MAZDA MX-5 MIATA รถยนต์ ROADSTER 2 ประตู น้ำหนักเบา ที่เป็นเสมือน ICONIC CAR ของ ROADSTER ทุกสถาบันมาตั้งแต่ GENERATION แรกตั้งแต่ปี 1989 กับรหัส NA ที่ทุกวันนี้เราก็ยังเห็นวิ่งอยู่บทถนนไม่ขาดสาย แม้ความแรงจะสู้ใครไม่ได้ ความหรูก็ไม่ได้เด่นอะไร แต่ความมีเสน่ห์เฉพาะตัวของมัน ทำให้คนทั้งโลกอยากมีมันจอดอยู่ในโรงรถอย่างน้อยหนึ่งคัน ล่าสุด MAZDA ทำให้คนประเทศอื่นต้องอิจฉาคนอังกฤษ ด้วยการเปิดตัวรุ่นพิเศษ Z-SPORT ซึ่งเป็น SPECIAL EDITION ประจำ MX-5 อยู่แล้ว คราวนี้จำกัดจำนวนไว้เพียงแค่ 300 คันสำหรับขายในประเทศอังกฤษเท่านั้น น่าเสียดายที่ความพิเศษของ MX-5 Z-SPORT ไม่ได้อัพเกรดเครื่องยนต์ให้แรงกว่าเดิมเลย ยังคงใช้เครื่องยนต์ 2.0-liter 160 แรงม้า แรงบิด 200Nm ทำเวลา 0-100km/h ภายใน 7.3 วินาที เหมือนเดิมเป๊ะ แต่ที่เพิ่มเติมคือการจัดเต็มอุปกรณ์และชุดแต่งรอบคันให้หล่อยิ่งขึ้น
สองหัวดีกว่าหัวเดียว น่าจะเป็นเทรนด์สำเร็จที่เราเห็นได้ชัดในการสร้างแบรนด์ประจำปีนี้ การ COLLABORATION กันระหว่างแบรนด์ประเภทเดียวกัน แบรนด์ต่าง CATEGORY กัน ที่เขย่าโลกมากที่สุด ต้องยกให้ LOUIS x SUPREME ที่เขย่าวงการแฟชั่นและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ทั้งคู่ WIN-WIN ไปด้วยกัน หรือจะเป็นการร่วมงานระหว่างแบรนด์กับศิลปิน ที่ช่วยทำให้สินค้ามีเรื่องราวที่น่าสนใจขึ้น อย่าง ADIDAS x KANYE WEST สร้างลัทธิ YEEZY CRAZY ในหมู่วัยรุ่น MASS หรือ ALEXANDER WANG ที่เน้นจับกลุ่ม HIGH-FASHION STREETWEAR ถ้าให้เรานับนิ้วว่าปีที่ผ่านมามีการ COLLABORATION กี่ครั้ง คงจะเยอะเกินนับไหว ไม่ใช่แค่ในต่างประเทศ บ้านเราเองก็มีเทรนด์การ COLLABORATION มากขึ้น แต่จะเน้นไปที่การจับมือกับ ARTIST มากกว่าการข้ามแบรนด์ ที่เห็นตัวอย่างชัดเจนก็มี CHANG LIMITED EDITION เป็นผู้นำการ COLLABORATION ของไทยไปในช่วงปลายปีที่แล้ว โดยการจับมือกับ ALEX TROCHUT,
RAG & BONE จับมือ “ดีสนีย์”และ “ลูคัสฟิล์ม” เปิดตัวแคปซูลคอลเลคชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟต้อนรับการมาถึงของภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ภาคใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “Star Wars: The Last Jedi – สตาร์ วอร์ส: ปัจฉิมบทแห่งเจได” แคปซูลคอลเลคชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้นำเสนอเสื้อผ้าชิ้นไอคอนของ rag & bone ที่นำมาตีความหมายใหม่ด้วยรายละเอียดและเรื่องราวของภาพยนตร์มหากาพย์สุดยิ่งใหญ่แห่งยุคอย่างสตาร์ วอร์ส ตั้งแต่การเล่นกับสีสันที่ คอนทราสต์และรายละเอียดปลีกย่อยที่ซ่อนอยู่อย่างน่าสนใจ โดยทั้งหมดจะสื่อถึงสมดุลของความดีและความชั่ว ที่แบ่งเป็นสองด้านของพลัง – ด้านสว่างและด้านมืด ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกันอย่างจักรวรรดิกาแลคติกและพันธมิตรกบฏ ไปจนถึงความขัดแย้งระหว่างฝ่ายต่อต้านและฝ่ายปฐมภาคี “ผมเป็นแฟนตัวยงของหนังเรื่องสตาร์ วอร์สมานาน เพราะฉะนั้นมันเยี่ยมไปเลยที่ผมจะมีโอกาสได้สร้างสรรค์คอลเลคชันแคปซูลพิเศษนี้ที่ไม่เพียงทำออกมาพร้อมกับการเปิดตัวภาพยนตร์สตาร์ วอร์สภาคใหม่ “Star Wars: The Last Jedi – สตาร์ วอร์ส: ปัจฉิมบทแห่งเจได” เท่านั้น แต่ยังทำออกมาในช่วงเวลาที่ภาพยนตร์ชุดนี้ครบรอบ 40 ปีพอดีด้วย โดยแนวทางการสร้างสรรค์เสื้อผ้าในคอลเลคชันนี้คือ การเลือกเอาเสื้อผ้า rag & bone
24KILATES ร้านสตรีทแวร์ชั้นนำหยิบเอาความเป็นไทยมาใส่ในการร่วมงานระดับโลกอีกครั้ง กับ Limited Edition สุดพิเศษอันเกิดจากความร่วมมือกับ “HUMMEL HIVE” แบรนด์ไลฟ์สไตล์สปอร์ตแวร์ระดับตำนานจากยุโรป สร้างเป็นผลงานสุดยิ่งใหญ่ที่นำเอากีฬายอดนิยมอของคนไทยอย่าง “ตะกร้อ”มาเป็นแรงบันดาลใจ และออกแบบผ่านตัวละครในวรรณคดีไทยอย่าง “ยักษ์อินทรชิต” การร่วมงานครั้งนี้มาในคู่สีดุดันอย่าง “ดำ/ทอง” อันประกอบไปด้วยชุดกีฬาและรองเท้าสุดคลาสสิก HUMMEL Marathona ที่ได้รับการนำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง บรรจงตกแต่งด้วยความหรูหรา วัสดุของรองเท้าผลิตด้วยหนังแท้ Lambskin Leather ทั้งคู่เช่นเดียวกับเครื่องหนังระดับ Hi-End ตัวรองเท้าตัดเย็บแบบ One-Piece Upper หรือตัดเย็บด้วยวัสดุชิ้นเดียว ทำให้ได้รูปทรงที่ดูทันสมัยและเรียบหรูขึ้นมา นมาพร้อมกล่องรองเท้าหุ้มหนังสุดหรู พร้อมเหรียญโลหะสัญลักษ์ลูกตะกร้อสีทองที่สั่งทำขึ้นโดยเฉพาะ สำหรับตัวเสื้อผ้ากีฬานั้นจะประกอบไปด้วยเสื้อแขนสั้น, เสื้อแขนยาว และกางเกงขาสั้น ออกแบบมาในแบบชุดกีฬาแนวคลาสสิกตามสไตล์ของ HUMMEL มาในงานผลิตระดับ Premium ซึ่งจะมีจุดเด่นอยู่ที่แถบลูกศร chevronด้านข้าง ใช้โทนสีดำ/ทอง ซึ่งจะมีการพิมพ์ลายหน้ายักษ์สยามอินทรชิตขนาดใหญ่ที่ตัวเสื้อซึ่งจะให้ลวดลายที่ดูนูนขึ้นมาจากเนื้อผ้า เมื่อหันไปด้านหลังจะพบตัวอักษรภาษาไทยว่า “ทีมสยาม” และที่เบอร์ผู้เล่นจะใช้ “24” สีทอง ส่วนเสื้อแขนยาวจะมีตัวอักษรภาษาไทยคำว่า “ทีมสยามอินทรชิต” คาดที่ต้นแขนเพิ่มขึ้นมา ความพิเศษทั้งหมดนี้จะผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 333 ชิ้นต่อแบบเท่านั้น และจะวางจำหน่ายเฉพาะในร้านรองเท้าชั้นนำของโลกเพียงไม่กี่แห่งอย่างเช่น
