เข้าสู่ช่วงสิ้นปีที่ลมหนาวเข้ามาทักทายแบบนี้ ถือเป็นโอกาสดีสำหรับหนุ่ม ๆ ผู้ชื่นชอบการแต่งตัวทุกคน โดยเฉพาะคนนี้กำลังวางแผนไปเดินทางไปต้อนรับลมหนาวถึงที่ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นที่ไหน แต่สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ เครื่องแต่งกายที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของสไตล์และฟังก์ชันการใช้งาน และสำหรับหนุ่ม ๆ ที่กำลังมองหาเสื้อตัวใหม่มาสวมใส่ในช่วงเวลานี้ Flannel Shirt คือเสื้ออีกชนิดที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนหยิบออกจากตู้มาสวมใส่กันอีกครั้งหนึ่ง แต่จะเป็นเพราะเหตุผลอะไรและมีเทคนิคการสวมใส่ยังไงบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ ทำความรู้จัก Flannel Shirt Flannel Shirt คือเสื้อเชิ้ตผ้าสักหลาดที่ถักทอมาจากขนสัตว์ (Wool) ฝ้าย (Cotton) รวมถึงผ้าใยสังเคราะห์ (Synthetic Fabric) ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเวลส์ในศตวรรษที่ 17 พร้อมคุณสมบัติเฉพาะตัวของการเป็นผ้าที่มีเนื้อเบาสบายที่สามารถรักษาความอบอุ่นได้ดี โดยนอกจากจะเหมาะสมกับการนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าแล้ว ผ้า Flannel ยังถูกนำมาใช้ตัดเย็บเป็นผ้าห่มและผ้าปูที่นอนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามักมีคนที่เข้าใจผิดและคิดว่า Flannel Shirt คือเสื้อเชิ้ตลายสก็อตซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะเสื้อลายสก็อตเป็นเพียงชนิดย่อยของ Flannel Shirt ที่ถูกเรียกว่า Flannel Plaid หรือ Plaid เท่านั้น โดยความหมายถูกต้องของ Flannel Shirt
ในที่สุดหนุ่ม ๆ ชาวไทยก็ได้สัมผัสกับอากาศเย็นกันเสียที หลังจากเก็บเสื้อผ้าหนา ๆ ไว้ในตู้ตลอดทั้งปี เพื่อรอคว้ามาใส่รับลมหนาวช่วงสั้น ๆ โดยอีกหนึ่งไอเทมที่ขาดไม่ได้สำหรับอุณหภูมิแบบนี้ก็คือ แจ็คเก็ต (Jacket) สวย ๆ มาเพิ่มสไตล์สักตัว แจ็คเก็ต ถือเป็นเครื่องแต่งกายอีกชิ้นที่สำคัญต่อผู้ชายอย่างเรา เพราะประโยชน์ของไอเทมชิ้นนี้นอกจากจะช่วยป้องกันร่างกายจากอากาศเย็นแล้ว ในฤดูกาลอื่นก็สามารถหยิบมาสวมใส่กันแดดหรือลมได้ ที่สำคัญคือแจ็คเก็ตเป็นไอเทมที่มีดีไซน์สารพัดรูปแบบ ช่วยให้คนที่หยิบจับมาสวมใส่สามารถเปลี่ยนสไตล์ได้ตามต้องการ แม้แจ็ตเก็ตจะมีหลากหลายสไตล์ แต่วันนี้ STYLE GUIDE อยากมาแนะนำเสื้อแจ็คเก็ต 5 สไตล์ที่ผู้ชายอย่างเราควรมีติดตู้เสื้อผ้าไว้ เพราะสามารถหยิบมาใช้งานและเปลี่ยนสไตล์ให้ตัวเองได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าวันอากาศหนาวหรือร้อน แบบครอบคลุมทุกวันสบาย ๆ และวันสำคัญ Coach Jacket หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ารูปแบบแจ็คเก็ตชนิดนี้ที่ถูกต้องที่สุดเป็นอย่างไร? แต่คำจำกัดความง่าย ๆ ของ Coach Jacket คือ “มีคอปก กระดุมแบบติดด้านหน้า พร้อมกับกระเป๋าตรงสะโพกทั้งสองด้าน” กระแสแฟชั่นในปัจจุบันก็ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ พัฒนารูปแบบดั้งเดิมของแจ็ตแก็ตที่ใส่โดยโค้ชกีฬาตัวนี้ให้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวัสดุไนลอนหรือลวดลาย How to Wear: Coach Jacket มีข้อดีคือเป็นแจ็คเก็ตหนักเบาและส่วนใหญ่มักจะกันน้ำ โดยสามารถเข้าคู่กับกางเกงหลายรูปแบบ
ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก เชื่อว่าผู้ชายทุกคนต้องเคยผ่านความสัมพันธ์เหล่านี้มาก่อน ไม่ว่าจะในฐานะของลูกที่ต้องเรียนรู้และเติบโต หรือในฐานะพ่อที่ต้องเฝ้ามองการเติบโตของชีวิตหนึ่งชีวิตที่เราทำให้เขาเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ อย่างไรก็ตาม สัมพันธ์ในระดับความครัวถือเป็นสิ่งที่มีค่าและควรให้ความสำคัญมากที่สุด เราจึงมักมีโอกาสได้เห็นภาพยนตร์ในหลากหลายเนื้อหาเลือกจะสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกให้ได้ชมกัน และสำหรับช่วงเวลาของวันพ่อของปีนี้ เรามีพ่อ 5 คนผ่านภาพยนตร์ 5 เรื่องที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน ซึ่งจะเป็นใครจากภาพยนตร์เรื่องไหนบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันเลย The Pursuit of Happyness (2006) เริ่มต้นกับหนึ่งในผลงานคลาสสิคของหนังชีวิตและครอบครัวอย่าง Pursuit of Happyness กับเรื่องราวภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของคริส การ์ดเนอร์ นักธุรกิจและนักพูดเพื่อสร้างแรงบันดาล ผู้เคยผ่านชีวิตปากกัดตีนถีบถึงขนาดไร้หัวนอนปลายเท้ามาแล้ว The Pursuit of Happyness จะพาเราย้อนกลับไปที่ซานฟรานซิสโกเมื่อปี 1981 ในสมัยที่คริส การ์ดเนอร์ ยังคงดิ้นรนกับอาชีพเซลล์แมนเพื่อสร้างความมั่นคงให้ชีวิตครอบครัว อย่างไรก็ตามเส้นทางสู่ความสำเร็จของเขากลับเต็มไปด้วยปัญหาอุปสรรคนับครั้งไม่ถ้วนถึงขนาดเหลือเงินติดตัวเพียง 21 ดอลลาร์และต้องขอพักในศูนย์พักพิงของคนไร้บ้านพร้อมกับลูกชายตัวน้อย ภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะพาเราไปทำความรู้จักกับเรื่องราวความสำเร็จในชีวิตคริส การ์ดเนอร์ ที่เกิดจากความมุ่งมั่นและการคว้าโอกาสที่ชาญฉลาด ขณะเดียวกันภาพยนตร์ยังสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 พ่อ-ลูก ในวันที่ชีวิตแทบไม่มีทางให้เดินไปต่อ แต่ทั้งสองยังคงเป็นที่พึ่งและเป็นกำลังใจให้กันและกันอยู่เสมอ ถือเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่แสดงให้เห็นมิตรภาพระหว่างพ่อและลูกได้แบบอบอุ่นหัวใจแม้จะอยู่ท่ามกลางชีวิตที่ถาโถมด้วยปัญหาก็ตาม Australia (2008) ภาพยนตร์ที่จะพาเราไปทำความรู้จักกับประเทศออสเตรเลีย ในปี 1939 หรือช่วงเวลาที่สงครามโลกครั้งที่
หากพูดถึงชื่อของสตีฟ แม็กควีน หลายคนคงรู้จักเขาในฐานะนักแสดงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่น ทั้งเรื่องของบุคลิกภาพและการแต่งกาย อย่างไรก็ตามฉายา King of Cool ไม่ได้เกิดขึ้นจากรูปลักษณ์ภายนอกของเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความหลงใหลที่มีให้กับกิจกรรมท้าทายต่าง ๆ ทั้งการเป็นสตั๊นท์แมน นักบินและนักแข่งรถ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนการขับรถจะเป็นสิ่งที่ตัวเขาหลงใหลเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะการขับขี่บนท้องถนนและการแข่งขันในสนามแข่ง ทั้งหมดทำให้เขาเป็นบุรุษอีกหนึ่งคนที่เคยใช้งานและครอบครองรถยนต์มากมาย แต่ยนตรกรรมที่เขาเคยประทับจะเป็นรุ่นไหนและมาพร้อมแรงม้าเท่าไหร่บ้าง มาทำความรู้จักแต่ละคันไปพร้อมกันได้เลย Ferrari 250 GT Berlinetta Lusso สตีฟ แม็กควีน มีความหลงใหลในรถยนต์จากค่ายม้าลำพองพอสมควร ทำให้เขามีรถยนต์จากเฟอร์รารี่อยู่ในครอบครองถึง 4 คัน อย่างไรก็ตาม Ferrari 250 GT Berlinetta Lusso คันนี้ คือเฟอร์รารี่รุ่นแรกที่ราชาแห่งความเจ๋งเลือกมาใช้งาน Ferrari 250 GT Berlinetta Lusso คือรถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในสไตล์ Grand Tourer ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1962 รถคันนี้มาพร้อมขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ Colombo-V12 ขนาด 2953 ซีซี เป็นเครื่องยนต์ที่ให้กำลัง
