Entertainment

มาไกลมาก! จากหนังนักซิ่งข้างถนนปล้นเครื่องเล่นซีดีสู่ฮีโร่ผู้พิทักษ์โลกทุนสร้างสูงถึง $250 ล้านเหรียญ

By: Thada April 17, 2017

ใครจะไปเชื่อว่าจากหนังแก๊งค์ซิ่งข้างถนนที่ไล่ฉกครื่องเล่นดีวีดีทุนสร้างเพียง $48 ล้านเหรียญสหรัฐจะมาไกลถึงขั้นกลายเป็นทีมผู้ปกป้องโลกอาชญากรที่หวังทำลายล้างโลกด้วยทุนสร้างสูงถึง $250 ล้านเหรียญ ซึ่งสูงเกือบ 4 เท่าตัว เรียกได้ว่าเป็นหนังเฟรนไชส์ที่มาไกลมากๆ เรื่องหนึ่งของวงการอย่าง  Fast and The Furious  หากไม่นับภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากนวนิยายหรือคอมมิก ตำนาน Fast เร็วแรงทะลุนรกก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

ballfate-furious-posters-06

เราเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะมีโอกาสได้ไปรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันมาบ้างแล้ว ส่วนบางคนที่ยังลังเล อาจจะเพราะรู้สึกว่า Fast ได้ทิ้งแก่นเรื่องของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราอยากจะบอกว่าตั้งแต่จบ Fast and The Furious ภาค 4 หนังก็ออกอ่าวตังเกี๋ยกลายสภาพจากหนังแอ็คชั่นแข่งรถเป็นประเภทแนวบู๊ ล้างผลาญ ฮีโร่ปราบวายร้ายไปเสียแล้ว ดังนั้นเลิกหวังที่เราจะได้เห็นฉากแข่งขันที่บ้าระห่ำที่เป็นไฮไลท์ของเรื่องอย่างเช่นภาค 1 ถึง 3 ไปได้เลย และขอโฟกัสกับการดำเนินเส้นเรื่องว่าจะไปจบอย่างไรแทนจะดีกว่า

ballCast-Fast-Furios-1-brian-oconner-and-mia-toretto-22563016-1772-1174-01

กลับมาที่ Fast ภาค 8 หรือในชื่อ The Fate of the Furious ความจริงแล้วหนังเรื่องนี้มีปัญหาติดขัดตั้งแต่เริ่มก่อนถ่ายทำแล้ว เพราะตามความต้องการเดิมคือการจบไตรภาคของซีรีย์ตระกูล Fast แต่แล้วจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ซึ่งนำมาสู่การจากไปอย่างไม่มีวันหวนมาของนักแสดงนำอย่าง Paul Walker ทำให้ต้องมีการปรับบทโครงเรื่องเปลี่ยนตอนจบใหม่ตั้งแต่ภาคที่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่เป็นตามแผนที่ Producer และทางค่ายผลิตตั้งใจเอาไว้แต่ทีแรกอย่างแน่นอน

และอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้กำกับที่พวกเขาหมายหมั้นจะมาจบงานนี้อย่าง James Wan ขอถอนตัวออกไปหลังจากจบการถ่ายทำภาค 7 และทิ้งปริศนาไว้ว่าใครจะมารับเค้กก้อนโตนี้เพื่อไปทำต่อ แต่แฟนๆ หลายคนจะต้องตั้งข้อสงสัยมากมาย เริ่มจากคำถามง่ายๆ ก่อนเลยว่าเมื่อ Fast ไม่มี Paul Walker ในบท Brain O’connor แล้วหนังจะดำเนินเรื่องไปในทิศทางใด

ซึ่งวันนี้ทีมงานได้รวบรวมความคิดเห็นและทรรศนคติหลังจากได้ชมมาเป็นที่เรียบร้อยว่าเรามีความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้อย่างไรบ้างโดยไม่มีการสปอยล์เนื้อหาหลักของเรื่องอย่างแน่นอน

Do Good

สิ่งที่เป็นข้อดีของหนังภาค Fast 8 คือการที่เส้นเรื่องยังคงดำเนินต่อจากเดิมแบบไร้มลทินอาจจะไม่ได้เรียบเนียบสมูทและมีความรู้สึกกระตุกๆ ถึงความไม่สมเหตุสมผลสักเล็กน้อยในรายละเอียด แต่ต้องขอยกนิ้วให้กับผู้เขียนบทที่สามารถเชื่อมโยงเรื่องตั้งแต่ภาค 1 มาจนถึงภาค 8 มาได้ไกลถึงเพียงแถมบทต้องมีการเปลี่ยนถ่ายไม่รู้กี่มือต่อกี่มือ ทำได้เท่านี้ก็เก่งแล้วสำหรับเรา

ballthe-fate-of-the-furious-charlize-theron-vin-diesel-1200x630-c-05

ส่วนที่สองคือการไม่ทิ้งละทิ้งตัวละครใดตัวละครหนึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงตัวประกอบจากภาคก่อนๆ  ทุกตัวละครจะมีที่มาที่ไป แม้กระทั้งบทของ Paul Walker (Brian O’connor) ผู้ล่วงลับ ที่สามารถเกริ่นนำถึงให้ผู้ชมสามารถเข้าใจได้

ballpaulwalker-fate-furious-217337-640x320-09

ส่วนสุดท้ายคือการได้ผู้กำกับระดับคุณภาพอย่าง F. Gary Gray ที่มายกระดับบทภาพยนตร์ให้มีความดราม่ามากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ Fast ขึ้นชื่อในเรื่องฉากอันเว่อร์วังอลังการ รถวิ่งข้ามตึกถึงขนาดคนดูพูดว่าทีม Fast สามารถไปสู้กับ Avengers ได้แล้วขนาดนี้  ซึ่งไอ้ความมันส์ระดับ 10 ริกเตอร์เนี่ยอาจจะขาดองค์ประกอบอื่นๆ ของภาพยนตร์ไปได้ แต่ภาคนี้ถือว่าสามารถนำเรื่องดราม่าเข้ามาผสมได้ดีระดับหนึ่งสำหรับการมาจับงาน Fast ครั้งแรกของ F. Gary Gray และไม่ต้องห่วงเพราะความเว่อร์ยังคงมีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ball11-ff-gary-diesel.w710.h473-02

