ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1988 ในวันที่ทุกสิ่งดำเนินไปตามปกติ ผู้โดยสารและลูกเรือหลายร้อยชีวิตกำลังเดินทางจากท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ ประเทศอังกฤษ บนเครื่องบินของสายการบิน Pan Am เที่ยวบินที่ 103 มีจุดหมายปลายทางคือท่าอากาศยานนานาชาติเจเอฟเค สหรัฐอเมริกา Paul Jeffreys มือเบสวง Be Bop Deluxe กับ Rachel Jones ภรรยาของเขาเป็นหนึ่งในผู้โดยสารของเที่ยวบินนี้ ทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นานจึงตัดสินใจบินไปฮันนีมูนกันถึงอเมริกา โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะมีหายนะอะไรเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า และวันฮันนีมูนแสนสุขเหล่านั้นก็ไม่อาจมาถึง Paul Jeffreys และ Rachel Jones ในเมืองล็อกเกอร์บี ประเทศสก็อตแลนด์ หมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้เมืองกลาสโกลว์ ชาวบ้านที่อาศัยแถบนั้นได้ยินเสียงกึกก้องเหมือนฟ้าร้อง จากนั้นก็ได้ยินเสียงกระแทกดังสนั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ อะไรบางอย่างร่วงลงกระแทกพื้นดินอย่างรุนแรง ลูกไฟขนาดใหญ่ที่เกิดจากแรงระเบิดนั้นพุ่งขึ้นฟ้าสูงถึง 300 ฟุต และบ้านหลายหลังของชาวบ้านผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ถูกเผาวอดวาย จากรายงานพบว่า มีกลไก ‘ระเบิดแสวงเครื่อง’ ถูกซ่อนไว้ในกระเป๋าเดินทางของหนึ่งในผู้โดยสาร และเกิดระเบิดขึ้นในห้องเก็บสินค้า ศูนย์ควบคุมทางอากาศระบุว่าเรดาร์ตรวจจับว่าเครื่องบินลำนี้เกิดการระเบิดเกิดขึ้นก่อนทางอากาศ ไม่มีสัญญาณขอความช่วยเหลือ ลูกเรือไม่ได้สวมหน้ากากออกซิเจน
ผ่านคริสต์มาสมาก็ได้เวลาของวันปีใหม่! ยิ่งช่วงเทศกาลที่บรรยากาศบ้านเมืองเต็มไปด้วยความครื้นเครงแบบนี้ อาจจะยิ่งสร้างความเหงาจับใจให้ใครหลายคนเลยว่าไหมครับ ? และหนึ่งในภารกิจของ WEEKLY PLAYLIST ก็คือการบรรเทาทุกข์ (เบื้องต้น) ให้กับบรรดาคนเหงาทั้งหลายนั่นเอง! มาดูกันดีกว่าว่าจะมีเพลงเพราะ ๆ อะไรบ้างที่เกี่ยวกับปีใหม่ เอาไว้ให้เพื่อน ๆ เปิดฟังกระตุ้นอารมณ์ตัวเองเพลิน ๆ แน่นอนว่าเพลงซ้ำซากแบบเปิดตามห้างเราไม่แนะนำ มารับฟังสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่คุณอาจไม่เคยฟัง ก่อนจะข้ามไปทศวรรษใหม่กันดีกว่าครับ (แต่ถ้าเคยฟังแล้วก็คิดเสียว่าเข้ามาอ่านเพลิน ๆ) New Year – Beach House ใครอยากฉลองปีใหม่แบบฟุ้ง ๆ ขอแนะนำเพลงนี้จากวง Beach House เลยครับ ยิ่งถ้าได้เบียร์สักขวดสองขวด ดนตรีของเพลงนี้อาจพาจินตนาการของคุณล่องลอยไปไกลแสนไกล แƒต่เนื้อเพลงอาจจะพาเหงานิดหน่อย เพราะมันสื่อถึงชีวิตที่ไม่เคยทำตามคำสัญญาและหรือเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ รอคอยให้ปีใหม่มาถึง เผื่อว่าสิ่งดี ๆ จะเข้ามาในชีวิตเสียที แต่ด้วยเมโลดี้และซาวด์โดยรวมของเพลงที่ไม่หม่นจนเกินไป ก็หวังว่าจะถูกใจใครสักคนบ้างนะครับ New Years Project – Mayday Parade จริง ๆ เพลงนี้เป็นเวอร์ชันคัฟเวอร์ของวง Further
