ถ้าพูดถึงนักสนุกเกอร์ชื่อก้องโลก ชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของผู้ชายอย่างเราคงหนีไม่พ้น รอนนี่ โอ’ซุลลิแวน (Ronald Antonio O’Sullivan) ที่ติดทำเนียบผู้คว้าแชมป์โลกได้มากที่สุดลำดับ 3 ของโลกด้วยจำนวนแชมป์ 5 สมัย (เป็นรองแค่สตีเฟ่น เฮนดรี้ 7 สมัย, เรียร์ดอน และสตีฟ เดวิส 6 สมัย) แม้หลาย ๆ คนจะรู้จักชื่อและความเก่งกาจของเขา แต่ใครจะรู้ว่าจุดเริ่มต้นของฝีมือฉกาจฉกรรจ์จะเริ่มต้นที่โรงเก็บของชั้นล่างของบ้านและเขาเติบโตขึ้นมาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจเซ็กซ์ช็อปซึ่งดูจะอยู่คนละขั้วกับสิ่งที่เขาทำ นักสนุกเกอร์วัย 43 ปีชาวอังกฤษ เติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเซ็กซ์ช็อปเล็ก ๆ อย่างไรก็ตาม จอห์น โอ’ซุลลิแวนพ่อของรอนนี่ตั้งใจให้ลูกชายเป็นนักสอยคิวตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก โดยสร้างห้องฝึกสนุกเกอร์ไว้ที่โรงเก็บของชั้นล่างของบ้านและสนับสนุนให้รอนนี่ฝึกปรือฝีมือได้อย่างเต็มที่ จนกลายมาเป็นรอนนี่ที่หลายคนรู้จักอย่างทุกวันนี้ ย้อนไปเมื่อรอนนี่อายุ 10 ขวบยอดนักสอยคิวอัจฉริยะ สามารถทำเซ็นจูรี่เบรก (การทำ 100 แต้มได้ในไม้เดียว) และที่จัดจ้านไปกว่านั้นคือตอนที่รอนนี่อายุเพียง 15 ปีเขากลับกวาดแดงดำ 15 ชุด พร้อมตบลูกสีครบทุกเม็ดหรือที่ชาวสนุกเกอร์เรียกกันว่า “แม็กซิมัมเบรก” (ได้ 147 แต้ม) ไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้ในสายตาเราฝีมือเขาจะเข้าขั้นเทพ แต่ก็ใช่ว่าชีวิตเขาจะราบรื่น เพราะขณะที่เขากำลังเติบโตขึ้นในวงการนักสอยคิวมืออาชีพ
“ทัศนคติคือสิ่งเล็ก ๆ ที่สามารถสร้างความแตกต่างอันยิ่งใหญ่” ข้อความนี้คือคำพูดของ วินสตัน เชอร์ชิล (Winston Leonard Spencer Churchill) รัฐบุรุษชาวอังกฤษและอดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรสองสมัย นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้ชายที่มากด้วยความสามารถ เพราะเขาเคยเป็นทั้งทหารในกองทัพอังกฤษ นักประวัติศาสตร์ นักเขียน และศิลปินรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปเจาะลึกความเป็นวินสตัน เชอร์ชิล อะไรที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ถูกจากรึกไว้ในประวัติศาสตร์จนถูกกล่าวขานมาถึงทุกวันนี้ ? เด็กชายผู้บอกพร่องสู่การเป็นนักสู้ผู้ไม่ยอมใคร วินสตันเกิดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 1874 เขาเกิดมาในตระกูลขุนนางเก่าแก่มีต้นตระกูลเป็นนักรบ ในวัยเด็กวินสตันเป็นเด็กผู้ชายที่มีนิสัยและพฤติกรรมที่ต่างจากเด็กทั่วไป จากบันทึกที่ส่งไปยังแม่ของเขาระบุว่าเขาบกพร่องทางการพูด มีอาการพูดติดอ่างและทำคะแนนแย่แทบทุกวิชา รวมถึงมีปัญหาดด้านการเข้าสังคม เช่น เรื่องเวลาและอาการหลง ๆ ลืม ๆ เมื่อเขาถูกส่งให้สอบเข้าสถาบันการศึกษาวิชาทหารก็สอบตกถึง 2 ครั้ง ทำให้เขาต้องกลับมาติวเข้มกับครูทหารจนสอบเข้าได้ในที่สุด แต่วินสตันก็สอบเข้าไปได้แค่ในระดับทหารม้าเท่านั้นซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าทหารราบ ด้วยพฤติกรรมที่มีความบกพร่องและเข้าสังคมได้ไม่ราบรื่นเหมือนคนอื่นทำให้เขาตกเป็นเป้าถูกเพื่อนรังแกอยู่เป็นประจำ และนั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่เขาเติบโตมาและเลือกที่จะยืนหยัดต่อสู้มาตลอด วาทะเลื่องชื่อ วินสตัน เชอร์ชิล ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีของอังกฤษในปี 1940 ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังปะทุ ทำให้วินสตันต้องขับเคลื่อนอังกฤษในภาวะที่สงครามรออยู่ตรงหน้า วินสตันได้กล่าววาทะในรัฐสภาครั้งแรกว่า “ผมไม่มีอะไรจะมอบให้ นอกเสียจากเลือด การทำงานหนัก
ในโลกมีผู้กำกับไม่กี่คนที่เราดูหนังเขาเพียงไม่กี่นาทีก็รู้ทันทีว่านี่คือฝีมือการกำกับของใคร เนื่องจากลายเซ็นและเอกลักษณ์อันชัดเจนที่แทรกอยู่ในทุกไดอะล็อก ทุกซีน หนึ่งในผู้กำกับตามนิยามที่ว่านั้นต้องมีชื่อของ Quentin Tarantino ผู้กำกับหนุ่มใหญ่วัย 56 จาก เทนเนสซี สหรัฐอเมริการวมอยู่ด้วยแน่นอน หนังบ้าอะไรวะเนี่ย แม่งพูดกันทั้งเรื่อง! ลายเซ็นที่ชัดเจนของหนัง Quentin คือการดำเนินเรื่องที่ฉับไว และบทสนทนาน้ำไหลไฟดับที่บางครั้งก็เลยเถิดไปไกลจนไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง สำหรับบางคนมันคือเสน่ห์ แต่อีกหลายคนก็รู้สึกรำคาญ ดังนั้นความเห็นต่อหนังของ Quentin เสียงจึงแตกเป็น 2 ฝ่าย ไม่รักหัวปักหัวปำ ก็เกลียดไปเลย Esquire ความรักที่แฟนหนังมีต่อ Quentin เห็นได้ชัดจาก Once Upon a Time in Hollywood ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา หลังจากปล่อยภาพโปสเตอร์ รายชื่อนักแสดง เรื่องย่อ และ Trailer ออกมา ทั่วโลกก็ตกอยู่ในภาวะ Hype เกิดเป็นกระแสวงกว้างในโลกออนไลน์ ก็แน่ล่ะ Leonardo DiCaprio ประชันบทบาทกับ Brad Pitt เพิ่มความสดใสด้วย Margot Robbie กำกับโดย Quentin Tarantino มาในพล็อตจิกกัดวงการฮอลลีวูดยุค 60 ใครบ้างจะไม่อยากดู ปรากฏการณ์นี้เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่าชื่อของ Quentin Tarantino ได้ก้าวสู่ทำเนียบผู้กำกับชั้นนำระดับโลกอย่างเต็มตัวแล้ว
โรงแรม Muji อาจไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้ชื่นชอบสไตล์มินิมัล เพราะ Muji สร้าง Muji Shenzhen Hotel สาขาแรกของโลกที่ประเทศจีนไว้แล้ว แต่เมื่อ Muji เปิดตัวโรงแรมแห่งที่สามในญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดแบรนด์ก็ทำให้ผู้คนกลับมาสนใจโรงแรมของแบรนด์ผลิตภัณฑ์สุดมินิมัลอีกครั้ง UNLOCKMEN จะพาไปดูการตกแต่งห้องแต่ละแบบของโรงแรม Muji ใจกลางกรุงโตเกียว ว่าจะสร้างสรรค์สไตล์มินิมัลในพื้นที่จำกัดออกมาเป็นอย่างไร เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่หลงใหลการแต่งห้องแบบเรียบง่ายแต่มีระดับ โรงแรม Muji แห่งแรกของญี่ปุ่นตั้งอยู่ในย่านกินซ่าที่พลุกพล่าน บนตึก Marronnnier Gate Ginza Complex มีห้องพักทั้งหมด 79 ห้อง ตั้งแต่ชั้น 7 ไปจนถึงชั้น 10 ส่วนเคาท์เตอร์ของโรงแรมจะอยู่ที่ชั้น 6 หมดกังวลเรื่องความไม่เป็นส่วนตัวแม้จะอยู่ตรงย่านใจกลางเมือง Muji กล่าวถึงคอนเซปต์ของโรงแรมที่กำลังจะเปิดตัวช่วงเดือนหน้าได้เป็นประโยคสั้น ๆ ว่า “anti-gorgeous, anti-cheap” ไม่หรูหราเกินไปแต่ก็ไม่โลว์คลาส ตอบสนองความพึงพอใจและพื้นที่ใช้สอยได้อย่างครบถ้วน