MUSIC

ทำความรู้จักกับซาวด์ของ “โพสต์กรันจ์” แนวดนตรีที่เคยโดนดูถูกว่าเป็น “ร็อกของปลอม”

By: JEDDY January 10, 2023

“โพสต์กรันจ์” หรือที่ใครหลายคนเรียกกันติดปากว่า “อเมริกันร็อก” ซึ่งพื้นเพทางดนตรีมันก็มาจากดนตรีกรันจ์ออริจินัลแบบที่เราได้ฟังกันจากวง Nirvana หรือ Pearl Jam แต่หลังจากมันได้รับความนิยมแบสุดขีด จึงไม่แปลกที่กรันจ์จะได้สร้างอิทธิพลและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นถัดมา ทำให้กรันจ์เกิดวิวัฒนการที่ผ่านการปรุงแต่งให้ฟังง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก จนสามารถกลายเป็นดนตรีกระแสหลักหรือเมนสตรีมที่ใคร ๆ ก็ฟังได้ แถมยังมีเนื้อหาที่ไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตที่ชวนซีเรียส แต่นำเสนอเนื้อหารัก ๆ ใคร่ ๆ ซะเป็นส่วนมาก

“โพสต์กรันจ์” ขยายอิทธิพลในช่วงปลายยุค 90’s ลากยาวจะไปถึงปลายยุค 2000’s เลยทีเดียว แต่ช่วงพีคที่สุดคงหนีไม่พ้นต้น 2000’s ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่กระแสดนตรีนูเมทัลได้รับความนิยมนั่นเอง อย่างไรก็ตาม “โพสต์กรันจ์” ในช่วงนั้นได้รับกระแสต่อต้านไม่น้อย เพราะหลาย ๆ คนดันไปตีตราว่าวงพวกนี้คือ “ร็อกของปลอม” (ทั้ง ๆ ที่ซาวด์มีความหนักหน่วงที่หาฟังไม่ได้ง่าย ๆ จากคลื่นวิทยุในยุคปัจจุบัน) ถึงแม้จะโดนแขวะ โดนเหยียด แต่มันก็ไม่อาจจะหยุดยั้งความสำเร็จของบรรดาวงสายโพสต์กรันจ์ได้เลย

ด้วยเหตุนี้เราจึงรวบรวม 10 เพลงฮิตของวงโพสต์กรันจ์มาฝากทุกคนกันครับ


“HOW YOU REMIND ME”

NICKELBACK

วงโพสต์กรันจ์จากประเทศแคนาดาที่ข้ามประเทศมาประสบความสำเร็จในอเมริกา จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ผลงานชุดแรกของ Nickelback คือ “Curb” ในปี 1996 แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ก่อนจะค่อย ๆ เขยิบชื่อเสียงขึ้นมาในอัลบั้มที่ 2 “The State” ในปี 1998 และกราฟความพีคของวงก็พุ่งทะลุปรอทในอัลบั้ม “Silver Side Up” ในปี 2001

ผลงานชุดนี้มีเพลงดังตลอดกาลของวงนั่นคือ “How You Remind Me” เพลงช้ากับดนตรีแน่น ๆ หนักแบบพอดี มาพร้อมกับท่อนฮุคติดหู กับเสียงร้องที่มีความแตกพร่าพร้อมเมโลดี้ในตัว และด้วยความไพเราะของมันก็ทำให้ “How You Remind Me” ขึ้นไปครองชาร์ตอันดับ 1 บนบิลบอร์ดชาร์ต 200 ได้สำเร็จ สามารถทำยอดขายซิงเกิ้ลเฉพาะในอเมริกาได้มากถึง 4 ล้านก็อปปี้ และในอังกฤษอีก 1.2 ล้านก็อปปี้

อีกทั้งยังส่งผลให้อัลบั้ม “Silver Side Up” ทำยอดขายทะลุเกินถึง 10 ล้านก็อปปี้ ซึ่งมันได้ช่วยสร้างประวัติศาสตร์ให้กับต้นสังกัดอย่าง Roadrunner Records กับยอดขายสูงสุดแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


