News | Video
UNLOCKMEN Logo
News | Video
Unlockmen Facebook Page Unlockmen Twitter Unlockmen YouTube channel
  • World
  • Entertainment
    :
    Films
    |
    Music
  • Guide
    :
    EVENT
    |
    MENU
    |
    TRAVEL
  • TECH
    :
    APPS
    |
    CARS
    |
    GADGETs
  • Style
    :
    DESIGN
    |
    FASHION
    |
    GROOMING
  • Business
  • Girls
  • Life
  • Work
  • Play
  • Survival
UNLOCKMEN Logo

News

World Entertainment Guide TECH Style Business Girls Life
Work Play Survival

Videos

Tag "world"

  • World
    By: unlockmen January 16, 2019
    HARVEST MOON ของจริง เมื่อจีนโชว์เมล็ดฝ้ายงอกพิสูจน์ว่าพืชโตบนดวงจันทร์ได้และคนอาจอยู่สบาย

    ในอดีตความฝันเรื่องอวกาศเหมือนสิทธิ์ผูกขาดของตะวันตก สหรัฐฯ จะบินไป โซเวียตจะบินมาเหนือดาวสีน้ำเงินก็เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อสำหรับพวกเราเหล่าซีกโลกตะวันออก แต่มาวันนี้ประเทศแดนมังกรอย่างจีนได้พิสูจน์แล้วว่าความฝันของมนุษยชาตินอกโลกนี้ เขาสามารถก้าวเข้ามาได้ในฐานะผู้นำและไปเอี่ยวมันได้ทั้งหมด นับจากเสียงฮือฮาตั้งแต่ปีที่แล้วที่จีนอุกอาจส่งดาวเทียมไปทำหน้าที่พระจันทร์เทียมเพื่อสร้างแสงสว่างประหยัดพลังงานให้ประเทศ มาถึงวันนี้จีนยังเหนือขั้นกับการไปนอกโลกแบบไม่ไปเปล่า พกของติดไม้ติดมือไปทดลองเพิ่มด้วย โดยคราวน้ีเป็นการนำเรื่อง “ชีววิทยา” อย่างการปลูกพืชและปล่อยสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ไปทดลองหายใจในต่างดาว (ไม่ใช่แค่ต่างแดน) ซึ่งเขาคือเจ้าแรกที่ทำให้มันโตได้สำเร็จ ก่อนจะโชว์ความเหนือชั้นของมนุษยชาติครั้งนี้ผ่านทางทวิตเตอร์ Chang’e 4 : อดีตยานพระรอง ที่กำลังเป็นพระเอกเพราะเมล็ดฝ้ายโต ถ้าใครเคยติดตามเรื่องราวของยานอวกาศจีนที่ยิงขึ้นไปปล่อยบนดวงจันทร์ ชื่อของ Chang’e 4 อาจจะเป็นชื่อที่เคยได้ยินผ่านหูมาบ้างแล้ว เพราะยานลำนี้แหละที่เคยสำรวจดวงจันทร์ด้านมืดมาก่อน แต่ก่อนจะไปสำรวจด้านมืดมันโดนวางตำแหน่งไว้ในฐานะยานสำรองของ Chang’e 3 ที่จีนมอบภารกิจลงจอดนิ่ม ๆ แล้วนำรถโรเวอร์ลงวิ่งบนพื้นผิวดวงจันทร์ ทว่าพอ Chang’e 3 ทำได้ดีโดยไม่ต้องการตัวสำรอง Chang’e 4 ก็เลยได้รับการปรับแต่งและมอบภารกิจใหม่ให้อย่างการสำรวจดวงจันทร์ด้านมืดแทน ระหว่างที่คนกำลังตื่นเต้นกับภารกิจสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่ไม่มีใครเคยสำรวจมาก่อนในวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา อยู่ ๆ เราก็ได้รับข่าวดีว่าภารกิจซ้อนที่เราไม่เคยรู้อย่างการทดลองชีววิทยาซึ่งถูกเหน็บไปพร้อมกันด้วย เพราะ Chang’e 4 ติดตั้งถังทดลองขนาด 18 เซนติเมตรไป ด้านในประกอบด้วย เมล็ดพันธุ์พืชต่าง ๆ เช่น

