Life

HIGH & HYPE: เพลงของเราคืออะไร? ค้นหาความหมายจาก 5 วงดนตรีต่างสไตล์ที่เรา HYPE ในปีนี้

By: unlockmen December 15, 2018

“STARTED IN THE GARAGE” หนุ่ม ๆ ชาว UNLOCKMEN ที่เป็นคอดนตรีหลายคน หรือแม้จะไม่ใช่ก็ตามแต่ คงได้เห็นรายการ Garage Music ผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง ที่มีทั้ง Live Performace เจ๋ง ๆ ให้ชาว UNLOCKMEN ได้ฟังแบบ Exclusive ไม่ซ้ำกับที่ไหน พร้อม Conversation พูดคุยถึงเรื่องราว ตัวตน ของคนดนตรี ถึงที่มาของแต่ละก้าวเดินในการสร้างสรรค์ผลงาน ตัวตนที่อยู่เบื้องหลังปกอัลบั้ม และสารที่พวกเขาอยากจะสื่อถึงคนฟังด้วยผลงานเพลงในฐานะศิลปิน

Garage Music จึงเป็นเหมือนพื้นที่ให้เหล่าคนดนตรีได้บอกเล่าตัวตนและโชว์ผลงานของพวกเขา หลังจากนี้สามารถติดตามรายการ  Garage Music ที่จะมีทั้งวงหน้าใหม่หรือวงรุ่นเก๋าผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาพูดคุยกับเราในทุกเดือน

ที่ผ่านมา Garage Music มีศิลปินมากหน้าหลายตาได้แวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ทุกวงต่างสร้างความประทับใจทั้งในผลงานเพลงและตัวตนของพวกเขาได้แบบไม่รู้ลืม เลยอยากหยิบเอา 5 กลุ่มคนดนตรีหลากหลายสไตล์ ที่เรามีโอกาสได้พูดคุยและรื่นรมย์ไปกับเสียงเพลงของพวกเขาในปีนี้ แต่ทุกคนมีจุดร่วมเดียวกับคือความรักในดนตรีที่พวกเขามีและอยากให้ดนตรีของพวกเขาเป็นมากกว่าความบันเทิงสี่นาทีที่ผ่านไป เราในฐานะคนฟัง อาจตีความเพลงของศิลปินไปตาม Experience ของตัวเอง ลองหมุนกลับมามองในมุมของศิลปินกันดูว่า พวกเขามองเพลงของตัวเองเป็นอะไรกันบ้าง

 

Srirajah Rocker
“เราอยากให้เพลงของเราเป็นเหมือนยาเม็ดเล็ก ๆ รักษาสังคมเน่า ๆ ที่มันกำลังแย่”

คอดนตรีสายเขียวไหนเลยจะไม่รู้จัก ‘ศรีราชา ร็อกเกอร์’ ที่เรียกกันด้วยนิกเนมสั้น ๆ ว่า ‘สีชา’ ศิลปินที่นำเอาส่วนผสมสีเขียวมาใส่ในเนื้อเพลงได้อย่างแนบเนียนเพื่อแบ่งปันความสงบสุขให้กับผู้ฟัง แม้จะไม่ได้พูดถึงด้วยคำเรียกตรง ๆ แต่ถูกเรียกแทนด้วยคำอื่น นั่นยิ่งทำให้เพลงของพวกเขามีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ

นอกเหนือจากเพลงที่สะท้อนแสงสีเขียวออกมาอยู่รำไรแล้ว เพลงของพวกเขายังปล่อยหมัดตรงกระแทกเข้าสังคมอันบิดเบี้ยวอย่างจัง ความอยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำ ชนชั้น การคอรัปชั่น ถูกนำมาตีแผ่ในรูปแบบของดนตรีด้วยฝีมือของคนที่ต้องการให้เพลงของพวกเขา ไปสะกิดต่อมจิตใต้สำนึกของพวกเราทุกคนให้ตระหนักรู้ถึงความไม่ปกติที่ไม่อาจยอมรับได้ในสังคม และไม่ปล่อยปละละเลยจนมันกลายเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำกัน

ดนตรีไม่อาจถูกปิดกั้นอยู่แค่นิยามของสิ่งให้ความบันเทิง แต่ถ้าหากใส่พลัง ความเชื่อ อย่างที่สีชาทำลงไป เชื่อเถอะว่ามันมีแรงขับเคลื่อนมากพอที่จะก่อให้เกิดพลวัตในสังคมได้จริง สามารถติดตาม Conversation สุดมันส์ฉบับเต็มได้เร็ว ๆ นี้

 

temp.
“กลิ่นดอกไม้สายลมและแสงแดด”

สี่หนุ่มเพลงนอกกระแสผู้ไม่ชื่นชอบคำว่า ‘อินดี้’ เอาเสียเลย แต่ถึงอย่างนั้นเพลงของพวกเขากลับไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก และถ้าถามใครก็คงต้องบอกว่ามันอินดี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่พวกเขาเองนิยามแนวเพลงของตัวเองไว้แบบเสร็จสรรพในชื่อ Tropical Pop ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้ยื่นมือออกไปสัมผัสสายลมผ่านผิว อบอุ่นไปกับแสงแดดที่กระทบ พร้อมสูดเอากลิ่นดอกไม้เข้าไปเต็มปอด ความสดชื่นแบบ Tropical มันเป็นความรู้สึกที่เราพอจะนึกออกเมื่ออินโทรเพลงของพวกเขาขึ้นมานั่นเอง

ความเบาสบายของเพลงจาก temp. มีมากพอ ๆ กับการพูดคุยกับพวกเขา ที่ไม่ได้อยู่ในโหมดจริงจังจนอยากจะหยิบสมุดขึ้นมาจด Lecture เรื่องราวของเพลงไหนถึงจะอินดี้เพลงไหนถึงจะแมส แล้วไอ้คำว่าอินดี้ที่มันเคยเป็นคำแง่บวกมาก่อน ตอนนี้กลับกลายเป็นคำของชาวขี้แซะเมื่อเห็นใครทำตัวแหวกกระแสหลักขึ้นมาก็เลยออกจะไม่อยากรับคำว่าอินดี้มาเป็นคำนิยามของวงกันสักเท่าไหร่

เพลงของพวกเขาถูกปรุงแต่งขึ้นมาจากความชอบของพวกเขาเองทั้งหมด ทุกอย่างมันมีที่มาแสนเรียบง่าย แปม ผู้เข้าห้องซ้อมเพียงเพราะเวลาเหลือจากโรงเรียนที่เลิกครึ่งวัน นิค อยากทำเพลงที่ทำแล้วไม่เหนื่อย น๊อต ขอแค่มีเงินจากการเล่นดนตรีไปเลี้ยงแมวก็พอใจ ตามไปเสพความเบาสบายของพวกเขาได้ใน GARAGE MUSIC: TEMP เพราะดนตรีนั้นสวยงามเกินกว่าจะถูกใช้แค่ชั่วคราว

 

Gym and Swim
“ทำดนตรีต้องทำให้สนุก พอไม่คาดหวังแล้วมันสนุกกว่า”

กลุ่มศิลปินที่รวมตัวกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผู้ผลิตเพลงจากศิลปินไทยที่มีแต่เพลงภาษาอังกฤษและไม่มีแผนจะทำเพลงไทยด้วย เพราะรู้สึกว่าทั้งพวกเขาและคนฟังคุ้นชินกับเพลงภาษาอังกฤษจากทางวงไปแล้ว จนเหมือนกลายเป็น Trademark

