Music

PLAYLIST เอาใจแฟน LP! กับ 10 สุดยอดเพลงของ LINKIN PARK ที่ทำยอดวิวทะลุ 100 ล้านบน YouTube

By: JEDDY February 24, 2022

Linkin Park คือหนึ่งในวงร็อกที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในวงการดนตรี พวกเขาประสบความสำเร็จกับทั้งยอดขายของซิงเกิ้ลและอัลบั้ม รวมถึงยังได้ออกเดินทางเพื่อเล่นคอนเสิร์ตไปทั่วโลก

ถึงแม้ว่าวันนี้เราอาจจะไม่ได้เห็นการกลับมาของ LP อีกแล้ว แต่ผลงานที่ฝากเอาไว้มันยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง และหลาย ๆ เพลงก็มียอดวิวที่ถล่มทลายเกิน 1 พันล้านวิว เรามาดูกันดีกว่าว่า 10 เพลงที่มียอดวิวในสูงสุดในยูทูปของ Linkin Park มีเพลงอะไรกันบ้าง


1. ”NUMB” 1,749,380,980 views/ Meteora (2003) 

แม้จะเป็นผลงานจากอัลบั้มที่ 2 แต่ยอดวิวกลับนำโด่งขึ้นมาอยู่อันดับ 1 สำหรับเพลง “Numbs” ที่ตัวดนตรีมาพร้อมสูตรฮิตกดอัลติของวงด้วยเมโลดี้จากคีย์บอร์ดที่กดวนอยู่ไม่กี่ตัวโน๊ต การแบ่งพาร์ตการร้องในเพลงนี้ก็ถูกดีไซน์มาให้จดจำง่าย เข้าสูตรเพลงป๊อปแบบ 100% และเน้นเสียงร้องแบบปกติเป็นหลัก ปราศจากท่อนแร็ปและท่อนสครีม แต่เนื้อหายังคงแสดงความเจ็บปวดในแบบ Linkin Park ได้เป็นอย่างดี

จริง ๆ แล้วจะบอกว่าเพลงนี้คือเพลงบัลลาดแห่งยุคนูเมทัลก็คงไม่ผิดแต่อย่างใด


2. ”IN THE END” 1,332,958,650 views/ Hybrid Theory (2000)

บทเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้ Linkin Park กลายมาเป็นวงระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ เป็นบทเพลงที่หลอกล่อด้วยเมโลดี้ติดหูแบบเดียวกับเพลง “Numbs” ดนตรีเพลงนี้อยู่ในระดับกลาง แบ่งพาร์ตทั้งท่อนแร็ปและท่อนร้องอย่างชัดเจน จังหวะดนตรีไม่ช้าไม่เร็วและที่สำคัญไม่หนักจนเกินไป ส่งผลให้เพลงได้รับความนิยมอย่างมหาศาล ได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั่วโลกไม่เว้นแม้กระทั่งในบ้านเรา สามารถทำยอดขายซิงเกิ้ลได้มากถึง 4 ล้านก็อปปี้ (เฉพาะในอเมริกา) 


3. ”WHAT I’VE DONE” 552,729,514 views/ Minutes To Midnight (2007)

ผลงานจากอัลบั้มที่ 3 ของทางวงที่ได้ร่วมงานกับ Rick Rubin โปรดิวซ์เซอร์สุดอัจฉริยะของวงการดนตรี ทำให้ซาวด์ในอัลบั้มนี้มีความแตกต่างจาก 2 อัลบั้มแรกค่อนข้างมากทีเดียว และบทเพลงที่โด่งดังที่สุดในผลงานชุดนี้คือ “What I’ve Done” นอกจากความกลมกล่อมของดนตรีแล้ว เพลงนี้ยังได้ถูกนำไปประกอบภาพยนตร์เรื่อง Transformers ภาคแรกอีกด้วย ซึ่งทั้งเพลงและภาพยนตร์ก็ประสบความสำเร็จทั้งคู่ เข้าสูตรเพลงดีหนังเด็ด ส่วนยอดวินก็ถือว่าห่างจาก “In The End” ค่อนข้างมากเลยทีเดียว


4. ”CASTLE OF GLASS” 520,969,581 views/ Living Things (2012) 

แม้จะเป็นผลงานในยุคหลัง ๆ ของวง Linkin Park แต่เพลง “Castle Of Glass” ก็ได้รับการตอบรับที่ดีไม่ต่างจากยุคแรก

ดนตรีเพลงนี้ไม่ได้มาแบบหนักแน่น แต่เน้นการไหลลื่นไปกับซาวด์สังเคราะห์เป็นหลัก ซึ่งมันคือพื้นฐานทางดนตรีในระยะหลังของทางวงนั่นเอง

ส่วนหนึ่งทำให้เพลงมาไกลได้ขนาดนี้มาจากชาว Gamers เพราะในเอมวี “Castle Of Glass” มีการใส่ฟุตเทจเกม Medal of Honor Warfighter เข้าไปด้วยนั่นเอง และทาง Mike Shinoda ยังมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงประกอบเกม จำนวน 2 เพลงด้วยกัน


5. ”NEW DIVIDE” 512,749,363 views/ Transformers: Revenge of the Fallen (2009)

ซิงเกิ้ลพิเศษกับการร่วมงานระหว่าง Linkin Park และภาพยนตร์ Transformers อีกครั้ง เพลงนี้น่าจะถูกอกถูกใจแฟนเพลงในยุคแรกได้พอสมควรเลย เพราะมันมีความหนักแน่นและบรรยากาศที่คุ้นเคยให้ฟังตลอดระยะเวลา 4:28 นาที แม้จะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์แต่พวกเขาก็สามารถทำยอดขายซิงเกิ้ลได้มากกว่า 4 ล้านก็อปปี้เลยทีเดียว


