World

THE PROFILES: SAMUEL L. JACKSON จากนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนสู่นักแสดงชายที่คนทั่วโลกรู้จัก

By: TOIISAN March 5, 2019

สำหรับคอหนังฮอลลีวูด หลาย ๆ คนต้องเคยดูหนังที่มี ซามูเอล แอล แจ็คสัน ร่วมแสดงสักเรื่องอย่างแน่นอน เพราะเขาคือชายที่มีผลงานในวงการฮอลลีวูดในบทบาทที่หลากหลายและแสดงหนังมากกว่า 100 เรื่อง วันนี้ UNLOCKMEN ไม่ได้จะพูดถึงบทบาทการแสดงของเขา แต่จะนำเสนอชีวิตอีกมุมหนึ่งของซามูเอลในฐานะชายผิวสีที่เคยพูดติดอ่างและนักต่อสู้เพื่อสิทธิและความเท่าเทียมที่มนุษย์ทุกคนพึงมี

therake

ซามูเอล แอล แจ็คสัน เติบโตมาในครอบครัวชาวอเมริกันผิวสีทั่วไป ทั้งชีวิตเขาเคยเจอพ่อแค่สองครั้ง เติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของตากับยาย ในขณะที่แม่ของเขาทำงานในโรงงานต่างเมืองโดยจะกลับมาเยี่ยมเขาแค่ช่วงคริสต์มาสกับวันหยุดฤดูร้อนเท่านั้น

นอกจากนี้ซามูเอลในวัยเด็กมีผิดความปกติด้านการพูดจากปัญหาการพูดติดอ่างซึ่งเป็นโรคที่พบได้ในเด็กบางส่วน แต่จะหายไปได้เองเมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 16 ปี แต่บางคนอาจจะพูดติดอ่างไปจนโตเลยก็มี

ถึงแม้จะมีปัญหาด้านการพูด แต่ซามูเอลเป็นเด็กมองโลกในแง่ดีและมีวิธีแก้ปัญหาในแบบแปลก ๆ เขาเล่าถึงการแก้ปัญหาพูดติดอ่างของตัวเองด้วยการมองมันเป็นเรื่องขำขัน แล้วพูดคำว่า “motherfucker” กับตัวเองบ่อย ๆ ทำให้เขาหายพูดติดอ่างไปเอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นความจริงรึเปล่าก็ไม่มีใครรู้ได้ แต่ปัจจุบันซามูเอลกลายเป็นชายพูดมากคนหนึ่งของวงการฮอลลีวูด อีกทั้งวลี “motherfucker” ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนจะคิดถึงเขาเมื่อได้ยินคำ ๆ นี้

Meme Generator

ช่วงชีวิตวัยรุ่นของซามูเอลไม่ได้คิดถึงเส้นทางอาชีพในวงการบันเทิงเลย เพราะเขามุ่งความสนใจไปยังเรื่องของสังคมและการเมืองแทน เขาสนใจเรื่องการรณรงค์สิทธิความเท่าเทียมของคนผิวสีในอเมริกา และใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักชีววิทยาทางทะเล

วลีที่ว่าสังคมจะส่งผลต่อความคิดคนอาจเป็นเรื่องจริง เพราะสังคมอเมริกาช่วงเวลาที่ซามูเอลเป็นวัยรุ่นนั้นเต็มไปด้วยการเปลี่ยนผ่านทางสังคม เป็นยุคแห่งการเดินขบวนที่ต่อยอดจากประเด็นร้อนปี 1955 กรณีหญิงผิวสีรายหนึ่งโดนจับเนื่องจากเธอปฏิเสธการสละที่นั่งบนรถเมล์ให้แก่ชายผิวขาว จนทำให้ผู้คนออกมาเดินขบวนเรียกร้องความเท่าเทียม เกิดการคว่ำบาตรระบบขนส่งหลายรัฐ นำโดยชายผิวสีชื่อ มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์

