ในโลกนี้มีการค้นพบ 1937 Patek Philippe Reference 96 Quantieme Lune ทั้งหมดเพียง 8 เรือน (รวมเรือนนี้) และมีเพียงแค่ 3 เรือนที่ใช้ตัวเลขอารบิกบนหน้าปัด Roulette ขนาด 30mm ในตัวเรือน platinum Calatrava case (case number 294,462) Patek Philippe Reference 96 Quantieme Lune เรือนนี้มีความสำคัญมากกว่าแค่ vintage watch หายากทั่วไป เพราะจากประวัติพบว่ามันเคยเป็นนาฬิกาในครอบครองของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ (Aisin-Giro Puyi) จักรพรรดิองค์สุดท้ายของจีนที่โด่งดัง และเคยถูกนำไปสร้างภาพยนตร์ The Last Emperor ที่ได้รางวัล Best Picture-winning film ซึ่งผู่อี๋ได้รับมาในช่วงปี 1945-1950 ขณะถูกจับเป็นเชลยใน Soviet Union ก่อนจะยกให้กับล่ามคนสนิท Georgy Permyakov
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยใฝ่ฝันที่จะมีรถยนต์ทรง Coupe’ สองประตูคันเท่ไว้ในครอบครองสักครั้ง ตัวผมเองกว่าจะเก็บเงินซื้อรถสองประตูได้ก็ตอนอายุเกินสามสิบปี เป็นจังหวะที่ต้องเจอโจทย์ยากขึ้นอีกเพราะมีภรรยาและลูกที่ต้องไปไหนไปกันในรถคันนี้ด้วย จึงจำเป็นต้องหารถ Coupe ที่ตอบโจทย์ ทั้งความแรง ฟิลลิ่งความสปอร์ตสำหรับคนขับ และความสบายของคนนั่ง จะเอาใจคนขับอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะห้องโดยสารที่แคบเกินไปจะทำให้การเดินทางไกลหมดสนุกทันที เพราะคนนั่งด้านหลังจะอึดอัดมาก แถมยังใส่ Car seat สำหรับเด็กไม่ได้ ดังนั้นหากเลือกรถคูเป้ไม่ตอบโจทย์ ฝืนใช้ไปไม่นานก็คงต้องตัดใจขายทิ้งแน่ จากโจทย์นี้ เทียบกันเฉพาะรถ Coupe ยอดฮิตใน segment เดียวกันจากเยอรมันอีกสองค่าย รถตัวถัง Coupe ที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการฟิลลิ่งการขับที่ออกไปทางสปอร์ตและผู้โดยสารนั่งได้สบายที่สุด คำตอบที่เราแนะนำก็คือ BMW 430i Coupe M Sport ฟิลลิ่งการขับ คือจุดเด่นที่สุดของ BMW 430i คันนี้ แค่สตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงท่อก็ดังกระหึ่มกว่าคู่แข่ง ทุกรายละเอียดของรถคันนี้เน้นอารมณ์ความสปอร์ตตั้งแต่ดีไซน์ภายนอก กรอบกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อเข้าหากันเป็นชิ้นเดียว ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับ BMW 328 Coupe และ BMW 3.0 CSi ในอดีต กันชนหน้ามีช่อง Air
ASICS SportStyle (เอสิคซ์ สปอร์ตสไตล์) เผยโฉมสนีกเกอร์ล่าสุด GEL-NYC™ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้ารุ่นในตำนานอย่าง GEL-NIMBUS™ 3, GEL-MC PLUS™ V และ GEL-CUMULUS™ 16 ผ่านการอัพเดตรูปลักษณ์ใหม่ ผสานเข้ากับเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันมากขึ้น เพื่อสะท้อนถึงจิตวิญญาณของมหานครนิวยอร์ก หัวใจสำคัญของดีไซน์นี้ คือ รองเท้ารุ่นในตำนานจากช่วงต้นยุคปี 2000 รวมเข้ากับกลิ่นอายของเมืองนิวยอร์ก ซึ่งถูกถ่ายทอดอย่างพิถีพิถันมาในส่วนด้านบนและโทนสีของรองเท้า โดยโปรเจ็คนี้ เริ่มมาจากการนำรองเท้า GEL-NIMBUS™ 3 มาผสมกับรูปทรงของรองเท้า