สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นโมเม้นต์ชวนปวดหัวของคนมีบ้าน หากไม่นับถึงเรื่องของการกำหนดงบประมาณ เลือกทำเล เลือกแบบบ้านที่ใช่ รวมถึงขั้นตอนตรวจรับงาน ที่ต้องส่องหา Defect แทบทุกซอกทุกมุมแบบละเอียดยิบ คงหนีไม่พ้นการออกแบบตกแต่งภายใน เพราะจะโยนความรับผิดชอบให้สถาปนิก หรือมัณฑนากรออกแบบมาให้เสร็จสรรพก็อาจไม่โดนใจเท่าไหร่นัก มันต้องมีขั้นตอนการพูดคุยตกลงความต้องการให้เข้าใจตรงกันทั้งเจ้าบ้าน และทีมออกแบบเพื่อการสื่อสารที่สามารถเห็นภาพ สร้างความเข้าใจได้ชัดเจนที่สุด ความวุ่นวายจึงตกมาอยู่กับการหา Reference ที่ถูกใจ ซึ่งใครที่มีภาพชัดเจนในหัวอยู่แล้วว่าต้องการให้สถาปัตยกรรม งานตกแต่งภายในบ้านออกมาเป็นแบบไหนคงไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ แต่สำหรับใครที่มืดแปดด้าน ยังหารูปแบบการแต่งบ้านแสนรักของตัวเองไม่เจอ เรามีแนวทางที่น่าสนใจมานำเสนอ กับการเอาบ้านเท่ ๆ จากหนัง Hollywood มาเป็นไอเดียต้นแบบในการแต่งบ้านกันซะเลย กับบ้าน 4 หลังจากหนัง 4 เรื่องที่เราเลือกมา เชื่อว่าสามารถทำให้เห็นภาพ เห็นบรรยากาศ คุมโทนในการแต่งบ้านได้ชัดเจนขึ้นอย่างแน่นอน IRON MAN เริ่มต้นด้วยคฤหาสน์โคตรหรูซึ่งตั้งอยู่บนผาสูงริมทะเลที่มาลิบู ของมหาเศรษฐี Tony Stark หรือ Iron Man ซูเปอร์ฮีโร่อีโก้จัด ที่มีฝีปากกล้าไม่แพ้ความสามารถด้านวิศวกรรมอันโดดเด่นเข้าขั้นอัจฉริยะ ซึ่งปกติวัน ๆ เขาจะหมกตัวอยู่ที่ห้องทำงานสุดไฮเทคอุปกรณ์เพียบในชั้นใต้ดิน แต่ในวันสบาย ๆ เขาก็มักจะเลือกขึ้นมาพักผ่อนยังโถงนั่งเล่นที่เน้นความโปร่งโล่ง และเรียบง่าย เพื่อผ่อนคลายจิตใจพักผ่อนสมองจากความวุ่นวายในชีวิตทั้งเรื่องธุรกิจ และการปกป้องโลก
ถ้าจะให้พูดถึงสิ่งของสักชิ้นที่สามารถบ่งบอกถึงตัวตน ไลฟ์สไตล์ รวมถึงรสนิยมของชายผู้เป็นเจ้าของได้อย่างดี หลายคนอาจจะนึกถึงรถยนต์, สูท, เข็มขัด, รองเท้า ฯลฯ แต่ในมุมมองของ UNLOCKMEN เราคิดว่า นาฬิกา คือไอเทมซึ่งเป็น Key Piece ที่สามารถสะท้อนตัวตนของผู้ชายอย่างเรา ๆ ออกมาได้อย่างชัดเจนผ่านดีไซน์ มรดกแห่งเรื่องราวของแบรนด์ รวมถึงฟังก์ชั่นการใช้งาน รวมถึงความเยี่ยมยอดของเทคโนโลยีกลไกการบอกเวลาอันซับซ้อน ที่กว่าจะได้มาอยู่บนข้อมือของผู้ชายแต่ละคน ล้วนต้องผ่านการเฟ้นหาเรือนเวลาที่เหมาะสมกับตัวเองอย่างที่สุด เพราะนอกจากเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก สิ่งที่ผู้ชายแทบทุกคนต้องการคือนาฬิกาคู่ใจที่เป็นได้ทั้งสิ่งที่บ่งบอกรสนิยม และอุปกรณ์บอกเวลาที่สามารถใช้งานได้จริง มีฟังก์ชั่นที่ตอบสนองความต้องการในทุกด้านของชีวิตที่แตกต่าง ซึ่ง MIDO ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ ที่สร้างสรรค์ประดิษฐกรรมแห่งเวลาคุณภาพสูงออกมาอย่างมากมาย โดยแต่ละรุ่นแต่ละคอลเลคชั่นต่างมีการยอมรับถึงความสวยงามของดีไซน์ และคุณภาพมาตรฐาน Swiss Made จนทำให้นาฬิกาจาก MIDO จำนวนนับไม่ถ้วนถูกเลือกให้เป็นสิ่งสะท้อนตัวตนของผู้ชายจากทั่วโลกในแทบทุกยุคทุกสมัย ต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลาเกือบ 100 ปี นับตั้งแต่ Mr. Georges Schaeren เริ่มต้นก่อตั้งโรงงานผลิตนาฬิกา MIDO G. Schaeren & Co. AG ขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันท่ี 11