เพลงบางเพลงสามารถสร้างบรรยากาศสนุกสนานให้กับผู้คนมากมายได้ด้วยทำนองชวนแดนซ์ เปิดเมื่อไหร่ก็มันส์ ฟังสนุก แต่ใครจะรู้ว่าบางครั้ง บทเพลงเหล่านั้นก็เป็นดั่ง ‘มีดอาบน้ำผึ้ง’ ที่ซ่อนเนื้อหาดาร์ก ๆ เอาไว้บนเมโลดี้สดใส จนหลายคนไม่ได้สังเกตมาก่อนว่าความหมายในเพลงมันโหดร้ายแค่ไหน วันนี้ UNLOCKMEN จะหยิบยก 5 เพลงฮิตติดหูที่ฟังแล้วอารมณ์ดี มาตีแผ่เนื้อหาขม ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใน แล้วตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เปิดเพลงนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณอาจรู้สึกกับมันไม่เหมือนเดิม! Pumped Up Kicks – Foster The People เพลงนี้จัดว่าเป็นที่นิยมสำหรับงานรื่นเริงเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นสาวกของวงก็คงจะรู้ที่มาที่ไปของเนื้อหากันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ฟังแบบไม่ได้คิดอะไร รู้ไหมครับว่าในเนื้อเพลงที่ร้องว่า “All the other kids with the pumped up kicks You’d better run, better run, out run my gun” (พวกเด็กทั้งหลายที่ใส่รองเท้า Pumped up kicks เธอควรจะวิ่งหนีไป
หากพูดถึงวัฒนธรรมดนตรีจากเกาะอังกฤษ เชื่อว่าหลายคนจะนึกถึง ‘Britpop’ มูฟเมนต์ครั้งสำคัญที่ทำให้ดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกจากอังกฤษส่งอิทธิพลต่อวงการเพลงไปทั่วโลก นำทีมโดย 4 จอมทัพที่ผู้คนต่างเรียกกันว่า ‘Big Four’ ประกอบไปด้วย Oasis, Blur, Suede และ Pulp (ในบ้านเรา Oasis จะได้รับความนิยมที่สุด แต่อันที่จริง Suede ถือว่ามาเป็นวงแรกของมูฟเมนต์นี้นะครับ) และกระแสในครั้งนั้นก็ได้เข้ามาฟาดฟันกับดนตรีกรันจ์ร็อกอันเป็นที่นิยมในฝรั่งอเมริกา เรียกว่าเป็นยุคที่ดนตรีร็อกเฟื่องฟูและยึดครองพื้นที่สื่ออย่างแท้จริง แต่หากย้อนไปอีกนิด ก่อนจะมี Oasis เป็นดาวเด่น ณ เมืองตอนเหนือของเกาะอังกฤษที่เรียกว่าแมนเชสเตอร์ เคยเกิดมูฟเมนต์สำคัญที่กลายเป็นจุดกำเนิดของอะไรหลาย ๆ อย่างมาก่อน คือความเคลื่อนไหวทางดนตรีที่เรียกว่า Madchester สิ่งนี้เกิดขึ้นและเฟื่องฟูช่วงปลาย 1980 ถึงต้น 1990 และกลายเป็นรากฐานให้กับวง Britpop หลากหลายวงในเวลาต่อมา รวมทั้งส่งอิทธิพลสำคัญต่อดนตรีแนว House ที่ถูกพัฒนาจนกลายมาเป็น EDM ในปัจจุบันอีกด้วย กำเนิด Madchester หากย้อนกลับไปอังกฤษในยุค 1980 เศรษฐกิจในประเทศตกต่ำอย่างรวดเร็ว อัตราว่างงานสูงจนน่าตกใจ แถมบรรยากาศบ้านเมืองก็เต็มด้วยความอึดอัดตึงเครียด (แม้เราจะเกิดไม่ทัน แต่ศิลปินยุคนั้นเขามักจะพูดถึงในลักษณะนี้เป็นทำนองเดียวกันนะครับ) ผู้คนยุคนั้นจึงเริ่มเสาะแสวงหาความบันเทิงราคาถูก