GEL-MC PLUS™ V ซึ่งทำให้ทางทีมดีไซน์ของ ASICS SportStyle เกิดไอเดียที่จะนำรองเท้ารุ่นในตำนานกลับมาดีไซน์ใหม่ด้วยการปรับสีสันให้ดูมีมิติมากขึ้น และคู่สีที่ถูกเลือกใช้สำหรับการออกแบบนี้ คือสีโทนเรียบๆ อย่าง Black/Clay Grey และ Cream/Steel Grey ที่สามารถสะท้อนถึงสถานที่สำคัญอันเป็นสัญลักษณ์ของนครนิวยอร์กได้อย่างชัดเจนจึงทำให้การอัพเดตในครั้งนี้สร้างความแปลกใหม่จากการนำรองเท้าวิ่งรุ่นคลาสสิคมาปรับโฉมเป็นลุคใหม่ได้อย่างลงตัว สำหรับการสร้างพื้นรองเท้าชั้นกลาง ทีมออกแบบตั้งใจเลือกรองเท้าจาก 10 ปีที่ผ่านมาเพื่อตัดกัน แต่ยังคงเสริมส่วนบน ด้วยการใช้ระบบเครื่องมือของรองเท้า GEL-CUMULUS™ 16 รองเท้าผ้าใบรุ่นนี้มีความสวยงามทันสมัยและคุณสมบัติการรองรับแรงกระแทกที่ดีขึ้น
Lamborghini เข้าสู่โลกแห่งพลังงานไฟฟ้าด้วยการเปิดเผยรายละเอียดเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์ NA 6.5-liter V12 814 horsepower @ 9,250 rpm ทำงานร่วมกับระบบไฮบริดมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังสูงสุดถึง 1,001 แรงม้า คือขุมพลังที่จะขับเคลื่อนโมเดลตัวต่อไปของ Lamborghini Aventador โค้ดเนม LB744 Lamborghini นิยามรถรุ่นใหม่ของตัวเองว่า High-Performance Electrified Vehicle (HPEV) ไม่ใช่แค่รถ PHEV ทั่วไป แสดงถึงความเป็นสุดยอดเทคโนโลยีไฮบริดของ Lamborghini ซึ่งน่าสนใจว่าจะใช้ชื่อกระทิงในตำนานตัวไหนที่จะมาเป็นโมเดลตัวต่อไปของ Aventador เครื่องยนต์ใหม่รหัส L545 ความจุ 6.5-liter ของ Lamborghini เป็นเครื่องยนต์ V12 ที่เบาที่สุดและมีกำลังมากที่สุดที่เคยผลิตโดย Lamborghini สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือตัวเลขพละกำลังที่ทำออกมาได้ถึง 126.2 hp per liter ซึ่งเป็นสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ Lambo แรงบิดสูงสุด 725 Nm
เหตุผลที่ G-Class เป็นรถที่มีความพิเศษ เพราะแม้จะผ่านไปกี่สิบปี มันก็ยังคงเป็นรถที่ดูคลาสสิคและล้ำค่า วันนี้เราจะพาไปย้อนเวลา 30 ปี กลับไปหา G-Class ขุมพลัง V8 ครั้งแรกในโมเดลรหัส 500 GE รถที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนสร้างรากฐานความสำเร็จให้กับ G-Class มาถึงทุกวันนี้ ทุกวันนี้รถยนต์ Mercedes-Benz สามารถได้แรงม้ามหาศาลแม้จะใช้เครื่องยนต์ 4 สูบก็ตาม แต่ G-Class ยังเป็นโมเดลเดียวที่ใช้ขุมพลัง 4.0-liter twin-turbocharged V8 ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นใน G550 ก่อนจะขยับไปเป็น G63 V8 577 horsepower Mercedes-Benz 500 GE V8 ในปี 1993 เป็นโมเดลที่พัฒนาจาก G-Wagen รุ่น W463 โดยมีกำลัง 237 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 277 ปอนด์-ฟุต ตามมาตรฐานปัจจุบัน มีการผลิต 500 GE