พร้อมเอกลักษณ์ที่เด่นชัดเมื่อเห็นก็จะรู้เลยว่านี้คือสไตล์ของ Muji เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นภายในโรงแรมล้วนเป็นของที่ผลิตโดย Muji ทั้งเฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อิน เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ทำให้ห้องพักเต็มไปด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติมากมายทั้งไม้ หิน เสื่อทาทามิอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้
เป็นข่าวใหญ่สะท้านวงการ MMA ทันที เมื่อนักสู้ที่มีสีสันที่สุดในวงการอย่าง Conor McGregor ได้ประกาศวางมือถอนตัวจากการต่อสู้ Mixed Martial Art ผ่าน twitter ของเค้า ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจใครหลายคน ทั้งเส้นทางอาชีพที่กำลังอยู่ในจุดสูงสุด ชกแต่ละครั้งสามารถหาเงินค่าตัวได้อย่างมหาศาล แต่ดูเหมือนว่า McGregor จะหันไปลุยธุรกิจ whiskey ยี่ห้อ “Proper No. Twelve” ใหม่ที่เค้าทำอย่างเต็มตัวมากขึ้น Conor McGregor ประกาศแขวนหมัดหลังออกรายการ The Tonight Show Starring Jimmy Fallon ซึ่งตัวเค้าให้สัมภาษณ์ไว้ส่วนนึงว่า “ชีวิตตอนนี้ถือว่าสบายแล้ว ครอบครัวก็สบายแล้ว” ซึ่งดูจากค่าตัวขึ้นชกแต่ละนัดก็ถือว่าไม่ได้พูดเกินจริงแน่นอน เอาเฉพาะที่ได้จากการลงแข่งในศึก UFC ก็รับไปรวม ๆ มากกว่า $115 ล้านเหรียญ และศึกเขย่าโลกที่ข้ามเวทีไปชกกับ Floyd Mayweather ในปี 2017 ก็รับไปเหนาะ ๆ อีก $100 ล้านเหรียญ
นอกเหนือจากการฟาดฟันพละกำลัง ประชันความเร็ว รวมถึงการประลองชั้นเชิงชิงไหวชิงพริบในสนาม อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกมกีฬานั้นมีความเร้าใจจนสะกดสายตาผู้ชมได้นับล้านทั่วโลก คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากช่วงเวลาบีบหัวใจก่อนจบการแข่งขัน ที่เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็สามารถชี้เป็นชี้ตายว่าใครคือผู้ชนะ หรือแม้กระทั่งใครคือผู้ที่ได้ตำแหน่งเจ้าของสถิติโลกหน้าใหม่ไปครอง จากความสำคัญของเวลาที่สามารถชี้ชะตาแชมป์ได้เพียงแค่ส่วนต่างเสี้ยววินาที ทำให้การแข่งขันกีฬาระดับโลกทั้งหลายจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีการจับเวลาและการให้คะแนนที่แม่นยำ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเลขของเวลาที่กำลังนับถอยหลังสู่จุดไคลแม็กซ์ และ ผลคะแนนบนสกอร์บอร์ด ที่ถูกถ่ายทอดไปทั่วโลก คือสิ่งกระตุ้นความรู้สึก เค้นอารมณ์ร่วมของคนดู ซึ่งสร้างความเข้มข้นให้กับการแข่งขันได้ดีไม่แพ้การขับเคี่ยวที่ดุเดือดในสนาม และหากมองในแง่ของผู้แข่งขัน คงไม่มีนักกีฬาคนไหนอยากถูกปล้นชัยชนะ พลาดการสร้างสถิติในช่วงเวลาประวัติศาสตร์เพียงเพราะความผิดพลาดของระบบจับเวลา ด้วยเหตุนี้ทุกทัวร์นาเม้นต์ ทุกการแข่งขัน จึงแทบไม่เหลือพื้นที่ให้กับความผิดพลาด หน้าที่ในการเป็น Official Timekeeper หรือผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขันกีฬาระดับโลก จึงเปรียบเสมือนภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่น่าภาคภูมิใจ และสามารถการันตีความเที่ยงตรงแม่นยำของนวัตกรรมแห่งเวลาให้กับผู้รับหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่ง