  • World
    By: unlockmen January 15, 2019
    ‘5 SPEECH ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลก’เป็นข้อคิดและบทเรียนชั้นดีในการใช้ชีวิตของหนุ่ม ๆ PART II

    “Words are more powerful than weapons.” หนึ่งในวลียอดฮิตที่ทุกคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือความจริง ยิ่งถ้าเราลองเปิดบันทึกประวัติศาสตร์โลกดูจะพบว่าในเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์ คำพูดหรือสปีชเพียงไม่กี่นาทีกลับพลิกประวัติศาสตร์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้ นอกจากจะส่งผลต่อเรื่องราวในอดีตแล้ว ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนสปีชที่ยิ่งใหญ่นั้นก็ไม่ตกยุค ยังร่วมสมัยและสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้เสมอ ครั้งที่แล้วเราได้นำเสนอสปีชที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลกให้ทุกคนได้เรียนรู้ถึงแนวคิดและสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ไปแล้วทั้งหมด 5 สปีช แต่สปีชที่ดีนั้นยังมีอีกมากมาย และเราเล็งเห็นว่ามันน่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านทุกคน เราจึงคัดมาอีก 5 สปีช ให้ทุกคนได้เรียนรู้จากร่องรอยประวัติศาสตร์กันอีกครั้ง ส่วนใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนแรก สามารถย้อนตามไปอ่านได้ที่ ‘5 SPEECH ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลก’เป็นข้อคิดและบทเรียนชั้นดีในการใช้ชีวิตของหนุ่ม ๆ I Have a Dream – Martin Luther King Jr. August 28, 1963, Washington, D.C.  Martin Luther King Jr. คือหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดต่อการเรียกร้องสิทธิให้กับพลเมืองผิวสีในสหรัฐอเมริกา แม้ในช่วงนั้น (ยุค 50-60) จะผ่านพ้นช่วงเลิกทาสมาแล้วนับ 100 ปี สิทธิพลเมืองผิวขาวและผิวสีเท่าเทียมกันในแง่ลายลักษณ์อักษรตามกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัตินั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง คนผิวดำยังโดนกีดกันในการเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ รวมถึงมีการแบ่งแยกสถานที่สำหรับคนผิวดำอย่างชัดเจน

  • World
    By: unlockmen January 15, 2019
    MAGIC MUSHROOM พืชสายเคลิ้มอีกชนิด ที่อาจถูกปรับโทษให้ลดลงในสหรัฐอเมริกา

    หลังจากที่เคยเป็นเมืองนำร่องในการผลักดันให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ จนเป็นต้นเหตุสำคัญนำมาสู่การกรุยทางใช้เพื่อสันทนาการเป็นวงกว้างในประเทศ ล่าสุดเมืองเดนเวอร์ (Denver) กำลังเดินหน้าสนับสนุนให้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับ Magic Mushroom ซึ่งเป็นพืชสายหลอนอีกชนิดที่อยู่ในบัญชียาเสพติดกลางของประเทศ  เพื่อลดหย่อนโทษให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น Psilocybin Mushroom AKA Magic Mushroom หรือในบ้านเราเรียกกันว่าเห็ดขี้ควาย คือเห็ดชนิดหนึ่งในวงศ์ Strophariaceae (เห็ดรา) ที่มีสาร Psilocybin ซึ่งออกฤทธิ์ทำให้เกิดอาการมึนเมาและเกิดภาพหลอนต่าง ๆ รวมถึงอาจส่งผลให้มีความคิดหรืออารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ลักษณะคล้ายกับการเสพ LSD ซึ่งถูกใช้กันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ถือเป็นของผิดกฎหมายในเกือบทุกประเทศ แต่สำหรับในสหรัฐอเมริกามันถูกควบคุมภายใต้อนุสัญญาของสหประชาชาติ ว่าด้วยเรื่องวัตถุและสารที่ออกฤทธิ์ต่อประสาทปี 1971 โดยถูกกำหนดให้เป็นยาเสพติดที่อยู่ในระดับเดียวกันกับแอลเอสดีและเฮโรอีนเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนลักลอบใช้มันรวมถึงซื้อขายอยู่ดี โดยให้เหตุผลว่า Magic Mushroom สามารถใช้เพื่อหลบหนีจากความเครียดไม่ต่างกับกัญชา รวมถึงไม่เคยมีเคสของการ Overdose เกิดขึ้นอีกด้วย ยกเว้นการใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์ในบางกรณี ความเปลี่ยนแปลงล่าสุดในสหรัฐอเมริกาที่ตอนนี้เหล่านักเคลื่อนไหวและประชาชนในเมืองเดนเวอร์จัดแคมเปญที่เรียกว่า Decriminalize Denver ซึ่งสนับสนุนการยกเลิกบทลงโทษเกี่ยวกับ Magic Mushroom ด้วยการล่ารายชื่อกว่า 9,500 รายชื่อ เพื่อส่งคำร้องให้กับคณะกรรมการประชามติของเมือง ซึ่งจากการตรวจสอบจากสภาเมืองมีรายชื่อที่ถูกต้องตามลายเซ็น 4,726 รายชื่อเท่านั้น แต่ก็เพียงพอสำหรับการลงมติซึ่งจะมีการลงประชามติในช่วงเดือนพฤษภาคมของปีนี้ และถ้ามีมติโหวตผ่าน เมืองหลวงของรัฐโคโลราโดแห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่แรกที่มีการปรับลดโทษที่เกี่ยวกับ Magic Mushroom

