หากพูดถึงนักกีฬาสักคนที่มีชีวิตดั่งบทละคร เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า ล้มลุกคลุกคลานจนแทบเกือบเอาชีวิตไม่รอดบนความสำเร็จที่สร้างมา แต่กลับกลายเป็นเหมือนหอกข้างแคร่ทิ่มแทงตัวเอง ชื่อของ Allen Iverson คือนิยามของคำว่าอัฉริยะบนความไม่สมบูรณ์แบบ เพราะถ้าเกิดเราย้อนกลับไปในยุค 90s แฟนกีฬาทั่วโลก โดยเฉพาะอเมริกันเกมส์อย่างบาสเก็ตบอล แน่นอนว่าไม่มีใครที่ไม่รู้ถึงกิตติศัพท์ความเก่งกาจและพรสวรรค์ราวฟ้าประทานของพอยต์การ์ดร่างเล็กใจใหญ่คนนี้ ซึ่ง UNLOCKMEN อยากจะนำเรื่องราวของเขามาถ่ายทอดให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน My Name is Bubba Chuck ! Allen Iverson เด็กหนุ่มผิวสีร่างเล็กเกิดมาในครอบครัวฐานะยากจน ทำให้เขาต้องอาศัยอยู่ย่านสลัมของมลรัฐ Virginia เพราะพ่อของเขาต้องเดินเข้า ๆ ออก ๆ คุกเป็นว่าเล่น Allen Iverson มีเพียงแม่ที่คอยดูแล แถมต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อให้ครอบครัวของเขาได้ย้ายไปอยู่บ้านพักเคหะ ที่ซึ่งความเป็นอยู่ดีมากยิ่งขึ้น เหตุการณ์ในวัยเด็กจากการที่ต้องเห็นพ่อถูกจับกุมต่อหน้าต่อตาอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงปฎิฎาณกับตัวเองว่าจะต้องเอาชีวิตของตัวเองออกจากชีวิตตรงจุดนี้ให้จงได้ด้วยการเล่นกีฬา Iverson จึงพยายามเล่นทั้งอเมริกาฟุตบอลอยากหนักในช่วงแรก ทว่าแม่ของเขายอมทำงานหนักเพื่อซื้อรองเท้า Air Jordanให้กับ Iverson เพื่อจูงใจให้เขาสนใจในกีฬาบาสเก็ตบอลควบคู่กันไป เนื่องจากแม่ของ Iverson ไม่ค่อยมีเวลาให้ เขาจึงต้องไปอาศัยอยู่บ้านของเพื่อนที่ชื่อ Jamie Rogers อยู่บ่อยครั้ง
แน่นอนว่าในปัจจุบันการจะจบลุคการแต่งตัวให้ลงตัวนั้น สิ่งที่จำเป็นและจะขาดไม่ได้เลย คือเรือนเวลาคู่ใจ ซึ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเรือนเวลาแบบ Minimal Watch ที่ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี จึงเป็นที่นิยมสำหรับคนสายงานครีเอทีฟ รวมถึงนักคิดทั้งหลาย ที่สะท้อนความเป็นตัวเองผ่านวิถี Minimal ใส่น้อยแต่ได้มาก เพื่อเซฟเวลาและพลังสมองเอาไปใช้กับเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่าแทน ซึ่งวันนี้ UNLOCKMEN มีไอเทมนาฬิกาดี ๆ มาแนะนำอีกเช่นเคย สำหรับประดับบนข้อมือของคุณผู้ชายทุกคนกับ ISSEY MIYAKE แบรนด์ดังระดับโลก ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ คาแร็กเตอร์เรียบหรู ดูแพง มาพร้อมพลังแห่งการสร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจอันไม่สิ้นสุด อันเป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจากทางแบรนด์ โดยความพิเศษสุด ๆ ของนาฬิกา Minimal คอลเลคชั่นใหม่นี้ คือการได้ดีไซน์เนอร์คู่บุญอย่าง อิชิโระ อิวาซากิ (Ichiro Iwasaki) ที่ผูกพันกับแบรนด์ โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองได้มีโอกาสออกแบบร่วมกันในคอลเลคชั่น “C” เพื่อมาเอาใจสายโครโนกราฟโดยเฉพาะ ด้วยความเหนือชั้นทางด้านงานดีไซน์บนวิถีแห่งความเรียบง่ายในแบบ Simple & Minimal ทำให้ อิชิโระ อิวาซากิ (Ichiro Iwasaki) เกิดแรงบันดาลใจ จนกลายมาเป็นผลงานศิลป์บนหน้าปัดเรือนเวลาให้กับ “เอฟ” คอลเลคชั่น