เช่นเดียวกับ Synth ที่เข้ามาสร้างความสดใสให้กับเพลงของพวกเขา จนเพลงที่คิดไว้ว่ามันจะเป็นเพียงโปรเจ็กต์เล็ก ๆ ทำเอาสนุก แต่มันกลับโดนใจคนฟังเข้าอย่างจัง แต่ถึงอย่างนั้นการทำเพลงเอาสนุกของพวกเขาก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะเมื่อคนฟังชอบในสิ่งที่พวกเขาเริ่มในตอนแรก พวกเขาจึงไม่อาจละทิ้งจุดน้ันไปได้ และพวกเขาเองก็ยังคงสนุกกับสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่คาดหวังกับมันเหมือนในตอนแรกเช่นกัน

แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาคาดหวังคือการสนับสนุนซีนดนตรีอินดี้ในประเทศไทย ที่ควรได้รับการผลักดันจากภาครัฐอย่างจริงจังเสียที ด้วยความเฟื่องฟูของตลาดและความสามารถของศิลปินจำนวนคับคั่งที่พร้อมจะเฉิดฉาย กำลังรอพื้นที่สำหรับตนเองอยู่เช่นกัน เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เราหลายคนคงตระหนักมากขึ้นเมื่อไปคอนเสิร์ตเพลงอินดี้ในสถานที่ที่จำกัดและไม่สะดวกต่อการเดินทางนัก ไปติดตามเรื่องราวเหล่านี้ได้ที่ GARAGE MUSIC: GYM AND SWIM กับการวิ่งเล่นบนทางที่เลือกเอง

Whal & Dolph
“มันจะมี Keyword เล็ก ๆ ข้างในว่าเราต้องสู้ อย่ายอมแพ้กับเรื่องที่เกิดขึ้น”

สำหรับปีนี้ เพลงของสองหนุ่ม Whal & Dolph หลายเพลงได้ไต่ขึ้นชาร์ตอยู่อันดับต้น ๆ ไปแบบที่ทุกคนไม่แปลกใจ ทั้งเพลง นานนาน รอให้เธอบอก และฉันยังเก็บไว้ที่ปล่อยฮุกด้วย MV แสนอบอุ่นและปวดร้าวไปพร้อมกัน ด้วยกระแสเพลงของพวกเขามาแรงมากจนแทบไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาทำเพลงมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่มันเพิ่งประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักในครั้งนี้เอง

พวกเขาเริ่มเล่นดนตรีมีต่างคนต่างมีวงเป็นของตัวเองมาเกือบสิบปี แต่พอมาฟิวชั่นความละมุนของกีต้าร์ที่เน้นความ Acoustic บวกกับเนื้อเพลงที่ให้พลังบวกในทุกเพลง ทำให้เพลงของพวกเขาเข้าถึงทุกคนได้ง่ายดาย

หากลองตั้งใจฟังกันดี ๆ เนื้อเพลงของพวกเขามักจะให้กำลังใจ ให้พลังบวกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเจอกับรักที่หวานชื่น คืนวันที่หวานหอม หรือวันโศกตรม น้ำตาเช็ดหัวเข่า ก็มักจะมีท่อนหนึ่งที่โผล่เข้ามาปลอบประโลมคนฟังอย่างพวกเราให้เข้าใจและยิ้มรับปัญหานั้น เหมือนกับการมีใครสักคนคอยบอกว่าอย่ายอมแพ้นั้นแหละ อาจเพราะพวกเขาเองที่ไม่เคยยอมแพ้เลยเช่นกัน ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับพวกเขาจนชินไม่ได้ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ไป แต่กลับทำให้พวกเขาเอาจุดนั้นมาเติมพลังบวกให้ตัวเองและยังคงสู้ต่อไปจนพวกเราได้ฟังเพลงของพวกเขาในฐานะศิลปินที่มีคนร้องเพลงตามอย่างที่พวกเขาตั้งใจ ตามไปต่อเรื่องราวของพวกเขากันได้ที่ GARAGE: เพราะความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในครั้งแรก ‘WHAL&DOLPH’กับบทเพลงที่มีความหวังเป็นอาวุธ

Stoic
“เราไม่ได้อยากทำเพลงที่ให้เขาฟังแล้วดาวน์ แต่อยากทำให้คนที่เศร้ารู้สึกว่าเขายังมีเพื่อน”