ในช่วงปีที่ผ่านมา มีร้านดี ๆ มากมายเกิดขึ้นในย่านซอยเย็นอากาศ ซอยเล็ก ๆ ถนน 2 เลน แต่เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อถนนสายสำคัญอย่างพระราม 4, พระราม 3 และถนนสาทร ซอยเย็นอากาศจึงถูกใช้เป็นทางลัดผ่านไปมาตลอดเวลา มีคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ในย่านนี้มากขึ้น เมื่อ TRAFFIC เพิ่มขึ้น ความเจริญก็ตามมา เราเองก็ผ่านซอยนี้เป็นประจำเกือบทุกเช้า ก่อนหน้านี้เราจึงดีใจมากกับการเปิดตัว CRAFTMAN x YARDEN ซึ่งเราเคยนำเสนอไปแล้ว ล่าสุดเราก็ได้ร้านประจำใหม่สำหรับพักผ่อนดื่มไวน์ดี ๆ จิบ CRAFT BEER พร้อมทานอาหารฝรั่งเศสที่ INFUSION EATERY AND BAR INFUSION EATERY AND BAR เป็นร้านที่ตกแต่งได้อย่างโดดเด่น ขับรถผ่านมายังไงก็เห็น มีที่จอดรถหน้าร้านประมาณ 4-5 คัน เท่ด้วยการตกแต่งสไตล์ INDUSTRIAL กระจกรอบร้านให้ความปลอดโปร่ง ตัดกับเหล็กสีดำเพิ่มความเท่ให้เตะตาได้ตั้งแต่แรกเห็น มองทะลุเข้าไปในร้านจะเจอกับบาร์ขนาดใหญ่กลางร้าน การตกแต่งที่คุมโทนด้วยไม้และเหล็ก ช่วยให้ผ่อนคลายตั้งแต่เดินเข้ามา มีความพยายามในการเพิ่มธรรมชาติในร้านอย่างเห็นได้ชัด เช่นมุมสวนที่ถูกกั้นไว้ด้วยกระจกใส เป็นการพักสายตาที่ดีระหว่างนั่งทานอาหาร
ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่มีใครคาดคิดว่าแบรนด์รถยนต์ SUPERCAR จะมีวันกระโดดมาลุยตลาดรถ SUV ซึ่งเคยถูกจำกัดอยู่ในฐานะรถลุย รถพ่อบ้าน แต่วันนี้ดูเหมือน SUPERCAR ทุกแบรนด์จะหันมาแย่งชิงพื้นที่ MARKET SHARE ใน SEGMENT นี้กันหมดแล้ว นำทีมโดย PORSCHE CAYENNE ที่เมื่อครั้งเปิดตัวในปี 2003 บรรดาลูกค้า PORSCHE ต่างตราหน้าว่า มึงคิดได้ยังไงเนี่ย นี่มันกำลังฆ่าตัวตายด้วยการทำลายจิตวิญญาณความสปอร์ตอันสุดพิเศษของ PORSCHE แต่กลายเป็นว่า CAYENNE และ MACAN นี่แหละที่ช่วยสร้างยอดขาย ประคอง PORSCHE ให้โตวันโตคืน ตามมาด้วย BENTLEY BENTAYGA และวันนี้ก็ถึงเวลาของค่ายกระทิงดุ ที่ได้เปิดผ้าคลุม SUPER SUV ของตัวเองบ้าง ในนามว่า ‘URUS’ อันที่จริง LAMBORGHINI เคยลองทำตลาดรถ SUV มาแล้วในชื่อ LM002 ซึ่งดูเหมือนรถทหารมากกว่ารถหรู ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก ดังนั้นการกลับมาของ SUV ภายใต้โลโก้กระทิงดุ
