APPLE® ได้ประกาศเปิดตัว MacBook Air 2018 ในงาน Apple Special Event ในกรุงนิวยอร์กพร้อมกับ iPad Pro และ Mac mini แต่แน่นอนว่าไฮไลท์คือ RE-Design ใหม่ของซีรีส์ MacBook Air ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ในกับวงการ Laptop ได้ทุกครั้งในการเปิดตัวแต่รอบนี้จะพัฒนาชิ้นส่วนไหนบ้างตามไปดูกัน DESIGN MacBook Air 2018 มาพร้อมหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว จอภาพขยายใกล้ขอบมากขึ้น ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมที่ผ่านการรีไซเคิลมาใช้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ซึ่งเป็นแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อม และเป็นรุ่นแรกที่มีการใช้ในสายการผลิต นอกจากนี้ยังถูกออกแบบให้รูปทรงบางขึ้นกว่ารุ่นเดิมอีกด้วย ด้านข้างตัวเครื่องมีช่อง USB-C Thunderbolt 3 ที่ถ่ายโอนข้อมูลเร็วขึ้นจำนวน 2 พอร์ต พร้อมกับช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร โดยทั้งหมดมีน้ำหนักรวมกัน 2.75 ปอนด์ (1.24 กิโลกรัม) ลดลงจากรุ่นเดิม 10 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดคีย์บอร์ดให้เป็นรุ่น Butterfly Keyboard Gen 3 เหมือนใน MacBook
RM Sotheby’s บริษัทจัดประมูลรถชื่อดังเตรียมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการประมูลรถอีกครั้ง หลังออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาเตรียมนำรถแข่งโมเดลสุดคลาสสิกอย่าง FERRARI 290 MM รหัสเครื่อง 0628 1 ใน 4 คัน ออกประมูลในงาน The Petersen Automotive Museum Auction 2018 ในเดือนธันวาคมนี้ โดยคาดว่ามันจะกลายเป็นอีกไฮไลต์หนึ่งของการประมูลรถปีนี้ หลังจากเมื่อปี 2015 พี่น้องในรหัส 0626 เคยถูกนำออกประมูลจนราคากลายเป็นสถิติโลกมาแล้ว ความเป็นตำนานของ FERRARI 290 MM เริ่มต้นในปี 1956 ในโปรเจกต์พัฒนารถแข่งเพื่อเตรียมสำหรับการแข่งขัน World Sports Car Championship รวมถึงรายการ Mille Miglia จนเป็นที่มาของชื่อ MM ต่อท้าย ซึ่งในตอนนั้นพวกเขามี Mercedes-Benz หรือ Maserati เป็นคู่แข่งตัวฉกาจอยู่ในวงการ ในขณะที่ Enzo Ferrari เองก็ต้องการให้ความสำคัญกับการแข่งขันทุกประเภท ไม่ใช่เฉพาะการคว้าแชมป์โลกรถสูตร 1 เท่านั้น Ferrari จึงได้ผลิตรถ
ดูเหมือน James Jebbia ผู้ก่อตั้ง Supreme จะมีความชื่นชอบในเสน่ห์ของภาพยนตร์อยู่ไม่น้อย หลังจากพวกเขาได้เปิดตัวโฆษณาที่มีภาพของยอดผู้กำกับชาวเอเชียอย่าง John Woo กำลังสวมใส่เสื้อ Supreme box logo และนั่งบรรยายถึงขั้นตอนการถ่ายทำภาพยนตร์ในตำนาน The Killer (1989) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ในชื่อ Supreme x John Woo “The Killer” The Killer (1989) เป็นภาพยนตร์แนวแอคชั่นที่ถูกเขียนบทและกำกับโดย John Woo เรื่องราวในหนังพูดถึง Ah Jong นักฆ่าที่กำลังรับภารกิจสุดท้ายเพื่อนำเงินไปรักษานางเอกซึ่งตาบอดจากอุบัติเหตุที่ตัวเขามีส่วน แต่สุดท้ายกลับโดนหักหลังและถูกไล่ล่าโดยหัวหน้าของตัวเอง ในขณะเดียวกันตำรวจชื่อ Li Ying ก็กำลังตามสืบคดีและตามจับตัว Ah Jong ด้วย แต่สุดท้ายสถานการณ์ก็บีบบังคับให้ทั้งสองคนต้องร่วมมือกันต่อสู้กับความไม่แฟร์ของชีวิต