การเป็นศิลปินใช่จะสิ้นสุดอยู่ที่การทำเพลง ความอัจฉริยะของพวกเขาสามารถกลั่นกรองออกมาเป็นผลงานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น นักแสดง พิธีกร ผู้กำกับ ไปจนถึงนักเขียน ตัวอย่างชัด ๆ ที่เราเห็นล่าสุดก็คือ Comic Book เรื่อง The Umbrella Academy ผลงานสร้างสรรค์โดย Gerard Way ฟรอนต์แมนวง The Chemical Romance ที่ถูก Netflix ซื้อลิขสิทธิ์ไปทำซีรีส์ และลงฉายทางสตรีมมิงไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ความเจ๋งของซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ใครหลายคนที่ไม่แม้แต่จะสนใจเพลงของ My Chemical Romance มาก่อน ต้องหันมายอมรับนับถือในฝีมือด้านงานเขียนและมันสมองของ Gerard Way เลยทีเดียว อาจจะไม่ได้โด่งดังจนเป็นไวรัล แต่ก็จัดว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จนทาง Netflix ประกาศทำภาคต่อแล้วเป็นที่เรียบร้อย สำหรับแฟนเพลง Slipknot คงพอจะทราบกันอยู่แล้วว่านักร้องนำของวงอย่าง Corey Taylor ก็เป็นศิลปินอีกท่านหนึ่งที่มีฝีไม้ลายมือด้านงานเขียนไม่แพ้ใคร เขาเคยออก Comic Book ชื่อเรื่อง House of Gold
หากคุณเป็นหนึ่งในที่แฟนตัวยงของ Jackass รายการของกลุ่มทีมงานใจถึงที่รวมตัวกันทำอะไรห่าม ๆ ทั้งโลดโผน หวาดเสียว ทะลึ่งตึงตัง และเจ็บตัว! อีกไม่นานเกินรอ เพราะความบ้าบิ่นเหล่านี้จะกลับมา ‘Jackkass 4’ จะกลับมาป่วนอีกครั้งในวันที่ 5 มีนาคม 2021 อย่างแน่นอน! Jackass คือรายการเรียลลิตี้ทีวีของ MTV ที่เคยโด่งดังมาก ๆ ในอเมริกา พวกเขาคือกลุ่มเพื่อนชายบ้าดีเดือดที่กระทำสารพัดความพิสดารที่ชาวบ้านเขาไม่ทำกัน เสี่ยงตายกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนโดยมี Johnny Knoxville เป็นตัวต้นคิดและเป็นแกนนำของกลุ่ม Jackass เริ่มฉายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2000 มีทั้งหมด 3 ซีซัน ถูกนำไปสร้างภาพยนตร์ถึง 3 ภาค อีกทั้งยังมีภาคพิเศษที่อุทิศแด่ Evel Knievel และมีภาพยนตร์เรื่อง Bad Grandpa ที่จัดเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ของพวกเขา นอกจากนั้น Jackass ยังถูกนำไปสร้างเป็นวิดีโอเกมต่าง ๆ ทำให้ทั้งหมดทั้งมวลในแฟรนไชส์ของพวกเขากวาดรายได้สูงถึง $355 ล้านดอลลาร์จากทั่วโลก หลังจากที่พวกเขาต่างคนต่างแยกย้าย และหลงเหลือเพียงบางคนที่ยังทำรายการที่คล้าย ๆ
