เมื่อร่างกายเราถูกใจอะไรเข้า มันจะเรียกร้องหาสิ่งนั้นมากขึ้น นั่นคือเหตุผลที่หลายคนกินอาหารเมนูโปรดแล้วอิ่ม แต่ก็ยังไม่อยากหยุด เช่นเดียวกับการดื่มเบียร์ เรายอมรับเลยว่าชอบดื่มเบียร์ ดื่มเพื่อสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานขึ้น ดื่มเบียร์ให้วันที่ดี ดื่มเบียร์ในวันที่แย่ บางคนอาจจะคิดว่าเป็นข้ออ้างในการหาเรื่องดื่มของคนขี้เมา แต่งานวิจัยชิ้นล่าสุดออกมาสนับสนุนว่า ส่วนประกอบในเบียร์ สามารถกระตุ้น DOPAMINE D2 RECEPTOR (D2R) ในสมองส่วน REWARD CENTER ทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมในงานเบียร์ ถึงมีแต่คนอารมณ์ดีทั้งงาน ทีมนักวิจัยจาก FRIEDRICH ALEXANDER UNIVERSITAT ERLANGEN-NURNBERG (FAU) ได้ทำการทดลองเพื่อหาองค์ประกอบในอาหารว่าอะไรจะสามารถกระตุ้น DOPAMINE RECEPTOR ได้เหมือนสาร DOPAMINE อีกหรือไม่ โดยแยกเก็บตัวอย่างโมเลกุลที่มักจะมีอยู่ในอาหารมากถึง 13,000 โมเลกุล ทดสอบด้วยการใช้ VIRTUAL SCREENING PROGRAM วิเคราะห์ไปทีละอย่าง เพื่อหาว่าเรากินอะไรช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ ก่อนจะพบโมเลกุลที่เข้ารอบ 17 ตัว และหนึ่งในนั้นก็คือเบียร์ครับพี่น้อง DR. MONIKA PISCHETSRIEDER ทีมวิจัยพบว่า หนึ่งในโมเลกุลที่ทำหน้าที่กระตุ้น DOPAMINE RECEPTOR ได้ดีไม่แพ้
AYRTON SENNA ยอดนักขับรถความเร็วสูง เจ้าของตำแหน่ง Formula One world championships ในรถ McLaren 3 สมัย 1988, 1990 และ 1991 ตำนานที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักขับรถที่ดีที่สุดในโลก ก่อนจะประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตอย่างน่าเศร้าในปี 1994 เขาเคยพูดไว้ว่า “You commit yourself to such a level where there is no compromise. You give everything you have; everything, absolutely everything.” ในวันนั้น ชื่อ SENNA เปรียบเสมือน ICON ของวงการนักแข่ง วันนี้ McLaren ได้สานต่อตำนานชื่อเสียง และความเชื่อของ AYRTON SENNA อีกครั้ง ด้วยการปลดล็อคทุกขีดจำกัดของรถ STREET-LEGAL