TISSOT คือแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ Official Timekeeper ในการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ระดับโลกหลายรายการมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1938 จากจุดเริ่มต้นของเรือนเวลาคุณภาพสูงมาตรฐาน Swiss Made อย่าง TISSOT ที่มีความมุ่งมั่นและความหลงใหลในการพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับวิวัฒนาการของกีฬาประเภทต่าง ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความซับซ้อน หลากหลายของข้อมูล และ กติกา เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดของเทคโลยีการจับเวลา ทั้งทางด้านอุปกรณ์จับเวลา และทีมงานมืออาชีพหลายร้อยชีวิต ที่พร้อมประการอยู่ในทุกทัวร์นาเม้นต์สำคัญ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ของสถิติ คะแนน และเวลาที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเราจะได้เห็นชื่อของ TISSOT
หนึ่งในรูปแบบการทำนายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกคือการทำนายตามลัคนาราศีเกิดโดยแบ่งออกเป็น 12 ลัคนาราศี โดยเรื่องราวการทำนายส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเรื่องงาน, เงิน, ความรัก, ครอบครัว และสุขภาพ จะดีหรือร้ายก็ว่ากันไปตามแต่ละราศี แต่ในวันนี้การทำนายลักษณะนิสัยตามชะตาราศีจะ UNLOCK ไปอีกขั้น เมื่อ Annabel Gat, Lisa Stardust, Caitlin McGarry, และ Randon Rosenbohm นักโหราศาสตร์จาก Broadly Vice จะนำดวงชะตาของแต่ละราศีมาผูกติดกับกัญชา แล้วสับแหลกออกมาโดยละเอียดว่าแต่ละราศี High แบบไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด เป็นมิติใหม่แห่งการทำนายทายทักที่ดูน่าสนใจ เพลิดเพลินและน่าจะถูกใจหนุ่ม ๆ สายเขียวแน่นอน Aries ราศีเมษ ราศีเมษเป็นประเภทมีพลังและความมั่นใจในตัวเองสูง พวกเขาชื่นชอบกัญชาคุณภาพดีเพราะนั่นคือสิ่งที่คิดว่าตัวเองสมควรจะได้รับ “ราศีเมษต้องการสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ” Lisa Stardust กล่าว พวกเขาไม่สนใจว่ากัญชาคุณภาพดีจะมีราคาแพงแค่ไหน พวกเขาพร้อมจ่ายเสมอ ถึงแม้จะถังแตกอยู่ พวกเขาก็ไม่ง้อกัญชาห่วย ๆ อยู่ดี สิ่งที่พวกเขาทำคือการปลูกกัญชาคุณภาพดีไว้สูบเองเสียเลย ถึงจะดูเจ้าระเบียบในการเลือกสายพันธุ์กัญชา แต่แท้จริงแล้วชาวราศีเมษเป็นคนสนุกสนาน พวกเขาจะชวนคุยหรือเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้ทุกคนหัวเราะอยู่เสมอ เป็นคนที่วงกัญชาจะขาดไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามในทางตรงข้าม Stoner ราศีเมษบางคนเมื่อ High ก็อาจจะจมดิ่งสู่ห้วงความเศร้าได้ ทางเลือกคืออาจจะต้องเปลี่ยนจากใช้กัญชาปกติไปใช้ประเภท
สำหรับคอหนังหรือซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนจะต้องเคยได้ยินชื่อ FBI แน่นอน เพราะในภาพยนตร์ FBI คือหน่วยงานที่คอยปราบปรามผู้ก่อการร้าย เป็นต้นแบบคาแรคเตอร์ให้กับตัวเอกของหนังแอคชันอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามโลกแห่งความเป็นจริงอาจไม่เท่แบบในหนังเสมอไป UNLOCKMEN จะพาไปดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ FBI เคยทำพลาดกันบ้าง ทั้งเรื่องเล็ก ๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่โตที่สร้างชื่อเสียให้กับองค์กร Federal Bureau of In vestigation (FBI) หรือสำนักงานสอบสวนกลางเป็นหน่วยข่าวกรองความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา มีหน้าที่หลักคือสืบสวนคดีอาชญากรรมร้ายแรงและต่อต้านการก่อการร้ายโดย FBI จะปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงยุติธรรม คล้ายกับหน่วย MI5 ของประเทศอังกฤษ เจ้าหน้าที่ FBI คือบุคคลที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ผ่านการคัดเลือกหลายขั้นตอน ทั้งการตรวจสอบประวัติ ทดสอบความรู้ความสามารถ ไหวพริบ และสมรรถภาพของร่างกายที่จะต้องตื่นตัวอยู่เสมอ แต่ไม่ว่าเชี่ยวชาญแค่ไหนก็ใช่ว่าทุกภารกิจจะประสบความสำเร็จทุกครั้ง เห็นได้จากเหตุการณ์สุดเฟลของหน่วย FBI ที่ทำให้เรารู้ว่าไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนแต่สุดท้ายคนเราก็พลาดกันได้ FBI สังหารเหยื่อลักพาตัว หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ FBI คือยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุร้ายและคอยช่วยเหลือตัวประกัน แต่บางครั้งพวกเขากลับล้มเหลวโดยเหตุการณ์น่าเศร้าเกิดขึ้นเมื่อปี 2018 ในรัฐเท็กซัส ชายฉกรรจ์พกอาวุธสองคนบุกไปบ้านของ Ulises Valladares และเรียกร้องให้เขาจ่ายเงินจำนวน 8,000
เวลาอยู่คนเดียวนาน ๆ เรามักจะทำอะไรตามใจตัวเองมากเสียจนลืมใส่ใจกับเรื่องยิบย่อยไปบ้าง ยิ่งหนุ่มโสดที่ไม่มีใครมาคอยชักชวนให้ลุกขึ้นมาทำนู่นนี่ ก็คงเคยชินกับชีวิตที่ Depend On ความพอใจของตัวเองเป็นหลัก เราไม่ได้จะมาชวนให้หาคนรู้ใจมาละลายพฤติกรรมหนุ่มโสดแต่อย่างใด แต่เรามาชวนหนุ่ม ๆ หันมาตระหนักกับกระแสที่มาแรงแซงทางโค้งในปีนี้ อย่างเรื่องปัญหาขยะพลาสติก ที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจและขับเคลื่อนแคมเปญหลายอย่างเพื่อลดจำนวนขยะพลาสติกลง ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องไกลตัว เพราะหนุ่มโสดอาจรู้สึกว่า ลำพังการใช้ชีวิตของตัวเองคนเดียวคงไม่ได้เพิ่มขยะพลาสติกอะไรนักหนา แต่อย่าลืมว่าคนละนิดคนละหน่อยสะสมมาก ๆ เข้า มันก็แทบจะหาที่ระบายไม่ทันอยู่แล้ว UNLOCKMEN อยากชวนหนุ่ม ๆ มาทำความเข้าใจเรื่องขยะที่ไม่ใช่แค่พลาสติก เพื่อเริ่มต้นแยกขยะเสียตั้งแต่วันนี้ รวมทั้งวิธีลดจำนวนขยะลง เพื่อให้โลกใบนี้ไม่ถูกปกคลุมไปด้วยถุงพลาสติกเสียก่อน ทำความรู้จัก 4 ประเภทง่าย ๆ ของขยะ อยากจะเริ่มต้นแยกขยะ ก็ต้องรู้ก่อนว่าควรจะแยกกี่ประเภท เอาอะไรไว้ด้วยกันได้บ้าง จริง ๆ ประเภทของขยะ แบ่งได้ตั้งแต่ง่าย ๆ ไปจนถึงละเอียดยิบ แต่สำหรับมือใหม่ เราขอแนะนำกันแบบเบสิกไปก่อน นั่นก็คือแยกตามสีของถังขยะที่เราเห็นกันได้ทั่วไป 4 สี มาดูกันว่าแต่ละสีนั้นเอาไว้ทิ้งขยะประเภทไหนบ้าง เวลาเราแยกแล้วเอาออกไปทิ้ง จะได้ไม่ยืนงงกันอยู่หน้าถังขยะ สีน้ำเงิน – ขยะทั่วไป เหมือนจะเป็นตัวเลือกอันดับแรกเวลาไม่รู้จะยัดขยะลงประเภทไหน ทั่วไปนี่ทั่วไปแค่ไหนกันนะ