เมื่อพูดถึงวิถีคนเมืองในปัจจุบัน นอกจากความเรื่องของความสะดวกสบายทันสมัย เราเชื่อว่าสิ่งแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงคือความเร่งรีบที่ต้องเผชิญเป็นกิจวัตร ที่อยู่อาศัยทำเลดีมีจำกัดและราคาสูง ด้วยอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วของชุมชน ก่อให้เกิดสิ่งปลูกสร้างมากมายเพื่อรองรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ และการเพิ่มขึ้นของประชากรที่หลั่งไหลกันเข้ามาทำงาน ศึกษาต่อ ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งโอกาส แต่ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นอีกมากมายแค่ไหนก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าเราทุกคนต่างก็ยังคงต้องอยู่รวมกันภายใต้พื้นที่ซึ่งมีอาณาเขตทางภูมิศาสตร์ที่ตายตัวไม่สามารถขยายพื้นที่ออกไปได้ตามอำเภอใจ ซึ่งข้อจำกัดทางด้านพื้นที่เหล่านี้ คือโจทย์สำคัญของดีไซน์เนอร์ในการออกแบบให้สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่อันจำกัดได้สูงสุด และโจทย์ข้อนี้คือสิ่งที่จุดประกายให้กับ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมมือกับ FABRICA (แฟบริก้า) ดีไซน์สตูดิโอชื่อดังจากประเทศอิตาลี นำเสนอวิธีคิดในการออกแบบพื้นที่แห่งอนาคต และร่วมคิดค้นนวัตกรรมพื้นที่ที่สาม ที่เกิดจากการทับซ้อนทางดีไซน์จนเกิดเป็นพื้นที่ซึ่งมีมิติของประโยชน์ใช้สอยที่มากขึ้น นำไปสู่วิถีการอยู่อาศัยแห่งศตวรรษใหม่ โดยนำเสนอผ่านโปรเจคต์พิเศษเพื่อสังคมที่ชื่อว่า AP SPACE SCHOLARSHIP ซึ่งถือเป็นครั้งแรกกับการให้ทุนการศึกษาที่เป็น ‘ที่พักอาศัย’ พร้อมจัดแสดงแนวคิดงานดีไซน์ที่ทำลายกรอบความคิดการออกแบบเดิม ๆ ให้ผู้ที่สนใจในงานดีไซน์ได้สัมผัสในนิทรรศการ ‘Spaces within Space, A Vision of Co-Living Generation’ ซึ่งจัดขึ้นที่ Wolf Pack Space ศาลาแดง เมื่อวันที่ 22 – 26
ช่วงเวลานี้ของทุกปี แทบจะเป็นที่รู้กันโดยอัตโนมัติว่ามันคือช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง นับถอยหลังสู่การส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กับอากาศดี ๆ ที่เริ่มมีลมหนาวพัดผ่านมาให้ได้ชื่นใจกันเป็นระยะ ๆ ด้วยความพอเหมาะพอดีของช่วงเวลา และสภาพอากาศ ทำให้ใครต่อใครต่างก็อยากออกไปดื่มกินสังสรรค์พบปะพูดคุยเพื่อรีบซึมซับบรรยากาศฤดูหนาวในเมืองกรุงที่ค่อนข้างจะเล่นตัว ได้เจอกันแค่ปีละครั้ง แถมมาแป๊บ ๆ ก็จากไป