“ONE LAST BREATH”

CREED

แม้ในความรู้สึกของใครหลายคนอาจจะเข้าใจว่าเพลง “My Sacrifice” ของวง Creed น่าจะเป็นผลงานที่ได้รับความนิยมสูงสุด แต่ดูเหมือนว่าพวกเราจะพลาดกันไปซะแล้ว เพราะหากวัดที่ยอดวิวในยูทูปจริง ๆ กลับกลายเป็นเพลง “One Last Breath” ที่มาเป็นอันดับ 1 แต่จะว่าไปมันก็มาจากอัลบั้มเดียวกันนั่นคือ “Weathered” (2001) อัลบั้มสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะแยกวงกันไปในรอบแรก

“One Last Breath” เป็นเพลงที่มีความสวยงามมากโดยเฉพาะไลน์กีตาร์ เราสามารถโดนสะกดได้นับตั้งแต่ริฟฟ์กีตาร์สุดไพเราะในช่วงอินโทร และแน่นอนเพลงนี้ก็ยังคงไม่ทิ้งความหนักแน่น มีความทรงพลังไม่ต่างจาก “My Sacrifice” เลย แต่ภาพรวมอาจจะฟังดูซับซ้อนกว่าเท่านั้นเอง

อีกหนึ่งความโดดเด่นคงต้องยกให้ MV ซึ่งมาพร้อมกับ CG ที่ส่งสมาชิกวงไปอยู่ท่ามกลางพายุทะเลทรายอันบ้าคลั่ง และดูเหมือนว่า MV สไตล์นี้จะเป็นที่นิยมของวงร็อกในยุคนั้นอย่างมากทีเดียว


“BLURRY”

PUDDLE OF MUDD

 

อีกหนึ่งวงสายโพสต์กรันจ์ที่ประสบความสำเร็จนับตั้งแต่ออกอัลบั้มแรก “Come Clean” (2001) พวกเขาเป็นวงดนตรีจากเมืองแคนซัสซิตี้ รัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งวงตั้งแต่ปี 1992 และลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน แต่สมาชิกดั้งเดิมเหลือเพียงแค่คนเดียวคือ Wesley Scantlin นักร้องนำ/มือกีตาร์

ส่วนเพลง “Blurry” อยู่ในแทร็กที่ 5 ของอัลบั้ม เผยแพร่ออกสู่สาธารณะให้ฟังครั้งแรกในวันที่ 16 ตุลาคม ปี 2001 ซึ่งได้การตอบรับที่ดีเกินคาด จนทำให้ชื่อวง Puddle Of Mudd กลายเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว

ส่วนหนึ่งของความสำเร็จอาจจะต้องยกความดีความชอบให้กับ Fred Durst ฟรอนต์แมนวง Limp Bizkit เช่นกัน เพราะเขามีส่วนช่วยผลักดันให้ Puddle Of Mudd ได้เซ็นสัญญากับค่ายใหญ่นั่นเอง


“GLYCERINE”

BUSH

แม้ว่าซาวด์ของกรันจ์จะถูกตีตราว่ามาจากฝั่งอเมริกา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีชาวอังกฤษที่หลงใหลมันเลย ด้วยเหตุนี้ทำให้มีวงดนตรีจากลอนดอนที่ชื่อว่า Bush เกิดขึ้นมา พวกเขามีผลงานชุดแรกคือ “Sixteen Stone” (1994) และมันก็ได้รับความนิยมทันที แต่ไม่ใช่ในประเทศตัวเอง พวกเขาสามารถตีทาร์เกตฝั่งอเมริกาได้แตกด้วยยอดขายมากถึง 6 ล้านก็อปปี้