นำมาสู่การคิดบัญชีแค้นครั้งใหญ่ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของวลี “ลูกผู้ชาย ฆ่าได้หยามไม่ได้” ให้เราได้ยินมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ The Killer จะทำได้รายได้ไปเพียง 18.5 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ในบ้านเกิดของตัวเอง แต่จุดเริ่มต้นความเป็นตำนานกลับเริ่มขึ้นในตอนที่มันถูกส่งเข้าไปตีตลาดภาพยนตร์ตะวันตกรวมถึง Hollywood และด้วยซีนบู๊ที่ใช้องค์ประกอบแบบหนังกำลังภายในมาผสมกับเรื่องราวสมัยใหม่ จนเกิดเป็นเอกลักษณ์หนังแอคชั่นเฉพาะตัวของ
ดูเหมือน London และ New York จะแคบเกินไปแล้วสำหรับ Palace Skateboards สตรีตแวร์ชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เพราะตั้งแต่พวกเขามีหน้าร้านเป็นของตัวเองครั้งแรกในปี 2015 มาวันนี้พวกเขาเตรียมขยับขยายกิจการข้ามทวีปมาเปิดสาขา 3 เอาใจสายสตรีตไกลถึงโตเกียว แต่เวลาเดียวกันก็เป็นเรื่องดีสำหรับหนุ่มไทย เพราะร้านมันย้ายมาอยู่ใกล้กว่าเดิมเยอะมาก จะได้มีเหตุผลในการไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งข้อ ใครจะคิดว่าแบรนด์สเก็ตบอร์ดที่สร้างขึ้นมาจากความหลงใหลอย่าง PalaceSkateboards หรือ Palace จะกลายมาเป็นแบรนด์สตรีตแวร์ซึ่งปัจจุบันคงพูดได้ว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับแบรนด์ Supreme และ Stussy แบบไม่อายปาก พวกเขาเริ่มจากการไม่มีหน้าร้านเป็นของตัวเองโดยขายผ่าน Online Store เพียงช่องทางเดียวจากนั้นจึงเริ่มวางขายในร้านสเก็ตบอร์ดในตำนานของอังกฤษที่รู้จักกันอย่าง SLAM CITY SKATES ต่อมาไม่นานงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแบบแฟชั่นสเก็ตบอร์ดของอังกฤษยุค 90’s บวกกับการตลาดที่ไม่เหมือนใครก็ดึงดูดให้แบรนด์น้อยใหญ่สนใจพากันมาร่วม Collab ด้วยมากมายไม่ว่าจะเป็น Umbro, Reebox หรือว่า Adidas ทำให้พวกเขาถูกรู้จักเป็นวงกว้างมากขึ้น ขณะเดียวกันเสื้อผ้าของ Palace ก็เป็นที่ต้องการของแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก ในปี 2015 ชายผู้ก่อตั้งแบรนด์ Lev Tanju ก็ตัดสินใจเปิดร้านเป็นของตัวเองโดยใช้ชื่อว่า The Palace ‘Pop-Off’ Shops ก่อนจะเปิดร้านสาขา 2 ขึ้นใน New
เตรียมตัวพบกับ JAM FEST มิวสิคเฟสติวัลที่รวมเอาดนตรี ศิลปะ อาหาร เครื่องดื่ม แจ่ม ๆ มารวมไว้ในงานเดียวเพราะภายในงานประกอบไปด้วยโซนคอนเสิร์ตที่จะทำให้ทุกคนได้สนุกกันอย่างเต็มที่กับเวที 3 สไลต์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนที่มาร่วมงานสามารถเลือกฟังเพลงแจ่ม ๆ ที่ตัวเองชอบได้ตามต้องการ เริ่มจากเวทีไฮไลท์ของงานกับ Main Stage ที่ทำมาเพื่อเอาใจคอเพลงยุค 90’s โดยเฉพาะด้วยการรวบรวมเอาศิลปินรุ่นเก๋าที่ทุกคนต้องรู้จัก อาทิ Monotone / Noi Pru / 2 Days ago Kids / Flure / Scrubb พร้อมวงน้องใหม่มากฝีมือไม่ว่าจะเป็น Whal & Dolph / The TOYS ft. Twopee / Fucking Hero ต่อด้วย Dood Stage เวทีรองที่รวมเอาศิลปินหน้าใหม่มาสร้างพื้นที่สำหรับคนรักเสียงเพลงนอกกระแสรวมถึงเปิดโอกาสให้กับนักดนตรีเลือดใหม่ได้ออกมาแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่ โดยทุกขั้นตอนตั้งแต่การคัดเลือกวงดนตรี ออกแบบเวที และระบบแสง สี เสียง
