MUSIC

“IN THE END” บทเพลงระดับไอคอนิกแห่งยุค Y2K ผลงานที่ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักกับ LINKIN PARK

By: JEDDY February 8, 2023

ช่วงนี้กระแส Y2K ฮอตฮิตเป็นอย่างมากไปทั่วโลก มันเป็นปลุกไลฟ์สไตล์หลาย ๆ อย่างในปี 2000 ในกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากนัก เพราะแฟชั่นพอผ่านไปจุดหนึ่งมันก็จะถูกนำกลับมาเล่าใหม่อีกครั้งอยู่เป็นประจำ 

แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกันว่ากระแสดังกล่าวที่ได้เกิดขึ้น มันก็มีส่วนทำให้เรานึกถึงอดีตที่เคยสนุกสนานกันในปี 2000 รวมไปถึงนึกถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่ในยุคนี้ไม่สามารถทำได้แบบเดิมแล้ว และยังทำให้เรานึกถึงบทเพลงในยุคนั้นเช่นกัน ซึ่ง 1 ในเพลงที่สร้างปรากฏการณ์ในช่วง Y2K ไปทั่วโลก มันคือ “In The End” ของวง Linkin Park นั่นเอง


“In The End” คือผลงานจาก “Hybrid Theory” อัลบั้มแรกของวง Linkin Park ที่วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2000 ซึ่งมันก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวร็อกและแฟนเพลงในยุคนูเมทัลเป็นอย่างมาก เพราะวง Linkin Park สามารถเบลนด์เอาความหนักหน่วงเข้ากับสัดส่วนของเพลงป๊อปได้อย่างลงตัว แต่ละเพลงในอัลบั้มล้วนฟังง่ายแต่ไม่ทิ้งความมันส์ รวมไปถึงสามารถฟังได้ทุกเพศทุกวัย เพราะในอัลบั้มนี้ปราศจากคำหยาบ ทำให้ผู้ปกครองสบายใจที่จะปล่อยให้ลูกหลานได้ฟัง 

“In The End” ถูกปล่อยมาเป็นซิงเกิ้ลที่ 4 ต่อจาก “One Step Closer”, “Crawling” และ “Papercut” โดย มันถูกโปรโมตอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ตุลาคม ปี 2001 ซึ่งห่างจากวันปล่อยอัลบั้มไปเกือบ 1 ปีเลยทีเดียว แต่นั่นมันก็กลายเป็นผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะ “In The End” กลายเป็นเพลงฮิตระดับปรากฏการณ์ที่ส่งให้ชื่อของวง Linkin Park เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก


“In The End” อินโทรด้วยการเล่นริฟฟ์เปียโนสุดติดหูของ Joe Hahn ก่อนจะปรับพาร์ตเข้าสู่การแร็ปของ Mike Shinoda และส่งเข้าท่อนฮุคสุดทรงพลังด้วยเสียงร้องของ Chester Bennington โดยจุดพีคของเพลงนี้อยู่ที่ท่อนเวิร์ส 3 ที่ Chester ระเบิดอารมณ์ในท่อนที่ร้องว่า

“I’ve put my trust in you, Pushed as far as I can go For all this There’s only one thing you should know”

ท่อนนี้มันเปรียบเสมือนไคลแมกซ์ของเพลงที่ระบายเกี่ยวกับช่วงเวลาอันดิ้นรนและความเจ็บปวดในการใช้ชีวิตของ Chester ในช่วงที่เขาได้เติบโตมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามักจะได้ยินในบทเพลงของวง Linkin Park อยู่เป็นประจำ


และอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนจดจำได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ MV ที่โดดเด่นด้วยการใช้ CGI อนิเมชั่น ช่วยเนรมิตฉากสุดอลังการให้สมาชิกทั้ง 6 คนของ Linkin Park ได้หลุดไปยังโลกในจินตนาการ ส่วนการถ่ายทำเกิดขึ้นในสตูดิโอ ของเมืองลอสแอนเจลิส อีกทั้งยังมีการเซตฉากและรูปปั้นขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้เห็นใน MV นั่นเอง ส่วนการกำกับเป็นหน้าที่ของ Joe Hahn มือเทิร์นเทเบิ้ลสัญชาติเกาหลีของวง และ Nathan Cox ผู้เคยร่วมงานกับวง System Of A Down, Disturbed รวมไปถึง MV เพลง “Papercut” และ “Points of Authority” ของวง Linkin Park ด้วยเช่นกัน


“In The End” โด่งดังถึงขนาดขึ้นไปติดอันดับ 2 บนบิลบอร์ดชาร์ต 100 รวมถึงยังติดชาร์ตระดับท็อปอีกหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน ช่วงที่เพลงพีค ๆ ยังเคยถูกมือดีเอามารีมิกซ์เป็นเพลงสามช่ามาแล้ว อีกทั้งยังสามารถทำยอดขายรวมทุกยูนิตได้มากเกิน 6,000,000 ก็อปปี้ และมีส่วนช่วยให้อัลบั้ม  “Hybrid Theory”  หลายสิบล้านยูนิต โดยในปัจจุบันมียอดเข้าชม MV มากถึง 1.4 พันล้านครั้ง

อย่างไรก็ตามแม้ตัวเพลงจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่ในตอนแรก Chester Bennington กลับไม่รู้สึกชอบเพลงนี้ “In The End” ซักเท่าไหร่ แต่ภายหลังเขาก็ยอมรับมัน และรู้ดีว่าเพราะเพลงนี้ทำให้เขาได้ประสบความสำเร็จในอาชีพศิลปิน รวมถึงเราไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า “In The End” คือเพลงระดับไอคอนิกของยุค Y2K โดยแท้จริงครับ

 

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line