จนกิจกรรมการออกไปนั่งกันที่ลานเบียร์ได้กลายเป็นธรรมเนียมที่คุ้นชินกันมานาน แต่สำหรับหนุ่ม ๆ ไฟแรงพลังเหลือ อาจจะรู้สึกเบื่อกับบรรยากาศเรื่อย ๆ ชิล ๆ ของลานเบียร์ทั่วไป ที่นอกจากจะดื่ม กิน พูดคุย ฟังเพลง แล้วก็อาจจะนึกไม่ออกว่าจะหาอะไรทำสนุก ๆ กับกลุ่มก๊วนชาวแก๊งค์กันดี แต่ในตอนนี้ UNLOCKMEN GUIDE ขออาสาแนะนำลานเบียร์แนวใหม่ ที่มีกิจกรรมสนุกสนานเร้าใจยิ่งกว่าที่เคยได้สัมผัสมา ซึ่งต้องเรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ล่าสุดจริง ๆ กับครั้งแรกที่ LEO ได้เปิดลานเบียร์ที่ฉีกกฎ แหวกขนบของทุกลานเบียร์ที่เคยจัดขึ้นมาในชื่อว่า “LEO ZONE คนมันส์” LEO ZONE คนมันส์ ด้วยความตั้งใจของ LEO ที่ต้องการพลิกปรากฎการณ์ลานเบียร์เดิม ๆ ให้กลายมาเป็นสถานที่แห่งความมันส์ ที่ผู้ชายทั้งหลายไม่ควรพลาด คือจุดเริ่มต้นของการเปิดพื้นที่
เมื่อเอ่ยถึงชื่อแบรนด์ Montblanc (มงต์บลองค์) เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง คือ Luxury Brand ที่รังสรรค์ผลิตภัณฑ์หรูคุณภาพสูงหลากหลายชนิดออกสู่ตลาด ด้วยผลงานอันสุดแสนประณีตจากความชำนาญของช่างฝีมือชั้นนำทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตเครื่องเขียน ที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี, โรงงานเครื่องหนัง ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี รวมถึงโรงงานผลิตนาฬิกา ที่ภูเขาฌูราฝั่งสวิส ในเมือง โล เลอเคิล และ วิเญอเรต์ การจะบอกว่าชื่อ Montblanc ที่ตีตราอยู่บนสินค้าชนิดต่าง ๆ คือตัวแทนของความมีรสนิยมก็คงไม่ผิดนัก และล่าสุด Montblanc เพิ่งปล่อยไอเท็มยั่วกิเลสผู้ชายอย่างเรา ๆ ออกมา กับนาฬิกาโครโนกราฟที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อโคตร ในชื่อคอลเลคชั่นเท่ ๆ ว่า Montblanc TimeWalker ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณนักแข่ง Motor Sport จากสนามให้มาประทับลงบนข้อมือของเหล่ามนุษย์ผู้ชายที่หลงใหลในความเร็วได้อย่างถึงแก่น ถึงอารมณ์ อย่างที่รู้กันว่านาฬิกาโครโนกราฟเป็นนาฬิกาจับเวลาซึ่งมีกลไกซับซ้อน และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชายมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่มีนาฬิกาชนิดนี้เกิดขึ้นมาบนโลกก็ว่าได้ อาจเพราะเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับจุดเริ่มต้นที่ใช้ในการจับเวลาการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ แทบทุกชนิด รวมไปถึงกีฬาโปรดของชายหนุ่มอย่าง Motor Sport การแข่งรถที่ใช้ความเร็วสูง ตัดสินกันเพียงเสี้ยววินาที โดยมีนาฬิกาโครโนกราฟเป็นเครื่องชี้ชะตาหาผู้แพ้ชนะด้วยการจับเวลาที่รวดเร็วแม่นยำ ซึ่ง