เตรียมโบกมือลาสาวกกระทิงดุอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับเครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศ ผลงานการผลิตขุมพลังเบนซินอันยอดเยี่ยมที่ขับเคลื่อน Lamborghini (ลัมโบร์กินี) มายาวนานกว่า 60 ปี ก่อนได้เวลาเดินทางเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านอย่างเต็มตัวกับการเปิดตัวรถสปอร์ตซูเปอร์คาร์ไฮบริดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 ซึ่งก่อนที่เราจะไปเปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ร่วมกัน จึงถือโอกาสนี้รวบรวมทุกเรื่องราวน่าจดจำเพื่อเป็นเกียรติส่งท้ายให้กับตำนานเครื่องยนต์สุดยิ่งใหญ่แห่งยนตรกรรมโลก เครื่องยนต์ V12 ถือเป็นหัวใจสำคัญของลัมโบร์กินีมาตั้งแต่ปี 1963 ซึ่งจวบจนปัจจุบันมีการผลิตเครื่องยนต์ V12 เพียงแค่ 2 รุ่นที่ถูกวางอยู่ในรถซูเปอร์สปอร์ตคาร์ โดยรุ่นแรกเป็นเครื่องยนต์พื้นฐานสำหรับรถแข่งที่ “ถูกปรับแต่ง” สำหรับใช้วิ่งบนท้องถนนซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของจิอ็อตโต้ บิซซารินี เปิดตัวครั้งแรกในรถยนต์ลัมโบร์กินีรุ่นแรกอย่าง 350 GT ส่วนเครื่องรุ่นที่สองถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดแต่ยังคงยึดแนวคิดเชิงเทคนิคแบบเดิม ติดตั้งครั้งแรกในรถยนต์ตระกูล Aventador เปิดตัวในปี 2011 ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญของบริษัท ตลอดจนการสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านกำลังเครื่องและประสิทธิภาพที่มั่นใจได้ เดิมทีบิซซารินีรังสรรค์เครื่องยนต์ V12 เพียงเพื่อสร้างโอกาสให้บริษัทสามารถก้าวเข้าสู่โลกของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ทว่า เฟอร์รุชโช ลัมโบร์กินี กลับนำมาทำเป็นเครื่องยนต์สำหรับการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ จนกลายเป็นเรื่องราวแห่งยนตรกรรมอันน่าหลงใหลที่สืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ โดยหลังจากใช้ในรถยนต์ 350 GT และรุ่นต่อยอดอื่นๆ เครื่องยนต์ V12 ได้ถูกนำมาวางไว้ในรถยนต์ Miura ในปี 1966,
Officine Fioravanti ผู้เชี่ยวชาญด้านการ Restomod รถคลาสสิคที่พวกเราอาจคุ้นตากันจากผลงานฟื้นฟูและอัพเกรด Ferrari Testarossa restomod สีขาว ที่ปรับทั้งดีไซน์และแรงม้าเพิ่มรวมเกือบ 500 ตัว ทำให้ car enthusiasts ทั่วโลกยอมรับฝีมือและความประณีตของสำนักแต่งจาก Switerzerland แห่งนี้ คิวจองยังไม่ทันระบาย ล่าสุด Officine Fioravanti ได้เปิดตัวผลงานโบว์แดงชิ้นใหม่ในสีดำด้านสุดขรึม “TR Alte Prestazioni Ferrari Testarossa” ภาษาอิตาเลี่ยนมีความหมายว่า “High Performance” เป็นรถระดับ hyperclassic แบบ one-of-one project นำชิ้นส่วนของ Testarossa มา reengineered ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นรอบคัน เป็นการรักษา DNA ของรถต้นแบบให้มีทั้งความคลาสสิคและสมรรถนะระดับ Hypercar-level performance ได้อย่างยอดเยี่ยม เครื่องยนต์เดิม Flat-12 engine ของ Ferrari Testarossa ถูกนำมาอัพเกรดขึ้นใหม่ทั้งระบบ ไส้ในทุกชิ้นรวมถึง