  • World
    By: unlockmen January 11, 2019
    ส่อง STARSHIP สุดยอดจรวดของ ELON MUSK ที่จะพาเหล่ามหาเศรษฐีเที่ยวชมวิวรอบดวงจันทร์

    ฝันของมนุษย์ที่จะท่องไปในอวกาศอันเวิ้งว้างเริ่มดูเป็นรูปเป็นร่างและใกล้ความเป็นจริงเข้าไปอีกขั้น เมื่อไอรอนแมนในโลกแห่งความจริงอย่าง Elon Musk อวดโฉมจรวดทดสอบ Starship ที่มีไว้รองรับการเดินทางทัวร์รอบดวงจันทร์สำหรับเหล่ามหาเศรษฐีที่อยากท่องอวกาศ ก่อนหน้านี้บริษัทขนส่งทางอวกาศชื่อดังอย่าง SpaceX ของนักธุรกิจหนุ่มอัจฉริยะอย่าง Elon Musk เปิดตัวโครงการพามนุษย์เดินทางไปดาวอังคารด้วยระบบขนส่งระหว่างดาวแต่ละดวงในชื่อ ITS หรือ Interplanetary Transportation System โดยใช้กระสวยอวกาศชื่อ BFR หรือ Big Falcon Rocket BFR คือยานพาหนะที่จะพาเราท่องอวกาศที่มาพร้อมเครื่องยนต์ Raptor Engine ที่ใช้พลังงานเป็นมีเทนเหลวมากถึง 42 ตัว เพื่อให้เกิดแรงยกกว่า 126 ล้านนิวตัน เทียบเท่าจรวดรุ่นก่อนหน้าอย่าง Flacon 9 ทั้งหมด 16 ตัว และ BFR สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้กว่า 200 คน เพื่อเดินทางไปยังดาวอังคารและดาวอื่น ๆ ในระบบสุริยะจักรวาล BFR สามารถบินขึ้นจากบริเวณใดก็ได้ในโลกและลงจอดได้ดั่งใจ SpaceX ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำได้จริง แม้ขนาดจะใหญ่เทอะทะจนคนเอาไปล้อจาก Big Falcon Rocket เพี้ยนไปเป็น

  • World
    By: unlockmen January 11, 2019
    “พ่อค้ายาฯ ก็อยากรักษ์โลก”ผุดไอเดียเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์โคเคนเพื่อลดปริมาณพลาสติก