ดูเหมือนว่าความรุ่งเรืองของอาณาจักร E-Sport และตลาดของนักเล่นเกมอาชีพจะยังมีอนาคตสดใสต่อเนื่อง และแบรนด์กีฬาอย่าง NIKE ก็ยังคงเดินหน้าเป็นกระบอกเสียงให้กลุ่มคนที่มีความสามารถต่อไป หลังจากที่แคมเปญ Colin Kaepernick ประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด เพราะล่าสุดพวกเขาตัดสินใจเบนเข็มเข้าหากีฬา E-sport ด้วยการคว้านักเล่นเกมจากจีนแผ่นดินใหญ่เจ้าของฉายา “UZI” มาร่วมโปรเจค “Dribble &” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญ “Shut Up and Dribble” ของสตาร์วงการยัดห่วง LeBron James Jian Zi-Hao หรือ UZI โปรเกมเมอร์วัย 21 ปี ปัจจุบันเขาเป็นผู้เล่นสังกัดทีม Royal Never Give Up ในเกมแนว MOBA (multiplayer online battle arena) อย่าง LOL (League of Legends) Uzi เริ่มเทิร์นโปรแข่งขันเกมอาชีพครั้งแรกในปี 2012 แต่ด้วยสกิลเพลย์อันเฉียบขาดในการเล่น ความนิ่งที่เกินอายุทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นแนวหน้าของโลกภายในระยะเวลาสั้น ๆ ว่ากันว่าตอนนี้ Uzi ถูกยกย่องให้เป็นผู้เล่นในตำแหน่ง AD Carry ที่ดีที่สุดในโลกของเกม LOL (Carry
ไม่รู้ว่าเป็นแผนการตลาดหรือเป็นเพราะผลงานที่โดดเด่นกันแน่ สำหรับแบรนด์ไฮ-สตรีตชื่อดัง OFF-WHITE™ หลังจากที่ล่าสุดพวกเขาถูกยกให้เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ร้อนแรงที่สุดของโลกในปี 2018 แซงหน้า Gucci แชมป์เก่าไปแล้วเรียบร้อย แถมส่งผลให้ผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Virgil Abloh เข้าไปอยู่ในรายชื่อผู้ถ้าชิง Designer of the Year ในงาน Fashion Awards 2018 อีกด้วย Lyst เว็บไซต์แฟชั่นชื่อดังได้ทำการจัดอันดับแบรนด์สินค้าแฟชั่นที่เรียกว่า The Lyst index 2018 โดยผลของการทำโพลดังกล่าววิเคาะห์จากแพลตฟอร์มของพฤติกรรมในการค้นหาของ และซื้อจากกลุ่มลูกค้าของเว็บไซต์ ซึ่งมีผู้เข้าชมถึง 5 ล้านคนต่อเดือน จากจำนวนร้านค้าออนไลน์กว่า 12,000 ร้าน รวมถึงใช้สถิติของการค้นหาใน Google, ยอดขาย ตลอดจนอิทธิพลของสินค้าต่อสังคม โดยอันดับหนึ่งตกเป็นของ OFF-WHITE™ แบรนด์สตรีตสุดไฮป์ที่กำลังมาแรงสุดฉุดไม่อยู่ในขณะนี้ พวกเขาเบียดเอาชนะแชมป์เก่าใน Q2 อย่าง Gucci จากการปล่อยผลงาน 33 รายการ ส่งผลให้พวกเขามียอดการค้นหาคิดเป็น 14 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับ 3 ใน 20
ยังคงคอนเซ็ปต์ “Born on the track and Built for the road” เหมือนเดิมสำหรับซุปเปอร์คาร์ตัวท็อปของค่าย Audi R8 หลังล่าสุดพวกเขากลบเสียงลือเกี่ยวกับการลดขนาดเครื่องยนต์ลง ด้วยการเผยโฉมใหม่ของ AUDI R8 2019 ที่เปิดตัวพร้อมขุมพลังโหดยิ่งกว่าเดิม รวมถึงปรับแต่งรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูโฉบเฉี่ยวเร้าใจมากขึ้นด้วย AUDI AG บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนีเปิดตัว Supercar เรือธงของค่ายกับ AUDI R8 2019 ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Audi original Quattroในช่วงปี 1980 รวมถึงหยิบจับเอาส่วนดีจากรถแข่งในค่ายมาปรับเสริมในเรื่องงานดีไซน์ โดย R8 รุ่นพัฒนาล่าสุดถูกผลิตออกมาภายใต้โมเดลสุดคูลอย่าง Coupe และ Spyder แถมทั้งสองรุ่นยังสามารถเลือกติดตั้งเครื่องยนต์ V10 ตัวพัฒนาล่าสุดได้ถึง 2 แบบกลบข่าวลือที่พูดว่าพวกเขาจะหันมาใช้เครื่องยนต์ V6 Twin-Turbocharged แทน (อาจเกิดขึ้นในอนาคต) โดยเครื่องยนต์ตัวเลือกแรกเป็นแบบ V10 ขนาด 5.2 ลิตร แบบปกติมาพร้อมขุมกำลัง 562 แรงม้า ให้อัตราการเร่งตั้งแต่ 0-100ใน 3.4 วินาทีสำหรับรุ่น Coupe (3.5 วินาทีในรุ่น Spyder)