ซามูเอลก็เป็นหนึ่งในฝูงชนที่ร่วมเดินขบวนด้วยเช่นกัน ด้วยกระแสสังคมที่ร้อนแรงทำให้ในปี 1956 ศาลฎีกาตัดสินว่าการแบ่งแยกที่นั่งตามสีผิวบนรถเมล์เป็นเรื่องที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ

nonprofitquarterly

Hollywood Reporter

ต่อมาเมื่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอย่างมาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ โดนลอบสังหารในปี 1968 ซามูเอลเองก็ได้เข้าร่วมพิธีศพในฐานะหนึ่งในผู้ชุมนุมด้วย เขาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่อยากสานต่ออุดมการณ์ของมาร์ติน ลูเทอร์คิง จูเนียร์ ปีถัดมาซามูเอลและนักเรียนหลายคนของ Morehouse College จึงออกมาเรียกร้องให้สถานศึกษาปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาเพื่อให้นักศึกษาทุกสีผิวมีความเท่าเทียมกัน

อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องของเขาอาจดูคล้ายเป็นการแสดงความรุนแรงมากเกินไปเพราะเขาและเพื่อน ๆ ไม่ยอมให้คณะกรรมการวิทยาลัยออกจากห้อง จึงถือว่ากลุ่มนักศึกษาจับคณะกรรมการฯ เป็นตัวประกัน ทำให้เขาถูกตั้งข้อหาในคดีอาญาและถูกตัดสินว่ามีความผิดทางกฎหมาย จนโดนทัณฑ์บนเป็นเวลาสองปี

Watch The Yard

ช่วงเวลาที่เขาถูกทัณฑ์บน ซามูเอลได้พบกับขบวนการ Black Power ที่แยกตัวออกมาจาก Black Panther หรือที่เรียกกันว่าพรรคเสือดำซึ่งก่อตั้งในปี 1966 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องชาวแอฟริกัน-อเมริกันจากตำรวจเหยียดผิว เรียกร้องสิทธิเสรีภาพความก้าวหน้าของชาวผิวสีและช่วยเหลือเด็กยากไร้ แต่สำหรับ Black Power ที่แยกตัวออกมานั้นหลายคนมองว่ามีแนวคิดหัวรุนแรงมากกว่า

ซามูเอลเคยให้สัมภาษณ์ถึงช่วงเวลาตอนนั้นว่า เมื่อรู้จักกับขบวนการ Black Power ก็รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคม หวังให้สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน แต่เมื่อเขารู้จักกับคนในขบวนการที่รัฐบาลมองว่ามีความคิดหัวรุนแรง สิ่งที่ตามมาคือซามูเอลถูกจับตามองโดยทางการ จนวันหนึ่งแม่ของซามูเอลตัดสินใจบอกเขาว่ามีเจ้าหน้าที่ FBI มาคุยกับเธอและเตือนว่าถ้าหากยังยุ่งเกี่ยวหรือมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่ม Black Power ต่อไปเขาอาจเสียชีวิตได้

Blacklanderz

แม้เขาจะเป็นนักเรียกร้องสิทธิฯ ตัวพ่อ แต่ในบทสัมภาษณ์ของ Vogue ปี 2018 เขาปฏิเสธว่าตัวเองไม่เคยเป็นสมาชิกของพรรคหรือขบวนการใด ๆ และยืนยันว่าเขาเป็นเพียงแค่ชายคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เรื่องสิทธิความเท่าเทียมเท่านั้น

 “I would like to think because of the things I did, my daughter can do the things that she does. She barely has a recognition that she’s black”

ซามูเอลกล่าวว่าตัวเขาเองต้องคิดถึงเรื่องสิทธิความเท่าเทียม เพราะลูกสาวของเขาแทบจะไม่ได้รับการยอมรับเพียงเพราะว่าเป็นคนผิวดำ ซึ่งคำพูดของเขาสะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่ทำ การเรียกร้องต่าง ๆ เขาไม่ได้คิดถึงตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่เขาทำเพื่อคนที่เขารัก