หากพูดถึงความเกี่ยวข้องระหว่างนาฬิกา OMEGA กับองค์การบริหารการบินและอวกาศของสหรัฐอเมริกาอย่าง NASA เชื่อว่าสาวกเรือนเวลาแทบทุกคนคงจะเคยรับรู้ถึงกิตติศัพท์ของตำนาน Moonwatch กับการที่นาฬิกา OMEGA Speedmaster ได้ถูกสวมใส่อยู่บนข้อมือนักบินอวกาศในการลุยภารกิจพิชิตดวงจันทร์กันมาบ้างแล้ว แต่เมื่อมีชื่อของอีกหนึ่งตัวละครหลักอย่าง Snoopy ตัวการ์ตูนสุนัขบีเกิ้ลที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งมักจะปรากฎตัวอยู่ในเรือนเวลารุ่นพิเศษรำลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง OMEGA และ NASA เข้ามาร่วมด้วย งานนี้คงมีอีกหลายคนนึกสงสัยในใจว่าเหตุใด Snoopy ถึงได้มีบทบาทในวาระสำคัญต่าง ๆ ของ OMEGA และ NASA มาโดยตลอด และในวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจถึงที่มาที่ไปของความความผูกพันระหว่าง SNOOPY, NASA และ OMEGA ที่มีมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษให้ชาว UNLOCKMEN และเหล่าผู้หลงใหลในเรือนเวลา ที่อาจยังไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้ได้กระจ่างกัน SNOOPY ไอคอนแห่งโลกการ์ตูน สู่สัญลักษณ์ภารกิจพิชิตดวงจันทร์ และรางวัลแห่งเกียรติยศ ถ้าจะต้องเล่าเรื่องราวสายสัมพันธ์สุดพิเศษระหว่าง Snoopy และ NASA คงต้องย้อนไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 60 เมื่อ Charles M. Schulz ได้วาดการ์ตูนที่มีสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลนาม Snoopy สวมชุดอวกาศพร้อมเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการ Apollo
แม้ไม่ได้เป็นพี่ตูน บอดี้สแลม แต่ทุกคนย่อมมีความฝัน และมีความเชื่อ มีเป้าหมายการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็อาจจะอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีชื่อเสียง มีการยอมรับว่าเป็นที่สุดในสายอาชีพที่ทำอยู่ แต่บางคนอาจไม่ได้อยากเป็น Somebody มีชื่อเสียง มีตัวตนโดดเด่นขนาดนั้น ขอแค่เป็น Nobody ที่สามารถทำสิ่งที่อยากทำได้อย่างอิสระ ไม่ต้องถูกจับจ้องจากสายตาของใคร ไม่ต้องแบกความคาดหวังใด ๆ รวมถึงอีกหลาย ๆ คน ที่ในชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรนอกจากได้ออกไปท่องเที่ยวใช้ชีวิตแบบไร้ขอบเขตยังพื้นที่ทั่วทุกมุมโลก นี่เป็นแค่การยกตัวอย่างส่วนหนึ่งจากอีกหลายล้านเป้าหมายการใช้ชีวิตที่แตกต่าง แต่ไม่ว่าความฝัน เป้าหมายปลายทางของผู้คนจะหลากหลายแค่ไหน เชื่อเถอะว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องพบเจอ สิ่งนั้นก็คือ “อุปสรรค” ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางชีวิตแบบไหน แต่ระหว่างทางของทุกคนยังไงก็หนีไม่พ้นอุปสรรคในรูปแบบต่าง ๆ ที่คอยขัดขวางการไปสู่เป้าหมาย ก่อเกิดเป็นความเครียดที่กัดกินจิตใจ หลายรายที่จิตไม่แข็งพอก็มักจะประสบกับอาการชีวิตติดล็อคไปต่อไม่ได้ เพราะความเครียดมันทำให้เหนื่อย ท้อ จนไม่อยากต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรค ล้มเลิก ล้มเหลวเพราะความเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างทางไปก็มากมาย แต่อยากให้ทุกคนอย่าเพิ่งสิ้นหวัง บอกกับตัวเองให้ดัง ๆ ว่า “เครียดได้ ก็หายได้ดิวะ” ไม่ว่าจะเครียดแค่ไหน อย่าเพิ่งด่วนถอดใจ ลองใช้ 3 วิธีปลดล็อคความเครียดแบบเร่งด่วนตามสไตล์ UNLOCKMEN ดูก่อน พอหายเครียดสมองปลอดโปร่ง สติมา ปัญญาเกิด