ก่อนจะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นี่คือฤกษ์งามยามดีที่ UNLOCKMEN จะจัดอันดับผู้ที่เป็นที่สุดแห่งปี 2019 ในสาขาต่าง ๆ โดยก่อนหน้านี้มีทั้ง GIRL WE LOVE และ ZERO TO HERO กันไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงหัวข้อที่เหล่าคอเพลงรอคอย นั่นก็คือ GARAGE OF THE YEAR นั่นเอง สำหรับปีนี้ทีมเราก็มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยกับเหล่าศิลปินเจ๋ง ๆ ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่มากมายหลายชีวิต อีกทั้งยังได้ฟังเพลงเพราะ ๆ สัมผัสความเป็นตัวตนของพวกเขามากกว่าที่เคย จัดว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีในการเปิดประสบการณ์ทางดนตรีใหม่ ๆ และนี่คือ 5 ศิลปินที่เราขอยกย่องพวกเขาให้เป็นที่สุดของ UNLOCKMEN ประจำปีนี้ บอกเลยว่าแต่ละคนไม่ธรรมดาจริง ๆ HUGO อีกหนึ่งศิลปินที่เรามีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสความเท่จากตัวจริงเสียงจริงของ ‘ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์’ เรื่องราวการเดินทางอันยาวนานบนถนนสายดนตรีกว่า 19 ปีของเขาไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ใครหลายคนคิด แม้ภายนอกเขาดูจะเป็นชายที่เพียบพร้อม แต่ในฐานะนักดนตรีก็ไม่พ้นกับการพบเจออุปสรรคมากมายถาโถมเข้ามา ฮิวโก้ยังเลือกจะยืนหยัดบนความเป็นตัวเองพร้อมจะฝ่าฟันเพื่อทำสิ่งที่รักต่อไป คำว่ายิ่งดังยิ่งเปลี่ยนแนว ใช้ไม่ได้กับชายคนนี้ เพราะเขาได้พูดกับเราอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “ตราบใดที่เราเอาแต่นั่งคิดว่าคนฟังอยากฟังอะไร เราคงเดาใจเขาไม่ถูกและนั่นก็ไม่ใช่หน้าที่เรา หน้าที่เราคือการนำเสนอ
อีกไม่กี่วันก็จะถึงคริสต์มาสแล้ว เชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคน ไม่ว่าจะสาย ฮิปฮอป ร็อก หรือเมทัล มันก็มีกันบ้างที่อยากจะอินไปกับเทศกาลที่หนึ่งปีมีหน หลายคนก็ลุกขึ้นมาสร้างบรรยากาศ ประดับประดาบ้านด้วยไฟคริสต์มาส บ้างก็เตรียมหนังเกี่ยวกับคริสต์มาสไว้เปิดดูสวีทกับคนรักกันแล้วตั้งแต่เนิ่น ๆ ส่วนคอเพลงอย่างเราคงหนีไม่พ้นการจัดเพลย์ลิสต์คริสต์มาส แต่ปัญหาคือช่วงเทศกาลแบบนี้จะเดินเหินไปไหนก็ต้องได้ยินเพลงแนวนี้จนความอินเริ่มจะเปลี่ยนเป็นความเอียน UNLOCKMEN ขออาสาแนะนำเพลงคริสต์มาสแบบไม่จำเจที่เหล่าศิลปินทั้งในกระแสและนอกกระแสเขาหยิบจับมาทำใหม่ให้ทันสมัยขึ้น จุใจกันไปถึง 10 บทเพลง ทั้งแบบคัฟเวอร์และออริจินัลที่ถูกเขียนใหม่! Alone on Christmas Day By Phoenix เพลงจริง ๆ เวอร์ชันดั้งเดิมเป็นของ The Beach Boy แต่ Phoenix วง Indie Pop จากฝรั่งเศสวงนี้เขาได้นำมาเรียบเรียงใหม่ในสไตล์ของตัวเองให้มีความทันสมัยขึ้น เหมาะกับบุรุษสุดเหงาผู้ไม่รู้จะไปฉลองวันคริสต์มาสกับใคร เลยได้แต่รำพึงรำพัน ฟังเพลงเพราะ ๆ ปลอบใจตัวเอง โดยเสียงพูดที่เราได้ยินตอนเริ่มกับตอนจบเพลงนี้ เป็นเสียงของนักแสดงรุ่นใหญ่ Bill Murray การที่เขาทั้งสองได้มาร่วมงานไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะหนุ่ม Thomas Mars ฟรอนต์แมนของวง เขาเป็นแฟนกับ Sofia Coppola