    ขึ้นชื่อว่า “พ่อค้ายาเสพติด”ซึ่งภาพลักษณ์เต็มไปด้วยความเลวร้ายก็ดูไม่มีทางจะไปกันได้กับ “ความดี”หรือ”ความรับผิดชอบต่อสังคม”เลย แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดกลุ่มหนึ่งดันกลับตาลปัตรใส่ใจปัญหามลภาวะและพยายามคิดหาวิธีขายโคเคนพร้อมกับรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กันโดยเลือกใช้บรรจุภัณฑ์แบบ Class A ที่สามารถนำกลับมาใช้ในการซื้อยาเสพติดครั้งต่อไปได้อีก เมื่อลูกค้าสั่งยาเสพติดปริมาณน้อย พ่อค้ายามักใส่ยาเสพติดในถุงพลาสติกเล็ก ๆ ที่มีซิปล็อก จากนั้นต้องห่อสองชั้นด้วยกระดาษล็อตตารี่และใช้น้ำมันหรือฟิล์มเพื่อยึดห่อยากับกระดาษไว้ด้วยกัน ก่อนจะนำมาส่งให้ลูกค้า การทำบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งยาเสพติดให้ถึงมือลูกค้าแต่ละครั้งนั้นจึงยุ่งยากและสร้างขยะเป็นจำนวนมาก รายงานฉบับหนึ่งในนิตยสาร The Metro ซึ่งลงพื้นที่สำรวจตลาดยาเสพติดท้องถิ่นพบว่ามีตัวแทนจำหน่ายมากกว่าหนึ่งเจ้าเริ่มขายโคเคนในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้นำกลับมาใช้ซ้ำได้ เพราะการใช้ถุงซิปล็อกแบบเดิมนั้นใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว ผู้ใช้โคเคนรายหนึ่งในเมืองเบอร์มิงแฮมบอกกับสื่อออนไลน์ว่า ตอนแรกคิดว่าพ่อค้ายาของเขาล้อเล่นตอนที่ยื่นโคเคนหนึ่งกรัมในขวดขนาดจิ๋วมาให้ โดยพ่อค้ายาบอกเขาว่าต่อไปนี้จะไม่ใส่โคเคนในถุงซิบล็อกหรือห่อกระดาษอีกต่อไป แต่ให้เก็บขวดนี้ไว้ เมื่อมาซื้อครั้งต่อไปก็ให้เอาขวดมาแลกกับยา ถึงพ่อค้ายาจะบอกแบบนั้น แต่ผู้ซื้อรายนี้ก็ยังคิดว่าเป็นแค่การล้อเล่น ท้ายที่สุดท่าทีของพ่อค้ายากลับจริงจังจนน่าตกใจ อาจเป็นเพราะการส่งยาแต่ละครั้งพวกพ่อค้าใช้ถุงพลาสติกและกระดาษเป็นจำนวนมาก พลาสติกและกระดาษเหล่านี้จึงมีส่วนสร้างมลภาวะ รวมถึงการใส่ยาในขวดช่วยให้จำหน่ายได้รวดเร็วขึ้นเพราะไม่ต้องมานั่งห่อซ้ำแล้วซ้ำอีก พ่อค้ายายังทิ้งท้ายไว้ว่าเขามั่นใจว่าจะต้องมีลูกค้าหัวใหม่ที่ชอบทั้งโคเคนและชอบแนวคิดรักษ์โลกแบบนี้แน่นอน อย่างไรก็ตามการรักษาสิ่งแวดล้อมของพ่อค้ายาจำนวนหนึ่งคงไม่สามารถชดเชยความเสียหายจากการสร้างมลภาวะได้ทั้งหมด จากการวิจัยเรื่องสิ่งแวดล้อมในปี 2011 โดย State University of New York System พบว่าการผลิตยาเสพติดไม่ว่าจะชนิดไหนก็มีส่วนในการตัดไม้ทำลายป่าโดยเฉพาะกับประเทศโคลอมเบียที่เป็นแหล่งวัตถุดิบเจ้าใหญ่ของโลก นอกจากนี้ Liliana M. Dávalos  นักนิเวศวิทยาที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมกล่าวว่าทางตอนใต้ของโคลอมเบียสูญเสียป่าจำนวนมากใกล้กับแหล่งเพาะปลูกต้นโคคาซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตโคเคน ยิ่งมีโคเคนอยู่มากเท่าไหร่ จำนวนป่าก็จะลดลงเท่านั้น แม้การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของยาเสพติดแบบผงจะช่วยลดมลภาวะได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ยังดีกว่าการไม่เริ่มทำอะไรเลยจริงไหมล่ะครับ ที่น่าสนใจคือเรื่องการซ้อนทับระหว่างความเป็นพ่อค้ายาที่ดูจะเป็นผู้ร้ายของสังคมสุด ๆ