การสร้างแรงจูงใจบางครั้งก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อธุรกิจ หากคุณกำลังเป็นผู้บริหารอาจจะลองศึกษาจากข่าวนี้ได้ เพราะเมื่อก่อนหน้า Nike มีข่าวคราวการปลดพนักงานทั่วโลกออกถึง 10% สร้างความวิตกกังวลจนเกิดเป็น Toxic Coperate Culture ขึ้นในองค์กร ทว่าจากการรายงานข่าวของ CNBC ล่าสุดได้กล่าวว่าบริษัทกีฬาชั้นนำของโลกได้เตรียมปรับเงินเดือนพร้อมเปลี่ยนวิธีการคำนวณโบนัสให้กับพนักงานทั่วโลก เหตุผลที่ Nike ได้ตัดสินใจเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานหลากหลายหน้าที่ พร้อมกับมอบโบนัสที่จะวัดจากผลงานส่วนตัว และผลประกอบการบริษัทเพื่อสร้างแรงจูงใจโดยเฉพาะพนักงานในตำแหน่งเดียวกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การทำงานที่ดียิ่งขึ้น โดยทาง Nike ได้ตัดสินใจหยุดจ่ายชดเชยค่าสินไหมทดแทน แล้วนำเงินส่วนนี้มากระจายให้กับพนักงานส่วนใหญ่แทน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มในปี 2019 สาเหตุที่เกิดการปรับโครงสร้างในคราวนี้ก็มาจากเหตุการณ์พนักงานระดับซีเนียร์หลายคนเกิดลาออก พร้อมยังเกิดปัญหาภายในบริษัทจนเกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ดี และ Mark Parker ซีอีโอของบริษัทไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนเพื่อนำไปแก้ไขอย่างจริงจัง จึงเกิดเป็นปัญหาภายในองค์กรที่เรียกกันว่า Toxic Coperate Culture จนต้องออกมาขอโทษขอโพยกันยกใหญ่ แม้ว่าในไตรมาสล่าสุดของแบรนด์จะกลับมาเติบโตมากขึ้น หลังจากที่ทรุดตัวมานาน ทำให้บริษัทเริ่มกลับมาเล็งเห็นพร้อมฟื้นฟูโครงสร้างองค์กร เพราะต้องยอมรับในจุดหนึ่งว่า ต่อให้สินค้าที่คุณจ่ายไปจะดีสักแค่ไหน แต่ถ้าเกิดภายในบริษัทนั้นไม่นิ่งและมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายในระดับซีเนียร์อยู่ตลอดเวลา อาจจะทำให้เกิดวัฒนธรรมที่ไม่ยั่งยืนต่อการพัฒนาองค์กรในระยะยาว source
คงไม่มีใครกล้าปฎิเสธได้ว่า Supreme คือแบรนด์แฟชั่นที่ทรงอิทธิพลสุด ๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะไม่ว่าจะออกแบบดีไซน์อะไรมา ล้วนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ต้องไปเข้าคิวรอยิ่งกว่าของแจกฟรีเสียอีก ทำให้เป็นเรื่องธรรมดาเมื่ออุปสงค์และอุปทานไม่สมดุลกัน จึงเกิดเป็นสินค้า Bootleg ของปลอมนำมาจำหน่ายเกลื่อนเต็มไปหมด ไม่เว้นกระทั่งเมืองไทยของเราเองก็ตาม แต่ข่าวที่เรากำลังจะนำมาเสนอนี้ นับเป็นความหาญกล้าของประเทศจีนอีกครั้ง เมื่อมีตาดีได้ไปเห็นช้อบ Supreme ตั้งหลาอยู่ในเมืองเสิ่นเจิ้น ซึ่งไม่เคยมีแหล่งข่าวจากทางต้นสังกัดมาก่อนเลยว่าจะมีการมาเปิดสาขาใหม่ที่เมืองนี้ เพราะอย่างที่หลายคนทราบกันดี Supreme ค่อนข้างที่จะห่วงและคงคอนเซ็ปต์ในเรื่องของสินค้าลิมิเต็ดอย่างมาก ทำให้ปัจจุบันแม้จะดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี กลับมีจำนวนสาขาอยู่ทั่วโลกเพียง 11 แห่งเท่านั้น สำหรับ Supreme ปลอมสาขาแห่งแรกของโลกนี้ มีการตกแต่งร้านออกมาทุกอย่างเหมือนกับ Supreme ต้นฉบับ ซึ่งจะเป็นร้านไปที่ความมินิมอล เรียบง่ายตามสไตล์ แถมยังประดับประดาไปด้วย Trademark อันเป็นเอกลักษณ์มากมายเต็มไปหมด แต่ถ้าสังเกตดูดี ๆ จะผมว่ามีความแตกต่างอยู่เล็กน้อยคือบริเวณสัญลักษณ์ทะเบียนการค้าที่ช็อปปลอมนี้ใช้เป็นอักษร “NYC” แทน พอมาลงดีเทลในเรื่องสินค้าเราก็จะได้พบกับทั้งสินค้าที่หาได้อยากอย่างเช่นตระกูล Box Logo ทั้งหลาย รวมถึงสินค้าที่ไม่เคยวางขายจริงในช็อปของ Supreme ด้วยซ้ำในราคาแค่ครึ่งเดียวจากราคาที่แท้จริง ซึ่งเนี่ยไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดการปลอมแปลงสินค้าแล้วขายกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในประเทศจีน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีช็อป Yeezy แห่งแรกของโลกไปแล้วเช่นกัน
ข้อดีของระบบออนไลน์คือการที่เราสามารถเก็บข้อมูลมาประมวลผลในรูปแบบของตัวเลขได้ ซึ่งน่าจะทำให้เป็นเรื่องการสำหรับนักจดสถิติต่าง ๆ อย่างเช่นเรื่องที่เรากำลังจะนำมาเสนอนี้ เมื่อ Instagram โชว์สถิติตัวเลขของการ Hashtag # รองเท้าสนีกเกอร์ที่ได้รับความสนใจและถูกโพสต์มากที่สุดบนแพลตฟอร์ม Instagram แม้ว่าจะดูเหมือนในรอบปีที่ผ่านรองเท้าจากค่ายดังอย่าง Nike จะได้รับความนิยมมากกว่า แต่ทว่ากลับมีเรื่องน่าประหลาดใจอย่างมากเมื่อไม่มีรองเท้าจากแบรนด์ Swoosh ติดอันดับ 1 ถึง 5 ด้วยซ้ำ ซึ่ง UNLOCKMEN ต้องของบอก่อนว่าลิสต์ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดและส่งผลถึงความนิยม เพราะการโพสต์แล้วติด Hashtag # นั้นอาจจะเป็นการโพสต์ขายสินค้าหรือแคมเปญโฆษณาก็เป็นได้ #1 adidas NMD แม้ว่าในปัจจุบันรองเท้า NMD จะไม่ได้การเป็นแรร์ไอเทมชนิดต้องไปต่อแถวแย่งกันซื้ออีกเหมือนสมัยก่อน แต่ทว่าบนโลกออนไลน์ รองเท้ารุ่นดังกล่าวก็ยังฮอตฮิต โดยมีการติด Hashtag รวมกันมากกว่า 5,709,871 ครั้งในปีที่ผ่านมา #2 adidas Yeezy 350 ตอนแรก UNLOCKMEN คิดว่ารองเท้าโมเดล Yeezy 350 จะต้องเข้าวินมาเป็นอันดับ 1 แต่ยังดีที่ไม่พลิกโผไปไกล เพราะด้วยจำนวนครั้งที่ถูกติดแท็กมากกว่า 4,198,238 ครั้ง ก็ถือว่าเป็นตัวเลขความนิยมที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมสำหรับรองเท้าจากฝีมือของ
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันพฤติกรรมของหนุ่ม ๆ ที่เริ่มหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรือนเวลาบนข้อมือกันมากขึ้น โดยเฉพาะนาฬิกาข้อมือประเภท Smartwatch ที่เข้ามามีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับชีวิตคนยุคใหม่ ซึ่งมีกิจกรรมแสนยุ่งเหยิงในแต่ละวัน มาลองดูกันว่าในวันนี้ UNLOCKMEN จะมีนาฬิกาอัจฉริยะอะไรเจ๋ง ๆ มาแนะนำกัน HUBLOT BIG BANG REFERENCE FIFA WORLD CUP RUSSIA เรือนเวลารุ่นล่าสุดที่เพิ่งจะเปิดตัวในงาน Basel World 2018 ซึ่งนับเป็นรุ่นที่สามเพื่อต้อนรับมหกรรมฟุตบอลโลกโดยเฉพาะ ความพิเศษของนาฬิกา HUBLOT