Entertainment

ULM Playlist – ครบรอบเบญจเพส อัลบั้มยอดเยี่ยมปี 1996 ที่ครองใจมาตลอด 25 ปี

By: Chaipohn October 11, 2021

วัยเบญจเพสสำหรับใครต่อใคร อาจจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ที่ย่างก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว

ในโลกของดนตรีก็ไม่ต่างกัน เพราะช่วงปี 1996 หรือ 25 ปีที่ผ่านพ้นไปนั้น มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในโลกของดนตรี ไม่ว่าจะเป็นช่วงอิ่มตัวของของดนตรี Britpop การทวงบัลลังก์ของดนตรีฟากฝั่งอเมริกา การหาแนวทางใหม่ของวงดนตรีรุ่นใหญ่ และการแจ้งเกิดของวงดนตรีรุ่นใหม่ รวมไปถึงการกลับมาของเทรนด์ Boy Band / Girl Group

จึงทำให้ ปี 1996 เป็นอีก 1 ปีที่น่าจดจำสำหรับนักฟังเพลง ที่ต้องการฟังเพลงอันหลากหลาย และเป็นสิ่งที่น่าศึกษาไม่ใช่น้อย ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990s นี้ มีเสน่ห์อะไรที่ยังตราตรึงหูของนักฟังเพลง ที่ยังคงหยิบอัลบั้มในปีนี้มาฟังจวบจนทุกวันนี้

บทความนี้เราจะพาทุกคนย้อนเวลาไปสัมผัสช่วงปีที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของการฟังเพลงร่วมกัน

 

Manic Street Preachers – Everything Must Go

การหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1995 ของสมาชิกหลักของวงอย่าง Richey Edwards นำมาซึ่งความช็อคของแฟนเพลง และสมาชิกทั้ง 3 ที่เหลือ จน James Dean Bradfield, Nicky Wire และ Sean Moore ต้องทบทวนชีวิตครั้งสำคัญ ว่าหลังจากนี้ Manic Street Preachers จะไปต่ออย่างไรเมื่อขาดหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของวงไป และ Everything Must Go คือคำตอบและชื่ออัลบั้มอันแสนยิ่งใหญ่ของช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้

จากอัลบั้มชุดที่แล้ว The Holy Bible (1994) พวกเขาได้ลดทอนความเกรี้ยวกราดลง แต่เพิ่มความงดงามของเครื่องสายเพื่อแต่งเติมเสริมความไพเราะ ด้วยเนื้อเพลงปรัชญาแห่งชีวิตที่เจือทั้งความหมองเศร้าและความสวยงามเข้าไป การกลับมาของพวกเขาจึงเปรียบเสมือนการเดินทางบนเส้นทางสายใหม่ ที่เต็มไปด้วยความเข้าใจชีวิต การรับมือกับความสูญเสีย และการเยียวยาตัวเองด้วยการเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

On This 2021 การค้นหา Richey Edwards ยุติลงเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2008 โดยเปลี่ยนจากการแจ้งหายสาปสูญเป็นเสียชีวิต ส่วน Manic Street Preachers ภายหลังจากการออกอัลบั้ม Everything Must Go พวกเขาก็สลัดภาพ “ผู้ก่อการร้ายแห่งยุคสมัย” เป็นวงดนตรีที่จัดจ้านในการทำเพลงที่ยังคงสร้างสรรค์ผลงานจวบจนปัจจุบัน โดยล่าสุดพวกเขาเพิ่งจะออกอัลบั้มชุดที่ 14 The Ultra Vivid Lament ที่หวนกลับมาเล่าความเศร้าในมุมมองของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเฉียบคมเช่นเคย

 