  • World
    By: unlockmen January 10, 2019
    ยิ่งแก่ยิ่งพลาดง่าย “ผลวิจัยชี้ว่าผู้สูงอายุคือกลุ่มที่แชร์ข้อมูลผิด ๆ มากที่สุดในโลกโซเชียล”

    พ่อแม่ลุงป้าที่เคยบ่นเคยห้ามไม่ให้เราติดมือถือมากไป วินาทีหันไปจะคุยกับพวกท่าทีไรกลายเป็นว่า “โถ ติดมือถือหนักกว่าเราไปอีก!” เรียกได้ว่าตอนนี้ผู้สูงอายุใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น Line หรือ Facebook ก็ตามแต่ ข้อดีที่เห็นได้ชัดคือการทำให้ช่องว่างระหว่างวัยของสมาชิกในครอบครัวลดน้อยลง ผู้สูงอายุเหงาน้อยลงและได้ติดต่อกับเพื่อนมากขึ้น แต่ข้อเสียนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะเหล่าผู้สูงอายุมักจะชอบแชร์ข่าวสารข้อมูลผิด ๆ ที่ส่งต่อกันโดยไม่รู้ว่าข่าวที่ตัวเองอ่านนั้นเป็นความจริงหรือไม่ การติดมือถือมากไปยังพอเยียวยาได้ แต่ถ้าเป็นกรณีที่หนักขึ้นมาอย่าง การแชร์ข้อมูลเรื่องสุขภาพแบบผิด ๆ ที่จะส่งผลต่อชีวิต หรือข่าวของเหล่าคนดังที่จะส่งผลให้เกิดการปลุกระดมเรื่องของความเกลียดชังอย่างไม่ถูกต้อง ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงไม่น้อย ปัญหานี้ไม่ได้มีให้เห็นแค่ในประเทศไทยเท่านั้น ในสหรัฐฯ เองก็มีอยู่บ่อยครั้งที่ผู้สูงอายุมักมีแนวโน้มที่ชอบแบ่งปันข่าวปลอมต่าง ๆ ใน Facebook และโซเชียลมีเดียอื่น ๆ กันเป็นจำนวนมาก เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าว ทีมวิจัยจาก New York Universitiy และ Princeton Universitiy ได้ร่วมกันค้นหาคำตอบจากการทำวิจัยและสำรวจว่ากลุ่มคนในช่วงอายุใดมักจะแชร์ข่าวปลอมมากกกว่ากัน งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ลงใน Science Advance แสดงให้เห็นถึงการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยรวบรวมผู้คนกว่า 3,500 คนที่ใช้งาน Facebook ไม่แบ่งเพศและอายุและขอให้เปิด Public เพื่อให้เหล่านักวิจัยสามารถเข้าถึงฟีดทั้งหมดได้ว่ากลุ่มตัวอย่างนั้นได้แชร์เรื่องราวอะไรกับเพื่อนใน Facebook บ้าง เป็นเรื่องน่าตกใจเมื่อผลสำรวจพบว่าผู้ใช้งาน Facebook ที่มีอายุ

  • World
    By: unlockmen January 10, 2019
    THE PROFILES: ‘ความล่ำซำอันพังพินาศ’ กับ 5 พ่อค้ายาเสพติดที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์