Do Better

อย่างที่เราบอกหากคุณเป็นคนจ้องจับผิด พยายามหาข้อผิดพลาด คุณจะเจอปัญหาเต็มไปหมดในภาพยนตร์ แต่ถ้าเปิดใจให้กว้างคิดว่ามันก็เป็นเพียงหนังแอ็คชั่นตลาดๆ ที่สร้างออกมาให้คนสามารถดูได้ทุกเพศ ทุกวัย ข้อโต้แย้งหลายๆ ข้อนั้นก็จะหายไปในทันที  แต่ในมุมมองของเราถ้าให้พูดถึงสิ่งที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้สำหรับ Fast 8 ก็มีเช่นกัน

ballJason-Statham-and-Dwayne-The-Rock-Johnson-In-Fate-of-the-Furious-08

อย่างเช่นหนังน่าจะขยี้ปมดราม่าไปให้ไกลกว่านี้ เพราะอย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า Fast จะมีไปอย่างน้อยจนจบภาค 10 แต่ทำไมถึงพยายามคลี่คลายปมปัญหาเร็วจนเกินไป ทั้งทีปูเรื่องมาได้อย่างดีเยี่ยมซึ่งไม่แน่ว่าผู้กำกับท่านนี้อาจจะมีไม้เด็ดซ่อนไว้ในภาคต่อๆ ไปก็เป็นได้

ballgallery_07_main.0-04

สองคือการนำตัวละครใหม่เข้ามาที่ยังดูผสานกันได้ไม่ค่อยลงตัวเสียเท่าไหร่ ซึ่งมีการเปิดเผยตั้งนมนานแล้วถึงการนำนักแสดงใหม่อย่าง Scott Eastwood มาเสริมทีมในบท Little Nobody แต่เอาตรงๆ เรากลับไม่รู้สึกเห็นถึงความสำคัญสำหรับบทบาทนี้สักเท่าไหร่ ถ้าจะยังคงบทนี้ไว้เราว่าภาคต่อๆ ไปทีมงานอาจจะต้องบาล้านซ์บทให้กับตัวละครนี้เสียใหม่

ballbbbbe5b09f693a20e9f9b6d4c81f7203d598823f4ccb4e35fafba8e54c29b2a0_3928818-01

ข้อสุดท้ายขอเป็นความเห็นส่วนตัวโดยเฉพาะก็แล้วกัน

  • เนื่องจากเป็นหนังภาคต่อแบบ Storyline ทำให้อาจจะไม่ได้เอาใจขาจรมากนัก มีการเท้าความการเล่าโยงไปไกลมากกว่าแค่ภาคล่าสุด ดังนั้นหากใครจะดูให้เข้าใจแนะนำว่าต้องกลับไปทบทวนความจำตั้งแต่ภาค 4-7 ใหม่อีกรอบ (แต่ก็ต้องไม่ลืมภาค 1 เช่นกัน)
  • Soundtrack ยังไม่โดนใจพอเหมือนภาคเก่าๆ ต้องบอกก่อนเลยว่าอีกหนึ่งจุดเด่นตลอดมาสำหรับ Fast คือเพลงประกอบภาพยนตร์ ซึ่งภาคนี้ค่อนข้างน่าผิดหวังที่ไม่มีเพลงฮิตกระแทกใจอย่างเช่น See you again
  • ฉากรถ แม้จะมีรถระดับพรีเมี่ยมไฮคลาส แต่เสน่ห์ที่หายไปคือฉากแต่งรถ เอารถญี่ปุ่นมาประกอบก่อนไปทำภารกิจที่เป็นอีกหนึ่งลายเซ็นต์ของภาพยนตร์ Fast น่าเสียดายว่าเราจะไม่ได้เห็นฉากเหล่านี้ใน Fast 8

ball052322700_1481623691-fastandfurious-8-5-01

ballFateFurious-07

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่เราได้กล่าวมาก็เป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์จากความคิดเห็นของเราเท่านั้น ชาว UNLOCKMEN ทุกคนต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองในโรงภาพยนตร์ แต่เราขอสปอยล์สักเล็กน้อยว่าทุกฉากแอ็คชั่นที่เกิดขึ้นที่เราจะได้เห็นแทบจะไม่มีการใช้ cg เลย เป็นการถ่ายจริง ระเบิดจริง ชนจริง เละจริง จนเราเสียดายแทนรถที่พังไปเสียจริงๆ อย่างไรสะก็ถือว่าไปให้กำลังใจพวกเขากันหน่อยสำหรับทีมงาน Fast ไปอุดหนุนพวกเขาถือว่าเป็นการตอบแทนความตั้งใจของผู้สร้างที่ลงทุนอย่างมหาศาล เพราะถ้าเกิดได้เงินไม่ตามเป้าเราอาจจะไม่ได้ดูไปจนจบ Fast 10 ก็เป็นได้

ballfatefurious-1280-1491434145548_1280w-03

 

 

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line