Beck – Odelay

หากจะจำกัดนิยามทางดนตรีให้กับอัลบั้ม Odelay ของ Beck ว่าอัลบั้มนี้ควรให้อยู่ในแนวทางไหน มันก็คงคลุมเครือไม่ต่างกับไอ้ตัวประหลาดที่กำลังโดดข้ามรั้วดังที่เห็นในหน้าปกอัลบั้มชุดนี้นี่แหละ เพราะอัลบั้มชุดที่ 5 นี้ ผสมปนเปแนวทางดนตรีประดุจต้มจับฉ่ายหม้อใหญ่ที่คราคร่ำไปด้วยส่วนผสมทั้ง Rock, Folk Rock, Hip-Hop, Neo-Psychedelia ที่ทดลองผสมปนเปจนได้ซาวด์ออกมาเป็น Beck Sound อย่างที่ได้ยินกัน ทำให้อัลบั้มชุดนี้กลายเป็นที่กล่าวขวัญอย่างรุนแรง โดยเฉพาะฟากฝั่งอังกฤษที่ยกย่องอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มแห่งปีจน Beck ที่เป็นศิลปินอเมริกันแทบจะโอนสัญชาติไปอยู่ประเทศนั้นให้รู้แล้วรู้รอด

และผลตอบรับท่ามกลางซาวด์ที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญนี้ ทำให้ Beck เป็นหัวหอกสำคัญของดนตรียุคใหม่ ท่ามกลางซีนดนตรีในอเมริกาที่เต็มไปด้วยวงร็อคหนักๆมากมายในยุคนั้น ต่างก็ซูฮกศิลปินสุดเนิร์ดคนนี้ว่าเป็นศิลปินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยซาวด์บ้าคลั่งอย่างแท้จริง

On This 2021 Beck ยังคงเป็นศิลปินจอมขยันที่ทำอัลบั้มอย่างไม่หยุดหย่อนจวบจนปัจจุบัน โดยที่เขาได้รับการยอมรับในฐานะพ่อมดผู้สร้างซาวด์แปลกใหม่อยู่เสมอ ล่าสุดเขาได้จับมือกับองค์การนาซ่า นำเพลงในอัลบั้มล่าสุด Hyperspace เสนอวิสัยทัศน์ผ่านมุมมองของดวงดาวนอกโลกอันแปลกตาอีกด้วย

 

Suede – Coming Up

การจากกันด้วย(ไม่)ดี ระหว่าง Brett Anderson กับ Bernard Butler ทำให้แฟนๆต่างจับตามองว่า Suede ยามไร้ซึ่งกีตาร์ขั้นเทพอย่าง Bernard นั้นจะเป็นอย่างไร แต่ท้ายที่สุด Brett ก็สะบัดบ็อบด้วยการเพิ่มเติมสมาชิกใหม่เข้าไปโดยให้ Richard Oakes สวมรอยแทนมือกีตาร์คนเก่า และเพิ่ม Neil Codling ในตำแหน่งมือคีย์บอร์ด ผลลัพธ์คือ Suede ยุคใหม่ได้สละความเศร้าหมองจาก 2 อัลบั้มก่อนโดยสิ้นเชิง และเปิดประตูต้อนรับความสนุกผ่านซาวด์ Britpop ที่ผสมผสานซาวด์ New Wave ชวนคึกได้อย่างลงตัว เพียงซิงเกิ้ลเปิดตัว Trash ก็ทำให้แฟนๆลืมซาวด์เก่าๆได้โดยสิ้นเชิง และตอกย้ำความสนุกและความเปรี้ยวด้วยซิงเกิ้ล Beautiful Ones ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาก้าวข้ามปัญหาและความทุกข์ระทม และเปิดรับความสนุกและความเก๋ได้อย่างไม่เป็นปัญหาอะไร

Coming Up อาจจะทำให้แฟนเพลงชุดเก่าที่คาดหวังจะฟังซาวด์หม่นๆต้องผิดหวัง แต่ Suede ทาบทับด้วยเพลงที่สนุกเพื่อบอกกับคนฟังว่า “เราจะเศร้ากับอดีตอยู่ใย ทำไมไม่สนุกสุดเหวี่ยงจนลืมโลกไปล่ะ” ซึ่งพวกเขาทั้ง 5 ก็สร้างปรากฏการณ์กระหึ่มด้วยบทเพลงสุดแจ่มที่ไม่มีใครลืมได้ลงจวบจนปัจจุบัน