หลายคนใช้เสียงเพลงเป็นสื่อบันเทิง ให้ความเพลิดเพลินไปกับเนื้อร้อง ทำนองที่ผ่อนคลาย หรือหนักหน่วง เร้าใจ ที่เราเลือกมาแล้วใน Playlist หลายคนใช้เป็นหนทางหลีกหนีไปสู่อีกโลกหนึ่งทุกครั้งที่กดปุ่ม Play ไปสู่โลกที่เราไม่ต้องคิดอะไร ไม่ว่าเราจะเลือกใช้มันเป็นอะไรก็ตาม พวกเขา “STOIC” เลือกที่จะใช้เสียงเพลงบอกเล่าเรื่องราวที่พวกเขาเจอมาในชีวิตในรูปแบบที่สื่อถึงตัวตนของพวกเขาที่สุด ใช้เพลงสื่อสารกับคนฟังให้รับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเนื้อเพลงและทุกตัวโน้ตที่พวกเขาตั้งใจเรียบเรียงขึ้นมา

ด้วยเนื้อหาของเพลงที่เน้นไปถึงการดำเนินชีวิต การเลือกถ้อยคำที่แม้จะไม่หวือหวาแต่นุ่มลึก พร้อมสื่อความหมายออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง ทำให้เพลงของพวกเขามักเข้าตาของชาวชีวิตรสขมที่ชื่นชอบเพลงหม่น ๆ อย่างเพลงของพวกเขามาก แต่ความตั้งใจของพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อเอาความเศร้ามาเป็นจุดขายให้มันเท่ ๆ ไปอย่างนั้น แต่พวกเขาเลือกถ่ายทอดเรื่องราวอึมครึมเหล่านี้เพื่อสื่อสารกับคนที่ตกอยู่ในภวังค์ของเมฆหมอกว่ายังมีคนที่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขารู้สึก ตามไปอ่านเรื่องราวเต็ม ๆ ของพวกเขากันได้ที่ GARAGE MUSIC: บอกเล่าชีวิตผ่านบทเพลงไปกับ “STOIC” ชีวิต ตัวตน และดนตรี

 

ที่จริงเราไม่ได้อยากทำเพลงที่ให้เขาฟังแล้วดาวน์ แล้วเศร้า แต่ที่ผมรู้สึกคือ เพลงเศร้าเนี่ย
มันทำให้คนที่เศร้ารู้สึกว่าเขายังมีเพื่อน เขาไม่โดดเดี่ยว เวลาเราเศร้าเราไม่เห็นใคร รู้สึกว่าชีวิตมันแย่จัง
เพลงเศร้าของเราก็ไม่อยากให้เขารู้สึกแบบนั้น เราอยากให้รู้สึกว่าอย่างน้อยก็มีเรานะที่ไปแตะจุดที่มันเจ็บปวดตรงนั้นได้

– ยู STOIC –

 

ดนตรีในมุมมองของคนฟังและคนทำอาจจะไม่ได้อยู่ในจุดที่ตรงกัน 100% แต่การยอมรับ เข้าใจ ถึงตัวตนศิลปินที่เราเสพผลงานของพวกเขานั้น ทำให้เรายิ่งดำดิ่งเข้าไปในเสียงเพลงของพวกเขา ก้าวเดินไปตามตัวโน้ตที่พวกเขาร้อยเรียงเอาไว้ได้แบบแม่นยำมากขึ้น เพราะความหมายที่ซ่อนอยู่หลังดนตรีนั้นมีมากมายเกินกว่าจะบอกเล่ากันปากเปล่า โสตสัมผัสของเราควรเป็นสิ่งแรกที่ได้เข้าไปสู่ความหมายที่แท้จริงที่ศิลปินได้วางหมากเอาไว้กับศิลปินหลากหลายสไตล์ที่เราว่าเจ๋งในปีนี้

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line