    แม้เป็นเรื่องยากจะยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเหล่าพ่อค้ายานั้นมีอิทธิพลทั้งในธุรกิจบนดินและใต้ดิน แถมยังมีส่วนในการดำเนินกิจการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่บางครั้งกฎหมายก็ยากที่จะต้านทานอำนาจของเม็ดเงินที่เหล่าพ่อค้ายามี แต่ความราบรื่นก็ไม่ได้เป็นของทุกคนที่ทำอาชีพนี้ มีน้อยคนนักที่จะร่ำรวยมหาศาล จำนวนมากต้องล้มตายหรือจบชีวิตลงในคุก   UNLOCKMEN จึงจะพาไปทำความรู้จักกับเหล่าพ่อค้ายาที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ว่าเขาได้เงินเหล่านั้นมาจากไหน และเอาเงินเหล่านั้นไปทำอะไรบ้าง   5. KHUN SA ทรัพย์สินราว 5 พันล้านเหรียญ ขุนส่า หรือ จางชีฟูที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ จันทร์ จางตระกูล ราชายาเฮโรอีนผู้ล่วงลับที่ครอบครองเขตพื้นที่แถบสามเหลี่ยมทองคำทางภาคเหนือของไทยและใช้เป็นฐานการผลิตยาเสพติด ได้รับการจัดอันดับให้เป็นพ่อค้ายาที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอันดับ 5 ด้วยเม็ดเงินที่ได้มาจากการค้าฝิ่น เฮโรอีน รวมถึงธุรกิจใต้ดินต่าง ๆ ขุนส่ามีอิทธิพลมากต่อระบบการเมืองของพม่าเพราะเขาคือผู้นำกองทัพเมิงไตที่ร่วมต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชให้กับชนกลุ่มน้อยชาวไทใหญ่ในประเทศพม่า จนกระทั่งลุกลามเป็นสงครามฝิ่น ค.ศ. 1967 ถึงแม้ว่าจะมีรายได้มากมายจากการค้ายา แต่ขุนส่าได้กล่าวถึงธุรกิจของตัวเองว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะต้องการจะปลดแอกตัวเองจากการกดขี่ของกองทัพพม่าตั้งแต่ปี 1947 และเฮโรอีนคือหนทางทำเงินที่รวดเร็วที่สุดเพื่อนำเงินทั้งหมดทุ่มไปกับการซื้ออาวุธสงครามเพื่อต่อสู้   4. Jorge Luis Ochoa Vásquez ทรัพย์สินราว 6 พันล้านเหรียญ สามพี่น้องตระกูล Ochoa นำโดย Jorge Luis

  • World
    By: Chaipohn January 10, 2019
    RAHEEM STERLING เหยื่อ RACIST ที่ไม่มีใครฟัง แต่ NIKE ขอนำมาเป็น PRESENTER คนใหม่

    การกลับมาอีกครั้งของแคมเปญตบหน้าสังคมของ Nike หลังประสบความสำเร็จอย่างมากกับ Colin Kaepernick อดีต NFL quarterback ชื่อดังที่มากับ Tagline เงินล้านอย่าง “Believe in something even if it means sacrificing everything.’’ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Kaepernick เลือกที่จะแสดงออกเพื่อต่อต้านการไม่เท่าเทียมในสังคมของคนผิวดำ แม้จะรู้ว่าผลที่ตามมาจะรุนแรงถึงขั้นทำให้อาชีพต้องจบลงก็ตาม ซึ่งการที่ Nike เลือกสนับสนุน Colin Kaepernick ก็ทำให้เกิดกระแสต่อต้านมากมาย แต่สุดท้ายดูเหมือนคนชนะจะเป็น Nike เมื่อความเด็ดเดี่ยวนี้กลับสร้างยอดขายได้อย่างมหาศาลชนิดที่ทำ Promotion ยังไม่ได้ขนาดนี้ เหมือนหนังภาคแรกประสบความสำเร็จ ย่อมต้องมีภาคสองตามออกมา กับ Campaign ล่าสุดของ Nike ที่เลือกใช้ Approach เดิมในการยืนหยัดข้างนักกีฬาผิวสีที่โดนกระทำอย่างไม่เสมอภาคอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นเรื่องราวของนักฟุตบอลมากพรสวรรค์แห่ง Manchester City ‘Raheem Sterling’ ที่มีปัญหากับการถูกเลือกปฏิบัติจากสื่ออังกฤษและแฟนบอลอย่างไม่เท่าเทียมกับนักเตะผิวขาวเสมอ Sterling เคยโพส Instagram เปรียบเทียบความไม่เสมอภาคจากการนำเสนอของสื่อ โดยเปรียบเทียบตัวเค้ากับ Phil Foden

  • World
    By: unlockmen January 9, 2019
    โพสต์รูปตัวเองบ่อยระวังรักพัง “วิจัยชี้ว่ามีคนรักขี้เซลฟี่ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงโดยไม่รู้ตัว”