ปี 1972 ซามูเอลกระโดดเข้าสู่วงการภาพยนตร์ด้วยการมีส่วนร่วมในหนังอินดี้กึ่งสารคดีเรื่อง Together for Days (ตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Black Cream) ที่เล่าเรื่องราวของนักกิจกรรมหนุ่มผิวสีหัวรุนแรงและหญิงสาวผิวขาว ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดช่วงต้นทศวรรษ 1970 จากนั้นเขาผันตัวเองมาเป็นนักแสดงละครบอร์ดเวย์ ใช้เวลาหลายปีเผชิญหน้ากับปัญหาการเสพติดโคเคน เฮโรอีน และติดแอลกอฮอล์เรื้อรังจนต้องเข้ารับการบำบัด จากนั้นจึงเข้าสู่วงการฮอลลีวูดด้วยการแนะนำของมอร์แกน ฟรีแมน

เมื่อเข้าสู่โลกฮอลลีวูด ซามูเอลกลายเป็นชายที่มีบทหลากหลายจากบทต่าง ๆ ที่เขาได้รับ ไม่ว่าจะเป็นโจร ตำรวจ นักฆ่า เจได ทหาร พ่อบ้าน หรือขี้ยา เรียกได้ว่าเขารับบทเป็นแทบทุกอาชีพในโลกนี้แล้ว แต่เมื่อเขาได้รับบทเป็น Nick Fury หัวหน้าหน่วย S.H.I.E.L.D จากภาพยนตร์ฮีโร่ของ MCU ก็เกิดกระแสความไม่พอใจของแฟนคลับการ์ตูน Marvel บางกลุ่มว่าจริง ๆ แล้ว Nick Fury จะต้องเป็นชายผิวขาววัยกลางคน

แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังได้เป็น Nick และจากบทบาทตัวละครนี้เองที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ รวมถึงวัยรุ่นยุคนี้รู้จักและจำเขาได้

A Matter of Scale

Slashfilm

จากช่วงชีวิตทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าซามูเอลเป็นชายที่ต่อต้านความรุนแรงและเกลียดความไม่เท่าเทียม ล่าสุดเขาออกมาโต้ตอบนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องให้ครูในสหรัฐฯ พกอาวุธปืนมาสอนที่โรงเรียนได้ หลังจากเหตุการณ์สังหารหมู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริดาโดยซามูเอลออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “ใครที่เคยอยู่ท่ามกลางดงกระสุน ช่วยบอกทรัมป์ทีว่ามันเป็นอย่างไร อย่าเอามือด่างพร้อยของตัวเองมายุ่งกับแผนการสอนของครูเลย” ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ซามูเอลออกมาโจมตีทรัมป์ และชี้ว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด

Vogue Man Arabia

ถึงแม้จะยุ่งอยู่กับการทำงานในวงการบันเทิงแต่ซามูเอล แจ็คสัน ก็ไม่เคยลืมอุดมการณ์วัยหนุ่มของตัวเอง เขาร่วมแข่งกอล์ฟเพื่อการกุศล Gary Player Player เพื่อช่วยระดมรายได้ส่งไปช่วยเหลือเด็ก ๆ ในทวีปแอฟริกาใต้

รวมถึงการร่วมแคมเปญการกุศลขององค์กร Prizeo เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ในปี 2013 และยังเป็นประธานองค์กร One For the Boys รณรงค์ให้ผู้ชายตระหนักถึงโรงมะเร็งต่อมลูกหมาก เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มักมองข้ามปัญหาสุขภาพ หรืออายเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้ ทำให้เขาและคนในวงการบันเทิงพยายามกระตุ้นให้ผู้คนใส่ใจสุขภาพของตัวเองมากขึ้น

Tempus Magazine

ไม่ใช่แค่บทบาทท้าทายมากมายที่ซามูเอล แอล แจ็คสันที่ทำให้คนทั่วโลกจดจำเขาได้ แต่ในโลกของความจริงเขาก็ได้สร้างเรื่องราวในแบบตัวเอง ผ่านการต่อสู้เรื่องสิทธิฯ ช่วยเหลือผู้คน และได้ส่งต่อแรงบันดาลใจมากมายให้กับผู้คนด้วยเช่นกัน

SOURCE1 SOURCE2 SOURCE3

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line