On This 2021 แม้ทั้ง Brett และ Bernard จะกลับมาคืนดีและทำโปรเจกต์ร่วมกันในนาม The Tears ก่อนจะแยกย้าย เนื่องจากเส้นทางของทั้ง 2 แตกต่างเกินจะกลับมาได้ดังเดิม แต่ Suede ก็ยังพิสูจน์ตัวตนผ่านร้อนผ่านหนาวในอัลบั้มใหม่ๆอยู่เสมอ โดย Suede มีอัลบั้มล่าสุดที่ชื่อ The Blue Hour (2018) ส่วน Bernard เดินสายเป็นมือปืนรับจ้าง และเพิ่งออกอัลบั้มร่วมกันกับ Catherine Anne Davies หรือ The Anchoress ในอัลบั้ม In Memory of My Feelings (2020) เมื่อปีที่แล้ว

 

Placebo – Placebo

แม้ปี 1996 จะยังคงยุค Britpop ครองเมือง ที่เต็มไปด้วยวงดนตรีที่ทำเพลงราวกับถ่ายเอกสารกันมา แต่ Placebo ก็สามารถฝ่าวงล้อมของดนตรีที่คนฟังหลายคนเริ่มเบื่อหน่ายกันแล้ว ด้วยการทำ Pop Punk อันแสนจัดจ้าน ผสมผสานกับ Lo-Fi ที่อื้ออึงไปด้วย Noise Sound สุดหนักหน่วง Placebo คืออัลบั้มเปิดตัวของพวกเขาที่สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงในการเผยตัว ไม่ว่าจะด้วยรสนิยมทางเพศในแบบไบเซ็กช่วลของ Brian Molko หรือมุมมองโลกในแง่ลบอันแสนหดหู่ ท่ามกลางดนตรีที่กู่ก่องตะโกนร้องในรูปแบบ Punk พวกเขาจึงเป็นความหวังของโลกดนตรียุคใหม่ และพร้อมทำลายกรอบของวัฒนธรรม Britpop ให้แตกกระจุย โดยเฉพาะซิงเกิ้ล Nancy Boy ซิงเกิ้ลที่สรุปตัวตนของพวกเขาอย่างชัดเจน

On This 2021 หลังจากที่รอคอยกันมานานแสนนาน ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาในซิงเกิ้ลล่าสุด Beautiful James ที่ยังคงไว้ซึ่งเส้นเสียงลายเซ็นและความเปรี้ยวของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลง โดย Placebo ได้บอกข่าวดีว่าอัลบั้มของพวกเขาจะมาในอีกไม่นาน อดใจรอไม่ปีนี้ก็ปีหน้าได้ฟังกันอย่างแน่นอน

 

Kula Shaker – K

ความแปลกและแตกต่างมักเป็นจุดขายได้เสมอ เช่นวง Kula Shaker วง Britpop ที่นำซาวด์ภารตะ Psychedelic ที่เคยเรืองรองในอดีต กลับมาปัดฝุ่นให้เป็นซาวด์สมัยใหม่ในยุคนั้น ผลลัพธ์ที่ได้คือความดังแบบฉุดไม่อยู่ ด้วยยอดขายที่เร็วและแรงเป็นประวัติการณ์ในยุคนั้น แต่นักวิจารณ์ในยุคนั้นก็แบ่งเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน ฝ่ายที่ชอบก็จะสรรเสริญอย่างไม่ลืมหูลืมตา ส่วนที่ด่าก็ด่าแบบไม่มีที่ยืน ซึ่งส่วนใหญ่ที่มองในแง่ลบก็ตรงการนำดนตรีอินเดียมาผสมผสานแบบไม่มีความลึกซึ้งอะไร มองว่าเป็นเพียงจุดขายที่ทำเก๋ๆแต่ไม่มีชั้นเชิง

แต่สุดท้ายความดังชนะทุกสิ่ง เพราะในช่วงเวลานั้นวงก็ได้รับการโอบอุ้มอย่างดี โดยเฉพาะวงรุ่นพี่อย่าง Oasis ที่เอ่ยปากชมพวกเขาไม่ขาดปากและชวนไปเป็นวงเปิดในช่วงที่รุ่งเรือง และเราไม่อาจลืมเลือนซิงเกิ้ลสุดเจ๋งอย่าง Govinda, Tattva หรือ Hey Dude ได้เลย ซึ่งบทเพลงเหล่านี้ก็ข้ามกาลเวลาสร้างความเจ๋งจวบจนปัจจุบัน และแน่นอนว่าอัลบั้ม K ก็ก้าวข้ามอคติที่ผู้คนดูแคลนมาได้อย่างสง่างาม