BIG BANG REFERENCE FIFA WORLD CUP RUSSIA คือจำนวนจำกัดที่มีเพียง 2018 เรือนเท่านั้น แถมออกแบบหน้าปัดเพื่อเอาใจแฟนคลับ พร้อมกล่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละชาติที่ได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกอีกด้วย สำหรับตัวเรือนทำมาจากไทเทเนียมขนาด 49.0 มิลลิเมตร พร้อมระบบดิจิทัลด้วยจอภาพเทคโนโลยี AMOLED ความละเอียด 400 x 400 พิกเซล และระบบปฎิบัติการ OS จาก Google แถมการเปลี่ยนสายที่เด่นด้วยระบบ One
เรียกได้ว่าอีเว้นท์เดียว BAPE เล่นสะจนพรุน ตั้งแต่ออกคอลเลคชั่นพิเศษกับ adidas ก่อนหน้านี้ในชื่อ “Winning Collection” ซึ่งมีทีเด็ดอยู่ที่รองเท้า Gazelle สีแดงสวยงาม แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่หนำใจ เพราะล่าสุด Bape ได้ปล่อยรวดเดียว 3 คอลเลคชั่น โดยทั้งหมดล้วนสอดคล้องกับช่วงเทศกาลบอลโลก มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง เริ่มกันที่ Capsule คอลเลคชั่นตัวแรกคือการทำเสื้อยืดสุดพิเศษสองสี สองลายกราฟิค และลูกบอลที่ผลิตขึ้นมาเพื่อคอลเลคชั่นนี้โดยเฉพา สำหรับจุดเด่นจะอยู่ที่ลวดลาย Camo ที่ถูกนำมามาเลือกใช้เพื่อสามารถสื่อสารกับ Tagline ที่ชื่อว่า A Bathing Ape Performance โดยนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นการปูทางไปสู่การเปิดไลน์เสื้อผ้าใหม่ในอนาคตหรือเปล่า แต่รับรองว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ซึ่งสนนราคาของเสื้อยืดกราฟิคอยู่ที่ $62 (2,0xx บาท) และราคาลูกบอล $80 (2,7xx บาท) สามารถสั่งเสื้อได้ทาง BAPE ออนไลน์ และ Retailer ชั้นนำ มาต่อกันที่คอลเลคชั่นที่สอง ซึ่งทำออกมาต้อนรับมหกรรมบอลโลกอีกเช่นกัน โดยจะเน้นหนักไปที่ความเป็นสปอร์ตแวร์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อบอล Jersey, เสื้อ High
มีภาพยนตร์มากมายที่ใช้รถเป็นตัวหลักของเรื่อง จนทำให้รถคันนั้นดูเด่นพอ ๆ กับนักแสดงนำของเรื่องเสียอีก แม้ว่าปัจจัยหลักส่วนใหญ่เวลาค่ายหนังจะเลือกใช้รถซักคันมักมาจากสปอนเซอร์ แต่ทว่าหนึ่งในยี่ห้อรถที่ถูกนำมาใช้ค่อนข้างมากคือแบรนด์สุดเก๋าอย่าง Ford อาจเพราะพวกเขามีรถให้เลือกใช้หลายประเภทตั้งแต่รถสปอร์ตยันรถกระบะคันใหญ่ ซึ่งส่วนมากหนังจากฮอลลีวูด มักจะเลือกรุ่นสปอร์ตอเมริกันยอดนิยมอย่าง Mustang ดังนั้นวันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำรถ Ford 5 คันที่ถูกเลือกนำไปใช้ประกอบหนังจนโด่งดังเป็นพลุแตกให้ได้รับชมกันครับ 1968 Ford Mustang Fastback – BULLITT เริ่มคันแรกกับ 1968 Ford Mustang Fastback สีเขียวเข้ม Dark Highland Green จากหนังไล่ล่าชื่อดังระดับตำนานอย่าง BULLITT ที่นำแสดงโดย Steve McQueen นักแสดงชื่อดังผู้ล่วงลับ ว่าด้วยเรื่องของตัวเอก Frank Bullitt นายตำรวจแห่งเมืองซานฟรานซิสโกผู้ถูกมอบหมายให้คุ้มครองพยานปากเอกคนสำคัญ ซึ่งจะต้องขึ้นให้การกับศาลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่งานกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อ Bullitt ค้นพบว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลกับพยานคนนี้ โดย Bullitt ก็ได้ใช้รถ Mustang Fastback ปี 1968 สีเขียวเข้มคันนี้เป็นรถประจำตัวเองอีกด้วย และจุดเด่นของเรื่องนี้คือฉากไล่ล่าระดับตำนานซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังรถยุคใหม่