การจากไปอย่างกะทันหันของ Keith Flint หัวหอกแห่งวง The Prodigy ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์เศร้าสลดของแฟนเพลงทั่วโลกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ชายผู้นี้จัดว่าเป็นบุคคลทรงอิทธิพลผู้มีส่วนสำคัญยิ่งในการบุกเบิกดนตรีแนว Rave หรือ Big Beat ให้ขึ้นมาอยู่ในกระแสช่วงยุค 90 ถึงแม้ดวงวิญญาณของเขาจะลาลับไป ภาพลักษณ์เท่ ๆ ทรงผมสุดแหวกแนว และผลงานทั้งหลายที่เขาฝากไว้ จะยังคงอยู่ในใจของแฟนเพลงเสมอไม่มีวันลืมเลือน คุณสามารถอ่านบทความ แด่วันวานที่ไม่อาจย้อนคืน ‘KEITH FLINT’ หัวหอกแห่ง THE PRODIGY ผู้มีความหวังและความฝันอันเปี่ยมล้น จาก UNLOCKMEN ได้ที่นี่ คลิก แฟนเพลงหนึ่งคนจะทำเพื่อศิลปินที่เขารักได้มากแค่ไหน? หลายต่อหลายครั้งที่การจากไปของศิลปินเป็นบ่อเกิดโศกนาฏกรรมในชีวิตแฟนเพลง แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็เป็นการจุดประกายใครหลายคนให้ลุกขึ้นมาทำอะไรดี ๆ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อรำลึก (หรือที่เขาเรียกติดปากกันว่า Tribute) แด่การจากไปของเขา ในปีที่ผ่านมามีทั้งศิลปินและแฟนเพลงทั่วไปหลากหลายชีวิต ลุกขึ้นมาทำอะไรมากมายเพื่อเป็นการรำลึกแก่เขา และการ Tribute ครั้งล่าสุดที่กำลังได้รับความสนใจก็คือการจัดแสดงไฟคริสต์มาสจากบ้านหลังหนึ่งในอังกฤษ! วิดีโอที่คุณเห็นทางด้านบนนี้มาจาก เมือง Braintree ในเขต Essex ประเทศอังกฤษ อันที่จริงบ้านช่องในถนน Nayling
หลังจากที่เราได้พูดถึง “10 เพลงยอดเยี่ยมทรงอิทธิพลแห่งทศวรรษ” จัดอันดับโดยนิตยสาร TIME กันในครึ่งแรกไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะกลับมาพูดถึงอีก 5 เพลงที่เหลือตามที่สัญญาทุกท่านกันครับ ก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงเพลง Rolling in the Deep (Adele), Dancing On My Own (Robyn), Everything is Embarassing (Sky Ferreira), I Want You (Luke James) และ All Too Well (Taylor Swift) กันไปแล้ว โดยแต่ละเพลงก็จะมีคุณสมบัติบางอย่างที่น่าสนใจและส่งอิทธิพลบางอย่างต่อวงการเพลงในอเมริกาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สำหรับเพลงครึ่งหลังที่เรากำลังจะพูดถึงในต่อไปนี้ บางเพลงคุณอาจไม่รู้จักและไม่เคยฟังมาก่อน แต่บางเพลงก็กำลังฮิตติดชาร์ตเป็นที่รู้จักอยู่ในขณะนี้ มาดูไปพร้อม ๆ กันว่าจะมีเพลงอะไรบ้าง แต่บอกได้เลยว่าแต่ละเพลงไม่ธรรมดาจริง ๆ I Miss Your Bones – Hospitality (2013-2014) วงอินดี้ร็อกในปี 2013