คุณอาจจะคิดว่า รถพลังงานไฟฟ้าจะต้องมีหน้าตาล้ำหลุดโลกเท่านั้น แต่ 2 นักออกแบบ Pablo Baranoff Dorn และ Alex Guliyants ไม่คิดแบบนั้น ด้วยความหลงใหลในความ Vintage แต่ก็อยากชุบชีวิตให้มันกลับมาทันโลกทันสมัย จึงเป็นที่มาของ MODEL ELECTRIC CAFE RACER 1 CONCEPT โปรเจคสุดเท่ที่นำสองยุคสมัยมาบรรจบกันได้อย่างงดงามชิ้นนี้ ใครเป็นตัวจริงสิงห์สองล้อ อาจจะรู้สึกคุ้นตา คลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะเคยเห็นมันมาก่อน เก่งมากครับ เพราะ MODEL ELECTRIC CAFE RACER 1 CONCEPT คันนี้คือร่างเวอร์ชันพลังไฟฟ้าของ Honda 125cc Cafe Racer รุ่นคลาสสิคสุดเก๋า ที่ถูกนำเครื่องยนต์สันดาปภายในออกไป หันมาใส่มอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไป ปกปิดเก็บงานได้อย่างแนบเนียน แม้จะไม่ได้เปลือยโชว์เครื่องตามสไตล์ Naked เหมือนต้นแบบ แต่ก็ให้อารมณ์ความเนี้ยบที่ดูสวยงามแบบ minimal ล้ำสมัยได้ฟีลไปอีกแบบ แม้จะเป็นตัวต้นแบบ แต่ก็มีระบุสเปคมาแล้วพอสมควร ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 7500W ส่งพลังงานไฟฟ้าไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ขนาดความจุ 2100 Wh ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง สามารถวิ่งได้ไกล
อะไรที่เป็นเทคโนโลยี มักจะมาพร้อมจุดอ่อนช่องโหว่ที่ถูกเจาะระบบได้ง่าย ๆ และในกรณีนี้ถือว่าใกล้ตัวมากจนเราต้องรีบนำมาเตือนภัยชาว UNLOCKMEN กันเลยทีเดียว เพราะทีมนักวิจัยชาวจีนพิสูจน์ให้เราดูกับตาแล้วว่า รถยนต์ราคาแพงของเรามีโอกาสถูกโจรขโมยไปได้ง่าย ๆ ด้วยการ hack สัญญาณกุญแจรีโมท โดยเฉพาะรถที่มีระบบ Keyless Entry ผลงานน่าตกใจชิ้นนี้เป็นของทีมนักวิจัยชาวจีนที่เรียกตัวเองว่า Unicorn Team ประกอบด้วย Yingtao Zeng, Qung Yang, และ Jun Li ใช้หลักการทำงานของระบบ Smart Entry ที่กุญแจจะส่งสัญญาณไปหารถยนต์เพื่อปลดล็อก และผู้ขับขี่ไม่ต้องหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าหรือกดปุ่มแต่อย่างใด โดยมีเงื่อนไขว่าระยะของกุญแจกับรถต้องใกล้กันค่อนข้างมาก มันจึงมีชื่อเรียกทางเทคนิคว่า Proximity Key วิธีที่ Unicorn Team ใช้ คือการหลอกรถยนต์ว่ากุญแจอยู่ในระยะที่ปลดล็อกได้ ด้วยอุปกรณ์รับส่งสัญญาณราคาแค่ 600 บาท ประกอบด้วยตัวส่งและรับสัญญาณ ทีมงานคนแรกจะเข้าใกล้เจ้าของรถ เพื่อใช้อุปกรณ์ส่งสัญญาณกุญแจที่อยู่กับเจ้าของรถ ไปที่ทีมงานอีกคนที่อยู่ใกล้รถเป้าหมาย โดยมีระยะหวังผลไกลถึง 300 เมตร และใช้ตัวรับสัญญาณแทนกุญแจตัวจริง เท่านี้รถยนต์ก็เปิดประตูต้อนรับ พร้อมให้โจรขับออกไปได้ทันทีอย่างสง่าผ่าเผยราวกับเป็นเจ้าของรถ หลายคนอาจจะมีคำถามว่า