เรารู้จักคำว่า GLOBAL WARMING มานานแล้ว เรารู้จักผลของมัน เรารู้ว่ามันทำให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง พวกเรารู้ว่าแผ่นน้ำแข็งแถว GREENLAND ละลายเร็วขึ้นทุกปีแบบก้าวกระโดด ทั้งหมดนี้อาจจะยังไม่สามารถทำให้พวกเราเห็นความน่ากลัวเป็นรูปธรรมของมันออก ทำให้คนส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกห่างไกลจากมัน แต่ภาพของหมีขั้วโลกที่กำลังจะหิวตายเพราะไม่มีอะไรกิน ไม่มีน้ำแข็งซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของมันให้หาอาหาร อาจจะเป็นภาพที่ถ่ายทอดอันตรายของ CLIMATE CHANGE ได้รุนแรงและชัดเจนที่สุด PAUL NICKLEN นักชีววิทยา และช่างภาพประจำของ NATIONAL GEOGRAPHIC เป็นผู้บันทึกภาพวีดีโอของหมีขั้วโลกที่คาดว่ากำลังจะตายในอีกไม่กี่ชั่วโมง สภาพร่างกายผอมโซ กล้ามเนื้อลีบ ไม่มีแม้แต่แรงจะยืน ต้องขุดหาเศษอาหารจากพื้น แต่ทำได้ไม่นานก็หมดแรงอีก เป็นภาพที่ทีมงานของ NICKLEN บอกว่า เห็นแล้วน้ำตามไหลด้วยความสงสาร แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะการให้อาหารเพียงนิดหน่อย ก็เหมือนยืดต่อความทรมานของมันออกไปอีก เพราะโดยปกติหมีขั้วโลกต้องกินสิงโตทะเลหนักราว 4.4 กิโลกรัมต่อมื้อ แต่ยิ่งแผ่นน้ำแข็งที่เป็นเหมือน ECOSYSTEM รวมถึงสิงโตทะเลหายไปแบบนี้ ยิ่งทำให้หมีขั้วโลกต่างประสบปัญหาอดตายกันมากขึ้นเรื่อย ๆ NICKLEN ต้องการให้ FOOTAGE ชิ้นนี้ เป็นสัญลักษณ์อันเป็นรูปธรรมของ GLOBAL WARMING โดยในบทสัมภาษณ์ของเค้านั้น ยิ่งถ่ายทอดเรื่องราวให้วีดีโอนี้มีความน่ากลัวครบถ้วนถึงยิ่งขึ้น “It’s a
หลังจากหายไปนาน THE REAL SLIM SHADY ก็กลับมาฝากผลงานชิ้นใหม่อีกครั้ง ในยุคที่ RAPPER 2017 ต่างเปลี่ยนคำจำกัดความของการ RAP ไปอย่างสิ้นเชิง จากการพูดถึงสภาพสังคมแบบที่ OLD SCHOOL RAPPER ทำกันตั้งแต่สมัย 60s ปัจจุบันกลายเป็นเพลงอวดรวยของ CELEBRITY วัยรุ่น ที่แม้แต่ฝรั่งยังฟังไม่รู้เรื่อง การกลับมาครั้งนี้ของ EMINEM จึงเป็นสิ่งที่หลายคนเฝ้ารอ และ ‘UNTOUCHABLE’ single ใหม่ ที่จะอยู่ในอัลบั้ม Revival เตรียมปล่อยออกมาในอีกไม่นาน ก็ได้ระบายสภาพสังคมในปัจจุบันได้อย่างสะใจ ‘UNTOUCHABLE’ พูดถึงเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของสัมคมอเมริกัน มีการพูดถึงเรื่อง White Privilege ที่แม้แต่ในยุค 2017 คำว่า RACISM ก็ยังคงอยู่ในกลุ่มคนผิวสี แม้สื่อหรือปากนักการเมืองจะพ่นแต่เรื่องความเสมอภาค แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงกระทำรุนแรง ใช้อาวุธ ยิงกันถึงขั้นเสียชีวิตทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ EM มองว่าเกินกว่าเหตุ และคนผิวขาว ก็ดูจะมีสิทธิพิเศษมากมาย เป็นที่มาของชื่อเพลง UNTOUCHABLE
เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 AUDI TT COUPE GENERATION ที่ 3 รถ 2 ประตูในช่วงกลางอายุขัย ก็มีภาพระหว่างทดลองขับบนถนนเผยออกมาให้เห็น เหมือนเป็นสัญญาณว่าอีกไม่นานน่าจะปล่อยรุ่น FACELIFT ออกมา แต่ถ้าใครกำลังอยากได้ AUDI TT อยู่แล้ว บอกเลยว่าไม่ต้องรอก็ได้ เพราะโดยรวมดูแล้วไม่แตกต่างกันมากนัก AUDI TT COUPE FACELIFT ที่ถูกจับภาพระหว่างวิ่งทดสอบได้นั้น มีจุดสังเกตที่เห็นได้ชัดคือ กันชนหน้า – หลัง ดีไซน์ใหม่ ที่เพิ่มความเป็นสปอร์ตมากขึ้น เข้ากับกระจังหน้าที่เปลี่ยนจากแนวขวางของเดิม ให้เป็นแบบรังผึ้ง (honeycomb mesh grille design) เหมือนเอาชุดแต่งของ AUDI TT RS มาติดตั้งเป็นมาตรฐานให้รุ่นธรรมดา เพราะสังเกตได้จากปลายท่อคู่ที่เป็นทรงเดิม อีกจุดที่หลายคนคาดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็คือรายละเอียดในโคมไฟหน้า โคมไฟท้าย ลวดลายล้อรุ่นใหม่ และการตกแต่งภายในที่อาจจะเพิ่มลูกเล่นนิดหน่อย โดยเฉพาะระบบ INFOTAINMENT และวัสดุตกแต่งให้ดูสปอร์ตขึ้นรับกับภายนอก แต่ไม่รู้ว่าเมื่อ AUDI THAILAND
อยู่ในปาร์ตี้ เพลงดีกำลังเพลิน สาวมองกำลังดี มีโอกาสทักทายกำลังจะได้จับมือกัน แต่ติดปัญหาแค่นิดเดียว คือมือที่ถือเบียร์เปียกจนสาวร้องยี้ น้ำหยดแหมะเสื้อกางเกงเป็นดวง ทุกอย่างกำลังดี แต่ติดปัญหาแค่นี้ ทำให้พลาดโอกาสดี ๆ ไปเฉยเลย หรืออยู่ในปาร์ตี้ที่คนเยอะมากจนไม่มีที่วางเบียร์ ต้องถือตลอดคืนจนมือเปื่อย เมื่อยไปทั้งคืน จะให้วางพื้นก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นคนไม่รักษาความสะอาด จะเต้นกังนัมสไตล์ต้องใช้สองมือ ก็ทำไม่ได้ เพราะเบียร์จะหกเอา ด้วย INSIGHT ที่เข้าใจผู้ชายเป็นอย่างมาก เราอยากขอแนะนำ ITEM สุดคูล ‘THE BEVBUCKLE BELT” เข็มขัดที่ไม่ถึงกับอัจฉริยะมากเท่าไหร่ แต่ก็ใช้วางเบียร์ได้ สบายมือไปทั้งคืน “LIFE’S TOO SHORT TO HOLD YOUR OWN DRINK” สโลแกนเด่นชัด เข้าใจง่าย ของ BEVBUCKLE BELT เข็มขัดหัวใหญ่สไตล์คลาสสิค เหมาะสมกับลูกผู้ชายแบบ เต๋า สมชาย เข็มกลัด สามารถกางห่วงสำหรับวางและประคองเบียร์ได้สบาย ๆ นิ่งอยู่ตัวทุกการเคลื่อนไหว จะเต้นโยกบน ส่ายล่าง