    ในบางครั้งเมื่อเราเข้าสู่โซเชียลมีเดียสารพัดรูปแบบ เช่น Facebook หรือ Instagram ก็มักเห็นบางคนที่มีแฟนแล้วแต่ชอบโพสต์รูปตัวเองอยู่เป็นประจำและลงรูปคู่กับคนรักน้อยมาก ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนั้นสามารถบอกได้ว่าผู้ที่ชอบโพสต์แต่รูปเซลฟี่ของตัวเองลงโซเชียลมีเดีย ในชีวิตจริงมักมีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับคนรัก งานวิจัยจาก Florida State University ระบุว่าการเซลฟี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคู่รัก เพราะเมื่อออกไปเดตแล้วคนรักมักลงแต่รูปเซลฟี่ของตัวเองแต่ไม่ลงรูปคู่ จะทำให้อีกฝ่ายเกิดคำถามในใจมากมายว่าเพราะอะไรแฟนถึงไม่ลงรูปคู่ และคิดไปจนถึงขั้นว่าการมาเดตในแต่ละครั้งไม่สามารถสร้างความทรงจำที่ดีให้กับคนรักได้ รวมถึงไปความหวาดระแวงเรื่องของมือที่สาม ส่วนฝ่ายที่คลั่งการเซลฟี่ก็จะให้ความสนใจกับกระแสตอบรับจากโลกออนไลน์เวลาที่โพสต์ในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นยอดไลก์หรือคอมเมนต์ต่าง ๆ มากกว่าที่จะให้ความสนใจกับคู่ชีวิตที่อยู่ใกล้ตัว โดยงานวิจัยได้บอกเพิ่มเติมอีกว่า อาการชื่นชอบการเซลฟี่เป็นชีวิตจิตใจนั้นสามารถเป็นทั้งเพศชายและเพศหญิง นอกจากนี้ Dr.Nikki Goldstein ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยากล่าวว่า เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไม่มั่นใจในความสัมพันธ์จึงมักจะแสดงออกถึงความต้องการจะแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้มากกว่าการโพสต์รูปคู่กับแฟน หรือเขียนสเตตัสว่าไปไหนมาไหนกับคนรัก และเสพติดการเล่นโซเชียลมีเดียเป็นชีวิตจิตใจ จากการเฝ้าศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์มาเป็นเวลานาน Dr. Goldstein ได้บันทึกเรื่องราวที่เธอพบเจอไว้ว่า ในแต่ละวันเธอมักจะเห็นคู่รักหลายคู่โพสต์เรื่องราวต่าง ๆ ที่ดูเหมือนจะมีความสุข ที่เน้นบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง แต่สิ่งที่ Dr. Goldstein ได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวเบื้องหลังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่รักนักเซลฟี่นั้นไม่ได้มีความสุขอย่างที่แชร์ลงในโซเชียลมีเดีย และการโพสต์เรื่องราวต่าง ๆ เพียงด้านเดียวแบบนี้ต่อไปจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักไม่มั่นคงมากกว่าเดิม การชื่นชอบเซลฟี่เกินควรนอกจากจะส่งผลกระทบกับชีวิตคู่แล้วก็ยังส่งผลเสียกับตัวเองเช่นกัน เพราะพฤติกรรมการชื่นชอบเซลฟี่จะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า Generation me คล้ายกับอาการหลงตัวเองของวัยรุ่นที่เวลารูปที่ลงในโซเชียลแล้วได้รับการตอบรับเยอะก็จะรู้สึกมั่นใจ แต่เมื่อยิ่งได้รับฟีดแบคที่ดี คนรักของผู้ที่ชื่นชอบเซลฟี่มักจะเกิดความรู้สึกไม่พอใจและหึงหวง ก็จะเป็นการย้อนกลับมาในเรื่องของปัญหาความสัมพันธ์อีกครั้งแบบไม่รู้จบ ดังนั้นคำถามที่เหล่านักเซลฟี่จะต้องถามตัวเองให้ชัดเจนคือ สิ่งที่ตัวเองจะต้องให้ความสำคัญนั้นคือความสัมพันธ์ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือสนใจฟีดแบคในโลกออนไลน์มากกว่ากัน

