อากาศดี ๆ ลมเย็นพัดสบายแบบนี้ เป็นโอกาสดี ๆ ที่จะพาสาว ๆ ไปดื่มด่ำบรรยากาศ จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ชมพระอาทิตย์ตก มองดูแสงสีของเมืองในบรรยากาศ Rooftop วันนี้ UNLOCKMEN จึงได้รวบรวมสถานที่ Rooftop Bar ที่เราชื่นชอบมาแนะนำเป็นไอเดียสำหรับช่วงวันหยุดยาวนี้ 360 – Millennium Hilton Bangkok เหนือจากพื้นขึ้นไป 32 ชั้นที่โรงแรม Millennium Hilton Bangkok คือหนึ่งใน Rooftop Bar ที่มีวิวสวยที่สุดในประเทศไทย เพราะคุณจะสามารถมองเห็นกรุงเทพมหานครทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรีพร้อมกันได้อย่างเต็มตาโดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาคั่นกลาง และด้วยที่นั่งที่ไล่สโลปลงไปเป็นชั้น ๆ ประกอบการตกแต่งที่เน้นบรรยากาศร่มรื่นเป็นหลัก ทำให้การมา Rooftop Bar แห่งนี้คุณจะรู้สึกเหมือนมาสวนลอยฟ้าซึ่งโดนโอบล้อมด้วยป่าคอนกรีตที่ชื่อ ‘กรุงเทพมหานคร’ นอกจากพระจันทร์เต็มดวงสดสวยที่คุณจะมองเห็นได้เต็มสองตาในคืนลอยกระทงแล้ว ถ้าคุณไปเร็วสักนิด คุณจะได้ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่เห็นแล้วยากจะเชื่อว่านี่คือในกรุงเทพฯ หนุ่ม ๆ คนไหนกำลังหาที่พาคนรู้ใจไปเดตอยู่ละก็ รับรองว่าที่ 360 – Millennium Hilton Bangkok จะสร้างบรรยากาศเป็นใจสำหรับคุณได้อย่างแน่นอน Location: ชั้น 31-32
ในขณะที่คุณเลื่อนฟีดส์ในโซเชียลแอปฯ ต่าง ๆ ตอนนี้ คุณเจอโพสต์จากครีเอเตอร์ที่กดติดตามไปทั้งหมดกี่โพสต์แล้ว และส่วนใหญ่คุณก็เลือกจะเสพคอนเทนต์จนจบโดยไม่ไถฟีดส์ผ่านไปเฉย ๆ อีกด้วย เพราะคอนเทนต์จากครีเอเตอร์เหล่านั้นตรงกับความต้องการของคุณ จึงไม่แปลกที่นักการตลาดออนไลน์และแบรนด์ต่าง ๆ หันมาว่าจ้าง KOLs กันมากขึ้น หลายคนคงคุ้นเคยกับคำว่า Influencer Marketing อยู่แล้ว ถ้าเราผ่านตากันบ้างก็คงจะเห็นว่าภายใต้คอนเซ็ปต์ใบใหญ่ของ Influencer Marketing ยังแตกออกมาเป็น Micro Influencers, Macro Influencers และ KOLs อีกด้วย แล้ว Influencers กับ KOLs ต่างกันอย่างไร ทั้ง Influencers และ KOLs ล้วนเป็นครีเอเตอร์ที่สร้างคอนเทนต์สำหรับกลุ่มเป้าหมายตนเอง โดย Influencers มีจุดเริ่มต้นสร้างตัวตนทำคอนเทนต์ในแบบตัวเองลงช่องทางสื่อโซเชียล ในขณะที่ KOLs (Key Opinion Leaders) เริ่มต้นสร้างตัวตนและเป็นที่รู้จักจากประเด็นหรือเรื่องราวที่พวกเขาเชี่ยวชาญหรือคลุกคลีอยู่ในวงการวิชาชีพนั้น ๆ อยู่แล้ว ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “คอนเทนต์ในแบบตัวเอง” ของ Influencers ไม่ได้จำกัดแค่ประเด็นหรือแนวเรื่องความสนใจ
ในยุคที่การสร้างแบรนด์มีการแข่งขันสูง การสร้างความแตกต่าง อัตลักษณ์ต่อสินค้าและแบรนด์ การสร้างกลยุทธ์สำหรับช่องทางการขาย เป็นสิ่งสำคัญหลัก ที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี ซึ่งการจะสร้างแบรนด์ ผลิตสินค้าได้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้นั้น อย่างแรกเลยคือ ต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ใครจะคิดว่า “เสื่อ” ที่เราเห็นขายทั่วไปไม่กี่ร้อย จะสามารถสร้างคุณค่า พัฒนาดีไซน์อย่างสวยงามจนมาเป็น “พรมเมืองร้อน” พร้อมต่อยอดเป็นสินค้าดีไซน์มากมายเพื่อตอบโจทย์การทำบ้านให้สวย แต่ PDM Brand โดย คุณดิว ดุลยพล ศรีจันทร์ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง PDM Brand พร้อมทั้งพาร์ทเนอร์ คุณแมนรัตน์ สวนศิลป์พงศ์ สามารถพัฒนาต่อยอดไอเดียสินค้ามากมาย สร้างคุณค่างานดีไซน์ของสินค้าไทย ให้ดังไปไกลทั่วโลกได้ “PDM ย่อมาจาก Product Design Matters คือ เราโฟกัสเรื่องของการดีไซน์ พวกสินค้าดีไซน์ต่าง ๆ เดิมทีก่อนที่จะตั้งบริษัทขายของออนไลน์ ทางบ้านเราก็เป็นบริษัทที่ทำหน้าที่พัฒนาสินค้าช่วยบริษัทอื่น ๆ เพื่องานขาย โดย 7 ปีที่แล้ว เรามีไอเดียพัฒนาสินค้า ซึ่งสินค้าตัวแรกคือ เสื่อ ที่คนเอาไปใช้แต่งบ้านแทนแพรมกันเยอะ เพราะจริง
รับสมัคร AE ทีมีใจรักการทำงาน อึก ถึก ทน มาร่วมทีมสนุกๆ ด่วน
การทำธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยตัวคนเดียวนั้น พูดได้เลยว่ามันไม่ง่าย
เฟอร์นิเจอไม้ดีไซน์สวยๆ จะช่วยให้บรรยากาศในบ้านคุณดูดี น่าอยู่ขึ้นมากเลยทีเดียว
ถ้าพูดถึง CEO ไฟแรงที่น่าจับตามองในขณะนี้ สปอตไลท์คงต้องส่องไปที่ คุณรวิศ หาญอุตสาหะ หรือพี่แท๊ป ผู้บริหารไฟแรง แห่งบริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด เจ้าของเพจ Mission to the moon ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 300,000 คน เจ้าของ Podcast ชื่อดังอย่าง Superproductive Podcast และหนังสือติดอันดับมากมายอย่าง Marketing ลิงกลับหัว, คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย, Superproductive และอีกหลายเล่มที่คุณต้องไปติดตาม เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว เราคงไม่พลาดที่จะมาเจาะลึก สูตรสำเร็จในการบริหารจัดการสไตล์พี่แท๊ปกันว่า มีเคล็ดลับการบริหารจัดการอย่างไรให้ประสบความสำเร็จทั้งด้านการทำงาน รวมถึงการได้ทำสิ่งที่ตนเองรักอีกด้วย วิธี Motivate ตัวเอง ให้เป็นคนที่ Superproductive ตลอดเวลา สม่ำเสมอโดยไม่ท้อไม่หมดแรง พี่แท๊ป : จริง ๆ ต้องบอกว่าก็ไม่ได้ productive ตลอดเวลาขนาดนั้น ก็มีวันที่หนืด ๆ นอนเฉย ๆ
กลุ่ม “TalentSmart” ได้ทำการทดสอบประชากรมากกว่าล้านคน และพบว่าร้อยละ 90 ของผู้บริหารที่มีตำแหน่งระดับสูงมักเป็นผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) สูงกว่าพนักงานหรือผู้บริหารในตำแหน่งอื่น อีกทั้งมีข้อมูลที่น่าสนใจว่าคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะระมัดระวังที่จะไม่ทำพฤติกรรมบางอย่างเพื่อให้ตัวเองมีสติ และไม่ตกหลุมพรางที่คนอื่นวางไว้ และนี่คือ 9 พฤติกรรม ที่ผู้นำใช้เพื่อเพิ่มความฉลาดทางอารมณ์และประสิทธิภาพการทำงาน 1. มั่นคงทางอารมณ์ ไม่ตัดพ้อ ไม่เปรียบเทียบ หากความสุขและความพึงพอใจของคุณเกิดจากการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น คุณก็จะไม่มีความสุขที่แท้จริง คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์เมื่อพวกเขาเกิดความรู้สึกที่ดีในสิ่งที่ทำ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ความคิดเห็นหรือความสำเร็จของคนอื่นมาทำให้ตัวเองหมดความสุข แน่นอนที่สุดมันมันเป็นเรื่องยากที่จะไม่ตอบโต้กับสิ่งที่ใครต่อใครพูดถึงคุณ อย่าไปสนใจคำพูด/ความเห็นของคนอื่น และอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะว่ามันไม่สำคัญว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับคุณ ยังไงคุณก็ไม่เคยดีหรือแย่อย่างที่คนอื่นบอกอยู่แล้ว 2. ให้อภัย ปล่อยวาง และจดจำ คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะให้อภัยคนอื่นได้อย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาลืม การให้อภัยคือการรู้จักปล่อยวางในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเดินหน้าต่อไป และมันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณให้โอกาสคนที่ทำพลาด แต่คนที่ฉลาดทางอารมณ์ไม่อยากจะจมอยู่กับความพลาดของคนอื่นโดยไม่จำเป็น ดังนั้นเขาจึงปล่อยวางอย่างรวดเร็วและมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าด้วยความระมัดระวัง 3. ต้องรอดในสนามรบ คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์รู้ดีว่ามันสำคัญเพียงใดที่จะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้ในวันต่อไป ในความขัดแย้ง เมื่อเราควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็ยิ่งทำให้เกิดการสู้รบที่อาจทำให้เราบาดเจ็บแสนสาหัส ดังนั้นเมื่อคุณอ่านและตามทันอารมณ์จนสามารถควบคุมมันได้ คุณก็สามารถเลือกการต่อสู้ได้อย่างชาญฉลาดและยืนหยัดได้อย่างสง่าผ่าเผย 4. ไม่เรียกร้อง ‘ความสมบูรณ์แบบ’ คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ไม่ได้มองหาความสมบูรณ์แบบ เพราะพวกเขารู้ว่า ‘ความสมบูรณ์แบบ’
ตลาดหุ้นช่วงนี้ถือเป็นช่วงนี้เล่นยากมากพอสมควร เนื่องจากปัจจัยรุมเร้าจากหลายอย่าง นักลงทุนต้องระมัดระวังในการลงทุนเป็นพิเศษ หลายคนมีคำถามว่าลงทุนอย่างไรดีให้รอดในช่วงภาวะโควิด 19 ทีมงาน UNLOCKMEN จึงไม่พลาดที่ไปขอคำแนะนำดี ๆ จากคุณแมน อัครพงศ์ ขวงธนะชัย เจ้าของเพจ Stockmanday มาเล่าแนวทางการลงทุนในช่วงนี้กัน มุมมองต่อตลาดหุ้นในขณะนี้ ด้วยว่าก่อนหน้านี้ SET ขึ้นทำ New high ในช่วงเริ่มต้นปี2561 หลังจากนั้นก็มีแรงเทขายออกมาตลอดปี แต่เพราะนักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นอยู่ จึงรู้สึกเหมือนแค่ว่าเป็นการย่อตัวเพื่อปรับฐาน เมื่อเข้าสู่ปี 62 SET ไม่สามารถกลับขึ้นเบรกทำ New high ได้ ทำให้ SET มีโอกาสเข้าสู่ขาลง เหลือแค่จุดต่ำสุดของปี 62 เท่านั้นที่พอจะเป็นแนวรับพยุง SET ไว้ได้ จนกระทั่งต้นปี 63 ที่ผ่านมา ก็เกิดวิกฤตโควิด19 ทำให้ SET เข้าสู่ขาลงอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่เทขายกันอย่างหนัก แต่ก็อย่างที่รู้ครับ ธรรมชาติของการเทขายอย่างหนักในครั้งแรกมักมีแรงซื้อกลับเสมอ โดยแรงซื้อกลับนี้มาจากกองทุนไทยที่ได้รับสัญญาณบางอย่างจากกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกองทุนพยุงหุ้น บวกกับการแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาดและรวดเร็วของคุณภากร ปีตธวัชชัย (กรรมการผู้จัดการตลท.) ที่ออกคำสั่งห้ามขายชอร์ตที่ราคาปัจจุบัน
เวลาเราพูดคำว่า “วิกฤต” มันฟังดูแย่ หดหู่ ไม่มีดีเลยนะ อย่างตอนนี้เป็นวิกฤตโควิท-19 เล่นเอาตลาดหุ้น ที่ดีดขึ้นมาสวย ๆ ตั้งแต่ช่วงธันวาฯ ปีที่แล้ว ขึ้นมาเทส 1600 เอาจริง ๆ ตอนนั้นมองว่าโอกาสกลับตัวขึ้นไป มีสูงเลย พอเจอข่าวอู่ฮั่นปิดเมืองเข้า โดดลงเลย 45 จุดมั้ง เป็นครั้งแรกที่เห็นตลาด เปิดแกปโดดลงระดับ 40-50 จุดในรอบหลาย ๆ ปีเลย ถามว่า “เจ็บมั้ย” ตอนนั้นก็เจ็บเหมือนกัน เพราะพอร์ทพี่ปูทางขึ้นไว้ แต่ดีที่ยังไหวตัวทัน และหลังจากนั้นมันก็ดิ่ง ๆ มาเรื่อยๆ จนการเหวี่ยงวันละ 30-70 จุด เป็น New Normal ของตลาดไปเลย ลองคิดดูจาก 1600 จุด ลงมาหลุด 1000 จุด ในชั่วเวลาไม่กี่สัปดาห์ เล่นเอาทุกคนร้องกันไปตามๆ กัน เพราะในความเหวี่ยง มันมีทั้งเหวี่ยงขึ้นรับข่าวบวก และเหวี่ยงลงต่อแรง ๆ