MAZDA MX-5 MIATA รถยนต์ ROADSTER 2 ประตู น้ำหนักเบา ที่เป็นเสมือน ICONIC CAR ของ ROADSTER ทุกสถาบันมาตั้งแต่ GENERATION แรกตั้งแต่ปี 1989 กับรหัส NA ที่ทุกวันนี้เราก็ยังเห็นวิ่งอยู่บทถนนไม่ขาดสาย แม้ความแรงจะสู้ใครไม่ได้ ความหรูก็ไม่ได้เด่นอะไร แต่ความมีเสน่ห์เฉพาะตัวของมัน ทำให้คนทั้งโลกอยากมีมันจอดอยู่ในโรงรถอย่างน้อยหนึ่งคัน ล่าสุด MAZDA ทำให้คนประเทศอื่นต้องอิจฉาคนอังกฤษ ด้วยการเปิดตัวรุ่นพิเศษ Z-SPORT ซึ่งเป็น SPECIAL EDITION ประจำ MX-5 อยู่แล้ว คราวนี้จำกัดจำนวนไว้เพียงแค่ 300 คันสำหรับขายในประเทศอังกฤษเท่านั้น น่าเสียดายที่ความพิเศษของ MX-5 Z-SPORT ไม่ได้อัพเกรดเครื่องยนต์ให้แรงกว่าเดิมเลย ยังคงใช้เครื่องยนต์ 2.0-liter 160 แรงม้า แรงบิด 200Nm ทำเวลา 0-100km/h ภายใน 7.3 วินาที เหมือนเดิมเป๊ะ แต่ที่เพิ่มเติมคือการจัดเต็มอุปกรณ์และชุดแต่งรอบคันให้หล่อยิ่งขึ้น
สองหัวดีกว่าหัวเดียว น่าจะเป็นเทรนด์สำเร็จที่เราเห็นได้ชัดในการสร้างแบรนด์ประจำปีนี้ การ COLLABORATION กันระหว่างแบรนด์ประเภทเดียวกัน แบรนด์ต่าง CATEGORY กัน ที่เขย่าโลกมากที่สุด ต้องยกให้ LOUIS x SUPREME ที่เขย่าวงการแฟชั่นและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ทั้งคู่ WIN-WIN ไปด้วยกัน หรือจะเป็นการร่วมงานระหว่างแบรนด์กับศิลปิน ที่ช่วยทำให้สินค้ามีเรื่องราวที่น่าสนใจขึ้น อย่าง ADIDAS x KANYE WEST สร้างลัทธิ YEEZY CRAZY ในหมู่วัยรุ่น MASS หรือ ALEXANDER WANG ที่เน้นจับกลุ่ม HIGH-FASHION STREETWEAR ถ้าให้เรานับนิ้วว่าปีที่ผ่านมามีการ COLLABORATION กี่ครั้ง คงจะเยอะเกินนับไหว ไม่ใช่แค่ในต่างประเทศ บ้านเราเองก็มีเทรนด์การ COLLABORATION มากขึ้น แต่จะเน้นไปที่การจับมือกับ ARTIST มากกว่าการข้ามแบรนด์ ที่เห็นตัวอย่างชัดเจนก็มี CHANG LIMITED EDITION เป็นผู้นำการ COLLABORATION ของไทยไปในช่วงปลายปีที่แล้ว โดยการจับมือกับ ALEX TROCHUT,
RAG & BONE จับมือ “ดีสนีย์”และ “ลูคัสฟิล์ม” เปิดตัวแคปซูลคอลเลคชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟต้อนรับการมาถึงของภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ภาคใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “Star Wars: The Last Jedi – สตาร์ วอร์ส: ปัจฉิมบทแห่งเจได” แคปซูลคอลเลคชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้นำเสนอเสื้อผ้าชิ้นไอคอนของ rag & bone ที่นำมาตีความหมายใหม่ด้วยรายละเอียดและเรื่องราวของภาพยนตร์มหากาพย์สุดยิ่งใหญ่แห่งยุคอย่างสตาร์ วอร์ส ตั้งแต่การเล่นกับสีสันที่ คอนทราสต์และรายละเอียดปลีกย่อยที่ซ่อนอยู่อย่างน่าสนใจ โดยทั้งหมดจะสื่อถึงสมดุลของความดีและความชั่ว ที่แบ่งเป็นสองด้านของพลัง – ด้านสว่างและด้านมืด ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกันอย่างจักรวรรดิกาแลคติกและพันธมิตรกบฏ ไปจนถึงความขัดแย้งระหว่างฝ่ายต่อต้านและฝ่ายปฐมภาคี “ผมเป็นแฟนตัวยงของหนังเรื่องสตาร์ วอร์สมานาน เพราะฉะนั้นมันเยี่ยมไปเลยที่ผมจะมีโอกาสได้สร้างสรรค์คอลเลคชันแคปซูลพิเศษนี้ที่ไม่เพียงทำออกมาพร้อมกับการเปิดตัวภาพยนตร์สตาร์ วอร์สภาคใหม่ “Star Wars: The Last Jedi – สตาร์ วอร์ส: ปัจฉิมบทแห่งเจได” เท่านั้น แต่ยังทำออกมาในช่วงเวลาที่ภาพยนตร์ชุดนี้ครบรอบ 40 ปีพอดีด้วย โดยแนวทางการสร้างสรรค์เสื้อผ้าในคอลเลคชันนี้คือ การเลือกเอาเสื้อผ้า rag & bone
24KILATES ร้านสตรีทแวร์ชั้นนำหยิบเอาความเป็นไทยมาใส่ในการร่วมงานระดับโลกอีกครั้ง กับ Limited Edition สุดพิเศษอันเกิดจากความร่วมมือกับ “HUMMEL HIVE” แบรนด์ไลฟ์สไตล์สปอร์ตแวร์ระดับตำนานจากยุโรป สร้างเป็นผลงานสุดยิ่งใหญ่ที่นำเอากีฬายอดนิยมอของคนไทยอย่าง “ตะกร้อ”มาเป็นแรงบันดาลใจ และออกแบบผ่านตัวละครในวรรณคดีไทยอย่าง “ยักษ์อินทรชิต” การร่วมงานครั้งนี้มาในคู่สีดุดันอย่าง “ดำ/ทอง” อันประกอบไปด้วยชุดกีฬาและรองเท้าสุดคลาสสิก HUMMEL Marathona ที่ได้รับการนำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง บรรจงตกแต่งด้วยความหรูหรา วัสดุของรองเท้าผลิตด้วยหนังแท้ Lambskin Leather ทั้งคู่เช่นเดียวกับเครื่องหนังระดับ Hi-End ตัวรองเท้าตัดเย็บแบบ One-Piece Upper หรือตัดเย็บด้วยวัสดุชิ้นเดียว ทำให้ได้รูปทรงที่ดูทันสมัยและเรียบหรูขึ้นมา นมาพร้อมกล่องรองเท้าหุ้มหนังสุดหรู พร้อมเหรียญโลหะสัญลักษ์ลูกตะกร้อสีทองที่สั่งทำขึ้นโดยเฉพาะ สำหรับตัวเสื้อผ้ากีฬานั้นจะประกอบไปด้วยเสื้อแขนสั้น, เสื้อแขนยาว และกางเกงขาสั้น ออกแบบมาในแบบชุดกีฬาแนวคลาสสิกตามสไตล์ของ HUMMEL มาในงานผลิตระดับ Premium ซึ่งจะมีจุดเด่นอยู่ที่แถบลูกศร chevronด้านข้าง ใช้โทนสีดำ/ทอง ซึ่งจะมีการพิมพ์ลายหน้ายักษ์สยามอินทรชิตขนาดใหญ่ที่ตัวเสื้อซึ่งจะให้ลวดลายที่ดูนูนขึ้นมาจากเนื้อผ้า เมื่อหันไปด้านหลังจะพบตัวอักษรภาษาไทยว่า “ทีมสยาม” และที่เบอร์ผู้เล่นจะใช้ “24” สีทอง ส่วนเสื้อแขนยาวจะมีตัวอักษรภาษาไทยคำว่า “ทีมสยามอินทรชิต” คาดที่ต้นแขนเพิ่มขึ้นมา ความพิเศษทั้งหมดนี้จะผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 333 ชิ้นต่อแบบเท่านั้น และจะวางจำหน่ายเฉพาะในร้านรองเท้าชั้นนำของโลกเพียงไม่กี่แห่งอย่างเช่น