดแทบทุกคืน แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะหอบร่างกายกำยำไปยังร้านนั่งชิลเพื่อลิ้มรสเบียร์แก้วโปรดได้ดั่งใจ กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ กว่าจะฝ่าสมรภูมิรถติดจนถึงบ้าน ก็ทำเอาหอบเหี่ยวหมดแรงและไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะส่งกายหยาบลงไปซื้อเบียร์เย็น ๆ มากินสักขวด แล้วถ้ามีนวัตกรรมที่ช่วยให้เราทำเบียร์ดื่มเองได้ที่บ้าน พวกคุณว่ามันจะเจ๋งขนาดไหนกัน? ต้องบอกว่าในยุคนี้ทิศทางของอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์ก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงให้เห็น เบียร์คราฟต์และเบียร์ 0% แอลกอฮอล์ที่เป็นทางเลือกใหม่ของหนุ่มนักดื่มทวีความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับรสชาติและส่วนผสมของเบียร์ ไม่แพ้ความเมามายและอาการขาดสติสัมปชัญญะที่เป็นจุดขายของน้ำเมาชนิดนี้ แม้ความคิดที่จะสร้างเครื่องผลิตเบียร์จะไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ LG ถือเป็นเจ้าแรกของโลกที่นำนวัตกรรมการผลิตเบียร์แบบแคปซูลมาใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจเบียร์คราฟต์ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ LG HOMEBREW นวัตกรรมเครื่องผลิตเบียร์แบบแคปซูล LG บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลี และ MUNTON บริษัทมอลต์ชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ ร่วมกันพัฒนา LG HOMEBREW เครื่องทำเบียร์แบบแคปซูลเครื่องแรกของโลกที่ดีไซน์ออกมาคล้าย ๆ กับเครื่อง Nespresso แต่มาพร้อมแคปซูลเบียร์ที่นำมอลต์, ยีสต์, น้ำมันฮอปส์ และรสชาติมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นแคปซูล 5 รส ประกอบด้วย American IPA, American Pale Ale, English Stout, Belgian-style Witbier และ Czech
ถือเป็นข่าวดีโดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของรถยนต์สายพันธุ์อเมริกันมัสเซิลอย่าง Chevrolet Corvette เมื่อทางค่ายประกาศเปิดตัวการผลิต Chevrolet Corvette ปี 2020 เจเนอเรชันใหม่ รหัสเครื่อง C8 ที่ถึงแม้จะเปิดเผยรายละเอียดออกมาเพียงบางส่วน แต่มันก็ทำให้เราเฝ้ารอดูสเปคเต็มอย่างใจจดใจจ่อกันแน่นอน หลังจาก Corvette รหัสเครื่อง C7 ที่ผลิตขึ้นระหว่างปี 2014-2019 ใช้แพลตฟอร์มเป็นเครื่องยนต์วางหน้าที่ส่งกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อหลัง มาในรหัสเครื่อง C9 ก็มีการเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มแบบ Mid-Engine แต่ยังคงการขับเคลื่อน แบบ RWD เช่นเคย ดีไซน์ภายนอกเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร งานออกแบบเฉียบคมมากขึ้นโดยเฉพาะฝากระโปรงที่นำเอาช่องอากาศขนาดใหญ่ออกไปแทนที่ด้วยเส้นสายที่ตัดกลางตัวรถลงมาบรรจบกันด้านหน้า แต่มีการเพิ่มช่องลมไว้ด้านล่างของไฟหน้ารถของตัวรถเป็นการทดแทน รวมถึงช่องอากาศด้านข้างตัวรถที่ย้ายจากด้านหลังล้อหน้าเพื่อลดอุณหภูมิเครื่องยนต์ที่ถูกเปลี่ยนตำแหน่งการวางไป ดีไซน์ของไฟท้ายยังมีลักษณะคล้ายเดิม แต่เปลี่ยนจุดวางท่อไอเสียให้ออกมาอยู่ด้านข้าง ด้านดีไซน์ภายในคาดว่าห้องโดยสารจะใช้สีดำตัดด้วยเส้นสายสีแดง โดดเด่นด้วยคอนโซลกลางขนาดใหญ่และแผงควบคุมที่วางพาดยาวขนานลงมา แน่นอนว่าจอแสดงผลทั้งตำแหน่งคนขับและตรงส่วนของคอนโซลมาในแบบดิจิทัลที่สามารถปรับระดับได้ พลิกโฉมดีไซน์ไปแล้ว ด้านขุมกำลังก็ต้องพัฒนาไปอีกขั้นกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.2 ลิตรตัวใหม่ที่ให้พลัง 490 แรงม้าและแรงบิดที่ 630 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับชุดเกียร์ Dual-Clutch 8-Speed ที่ทาง Chevrolet เคลมว่าให้อัตราเร่ง