เรือนเวลารุ่นล่าสุดจาก RM ที่หยิบเอาความหรูมาอยู่คู่กับความร็อกได้เท่ลงตัวสุด ๆ กับโมเดลใหม่รหัส RM 66 Flying Tourbillon ที่มีจำนวนจำกัดแค่ 50 เรือนทั่วโลก RM 66 Flying Tourbillon ตัวเรือนขนาด 42.70 x 49.94 x 16.15 mm. ผลิตจากวัสดุสุดแกร่ง Carbon TPT และ grade 5 titanium จุดเด่นของเรือนนี้ก็คือ มือกระดูกสีทองทำสัญลักษณ์ Rock n’ Roll คล้ายเขาของปีศาจกลางหน้าปัด ผลิตจาก 5N red-gold และฝีมือช่างระดับสูงในการเก็บรายละเอียดทั้งหมด และโชว์กลไก flying tourbillon ดีไซน์หัวกะโหลกด้านบนบริเวณ 12 นาฬิกา เป็นการแสดงออกถึงความขบฐของชาวร็อก เพราะปกติ flying tourbillon มักจะอยู่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เพิ่มความดิบอย่างมีสไตล์ด้วยลวดลาย Clou
“Mini G-Class” โมเดลที่หลายคนเคยใฝ่ฝันถึงมาแสนนานอาจจะเป็นความจริงเร็ว ๆ นี้ หลังมีรายงานว่า Mercedes-Benz กำลังวางแผนที่จะสร้าง G-Class รุ่นเล็กออกมาเสริมทัพตลาด Premium off-roader ภายในปี 2026 ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่มีโอกาสสำเร็จสูง หากดูจากยอดขายถล่มทลายของ G-Class ซึ่งเป็น off-roader เพียงรุ่นเดียวของ Mercedes-Benz ในปัจจุบัน โดยรถรุ่นใหม่จะมีขนาดเล็กกว่า G-Class ในทุกมิติ อย่างไรก็ตาม แม้ข้อมูลจะยังมีไม่มากนัก แต่จากการวิเคราะห์ของเรา คาดว่ารถ off-roader ไซส์เล็กรุ่นใหม่นี้น่าจะเป็น standalone model แยกออกมาจาก G-Class อย่างสิ้นเชิง เพราะ Mercedes-Benz ไม่น่าจะอยากเอารถรุ่นใหม่ไปแตะรหัส G ที่กำลังไปได้ดีอยู่แล้ว และหากนี่เป็นรถพัฒนาเพื่อจับตลาดคนรักความหรูหรา สะดวกสบาย เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน มีโอกาสสูงที่มันจะถูกให้รหัสว่า “GLG-Class” ซึ่งจะไม่ดิบและพร้อมลุยได้โหดเท่า G-Class ด้านขุมพลังคาดว่าจะมีให้เลือกทั้ง ICE และ Electirc เพราะ EQG หรือ
ในซอยสุรวงศ์ดงเจแปน มีร้าน Izakayz เปิดอยู่มากมาย แต่หนึ่งในร้านที่แอดว่าแจ๋วไม่แพ้ใคร ทั้งรสชาติดี บรรยากาศเยี่ยม และที่สำคัญราคามิตรภาพ แอดยกให้ エビスダイニング YEBISU DINING เป็นหัวแถวในตองอู Yebisu Dining ไม่ใช่ร้านเปิดใหม่ แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เคยไปลอง ขนาดตัวแอดบ้านอยู่แถวนี้ยังพึ่งรู้จัก ร้านกึ่งลับตั้งอยู่บนชั้นสองของตึกแถวในซอยญาดา ตรงข้ามอาคารธนิยะ เป็นซอยแรกถ้าเข้ามาจากฝั่งถนนสีลมให้สังเกตป้ายสีขาว ๆ จะเห็นบันไดทางขึ้นอยู่ชัดเจน บรรยากาศร้านต้นตำรับญี่ปุ่น ทั้งเจ้าของร้านและพนักงานก็เป็นคนญี่ปุ่นที่พูดไทยได้ อารมณ์ดีและเป็นกันเองสุด ๆ ทำให้ร้านนี้เต็มไปด้วยลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่ขึ้นมานั่งกินดื่มหลังเลิกงาน เมนูอาหารของ YEBISU แตกต่างจากร้านอื่น ไม่เน้นไก่เสียบไม้ ไม่เน้นเนื้อวัว เพราะเชี่ยวชาญด้านหมู มีตั้งแต่ซาชิมิหมูและเครื่องใน หรือใครใจไม่ถึงเหมือนเราก็แนะนำเป็นเซ็ทหมูย่างเสียบไม้ โดยเฉพาะเมนูแนะนำ Rare Grilled Poek Liver ตับหมูย่างแบบ medium rare เป็นการย่างแบบความสุกพอดี ๆ กรอบนอกนุ่มใน หอม หวาน มัน เข้ากันกับเครื่องดื่มแอลเย็น ๆ อย่างที่สุด เมนูอร่อยมากแบบนอกกระแส ที่เราขอแนะนำว่าห้ามพลาดคือ