ส่วนเพลงสุดแมสจากผลงานชุดนี้คงหนีไม่พ้น “Glycerine” ที่เราจะได้ฟังเพียงเสียงร้องของ Gavin Rossdale กับเสียงกีตาร์แตก ๆ เท่านั้น โดยเนื้อหาถูกแต่งให้กับ Suze DeMarchi แฟนเก่าของ Gavin

แม้ว่าปัจจุบันชื่อเสียงของวง Bush จะเงียบ ๆ จากบ้านเราไป แต่จริง ๆ แล้ว นับตั้งแต่ที่พวกเขากลับมาทำวงกันเมื่อปี 2010 (ยุบวงไปในปี 2002) ก็มีผลงานออกมาแล้ว 5 อัลบั้ม โดยอัลบั้มล่าสุด “The Art of Survival” เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง


“SHINE”

COLLECTIVE SOUL

หากจะให้พูดถึงเพลงดังของวง Collective Soul แบบไว ๆ เพลงแรกที่ป๊อปอัพขึ้นมาจะต้องเป็น “Shine” ผลงานจากอัลบั้มแรก “Hints Allegations and Things Left Unsaid” (1993) อย่างแน่นอน แถมเพลงนี้ยังเป็นแรกที่อยู่ในอัลบั้ม และยังเป็นเพลงแรกที่ถูกนำมาโปรโมตอีกด้วย

เพลงนี้มีความลงตัวในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นพาร์ตดนตรี, เสียงร้อง และอารมณ์ ที่รวม ๆ แล้วดูมีเสน่ห์เหลือเกิน จนสามารถมัดใจเราให้หยุดฟังและไม่สามารถเลื่อนผ่านมันไปได้ สุดท้ายเพลงนี้ก็พุ่งไปอยู่อันดับ 1 ในยูเอส เมนสตรีมร็อก ชาร์ต ได้สำเร็จ ส่วนยอดขายซิงเกิ้ลก็ทำได้สวยงาม ปิดด้วยจำนวน 500,000 ก็อปปี้ และมีส่วนช่วยให้อัลบั้มทำยอดขายได้ 2,000,000 ก็อปปี้เช่นกัน

Collective Soul เป็นวงที่ยืนระยะมาได้อย่างยาวนับตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุัน มีอัลบั้มล่าสุดคือ “Vibrating” เมื่อปี 2022


“OUTSIDE”

STAIND

วงดนตรีที่ทำซาวด์มีความก่ำกึ่งระหว่างนูเมทัลและโพสต์กรันจ์ โดยพวกเขามักจะแยกเพลงเร็วออกไปเป็นแนวทาง แบบนูเมทัล ส่วนเพลงช้าเพลงขายก็เทมาทางโพสต์กรันจ์แบบเต็ม ๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือเพลง “Outside” จากอัลบั้ม “Break The Cycle” (2001)

เพลงช้ากับซาวด์สูตรสำเร็จทุกอย่างที่โพสต์กรันจ์ควรจะมี โดยเพลงนี้ถูกนำไปเล่นครั้งแรกในคอนเสิร์ต Family Values Tour ปี 1999 ซึ่งได้ Fred Durst นักร้องนำ Limp Bizkit มาช่วยร้องคอรัสให้ด้วย

เพลง “Outside” ยังถูกนำไปใช้ประกอบซีรีส์อีกมากมาย เช่น Lost, CSI, Without A Trace, Cold Case และ Cane


“HERE WITHOUT YOU”

3 DOORS DOWN

 

อีกหนึ่งเพลงบัลลาด/โพสต์กรันจ์ที่ติดตลาดอเมริกา เพลงนี้มีครบทุกสูตรที่พร้อมเป็นเพลงฮิตไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับความอกหัก, ดนตรีที่ไม่หนักจนเกินไป รวมไปถึงความไพเราะ แถมมีซาวด์จากเครื่องสายสุดอลังการ จึงไม่น่าแปลกใจที่ “Here Without You” จะสามารถครองใจแฟนเพลงชาวร็อกได้อย่างง่ายดาย