เดินเข้าสู่ปีที่ 50 สำหรับอัลบั้มในตำนานของสี่เต่าทองที่รู้จักกันในชื่อ The White Album เพราะนอกจากต้นสังกัดอย่าง Apple Records จะมีแผนในการ Re-master อัลบั้มออกมาวางขายอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้แล้ว พวกเขายังมีโปรเจกต์ปล่อยของที่ระลึกสุดเท่เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่สร้างเพื่อฉลองครบรอบครึ่งศตวรรษของ Iconic Album ในชื่อ 2Xperience SB Turntable : The Beatles White Album Edition อีกด้วย The White Album คือสตูดิโออัลบั้มที่ 9 ของ The Beatles ถูกปล่อยออกมาครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ปี 1968 จริง ๆ แล้วชื่อของอัลบั้มคือ The Beatles (เดอะบีเทิลส์) เหมือนชื่อวงแต่เพราะการเปิดตัวพร้อมปกอัลบั้มสีขาวล้วนไร้ลวดลาย แฟนเพลงเลยติดปากเรียกกันว่า The White Album แทน หน้าปกสไตล์ Minimalist ชิ้นนี้ถูกออกแบบโดย Richard Hamilton ศิลปินแนว Modern Art
17 ตุลาคมที่ผ่านมารัฐบาลของ แคนาดา ได้ออกมาประกาศว่าอนุญาตให้การเสพและขายกัญชาเพื่อนันทนาการกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ทำให้พวกเขากลายเป็นประเทศอันดับ 2 ของโลกต่อจาก อุรุกวัย ที่ออกมาลงมือทำให้การกัญชากลายเป็นเรื่องเสรี โดยทั้งหมดเกิดขึ้นจากทั้งงานวิจัยและผ่านการโหวตจากคนส่วนมากของประเทศ จนนำมาสู่การออกกฎหมายในครั้งนี้ ผลประเมินจากการทดสอบขายโดยรัฐบาลในช่วงปี 2017 – 2018 ก่อนจะออกกฏหมาย พบว่ามีคนจำนวน 5.4 ล้านคนในแคนาดาซื้อกัญชาอย่างถูกกฎหมายคิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ เพิ่มจากตัวเลขเดิม 4.9 ล้านคน ทำให้ปีที่ผ่านมาแคนาดากลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมูลค่าการใช้กัญชามากสุดในโลก โดยเป็นตัวเลขที่ใช้ทั้งเพื่อการแพทย์และนันทนาการรวมกัน คาดว่าในอนาคตเจ้าพืชชวนยิ้มชนิดนี้จะสามารถสร้างรายได้จากภาษีกว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี รวมถึงจะมีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ถึง 27,500 ล้านบาท/ปี เลยทีเดียว อายุที่สามารถใช้และครอบครองได้ ? คนที่มีสิทธิในการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการอย่างถูกกฎหมายในแคนาดาจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 19 ปี ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไปตามเขตปกครอง เช่นในรัฐ Alberta จะกำหนดไว้ที่อายุ 18 ปี หรือรัฐ Quebec จะอนุญาตตอนอายุ 21 ปี และระหว่างทำการซื้อจะต้องแสดงบัตรประจำตัวก่อนเสมอเพื่อป้องกันคนไม่บรรลุนิติภาวะมายุ่งเกี่ยวก่อนถึงวัยที่เหมาะสม พร้อมกับกำหนดอัตราโทษให้คนหรือร้านที่ขายกัญชาให้กับเด็กอายุยังไม่ถึงเกณฑ์โ ดยอาจต้องเข้าไปนอนในคุกยาวถึง 14 ปี เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังอนุญาตให้ปลูกเอาไว้ใช้สำหรับนันทนาการได้ 4 ต้นต่อครัวเรือน ยกเว้นเมือง Quebec และ Manitoba ที่ยังไม่มีการอนุญาต