“กูเนี่ยนะนอนกรน มึงอย่ามาอำ” เสียงประสานจากกลุ่มคนนอนกรน ที่มักไม่รู้ว่าตัวเองนอนกรน นอนคนเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อต้องแชร์ห้องนอนกับใครที่กรนแรงพอกัน ถึงเริ่มตระหนักว่ามันเป็นอุปสรรคในการนอนสำหรับคนอื่นมากแค่ไหน ถ้าคุณกำลังเป็นห่วงเพื่อนร่วมห้อง ห่วงแฟนสาว หรือภรรยา ที่แชร์เตียงนอนร่วมกันว่าจะต้องทนรับเสียงกรนของคุณทุกค่ำคืน โอกาสทำความดีมาถึงแล้ว รีบเข้าไปกดสั่งซื้อ BOSE SLEEPBUDS อุปกรณ์สกัดเสียงกรน สำหรับคนนอนหลับยากคู่นี้อย่างเร็วไว บางคนอาจจะคุ้นกับเทคโนโลยีคล้าย ๆ กัน ภายใต้ชื่อบริษัท HUSH ที่เคยเปิดตัวในงาน CES2016 แล้วเงียบหายไป ที่จริงแล้วไม่ได้หายไปไหน แต่ถูก BOSE ซื้อไปนั่นเอง ก่อน BOSE จะนำสินค้าไปออกแบบใหม่ให้สวยกว่าเดิม และเปิดตัวให้ตื่นเต้นกว่าตามประสาสินค้า category ใหม่ ด้วยการให้คนที่สนใจเข้าไประดมทุนสั่งซื้อ BOSE SLEEPBUDS ผ่านทาง Indiegogo BOSE SLEEPBUDS คือ gadget สำหรับคนนอนหลับยาก ซึ่งโดยธรรมชาติของคนกลุ่มนี้ แค่เสียงหมาเห่า เสียงลมพัด ก็ยากจะหลับแล้ว ยิ่งถ้าบ้านอยู่ริมถนนใหญ่ อยู่ใกล้ BTS หรือสนามบิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง และที่หนักสุดคือคนนอนร่วมเตียงกรนดังสนั่น กว่าจะหลับแต่ละทีนี่ทรมานสุดชีวิต
เป็นนักเขียนมันโตยาก Career Path ของนักเขียนมันสั้น เป็นนักเขียนแล้วไม่ได้โชว์ความสามารถเต็มที่ เป็นนักเขียนรายได้ไม่ค่อยดี ลืมภาพอารมณ์นักเขียนแบบที่ว่ามาให้หมดไป เพราะถ้าคุณกำลังอ่านถึงตรงนี้ แปลว่าคุณต้องเข้าใจสไตล์ความมันส์ของ UNLOCKMEN มาพอสมควรแล้ว และยังแปลว่าคุณต้องมีความสนใจในเรื่องราวที่ UNLOCKMEN นำเสนอเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่อย่างที่เห็นว่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่ได้พูด หรือพูดไปแล้วยังไม่ดีพอ และเรากำลังหวังว่า คุณนักเขียนที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้ จะสามารถช่วยเราได้ โดยการเข้ามาเป็นทีมกองบรรณาธิการกับเรา และแน่นอนว่า เรามั่นใจในข้อดีของ UNLOCKMEN ที่อยากจะชวนให้คุณลองเอาไปพิจารณาดู ถ้าคิดว่าสไตล์เราเข้ากันได้ ก็อย่ารอช้า ส่ง Resume และ Portfolio มาหาเราได้ที่ [email protected] WE HAVE COOL OFFICE อย่างที่เห็นในคลิปวีดีโอ Open House Party เปิดตัวออฟฟิศใหม่ของเรา ที่ออกแบบให้มีอารมณ์ Industrial เต็มขั้น มีบาร์สุดเท่ในออฟฟิศสำหรับพักผ่อน พร้อม Playstation 4 ให้เล่นเพื่อให้หัวโล่ง อยู่ในตึก 208 Wireless Road ถนนวิทยุ
ถ้ามีการทำกราฟแสดงระยะเวลาที่มือของเราใช้งาน Smartphone ในแต่ละวัน เชื่อว่าแท่งกราฟคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสองสามเท่าตัวถ้าเทียบกับในสมัยก่อน ด้วยความเปลี่ยนแปลงทางการใช้ชีวิต ที่ยกทุกอย่างไปไว้ใน Smartphone ให้เราใช้ชีวิตได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแม้แต่ท่านั่ง รวมถึงการเสพติดเรื่องราวบนโลกออนไลน์ ทำให้ทุกวันนี้เรามีการสัมผัส Smartphone มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะยามยืน เดิน นั่ง โดยที่เราไม่รู้ตัว ผลเสียของการเสพติด Smartphone มากเกินไปนั้นมีอยู่มากมายอย่างที่เรารู้กันบ้างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมาธิที่สั้นลง ความเครียดจากการเห็นชีวิตดีเกินจริงของคนอื่น ผลเสียทางประสาทสัมผัสจากท่านั่ง การโน้มคอ ข้อนิ้ว สายตา ออกห่างจากสังคม การนอนหลับ และอื่น ๆ อีกมากมาย นี่จึงเป็นสาเหตุและเหตุผลที่งาน Design ต้องเข้ามามีบทบาท เพราะโดยพื้นฐานแล้ว Design ไม่ใช่เกิดขึ้นมาเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่การแก้ปัญหาการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น ก็เป็นหน้าที่ของการออกแบบด้วยเช่นกัน KLEMENS SCHILLINGER นักออกแบบชาว Vienna เมืองหลวงของประเทศ Austria มองว่า Smartphone Acciction ก็เป็นอาการเสพติดไม่ต่างกับยาเสพติดชนิดอื่น ถ้าเสพมากเกินไปก็ทำให้เกิดผลเสียรุนแรงได้ จึงเกิดไอเดียที่จะบำบัดอาการเสพติดนี้ ด้วยการสร้างโปรเจค Substitute
การรวมตัวของ Segway และ Skateboard เมื่อข้อดีจากทั้งสองสิ่งถูกรวมเข้าไว้ด้วยกัน ความมันส์ของ Skateboarding ที่ติดตรงต้องออกแรงไถไปตลอดทาง เจอทางลาดชันเมื่อไหร่ก็จบข่าว กับความง่ายจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยของ Segway ที่แค่เอียงตัว ก็เคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่ต้องการได้อย่างสบาย ไม่ต้องออกแรงแม้แต่หยดเดียว เราคิดไว้ไม่ผิดว่าต้องมีคนเอา 2 สิ่งนี้มารวมกันเข้าสักวัน และมันก็เกิดขึ้นจริงแล้วในชื่อ ‘StarkBoard’ เหมือนได้แรงบันดาลใจมาจากความไฮเทคของ Tony Stark เราจะเรียก StarkBoard ว่าเป็น Skateboard อัจฉริยะก็ไม่ผิด เพราะรูปทรงของมันยังคงเป็น Skateboard อย่างชัดเจน แต่มีการเพิ่ม weight sensor และ motion sensor เข้าไป ทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้จากการโน้มตัวเช่นเดียวกับที่ใช้ใน Segway ดังนั้นต่อให้เล่น Skateboard ไม่เป็นเลย ก็ไม่มีปัญหา เรียนรู้แค่ไม่กี่นาทีก็เพียงพอที่จะออกไปผจญภัยบนถนนได้ทันที StarkBoard เคลื่อนไหวด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง สามารถเดินทางได้ 20 km ซึ่งเหลือเฟือสำหรับการเดินทางไปมาในเมือง ด้วยความเร็วสูงสุด 32 km/h มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังสามารถส่งกำลังพาเราขึ้นทางลาดชันได้ถึง
หลังจากการฟาดปากแมตช์มหากาพย์เงินรางวัลระดับโลก ระหว่าง Conor McGregor ปะทะ Floyd Mayweather ที่แทบไม่ได้มีคนสนใจว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง แต่สำคัญที่ทั้งคู่กำเงินรางวัลรวมกว่า 100 ล้านเหรียญกลับบ้านไปตาม ๆ กัน นอกจากศึกนี้จะทำให้ Floyd รวยเละเทะยิ่งกว่าเดิม และได้สถิติชนะรวดสวยงามกว่าเดิมเป็น 50 – 0 ส่วนฝั่ง McGregor ก็กลายเป็น Professional Boxing เนื้อหอมค่าตัวสูงลิบ ที่ใคร ๆ ก็อยากฟาดปากด้วยขึ้นมาทันที เรียกว่า Win-Win กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว และล่าสุดก็เป็น Manny Pacquiao ที่อยากจะทิ้งทวนชีวิตนักมวย ด้วยการคว้าเงินรางวัลเข้ากระเป๋าให้ตุงฟูแบบ Floyd บ้าง ด้วยการเริ่มต้นปั่นกระแสผ่าน Instagram ให้แฟนมวยสงสัยเล่นว่า “Happy Thanksgiving @TheNotoriousMMA Stay fit my friend. #realboxingmatch #2018” ที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ Pacman อยากมาแซวเรียกร้องความสนใจจาก McGregor เพราะก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ทั้ง McGregor