On This 2021 แม้ในช่วงต้นวงจะไปกันไม่รอด จนสิ้นสุดทางใครทางมันในตอนปี 1999 แต่ในที่สุดวงก็กลับมารวมตัวและออกอัลบั้มอีกครั้งเมื่อปี 2007 และร่วมกันทำดนตรีจนถึงทุกวันนี้ โดยอัลบั้มล่าสุดคือ K 2.0 ที่ออกในปี 2016 โดยนักร้องนำ Crispian Mills ได้หันเหไปเป็นผู้กำกับหนังโดยมีหนังสยองขวัญอย่าง Slaughterhouse Rulez (2019) เป็นผลงานล่าสุด

 

Ash – 1977

วงไอริช Punk Rock ที่ประกายความคาดหวังตั้งแต่มินิอัลบั้ม อย่าง Trailer ที่สร้างความมันส์สะใจในซาวด์ Pop Punk ได้อย่างถึงใจ และในที่สุดพวกเขาก็ได้คลอดอัลบั้มแรกอย่างเต็มตัวในปีนี้ 1977 คือชื่ออัลบั้มที่แทนปีเกิดของสมาชิก 2 ใน 3 และเป็นปีที่ก่อเกิดหนังอย่าง Star Wars รวมไปถึงปีที่ดนตรี Punk เข้าสู่กระแสหลักอย่างเป็นทางการ พวกเขาจึงหลอมรวมความชอบในวัฒนธรรม Punk ตั้งแต่ยุค Garage Rock มาจนถึง Grunge มารวมเป็น Power Pop สุดพลัง ซึ่งความสนุกของอัลบั้มนี้ก็เป็นเครื่องการันตีว่าพวกเขาทั้ง 3 คือความหวังและตัวแทนของวัยรุ่นหัวใจเด็ก ที่พร้อมกระโดดโลดเต้นไปกับความทรงจำและความสนุกสุดมันส์แบบไม่มีหยุดพักได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เพียงแค่พวกเขาจะดังในบ้านเกิดเท่านั้น แต่ในยุคนั้น Ash ก็ดังเปรี้ยงและบินมาแสดงในบ้านเราบ่อยไม่แพ้กัน

On This 2021 ยังคงเป็นวงที่อยู่ยงคงกระพัน และยังปล่อยอัลบั้มอย่างไม่หยุดพัก โดยอัลบั้มล่าสุด Islands (2018) พวกเขาก็ยังคง Punk กันอย่างต่อเนื่อง และปีที่แล้วพวกเขาก็เพิ่งออกอัลบั้มรวมฮิต Teenage Wildlife: 25 Years of Ash (2020) เฉลิมฉลองวัยเบญจเพสบนเส้นทางดนตรีมาหมาดๆ

 

Rage Against The Machine – Evil Empire

อัลบั้มชุดที่ 2 หลังจากทิ้งช่วงห่างจากอัลบั้มชุดแรกนานถึง 5 ปี ในที่สุดวง Rap Metal อย่าง Rage Against The Machine ก็เผยโฉมความเดือดดาลผ่านดนตรีที่หนักแน่น และมุมมองการเมืองอันเผ็ดร้อนเช่นเดิม

Evil Empire คือการตีแสกหน้ารัฐบาลของตนที่มีต่อต่างประเทศตั้งแต่ชื่ออัลบั้มที่นำมาจากสุนทรพจน์โจมตีสหภาพโซเวียตของประธานาธิบดี Ronald Reagan ที่บอกโซเวียตนั้นไม่ต่างกับอาณาจักรแห่งความชั่วร้าย ไปจนถึงมุมมองที่มีต่อชายแดน อเมริกา/เม็กซิโก ที่มีผู้คนสังเวยมาตรการกำจัดผู้ลี้ภัยจากการลักลอบหนีมายังสหรัฐอเมริกาจำนวนกว่า 1,500 คน รวมไปถึงมุมมองทางการเมืองด้านอื่นๆที่ยังอัดแน่นและทรงพลังเช่นเดิม จนนักวิจารณ์กล่าวชื่นชมอัลบั้มนี้ที่ยังคงร้อนแรงและกล้าหาญ ท่ามกลางดนตรีที่หนักหน่วงไม่ลดราวาศอกไม่แพ้อัลบั้มแรก สมค่าแห่งการรอคอยเป็นอย่างยิ่ง