  • World
    By: unlockmen January 8, 2019
    นักดื่มใจสลาย ผลวิจัยใหม่ดับฝัน การดื่มแอลกอฮอล์น้อย ๆ เป็นประจำ ไม่ได้ทำให้ดีต่อสุขภาพอย่างที่คิด

    เหล่านักดื่มอาจต้องสับสนกันอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ผลวิจัยได้บอกว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันละน้อยจะช่วยเรื่องสุขภาพ แต่มาวันนี้ก็ได้มีงานวิจัยที่มาหักล้างกันอีกครั้ง แถมยังบอกอีกด้วยว่าการดื่มเพียงเล็กน้อยนั้นก็คือสิ่งที่ได้ไม่คุ้มเสียกันเลยทีเดียว ข้อหักล้างที่ว่าด้วยการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อยจะช่วยบำรุงสุขภาพนั้นถูกนำเสนอผ่านเว็บไซต์ข่าวชื่อดังอย่าง BBC กับการวิจัยที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการการศึกษาภาระปัญหาของโลกว่าด้วยเรื่องโรคภัยไข้เจ็บหรือ Global Burden of Disease ผลวิจัยชิ้นนี้สำรวจพฤติกรรมการดื่มของนักดื่มกว่า 195 ประเทศ ตั้งแต่ช่วงอายุ 19-95 ปี เป็นจำนวนกว่า 28 ล้านคนทั่วโลก ด้วยระยะเวลายาวนานกว่า 26 ปี โดยวิจัยนี้เริ่มลงสนามสำรวจตั้งแต่ปี 1990-2016 ถือว่าเป็นงานวิจัยที่ใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา รวมถึงจำนวนกลุ่มตัวอย่างที่มีมากถึงหลักหลายสิบล้านตัวอย่าง   ผลการวิจัยครั้งนี้เผยให้เห็นถึงอัตราความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่าง ๆ อย่างมะเร็ง ตับแข็ง หรือระดับการเกิดอุบัติเหตุเพราะเมานั้นมีตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นตามปริมาณที่ดื่มแอลกอฮอล์ที่เราดื่มในแต่ละวัน เช่น วันหนึ่งเราดื่มเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ 1 หน่วย หรือประมาณ 10 กรัม ก็จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุสูงกว่าคนที่ไม่ดื่มเลย 0.5% ในขณะที่ถ้าดื่มวันละ 2 หน่วย ก็จะเพิ่มความเสี่ยงขึ้น 7% หรือถ้าดื่มวันละ 5 หน่วย ความเสี่ยงก็จะพุ่งสูงถึง 37% ผลวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์ Lancet และได้ชี้แนะให้หน่วยงานสาธรณสุขของประเทศอังกฤษควรออกคำเตือนให้ประชาชนลดการดื่ม เพราะปัจจุบันในอังกฤษได้แนะนำให้ประชาชนบริโภคแอลกอฮอล์ไม่เกิน

« Previous 1 … 41 42 43 44 45 … 102 Next »

HOT THIS WEEK

#7daysinarow

  • 1
    CARS
    JDM: CODE RARE – Skyline GT-R Autech Version 40th Anniversary (1998: BCNR33)
  • 2
    CARS
    Porsche 911 Carrera Coupe Reimagined by Singer แรงบันดาลใจจากตำนานสุดแรร์​ 911 SSE
  • 3
    Business
    Betterment Series: Hyperdrive Mind – อาการ ADHD มีดีมากกว่าแค่สมาธิสั้นถ้ารู้วิธีรับมือ
< Prev Next >

most popular video of the week

#7daysinarow

THE REAL EP 1 : Tamaryn Cooper
Unlockmen Channel
18,234

EVERYTHING GUYS NEED
TO UNLOCK YOUR TRUE
POTENTIAL EVERYDAY

Unlockmen

Subscribe now

Unlockmen
  • About Us
  • Our team
  • Jobs
  • Contact Us
  • Terms of Use
  • Privacy Policy
© 2016 whiteline thaithayan. All rights reserved.
Use of this site constitutes acceptance of our User Agreement (effective 1/4/2016) and Privacy Policy (effective 1/4/2016).The material on this site may not be reproduced,
distributed, transmitted, cached or otherwise used, except with prior written permission of thaitayan ltd.