ชื่อ Aston Martin เป็นชื่อที่ฟังดูขลัง มีเรื่องราวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นความเก่าแก่หรือการเป็นรถยนต์คู่ใจสายลับสุดเท่อย่าง Sean Connery โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยี และดีไซน์การออกแบบที่มีเอกลักษณ์ส่วนตัวเกือบทุกรุ่น นั่นก็ดูจะเป็นความยากของทีมนักออกแบบของ Aston Martin เพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะสร้างรถโดยยึดความคลาสสิคของเส้นสายในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ 1960s พร้อมบวกความทันสมัยที่สง่างามเข้าไปตามยุคสมัย แต่ดูเหมือนว่า Aston Martin Vantage คันนี้จะเป็นผลงานที่การันตีฝีมือของทีมงานนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า Aston Martin Vantage สุดเท่คันนี้ ถือเป็นรถรุ่น entry level ของ Aston Martin ด้วยราคาเริ่มต้นราว $150,000 หรือ 5,000,000 บาทไทยเท่านั้น ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการออกแบบหรือเทคโนโลยี ถ้าเปิดมาในบ้านเราราคานี้ เชื่อว่าถนนต้องเต็มไปด้วย Vantage แล้วแน่นอน แต่แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น มันก็มาพร้อมความแรงระดับ 503 แรงม้า ฉุดกระชากลากถูด้วยแรงบิด 505 pound-feet ทำความเร็วสูงสุดที่ 312 km/h จากเครื่องยนต์ 4.0-liter twin-turbo
ขึ้นชื่อว่ากล้อง Leica จะสะพายตัวไหนก็ดูกลายเป็นคนมีรสนิยมขึ้นมาได้ทั้งนั้น ถ้าตระกูล M จะหล่อมากเป็นพิเศษ แม้จะโฟกัสเองยากนิดหน่อยก็ตาม ตระกูล Q ก็ดูดี ชีวิตง่าย สำหรับสายยกถ่าย และก่อนหน้านี้ Leica ก็เปิดตัว TL2 กล้อง Mirrorless ตัวเล็ก ราคาย่อมเยา (สำหรับ Leica) ซึ่งก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แน่นอน เพราะมีคนใช้กล้องอยากได้ Leica ไว้ในครอบครองอยู่ไม่น้อย ว่าแล้วก็เลยจัดการแบ่งร่างอัพเกรดไลน์ใหม่ที่เหนือกว่า TL2 อีกขั้นเล็ก ๆ ในชื่อ CL พร้อมความสามารถระดับ 24.2-megapixel APS-C mirrorless เพิ่มเติมคือดีกรีถ่ายวีดีโอ 4K 30p จุดเด่นของ Leica CL คงเป็นเรื่องของรูปทรง body ที่ดูคลาสสิค สวยงาม ดูใกล้เคียงกับรุ่นพี่ Full Frame อย่าง M มากขึ้น โดยได้แรงบันดาลใจการดีไซน์จาก Leica IIIg (Leica
อาการตบหน้าสั่น นอกจากการใช้มือเหวี่ยงไปกระแทกหน้าแล้ว การที่รถยนต์พลังไฟฟ้า 100% โมเดล P100D น้องใหม่ของ Elon Musk ที่ไม่มีการเบิ้ลเครื่องให้ดูน่าเกรงขาม ไม่มีการเบิร์นยางข่มขวัญคู่ต่อสู้ แข่ง 1/4 mile แบบเงียบ ๆ แต่ทำเวลาได้เร็วกว่า Hypercars ทั้งหมดในตลาด ไม่ว่าจะเป็น Ferrari, Lamborghini หรือแม้แต่ Bugatti ต่างโดนตบหน้าไปตาม ๆ กัน ล่าสุดหน้าที่โดนตบยังไม่ทันจะหายชา ภายในงานเปิดตัว Semi Truck พลังงานไฟฟ้า ซึ่งก็ทำให้โลกฮือฮากันพอแล้ว Musk ยังมีเซอร์ไพรส์เปิดตัวรถ Sport Coupe’ 2 ประตูออกมาอีกคันในชื่อ Tesla Roadster นอกจากหน้าตาที่เท่สุด ๆ แล้ว มันยังทำความเร็ว 0 – 100km/h ได้ใน 1.9 วินาทีเท่านั้น ในขณะที่สถิติ Fastest 0-100 km/h