Entertainment

โคตรหนังวัยรุ่นแห่งยุค 90s TRAINSPOTTING กับ 10 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดภาค 2

By: Thada February 16, 2017

“Trainspotting คือ Oasis แห่งวงการหนังภาพยนตร์” นี่คือสิ่งที่นักแสดงนำอย่าง Ewan McGregor ได้กล่าวถึงผลงานสร้างชื่อของเขาเมื่อ 20 ปีที่แล้วว่า เปรียบเสมือนจดหมายเหตุของวัยรุ่นในยุค 90s ที่กำลังมลายหายไป เพราะวัยรุ่นในยุคนั้นกำลังอยู่ในวัยผู้ใหญ่ที่ไม่มีวันกลับไปเที่ยวเล่นสนุกสนาน กับชีวิตไปวันๆ เหมือนในอดีตได้อีกแล้ว

170216-t2-7

ฉากที่ตัวละคร Mark Renton กำลังดำดิ่งลงไปในชักโครกที่เต็มไปด้วยอุจจาระ ฉากปาร์ตี้สุดเหวี่ยงของบรรดาตัวละครยังคงเป็นฉากตรึงใจสำหรับแฟนภาพยนตร์ตลอดมา จนทำให้หนังเรื่อง Trainspotting ถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 หนังอังกฤษยอดเยี่ยมตลอดกาลของสถานบันภาพยนตร์ในประเทศอังกฤษ แต่ถือว่าเป็นเวลานานพอสมควรสำหรับการรอคอยหนังภาคต่อเรื่องหนึ่งที่ต้องใช้เวลามากกว่า 20 ปี เพราะโปรเจคนี้มีท่าทีว่าจะได้ฤกษ์ถ่ายทำตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากหนังสือ Porno ของ Irvine Welsh หลังจากที่ Mark Renton ได้ฉกเงินจากการค้าเฮโรอีนไป

170216-t2-2

แต่จนแล้วจนรอดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเพราะ Trainspotting 2 ได้ฤกษ์กลับมาลงโรงอีกครั้งและมีกำหนดการฉายในเดือนมีนาคม 2017 พร้อมการกลับมาอย่างครบครันทั้งผู้กำกับ Danny Boyle และนักแสดงนำอย่าง Ewan McGregor ที่งอแงอยู่นานสำหรับการกลับมารับบท Mark Renton อีกครั้ง แต่หนึ่งปัจจัยที่ทำให้เขาตัดสินใจกลับมา คือชายคนที่ชื่อ John Hodges ผู้เขียนบท Trainspotting ภาคแรก เพราะหากขาดเขาไป Ewan McGregor คงจะไม่ยอมตบปากรับคำกลับมาแสดงอย่างแน่นอน

วันนี้ UNLOCKMEN ได้นำ 10 เหตุผลว่าทำไมคุณจึงไม่ควรพลาดการรับชม Trainspotting 2 ด้วยประการทั้งปวง

เนื้อเรื่องที่ดำเนินต่อจากเส้นเรื่องเดิม

170216-t2-6

เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับวงการหนังภาพยนตร์ หากจะมีการสร้างหนังภาคต่อที่ระยะเวลาล่วงเลยมากว่า 20 ปี ให้ดำเนินไปในเส้นเรื่องเดิมต่อจากภาคที่แล้ว เพราะทั้งทีมงาน คนเขียนบท รวมถึงนักแสดงต้องหวนรำลึกอารมณ์ ความรู้สึกของตัวละครกลับมาได้ให้หมด ทำให้ส่วนใหญ่ทีมงานจะเลือกหยิบมาเพียงบางประเด็นแล้วเขียนเส้นเรื่องขึ้นมาใหม่ แต่จากข่าวหลุดที่ว่า T2 จะดึงเอารายละเอียดของหนังภาคแรกทั้งหมดกลับมาเล่าเรื่องต่อก็ยิ่งเป็นงานยากคูณ 2 ทีมงานจึงยิ่งต้องทำออกมาอย่างระมัดระวัง เนื่องด้วย Trainspotting เป็นงานระดับตำนานขึ้นหิ้ง หากทำออกมาแบบไม่ระมัดระวังแล้วมีแต่จะพาลให้ของเดิมเสียเปล่าๆ

หนังจะอิงจากนิยาย Porno

170216-t2-9

หลังจากที่ Danny Bolye ได้ประกาศว่าจะทำโปรเจค T2 อีกครั้งตั้งแต่ปี 2013 เขาก็ยืนยันชัดเจนว่าจะใช้นิยายเรื่อง Porno ของ Irvine Welsh มาเป็นเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งมันคือภาคต่อจาก Trainspotting แต่ทางผู้กำกับและทีมเขียนบทจะปรับบทตัวละครให้มีความโต และเหมาะสมกับวัยขึ้นมากขึ้น เพราะในหนังสือเป็นเรื่องระยะเวลาห่างกัน 10 ปี แต่ถ้าทำอย่างนั้น ด้วยวัยของนักแสดงก็ไม่สมจริงแล้ว ทำให้พวกเขาขยับเป็นเรื่องราวต่อจากภาคแรกเป็น 20 ปีตามอายุจริงของนักแสดง