ปีนี้ Heineken นึกสนุก จับมือกับ Greyhound ทำโปรเจค ‘Star Delivery’ ขนเบียร์สดและอาหารจานเด็ดจากร้าน Greyhound พร้อมพร๊อบสำหรับปาร์ตี้เก๋ๆ ส่งตรงถึงบ้านคุณ ย่างเข้าปลายปีแบบนี้ หากลองสังเกตดี ๆ จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความสุขที่อบอวลไปทั่ว ลมหนาวก็เริ่มพัดผ่านมาให้ได้แฮปปี้ กระดี๊ กระด๊ากันเป็นระลอก แถมแค่อีกเดือนนิด ๆ ก็จะเข้าสู่ช่วงเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นอีกช่วงหนึ่งของปี ที่มีดีทั้งช่วงเวลา และอากาศ เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะรวมตัวเพื่อนฝูง เหล่าแก๊งค์ก๊วนคนสนิทมาจัดปาร์ตี้สังสรรค์ ดื่มกิน พูดคุย สนุกสนานกันในแมทช์กระชับมิตร และในการปาร์ตี้กับพลพรรคเพื่อนซี้ หลายคนมักจะเลือกสถานที่ที่เป็นส่วนตัว เพราะจะได้สนุกสนานเฮฮากันได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลกับพื้นอันจำกัด หรือเกรงใจว่าความมันส์จะไปทำลายบรรยากาศผู้คนรอบข้าง ทางออกที่พบเห็นเป็นส่วนใหญ่คือการชวนชาวแก๊งค์มาปาร์ตี้กันที่บ้าน ที่คอนโด หรือในบางทีประชุมงานกันเสร็จก็จัดกันที่ออฟฟิศซะเลย ซึ่งหลายคนที่เคยจัดปาร์ตี้กันเองในพื้นที่ส่วนตัว น่าจะนึกภาพออกว่าเรื่องของสถานที่ไม่น่าจะใช่ปัญหาที่สร้างความวุ่นวายให้กับการจัดปาร์ตี้ได้มากเท่ากับการเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างที่ UNLOCKMEN เอง ก็มักจะใช้พื้นที่ในออฟฟิศจัดปาร์ตี้เฉพาะกิจกับทีมอยู่เสมอ ทำให้รู้เลยว่ากว่าจะไปออกซื้อหา หอบหิ้ว ขนม อาหาร เครื่องดื่ม นั้นมันช่างเสียเวลา และเป็นการตัดกำลังไม่ใช่เล่น บั่นทอนอารมณ์คึกคักอยากปาร์ตี้เฮฮาไปพอสมควร
แนวคิด ‘Less Is More’ เป็นอะไรที่สามารถปรับใช้ได้ในทุกเรื่องราว ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของแฟชั่น เพราะความสวยงามที่เรียบง่าย ไม่ปรุงแต่งอะไรมากมายนั้นสามารถไปกันได้กับทุกสไตล์ และถือเป็นความสวยงามที่ยั่งยืน ไม่เว้นแม้แต่นาฬิกาคู่ใจ ไอเท็มที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ชาย ที่แม้จะไม่ได้เป็นผู้หลงใหลในเรือนเวลา หรือเป็นนักสะสมนาฬิกาตัวยง แต่แทบทุกคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องมีนาฬิกาเรือนเก่งคู่ใจดีไซน์เรียบง่าย ที่สามารถไปไหนไปกันได้ทุกงาน ทุกโอกาส เพราะหลายคงน่าจะเคยรู้สึกเหมือนกันว่า หากวันไหนต้องแต่งตัวออกไปข้างนอกโดยไม่มีนาฬิกาสวมใส่ติดข้อมือ วันนั้นแทบจะกลายเป็นวันที่สูญเสียความมั่นใจ รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง แต่จะให้สวมใส่แค่นาฬิกาเรือนเดิมที่ต้องเจอะเจอกันแทบทุกวันมานานนับหลายปี ยังไงก็หนีไม่พ้นความเบื่อหน่ายในหัวใจ หรือไม่ก็อาจจะมีเหตุให้นาฬิกาคู่ใจเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา จนต้องแสวงหานาฬิกาเรือนใหม่มาประจำการแทน ด้วยเหตุนี้ UNLOCKMEN จึงอยากแนะนำตัวเลือกของนาฬิกาคู่ใจเรือนใหม่ ที่เรารับรองว่าเรียบเท่โดนใจ สวมใส่ติดข้อมือได้แทบทุกโอกาส แถมยังตอบโจทย์หนุ่มโรแมนติก ในการเลือกซื้อหาเป็นของขวัญให้คนพิเศษ สวมใส่เป็นนาฬิกาคู่รักก็ดูดีได้ทั้งคู่ กับ Tissot Everytime Swissmatic Tissot Everytime Swissmatic ต้องบอกว่านี่เป็นอีกคอลเลคชั่นยอดนิยมของแบรนด์นาฬิกาคุณภาพมาตรฐาน Swiss Made อย่าง Tissot ที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อนในนาม Tissot Everytime ในรูปแบบของนาฬิการะบบควอตซ์ ที่มีตัวเรือนคลาสสิคเรียบง่าย เรียบเสียจนเรารู้สึกได้ถึงความมั่นใจของผู้ผลิตที่ต้องการเน้นในเรื่องความเรียบเท่สวยงามเหนือกาลเวลา ที่ถูกส่งผ่านออกมายังงานดีไซน์ของเรือนเวลาคอลเลคชั่นนี้ ซึ่งในปีนี้ด้วยกระแสตอบรับที่ดี Tissot Everytime จึงมาพร้อมมาดใหม่อัพเกรดกลไกให้ล้ำสมัยและแม่นยำกว่าเดิมในชื่อของ
ท่ามกลางความวุ่นวายในกรุงเทพมหานคร ต้องยอมรับว่าที่อยู่อาศัยถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สามารถกำหนดรูปแบบจังหวะชีวิตของคนเมืองอย่างเรา ๆ ได้เป็นอย่างดี ด้วยรูปแบบวิถีชีวิตหลักของผู้คนส่วนใหญ่ ที่หลีกหนีการเดินทางเข้าเมืองได้ยาก ด้วยภารกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ทำธุรกิจ หรือแม้กระทั่งวันพักผ่อน ที่ยังไงก็เลี่ยงการเข้าไปใช้ชีวิตซึ่งมี Lifestyle ผูกอยู่กับห้างสรรพสินค้า ร้านรวง รวมถึงสถานที่ต่าง ๆ ใจกลางเมืองไม่ได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ใครต่อใครต่างก็อยากหาที่อยู่อาศัยที่มีพิกัดอยู่ใจกลางเมือง หรือมีทำเลใกล้กับรถไฟฟ้า เพื่อให้จังหวะชีวิตที่รีบเร่งเคร่งเครียดนั้นผ่อนคลายลง กับการเดินทางในเมืองที่สะดวกสบาย สามารถประหยัดเวลาในการเดินทาง รวมถึงกำหนดเวลาวางแผนชีวิตได้ง่ายขึ้น และเมื่อมีความต้องการสูง แน่นอนว่าราคาค่างวดของพื้นที่ Prime Area ที่มีค่ายิ่งกว่าทองเหล่านั้น ต่างถูกจับจองไปพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมน้อยใหญ่ ที่มีราคาต่อตารางเมตรโหดใช่ย่อย ยิ่งในพื้นที่แถบสีลม, สาทร, พระราม 4 ซึ่งเป็นพื้นที่ CBD ศักยภาพสูงยิ่งไม่ต้องพูดถึง กับราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรของคอนโด Hight Rise แนวรถไฟฟ้า ที่ราคาทะลุ 1.5 แสนบาท ไปจนถึง 4 แสนบาท แล้วแต่ความหรูหราไฮโซของโครงการ ทำให้ใครที่วางแผนอยากมีคอนโดใจกลางกรุงใกล้รถไฟฟ้า อาจต้องถอดใจ ถอยไปมองหาทำเลในซอย หรือถอยไปไกลหน่อยในทำเลเกาะแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย แต่จริง ๆ