ตอนเราเป็นเด็ก เราคงไม่เข้าใจที่หลายคนต่างบอกว่า ชีวิตที่มีความสุขที่สุดคือตอนเป็นเด็ก เพราะถ้าย้อนภาพไปตอนนั้น เราจำได้ว่าตอนเป็นเด็กมันช่างลำบาก ไม่มีอิสระ โดนพ่อแม่สั่งนู่นนี่ โดนตีโดนดุอยู่ตลอดเวลา อยากออกไปเล่นกับเพื่อน ก็โดนดุ ขอให้พ่อพาไปเที่ยวอย่างที่คนอื่นได้ไป บางทีพ่อก็ไม่ว่าง ไปเล่นซนจนจมน้ำเกือบตาย แต่ก็ฟื้นขึ้นมาโดยที่จำอะไรไม่ได้ว่าใครช่วย รู้ตัวอีกทีก็โดนพ่อด่าจนร้องไห้หนักกว่าเดิมซะแล้ว พวกเราอาจจะเคยโกรธคุณพ่อ เกลียดคุณพ่อ ไม่เข้าใจถึงเหตุผลใด ๆ ที่พ่อต้องดุ ต้องตีเราขนาดนั้น เรียกว่าชีวิตวัยเด็กของหลายคน น่าจะเห็นคุณแม่เป็นนางฟ้า แต่เห็นคุณพ่อเป็นที่สุดของคนดุ ที่แค่เปิดประตูไปเจอหน้า ก็เกร็งจนทำอะไรไม่ถูก มีอะไรก็เรียกหาแม่ก่อนเป็นประจำ ‘พ่อ’ จะเป็นคนสุดท้ายที่เราอยากใช้เวลาด้วยเสมอ แต่มาถึงวันนี้ วันที่หลายคนกลายเป็นผู้ใหญ่ เรากลายเป็นพ่อคนบ้าง เราถึงจะเข้าใจในเหตุผลความเป็นพ่อ จากความโกรธ ความกลัว ต้องผ่านเวลายาวนานหลายสิบปี กว่าจะแปรสภาพเปลี่ยนเป็นความเข้าใจในสิ่งที่พ่อทำ ความลำบากใจ ความห่วงใยที่พ่อทำลงไป บางคนอาจจะเข้าใจได้ทันเวลา สามารถวิ่งไปหาคุณพ่อเพื่อบอกว่าเราเข้าใจแล้ว แต่บางคนอาจจะไม่กล้าพูดคุยเรื่องซึ้ง ๆ กับพ่อ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะรู้หรือไม่ว่า คุณพ่อเองก็เขินที่จะพูดเรื่องซึ้ง ๆ กับเราไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะท่านเลือกที่จะมองดูพวกเราเติบโตอยู่ข้างหลังเสมอ ความเป็นห่วง คอยช่วยเหลือ คอยถามแม่ว่า ‘วันนี้ลูกเป็นยังไงบ้าง ลูกสบายดีมั้ย ลูกมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?’
เห็นประเด็นชวนแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ เฮ้ย น่าสนใจดี เข้าไป COMMENT แสดงความคิดเห็นบ้างดีกว่า ผ่านไปห้านาที มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่าง ก็ยังดูดีอยู่ เราก็ COMMENT เหตุผลอธิบายกันไปตามปกติ ผ่านไปสามนาที มีคนอื่นเข้ามาด่าสวนความคิดเห็นของเราเพิ่ม แต่คราวนี้อ่านแล้วรู้สึกเหมือนโดนแซะ อารมณ์เริ่มเดือด แซะมาก็แซะกลับ คราวนี้มีพวกที่เห็นด้วยมาช่วยกันแซะ ทีนี้เรื่องบานปลาย ต่างฝ่ายต่างเรียกพวกมาด่ากันจนออกทะเลไปไกลจากประเด็นที่น่าสนใจ และควรจะมีประโยชน์ กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า DRAMA ท้าต่อย ท้าตีกันไป รวมถึงการพูดคุยเรื่องงาน ที่สมัยนี้มักจะ COMMENT งานกันผ่านทาง LINE และหลายครั้งที่การสั่งงานผิดพลาด เพราะพิมพ์อธิบายไม่ดี คนอ่านตีความพลาด หรือเข้าใจอารมณ์ผิดไป กลายเป็นผิดใจกัน ขิงกันไป ขิงกันมา ทั้ง ๆ ที่ไม่มีประเด็นอะไรเลย นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะ DRAMA ชาวไทย แต่ทุก SOCIAL MEDIA ทั่วโลกก็เป็นเหมือนกันหมด นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า มนุษย์มีการตอบสนองต่างกันระหว่างการฟัง และการอ่าน แม้จะเป็นข้อความเดียวกัน ซึ่งการตอบสนองจากการอ่านความคิดเห็น มักจะให้ผลเป็นลบมากกว่ามาก เพราะเราไม่รู้อารมณ์เบื้องหลังคำพูดนั้น เช่น