6. ”CRAWLING” 343,636,221 views/ Hybrid Theory (2000)

ผลงานแห่งความสดใหม่ที่ปรากฏออกมาในอัลบั้มแรกของ Linkin Park บทเพลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันเกรี้ยวกราดที่สาดออกมาให้เราสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายไม่เว้นแม้แต่ Chris Martin แห่งวง Coldplay ที่หยิบเพลงนี้มาบรรเลงพร้อมกับเปียโนเพื่อรำลีกถึงการจากไปของ Chester Bennington อีกด้วย


7.”FAINT” 341,972,193 views/ Meteora (2003)

นี่คือหนึ่งในบทเพลงเดือด ๆ ที่ติดท็อปเทนของยอดวิวเข้ามาด้วย จริง ๆ แล้วซาวด์ของเพลงนี้ Linkin Park ได้เบลนด์เอาความหนักแน่นของดนตรีเข้ามากับความซอฟต์ได้อย่างลงตัว เราได้ยินซาวด์กีตาร์ที่ไม่แสบแก้วหูจนเกินไป ส่วนท่อนพีคคงต้องยกให้การระเบิดพลังเสียงสครีมของ Chester ที่ทำได้สะใจสุด ๆ แต่น่าเสียดายเพลงนี้ในเวอร์ชั่นที่เปิดตามวิทยุดันตัดท่อนแหกปากออกไปซะอย่างงั้น เสียอรรถรสในการฟังเป็นอย่างมาก


8. ”BURN IT DOWN” 329,916,893 views/ Living Things (2012)

ตอนที่นั่งชม MV นี้จริง ๆ ยอดวิวใกล้เข้าไปแตะหลัก 330 ล้านวิวแล้ว อีกหนึ่งผลงานจากอัลบั้มที่ 5 ของทางวง ซาวด์ในเพลงนี้ทางวงได้ทดลองนำซาวด์สังเคราะห์มาใส่สร้างมิติหลากหลายให้กับดนตรี มีกลิ่นอายของอินดรัสเตียลเติมเข้ามาให้ฟังด้วย และอีกส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือตัว MV ที่แม้จะถ่ายเป็นเพียงไลน์ซิงค์ของวง แต่ก็โดดเด่นด้วย CG และเอฟเฟคต่าง ๆ ที่ใส่ประกอบเข้ามา ซึ่งมันถูกกำกับโดย Joe Hahn มือเทริ์นเทเบิ้ลของวงนั่นเอง


9. ”BREAKING THE HABIT” 277,040,433 views/ Meteora (2003)

ผลงานเพลงนี้มาพร้อมกับรสชาติทางดนตรีที่แตกต่างจากเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้ม Meteora โดยสิ้นเชิง เพราะมันปราศจากเสียงแตกของกีตาร์ แต่ถูกใส่เสียงคลีนและเสียงของเครื่องสายเข้ามาแทน เดิมทีเพลงนี้ทางวงมีแพลนที่จะทำเป็นเพียงเพลงบรรเลง แต่สุดท้ายมันก็ถูกนำมาใส่เสียงร้องของ Chester Bennington ที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างเข้าถึงตัวดนตรี ส่วน MV เพลงนี้มาในรูปแบบอนิเมชั่น ที่ได้ Kazuto Nakazawa จาก Studio Gonzo บริษัทผลิตอนิเมะจากประเทศญี่ปุ่นที่เคยมีส่วนร่วมในภาพยนตร์เรื่อง Kill Bill มาสร้างสรรค์ผลงานให้ 


10. “SOMEWHERE I BELONG” 235,734,392 views/ Meteora (2003)

ซิงเกิ้ลเปิดตัวจากอัลบั้ม Meteora ที่ยังคงกลิ่นอายของซาวด์จากอัลบั้ม Hybrid Theory แต่นั่นเป็นการเลือกเพลงแรกได้อย่างชาญฉลาด เพราะมันทำให้แฟน ๆ ที่มีความรอยัลตี้ในผลงานชุดแรกรู้สึกว่าตัวตนของวงยังไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด เราจะได้ยินทั้งเสียงแสครชแผ่นจากเทิร์นเทเบิ้ล, ริฟฟ์กีตาร์ที่ไม่ซับซ้อน, จังหวะดนตรีกรูฟชวนโยกตาม รวมไปถึงเสียงร้องท่อนแร็ปและท่อนร้องปกติที่แบ่งพาร์ตกันอย่างชัดเจนระหว่าง Mike และ Chester

 

 

ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่า 4 จาก 10 เพลงจะมาจาก “Meteora” อัลบั้มที่ 2 ของทางวง หากมาลองวิเคราะห์ดูก็พอจะเข้าใจได้ว่าผลงานชุดนี้มันเป็นการตกผลึกมาจากอัลบั้ม “Hybrid Theory” พวกเขาได้เรียนรู้และจัดการมันให้คนฟังรู้สึกย่อยง่ายกว่าเดิมนั่นเอง

อย่างไรก็ตามทางวงได้หยุดการปล่อยผลงานใหม่นับตั้งแต่การเสียชีวิตของ Chester Bennington เมื่อปี 2017

แฟนเพลงยังคงต้องลุ้นกันต่อไปว่าเราจะได้เห็น Linkin Park กลับมาโลดแล่นบนโลกของเสียงดนตรีอีกครั้งหรือไม่ครับ

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line