เราทุกคนย่อมมีงานอดิเรกและของสะสมต่างกันไปตามรสนิยม เช่น สะสมโมเดลรถของเล่น โมเดลหุ่นยนต์ สะสมรองเท้า หรือตามเก็บผลงานภาพวาดราคาแพงของศิลปินชื่อดัง ครั้งนี้ UNLOCKMEN จะพาไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งของสะสมที่เรียกว่าไม่ธรรมดาของชายผู้หลงใหลรอยสักบนผิวหนังมนุษย์ เขาคือ ฟุคุชิ มาซาอิชิ ศาสตราจารย์นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพยาธิวิทยาซึ่งเป็นสาขาที่ศึกษาและวินิจฉัยโรคจากการตรวจอวัยวะ เซลล์ และเนื้อเยื่อของมนุษย์จากการชันสูตร แถมเขายังเป็นประธานสมาคมพยาธิวิทยาของญี่ปุ่นและอาจารย์หมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งมหาวิทยาลัยแพทย์นิปปอน (Nippon Medical School) ที่ดูแล้วไม่น่าจะกลายมาเป็นชายสะสมของสุดแปลกได้ ความชอบสะสมรอยสักเนื้อมนุษย์ของเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1907 เป็นช่วงเวลาที่หมอมาซาอิชิกำลังสนใจรักษากามโรคพร้อมทำวิจัยเรื่องการเติบโตของไฝบนผิวหนังและพบสมมุติฐานน่าสนใจว่าน้ำหมึกที่ใช้สักอาจทำลายเชื้อซิฟิลิสได้ เพราะแผลจากซิฟิลิสจะไม่เกิดขึ้นตรงบริเวณผิวหนังที่เพิ่งสัก หลังจากข้อสันนิษฐานนั้นทำให้หมอมาซาอิชิทุ่มความตั้งใจทั้งหมดเพื่อศึกษาเกี่ยวกับเม็ดสีของผิวและการขยายตัวของไฝจากคนที่มีรอยสัก ต่อมาปี 1926 เขาเริ่มศึกษาผิวหนังจากทั้งคนเป็นและคนตาย พร้อมกับค้นหาวิธีเก็บผิวหนังจากศพที่มีรอยสักไปพร้อมกัน การทำงานวิจัยแต่ละครั้งจะต้องใช้ผิวหนังที่มีรอยสักจำนวนมาก คำถามที่ตามมาคือหมอมาซาอิชิจะไปหารอยสักมากมายขนาดนั้นมาจากไหน คำตอบที่เขาได้คือกลุ่มยากูซ่าที่มีรอยสักและวิธีการสักแตกต่างจากคนทั่วไป เพราะการสักสีทั่วทั้งตัวแบบ Irezumi จะต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมากจึงมีแค่ยากูซ่าเท่านั้นที่นิยมสักทั่วทั้งตัว หลากหลายเหตุผลที่ทำให้ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ได้พบกับแก๊งยากูซ่า สิ่งหนึ่งเกิดจากมุมมองแง่ลบของคนทั่วไปที่มองว่าคนสักมักจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย เพราะในสมัยเอโดะรอยสักคือสัญลักษณ์ของนักโทษเพื่อแยกผู้มีความผิดออกจากคนทั่วไป เมื่อวันเวลาผ่านไปเหล่ายากูซ่าก็นิยมสักกันทั่วตัวยิ่งทำให้คนญี่ปุ่นมองว่าคนสักคือคนไม่ดี แต่สำหรับหมอมาซาอิชิคนเหล่านี้คือคนที่เขาต้องการพบเป็นอย่างมาก เมื่อหมอมาซาอิชิรู้จักและคลุกคลีอยู่กับเหล่ายากูซ่าจำนวนมากและเห็นรอยสักลวดลายแตกต่างกันที่ทั้งมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะ รวมถึงบอกเล่าเรื่องราวไว้มากมาย ความเหมาะเจาะก็คือยากูซ่าส่วนใหญ่ที่มารับการรักษาจากหมอมาซาอิชิเป็นนักเลงปลายแถว เวลาไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นก็มักจะเจอสายตาดูแคลนอยู่เสมอ แต่หมอมาซาอิชิพอใจที่จะรักษายากูซ่า แถมบางคนมาหาเขาพร้อมกับรอยสักที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งรอยสักครึ่ง ๆ กลาง ๆ นี้เองได้จุดประกายความคิดบางอย่างให้กับเขา หลังจากที่เขารู้จักกับเหล่ายากูซ่าที่ไม่มีเงินมากพอจะทำให้รอยสักสมบูรณ์ หมอมาซาอิชิยื่นข้อเสนอว่าจะรักษาโรคให้และเก็บเงินแค่ครึ่งราคา หรือถ้าเป็นอะไรเล็กน้อยจะไม่คิดเงิน โดยคนที่มีรอยสักครึ่ง ๆ