การกลับมาของ Ewan McGregor

170216-t2-11

Trainspotting คือผลงานสร้างชื่อให้กับ Ewan McGregor แต่แปลกที่ว่าเขาหลีกเลี่ยงที่จะกลับมารับบท Mark Renton อยู่ตลอด เพราะในปี 2003 นายทุน และทีมผู้สร้างพยายามที่จะยัดเยียดบท Mark Renton ให้กับ Ewan McGregor แต่เขาเลือกที่จะปฎิเสธมัน ทำให้โปรเจค Trainspotting 2 เป็นหมันมาตลอด ซึ่งว่ากันว่าการที่ Ewan McGregor เลือกจะปฏิเสธงานนี้ ก็เพราะเขากลัวว่าหากกลับมารับบท Mark Renton และทำได้ไม่ดีเช่นเดิมมันจะเป็นเรื่องที่น่าอัปยศที่สุด โดยเขาใช้คำว่า “Terrible Shame” เลยทีเดียว

เงินทุนมหาศาล

170216-t2-1

Trainspotting ภาคแรกจัดเป็นหนังอินดี้ที่ใช้ทุนสร้างเพียง 1.5 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่มันกลับสามารถสร้างอิมแพค และรายรับเป็นอย่างดี ทำให้นายทุนไม่ลังเลที่จะควักเงินไม่อั้นให้กับ Danny Boyle ไปละเลง แต่เป็น Danny Boyle ที่ขอเงินเพียง 13 ล้านปอนด์สำหรับโปรเจคนี้ เพราะเขาอยากให้ Trainspotting 2 ยังคงความดิบ เรียบง่าย อินดี้แบบในภาคแรก มากกว่าการใช้เงินทุนมหาศาล และเปลี่ยนอารมณ์ของหนังไป

คนเขียนบท

170216-t2-8

John Hodge ได้รับรางวัล BAFT จากการเขียนบท Trainspotting ภาคแรก ซึ่งเขาคือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้นักแสดงนำหลายๆ คนกลับมาเล่นอีกครั้ง อย่างเช่น Ewan McGregor รวมไปถึง Robert Carlyle ที่รับบทเป็น Begbie ยังกล่าวว่าตอนแรกเขาค่อนข้างกังวลใจถึงการกลับมารับบทครั้งนี้ แต่พอได้อ่านสคริปต์ เขาพูดกับตัวเองว่านี่เป็นบทหนังที่ดีที่สุดที่เขาเคยทำงานมา จึงทำให้ไม่ต้องคิดอะไรมากในการกลับมาทำงาน

อีกทั้งเจ้าของบทประพันธ์อย่าง Irvine Welsh เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาเป็นกังวัลพอสมควรถึงการนำผลงานของเขามานำเสนอเป็นภาพยนตร์อีกครั้งเพราะกลัวว่าจะทำได้ไม่ตามมาตราฐานในภาคก่อน แต่พอบทไปอยู่ในมือของ John Hodge เขามั่นใจได้ว่างานนี้จะต้องออกมาสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน

คนดูจะได้เข้าใจความหมายของคำว่า Choose Life

170216-t2-4

เรียกว่าเป็นประโยคเด็ดจากหนังภาคแรกที่ตัวละคร Mark Renton ได้เลือกชีวิตของตัวเองไปในทิศทางใด และจาก trailer โปรโมตของภาพยนตร์ก็มีการอธิบายวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปเป็น Modern Life แต่เราก็ต้องมาดูกันว่าหลังจากที่ Mark Renton ได้ Choose Life แล้วเรื่องราวต่อจากนั้น 20 ปีเขาจะเป็นเช่นไรบ้าง

“Choose life
Choose Facebook, Twitter, Instagram and hope that someone, somewhere cares
Choose looking up old flames, wishing you’d done it all differently
And choose watching history repeat itself
Choose your future
Choose reality TV, slut shaming, revenge porn
Choose a zero hour contract, a two hour journey to work
And choose the same for your kids, only worse, and smother the pain with an unknown dose of an unknown drug made in somebody’s kitchen
And then… take a deep breath
You’re an addict, so be addicted
Just be addicted to something else
Choose the ones you love
Choose your future
Choose life”