On This 2021 แม้บทบาทของวงจากในการทำอัลบั้มใหม่จะหยุดลงที่อัลบั้มชุดที่ 4 กับอัลบั้ม Renegades เมื่อปี 2000 แต่แล้วบทเพลง Killing in the Name ก็ได้ปลุกกระแสการเรียกร้องความเท่าเทียมจากกรณี Black Lives Matter ทำให้มีความหวังว่าพวกเขาจะกลับมาทำอัลบั้มใหม่กันอีกครั้ง ขณะเดียวกัน Tom Morello ก็ปรากฏตัวผ่านสื่ออยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยการเมืองหรือผลักดันศิลปินหน้าใหม่ในวงการ

 

Pearl Jam – No Code

แม้การล่มสลายของแนวดนตรี Grunge จะดับลงพร้อมชีวิตของ Kurt Cobain แต่วงดนตรีในสายเดียวกันก็พยายามที่จะหาแนวทางใหม่และทางรอดให้กับวงของตน Pearl Jam ก็เช่นกัน หลังจากวงได้สร้างความพีคผ่านอัลบั้ม Vitalogy (1994) ที่ว่ากันว่าเป็นอัลบั้มสั่งลาวัฒนธรรม Grunge อย่างเป็นทางการ และ No Code คือเส้นทางใหม่ที่ Pearl Jam ได้ทดลอง ด้วยผสมผสานทั้ง Garage Rock ไปจนถึง World Music ได้อย่างลงตัว

หากแต่แฟนเพลงที่ติดตามตั้งแต่อัลบั้มชุดแรกกลับแสดงความผิดหวังอย่างมากที่พวกเขาหันเหแนวทางไปเป็นอื่น จนส่งผลให้ยอดขายอัลบั้มนี้ร่วงลงไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ความเดือดดาลของดนตรี และจิตวิญญาณของ Grunge ยังคงอยู่ครบ ซ้ำยังพยายามกรุยทางเพื่อหามุมมองใหม่ ๆ ให้กับดนตรีแนวนี้อีกด้วย และกาลเวลาก็ค่อย ๆ พิสูจน์แล้วว่า Pearl Jam ยังเป็นตัวจริงของดนตรีร็อค และ No Code คือการบุกเบิกและออกจากเซฟโซนครั้งสำคัญของวง และแฟนพันธุ์แท้ของวงก็ยืนยันว่า อัลบั้มนี้ยังคงเป็น Pearl Jam ที่พวกเขารู้จักดีอย่างไม่เสื่อมคลาย

Pearl Jam ยังคงยืนหยัดสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง โดยอัลบั้มล่าสุด Gigaton ก็ได้ปล่อยให้ฟังกันเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา แต่ที่สร้างความเกรียวกราวให้กับแฟนพันธุ์แท้ ด้วยการปล่อยคลิปการแสดงสดจำนวนกว่า 200 โชว์ในช่วงปี 2000-2013 ผ่านเว็บไซท์ https://deep.pearljam.com/ ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ไปลงทะเบียนเพื่อรับชมคลิปการแสดงสดกว่า 5,400 เพลงได้เลย

 

Weezer – Pinkerton

ไม่แปลกอะไร หากหลายคนจะจับหูจับตามองอัลบั้มชุดที่ 2 ของ Weezer ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน หลังจากที่อัลบั้มชุดแรก พวกเขาสร้างมาตรฐานเนิร์ดร็อคอันแสนอหังการ ผ่านบทเพลง Power Pop อันทรงพลังและเป็นเพลงปาร์ตี้ประจำทุกเทศกาล