หากพูดแบรนด์ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในขณะนี้ ต้องยอมรับว่า Burberry ถือมีขวบปีที่ยอดเยี่ยมเสียเหลือเกิน จนเราเองก็ยังประหลาด เพราะไม่ว่าจะมองไปยัง Reference ต่างประเทศ ต่างเห็นลวดลาย Check อันเป็นซิกเนเจอร์ของพวกเขากลับมาโลดแล่นตามสื่ออีกครั้ง ซึ่ง UNLOCKMEN เคยได้วิเคราะห์ถึงการกลับมาผงาดอีกครั้ง (link) หลังการเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของดีไซน์เนอร์มือฉมังอย่าง ริคคาร์โด ทิชชี่ (Ricarrdo Tisci) พร้อมปฎิวัติแบรนด์ให้มีความเป็นสตรีทแวร์และเข้าถึงกับไลฟ์สไตล์ได้มากขึ้น ดังนั้นวันนี้เราจะลองนำ Style Guide การแต่งตัวแบบ Check ของ Burberry อย่างไรให้ออกมาเข้ากับประเทศไทย #Look1 ลุคแรกถือว่าเป็นการผนวกสตรีทแฟชั่นเข้าไป โดยได้แรงบันดาลใจมากจากเสื้อผ้าของ โกชา รุบชินสกี้ (Gosha Rubchinskiey) ที่มาทำไอเทมกางเกงขาสั้นลาย Check จับคู่กับเสื้อเชิ้ตแขนสั้น ดูเป็นลุคที่แตกต่างจากแนวทางของ Burberry ที่ผ่านมา ซึ่งจะเน้นไปถึงอารมณ์คลาสสิคเป็นหลัก โดยสามารถจบลุคนี้ได้อย่างสมบูรณ์ด้วยการนำสร้อยมาใส่เป็นเครื่องประดับ พร้อมหมวก Bucket Hat หรือ Duckbill Cap #Look2 สำหรับลุคที่ 2
ย้อนกลับไปเมื่อสักประมาณ 5-6 ปี ก่อนนี้ หากเรากำลังพูดถึงแบรนด์ชื่อว่า Burberry ภาพจำในอดีตคือความไอคอนิกพร้อมซิกเนเจอร์ของตัวเองที่ชัดเจน ไม่ต่างจากแบรนด์ไฮเอนด์อื่น ๆ ทว่าในขณะที่คู่แข่งกำลังรุดหน้าวิ่งลงมาจับตลาดสตรีทแวร์ พร้อมขยายฐานตัวเองลงมาสู่ E-commerce แต่ Burberry ยังคงทำทุกอย่างเหมือนเดิมยึดมั่นในความคลาสสิคจนดูไม่ร่วมสมัย เกิดช่องระหว่างวัยของผู้บริโภค เมื่อเด็กรุ่นใหม่ ๆ ไม่รู้จัก Burberry อีกต่อไป ส่งผลให้ยอดขายของแบรนด์ตกลงพอสมควร ซึ่งเมื่อพวกเขาเริ่มขยับตัวในตลาด E-commerce ช้ากว่าแบรนด์อื่น ๆ จึงเหมือนกับการเดินตามคู่แข่งคนอื่น ๆ ในตลาด แต่ที่แย่ที่สุดคือยอดขายในสหรัฐอเมริกา ตามบรรดาห้างร้านค้าต่าง ๆ ก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก แม้ว่าจะพยายามออกคอลเลคชั่นพิเศษออกมากระตุ้นช่วยแล้วก็ตาม ทำให้ Burberry ต้องมานั่งขบคิดปรับกลยุทธ์กันอย่างจริงจังขยายฐานลูกค้าตัวเองไปสู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา แต่มีกำลังซื้อสูงมาก โดยการเพิ่มพันธมิตรที่ชำนาญในเรื่องออนไลน์โดยตรง จากนั้น Burberry ค่อย ๆ ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ที่ดูจะเน้นกับตลาดในประเทศจีนเสียเหลือเกิน ถึงขนาดเปิดโอกาสให้ คริส วู (Kris Wu) นักแสดงชาวจีนมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ พร้อมกับร่วมออกแบบคอลเลคชั่นเสื้อผ้าเป็นของตนเอง จนสามารถตีตลาดในเอเชียได้อย่างดีเยี่ยม