OST. แห่งปี

https://www.youtube.com/watch?v=CWWd-4pi3zQ

https://www.youtube.com/watch?v=sKaapCcMjYI

1. Iggy Pop – ‘Lust for Life’ (The Prodigy Remix)
2. High Contrast – ‘Shotgun Mouthwash’
3. Wolf Alice – ‘Silk’
4. Young Fathers – ‘Get Up’
5. Frankie Goes to Hollywood – ‘Relax’
6. Underworld /Ewen Bremner – ‘Eventually But (Spud’s Letter to Gail)’
7. Young Fathers – ‘Only God Knows’
8. The Rubberbandits – ‘Dad’s Best Friend’
9. Blondie – ‘Dreaming’
10. Queen – ‘Radio Ga Ga’
11. Run D.M.C. vs. Jason Nevis – ‘It’s Like That’
12. The Clash – ‘(White Man) In Hammersmith Palais’
13. Young Fathers – ‘Rain or Shine’
14. Fat White Family – ‘Whitest Boy on the Beach’
15. Underworld – ‘Slow Slippy’

นี่คือรายชื่อ OST สำหรับหนังเรื่อง Trainspotting ที่ต้องบอกว่ามีแต่เพลงจากวงระดับชั้นครูทั้งนั้น แต่เป็นที่น่าเสียงดายเพียงอย่างเดียวที่ Liam Gallagher แห่งวง Oasis ไม่ยอมมาร่วมงานในอัลบั้มไม่อย่างนั้น UNLOCKMEN ขอบอกเลยว่ามันเป็น playlist ที่เจ๋งที่สุดสำหรับแฟนเพลงยุค 90s

เป็นหนังที่ต้องใช้สมอง

170216-t2-3

หลายคนอาจจะคิดว่า Trainspotting เป็นหนังที่เล่นกับอารมณ์ของคน จิตใจภาวะของมนุษย์ แต่นักแสดงนำอย่าง Robert Carlyle ได้บอกว่าหนังนี้จะทำให้คุณดูต้องครุ่นคิด เรียงลำดับเหตุการณ์ของชีวิต มิหนำซ้ำยังทำให้คุณกลับมานั่งทบทวนว่าชีวิตที่ผ่านมาคุณได้ทำอะไรผ่านไปบ้าง มันจะไม่ใช่ภาพยนตร์บันเทิงที่จะมาทำให้ผู้ชมนั่งเฉยๆ และรับเสียงหัวเราะไปอย่างแน่นอน

เราอาจได้เห็นตัวละคร Tommy อีกครั้ง

170216-t2-12

หลายคนอาจจะตกใจว่าตัวละคร Tommy ที่รับบทโดย Kev McKid ได้ตายไปจากการเสพยาเกินขนาดแล้วจากภาคแรก ดังนั้นตัวละครที่ว่านี้จะกลับมาได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ก็ออกจากปากของ Kev McKid เองว่าจะมีฉากตัวละคร Tommy โผล่มาใน T2 แต่คงไม่ใช่การเขียนบทให้เขาฟื้นจากความตายแบบที่หนัง blockbuster ชอบทำกันอย่างแน่นอน มันจะเป็นการดึงเอา footage เก่าๆ จากภาคแรกมายัดใส่ไปในหนังมากกว่า ทำให้แฟนๆ ต้องมารอลุ้นว่ามันจะเป็น footage อะไร

Trainspotting 3 !!!!

170216-t2-10

เรื่องนี้ออกจากปากของ John Hodge เองว่าทำไมจะเป็นไปไม่ได้สำหรับ Trainspotting 3 เพราะเจ้าของบทประพันธ์อย่าง Irvine Welsh ยังบอกเองว่าไม่แน่เขาอาจจะเขียนนวนิยายต่ออีกสักภาคเพื่อเป็นการจบเรื่อง Trainspotting แบบหนังไตรภาคก็ได้ ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นหากหนังสือ และภาพยนตร์ยังได้การตอบรับที่ดีอยู่ แต่ถ้าจะให้แฟนๆ รออีก 20 ปี คงไม่ไหว รวมถึงป่านนั้นนักแสดงคงแก่กันหมดแล้ว

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเหตุผลเน้นๆ ที่ว่าทำไมคุณควรไปดู Trainspotting 2 กำหนดการเข้าฉายในไทยคือวันที่ 16 มีนาคม ซึ่งจากตัวอย่างหนังก็บอกได้เลยคอหนังรุ่น 90s ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยดู เราแนะนำว่าให้ไปหาภาคแรกดูก่อน เพราะนอกจากจะทำให้เข้าใจความเป็นมาของเนื้อเรื่องแล้ว คุณยังจะหลงรัก Ewan McGregor และวิธีการกำกับหนังของ Danny Boye รวมถึงกลิ่นอายแบบ Brit Pop ในยุค 90s ที่รุ่งเรืองอีกด้วย

 

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line