RAMS แบรนด์ Suit & Styling สัญชาติไทยที่หลงใหลในความ Bespoke และ Craftsmanship จับมือ Fabio Attanasio บล็อกเกอร์ และกูรูแฟชั่นสูทสัญชาติอิตาเลี่ยนชื่อดังระดับโลก เปิดตัว The Bespoke Dudes แว่นตาแบรนด์อิตาลี ที่ได้แรงบัลดาลใจจากความประณีตของสูท และออกแบบมาเพื่อใส่กับสูทโดยเฉพาะ เป็นแห่งแรกในประเทศไทย จากความชื่นชอบที่อยากให้ผู้ชายไทยหันมาแต่งตัวกันมากขึ้น และมีสไตล์ที่ดูโดดเด่นด้วยการใส่สูทที่ใช่ และสนุกกับการมีทางเลือกในการเพิ่มรายละเอียดเล็ก ๆ ที่จะทำให้ทุกลุคเปลี่ยนไปได้ทุกโอกาส ’RAMS’ ถือกำเนิดขึ้นในปี 2014 จากกลุ่มคนที่มองเห็นความต้องการในแบบเดียวกัน โดยมอบบริการตัดสูทแก่ลูกค้าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ในพื้นที่ที่เรียกว่า ‘House of RAMS’ สูทจาก RAMS ตัดเย็บอย่างประณีตโดยช่างฝีมือผู้มีประสบการณ์กว่า 25 ปี อีกทั้งยังให้คำแนะนำ เหมือนกับมีสไตลิสต์ส่วนตัว ในเรื่องของการแนะนำและออกแบบชุดสูทให้เข้ากับบุคลิก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกประเภทของผ้า texture และโทนสี ซึ่งทางร้านมีผ้าแนะนำให้ลูกค้ามากกว่า 1,000 ชนิด เป็นแบรนด์ผ้าพรีเมี่ยมระดับโลกจากทั้งอิตาลีและอังกฤษ ตลอดจนรายละเอียดต่างๆของกระดุมและผ้าซับใน และสีรองเท้าเพื่อให้ได้โททัลลุคที่ดีที่สุด RAMS ยังเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ทำ
เรื่องความเก๋าไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งเก๋า เก่ง รวย ยิ่งไปไกลจนหยุดไม่อยู่ ซึ่งเรื่องนี้คงไม่มีใครภาพชัดเจนเกินกว่า CONOR MCGREGOR , IRISH PROFESSIONAL MIXED MARTIAL ART และ PROFESSIONAL BOXER ผู้เป็นทั้งขวัญใจของใครหลายคน และเป็นที่น่าหมั่นไส้สำหรับใครอีกหลายคน ล่าสุดชื่อของ MCGREGOR ก็เป็นข่าว HEADLINE อีกครั้ง เมื่อโดน IRISH MAFIA GANGSTER หมายหัวตามล่า โดยตั้งเงินรางวัลค่าหัวเอาไว้สูงถึง $900,000 หรือราว 30,000,000 บาท เหตุเกิดจากความเมา เมื่อ MCGREGOR ที่กำลังกรึ่มได้ที่ รู้ข่าวว่าเพื่อนสนิทโดนสมาชิกแกงค์ที่เกี่ยวข้องกับ MAFIA รุ่นใหญ่ประจำ IRISH ชื่อ KINAHAN ‘THE DAPPER DON’ CARTEL รุมกระทืบ ซึ่งไม่ใช่แกงค์ธรรมดา เพราะเป็นถึงองค์กรยาเสพติดเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1980s และเมือง DUBLIN, IRELAND ก็ขึ้นชื่อเรื่องความรุนแรงอยู่ไม่น้อย รู้แบบนี้เลือดเลยขึ้นหน้า