“Here Without You” เป็นผลงานจากอัลบั้มที่ 2 “Away from the Sun” (2002) และกลายเป็นผลงานอมตะของ 3 Doors Down มาจนถึงปัจจุบัน


“OPEN YOUR EYES”

ALTER BRIDGE

หลังจากที่วง Creed ยุบวงรอบแรกไปในปี 2004 ทำให้ 3 สมาชิกได้แก่ Mark Tremonti, Brian Marshall และ Scott Phillips ได้ร่วมกันออกมาก่อตั้งวง Alter Bridge โดยได้ Myles Kennedy มารับหน้าที่นักร้องนำ

พวกเขาเปิดตัวเพลงแรกด้วย “Open Your Eyes” ที่ซาวด์ของดนตรียังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของ Creed แต่มีความเข้มข้นและจัดจ้านมากกว่าเดิม ลูกโซโล่ของ Mark Tremonti สุดยอดเอามาก ๆ รวมไปถึงเสียงร้องของ Myles Kennedy ก็ทรงพลังจนทำเอาทุกคนลืม Scott Stapp (ร้องนำวง Creed) ไปเลย

ต้องยอมรับว่าพวกเขาเลือกเพลงเปิดตัวได้ดีและเพอร์เฟคมากจริง ๆ อีกทั้งยังส่งผลให้อัลบั้ม “One Day Remains” ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนเพลงเช่นกัน


“THE DAIRY OF JANE”

BREAKING BENJAMIN

สุดยอดเพลงฮิตของ Breaking Benjamin วงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟเมทัล/โพสต์กรันจ์ ที่มีความโดดเด่นตรงซาวด์สุดเกรี้ยวกราดซึ่งมันถูกสอดแทรกไว้ให้แฟนเพลงได้ฟังเสมอ

สำหรับเพลง “The Dairy Of Jane” เป็นผลงานจากอัลบั้ม “Phobia” (2006) ที่มันมีทั้งความเพราะ กับความหนักหน่วงโดยเฉพาะไลน์กลองที่รัวกระเดื่องได้มันมาก แต่ถึงแม้เพลงจะหนักแต่ด้วยเมโลดี้ที่เพราะก็ทำให้เพลงนี้ได้รับความนิยมมาก จนสามารถทำยอดขายซิงเกิ้ลได้ถึง 4 ล้านก็อปปี้เลยทีเดียว

ความสำเร็จของเพลงนี้ยังไม่จบ เพราะมันถูกเพิ่มเข้าไปใน Hollywood Records ในเวลาอันรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับผลงานของวงระดับตำนานอย่าง Queen เลยทีเดียว


“LIKE A STONE”

AUDIOSLAVE

Audioslave คือวงโพสต์กรันจ์/ร็อก ระดับซุปเปอร์กรุ๊ปที่เกิดจากการร่วมตัวระหว่างสมาชิกวง Rage Against The Machine และ Soundgarden ทำให้เราจะได้ยินเอกลักษณ์ของทั้ง 2 วงในเพลงเดียวกัน และสิ่งที่ชัดเจนมากคือเสียงร้องของ Chris Cornell และลูกเล่นกีตาร์ของ Tom Morello ซึ่ง “Like A Stone” สะท้อนสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นออกมาได้ดีมากจริง ๆ 

สำหรับ “Like A Stone” อยู่ในอัลบั้มชื่อเดียวกับวง ซึ่งเป็นอัลบั้มแรก วางจำหน่ายในปี 2002 และมันได้กลายเป็นผลงานระดับขึ้นหิ้งไปแล้ว เพราะ Audioslave ยุบวงไปเมื่อปี 2007 ก่อนจะกลับมารียูเนียนในปี 2017 แต่แล้วในเดือนพฤษภาคม Chris Cornell ก็ได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ 


แม้จะเป็นแนวดนตรีที่เคยโดนดูถูก แต่แท้จริงแล้วดนตรีทุกแนวต่างก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่ามันจะถูกจริตเราแค่ไหนเท่านั้นเองครับ

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line