แต่พวกเขากลับหักหาญความคาดหวังของแฟนเพลง ด้วยการทำร็อคอันแสนหม่น ที่แม้เพลงจะสนุก แต่ก็สนุกในแง่ดาร์คๆมากกว่าเพลงแบบ Buddy Holly สืบเนื่องจากช่วงเวลานั้น Rivers Cuomo กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาหลายอย่าง ทั้งการผ่าตัดขาให้เท่ากันจากภาวะที่ขาทั้ง 2 ข้างของเขานั้นยาวไม่เท่ากัน รวมไปถึงความกดดันและภาวะซึมเศร้า ทำให้เขาเขียนเพลงอันหมองหม่นออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ

จนเมื่ออัลบั้มชุดนี้ ที่ได้แรงบันดาลใจอันหลากหลาย ทั้งจากวรรณกรรมเรื่อง Madame Butterfly ที่เขาอ่าน และความคิดถึงแฟนเพลงชาวญี่ปุ่นที่เขียนจดหมายมาหากันจนกลายเป็นการตกหลุมรัก ทำให้เขาเขียนเพลงที่สะท้อนด้านมืดออกมา แต่น่าเสียดายที่ผลตอบรับไม่ดี กระทั่งกาลเวลาผ่านไป อัลบั้มที่หลายคนมองข้ามก็ฉายแสงแห่งความยอดเยี่ยมจนได้รับการทบทวนอีกครั้งในฐานะอัลบั้มยอดเยี่ยมที่ทุกคนต่างยกย่อง

On This 2021 25 ปี ผ่านไป ใครจะไปเชื่อว่า Weezer จะเป็นวงพลังเหลือล้น ยิ่งปี 2021 มีอัลบั้มออกมาให้ฟัง 2 แบบ 2 สไตล์ นั่นคือ OK Human อัลบั้มปฏิเสธการเล่นผ่านเครื่องดนตรีสังเคราะห์ และอัลบั้ม Van Weezer อัลบั้มบูชากีตาร์ฮีโร่ นับรวมแล้ว 15 อัลบั้มพอดิบพอดี พลังล้นเหลือจริง ๆ

 

Spice Girls – Spice

ปี 1996 ไม่อาจเติมเต็มได้ หากเราลืม 5 สาว สะเทือนโลกสุดแซ่บนี้ Spice Girls คือ Girl Group ที่มาเขย่าโลกอย่างแท้จริง ท่ามกลางคาแรคเตอร์ที่แตกต่างของทั้ง 5 บทเพลงสุดเปรี้ยวที่เปิดประตูโลกของดนตรีพ็อพให้กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของดนตรีโลก ซึ่งคงไม่เกินเลยนักหากจะกล่าวว่าหากไม่มีพวกเธอ โลกของดนตรี Pop Dance คงไร้สีสันโดยสิ้นเชิง

โดยอัลบั้ม Spice ได้หลอมรวมทุกจังหวะความเปรี้ยวจี๊ดที่มีอยู่ในตัวพวกเธอ นำเสนอผ่านรสชาติอันหลากหลาย จนกลายเป็นอัลบั้มรวมจังหวะของดนตรีพ็อพที่สมบูรณ์แบบที่สุด และเป็นพิมพ์เขียวให้กับเหล่า Boy Band / Girl Group จวบจนปัจจุบัน

On This 2021 แม้การทัวร์คอนเสิร์ตรียูเนียนของพวกเธอเมื่อปี 2019 จะมาเพียงแค่ 4 นาง โดยไร้ซึ่งคุณนาย Victoria Beckham แต่ในวาระฉลอง 25 ปีอัลบั้มชุดแรก พวกเธอก็ออกอัลบั้ม Spice 25 ที่รวบรวมเพลงเวอร์ชั่นที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อนให้ฟังแก้คิดถึงไปพลางๆ และเราหวังว่าสักวันพวกเธอทั้ง 5 จะรวมตัวครบองค์ประชุมเสียที

 

และนี่คือ 25 ปี แห่งอัลบั้มในความคิดถึง บางคนก็มองว่าอัลบั้มเหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตและการฟังเพลงพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง แล้วแฟนๆ Unlockmen ในช่วงปี 1996 นี้ มีอัลบั้มอะไรที่ยังหยิบมาฟังกันบ้าง มาบอกกล่าวให้ฟังกันหน่อย

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line