“A gentleman’s choice of timepiece says as much about him as does his Saville Row suit.” – Ian Fleming เสน่ห์ของนาฬิกาข้อมือ นอกจากจะเป็นเครื่องบอกเวลาแล้ว ยังเป็นเครื่องประดับสุดหรูที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ สะท้อนถึงรสนิยม ภาพลักษณ์ รวมถึงตัวตนของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนาฬิกาแต่ละเรือนก็มีเสน่ห์และเหมาะสมกับโอกาสการสวมใส่ที่แตกต่างกันออกไป ในอีกแง่หนึ่งสำหรับคนที่ชื่นชอบหรือสนใจนาฬิกาอยู่แล้ว การลงทุนในสิ่งที่รักและหลงใหลอย่างนาฬิกาก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้การลงทุนในด้านอื่น ๆ นี่คือโอกาสดีสำหรับผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์ของเรือนเวลา เพราะ Luxetime “Luxury Watch Consignment แห่งแรกในไทย” ได้จัดอีเวนต์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์สุด Exclusive ครั้งแรกภายใต้คอนเซ็ปต์ “Luxetime Beyond the Time” “คุณตั้ม- ชนกพล ไชยศุภรากูล”ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง Luxetime กล่าวว่าอีเวนต์แรกของ Luxetime ครั้งนี้จัดขึ้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ Timepiece จากแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ มาร่วมสัมผัสความสวยงามหรูหราเหนือกาลเวลา และยังเป็นการรวมตัวของสาวกนักสะสมที่ต่างนำนาฬิกาเรือนคู่ใจของตัวเองมาอวดโฉม พร้อมร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ภายในงานประกอบไปด้วยนาฬิกาแบรนด์หรูระดับโลกที่ยกขบวนกันมาแบบจัดเต็ม
ผู้ชายกับรถยนต์เป็นเหมือนสิ่งที่แยกขาดจากกันไม่ได้ เพราะความหลงใหลในความเร็วสามารถเกิดขึ้นได้กับหนุ่ม ๆ ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่นักแสดงสุดไอคอนอย่าง เจมส์ ดีน เจมส์ ดีน เป็นนักแสดงที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในช่วงต้นยุค 90’s หรือนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นดารารุ่นใหม่ในเวลานั้นที่กลายเป็นต้นแบบสำคัญให้กับผู้ชายทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสไตล์การแต่ง รสนิยมในการฟังเพลง รวมไปถึงหนึ่งในกิจกรรมที่ตัวเขาใหลเหนือสิ่งอื่นใดอย่าง “ความเร็ว” ในช่วงเริ่มต้นอาชีพการแสดง เจมส์ ดีน มักจะแบ่งเงินค่าจ้างของตัวเองส่วนนึงไว้สำหรับโลกแห่งความเร็วโดยเฉพาะ เริ่มจากซื้อมอเตอร์ไซค์สัญชาติสโลวาเกีย aZ 125 A, Royal Enfield และ Indian Warrior TT ต่อมาเมื่องานด้านการแสดงเริ่มไปได้สวยและได้เซ็นสัญญากับ Warner Brothers ค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นทำให้เขาเลือกซื้อรถยนต์อย่าง MG TF รุ่นปี 1953 มาใช้งาน ต่อมา หลังประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมากขึ้นจากภาพยนตร์เรื่อง East of Eden ในเวลาเดียวกัน ความชอบที่มีในรถชนิดต่าง ๆ ของเจมส์ก็เพิ่มมากขึ้นไปพร้อมกัน ตัวเขาจึงตัดสินใจซื้อหนึ่งในรถสปอร์ตที่ดีที่สุดของยุคสมัยอย่าง Porsche 356 Speedster ซึ่งเป็นรถยนต์คันโปรดของพระเอกร่วมยุคอย่าง
กาแฟ ถือเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดของผู้ชายหลายคน โดยเหตุผลที่หนุ่ม ๆ แต่ละคนเลือกดื่มกาแฟก็มีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเหล่านักดื่มที่ชื่นชอบในรสชาติและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงบรรดาคนที่นอนน้อยทั้งหลายที่เลือกดื่มกาแฟเพื่อเติมพลังให้กับสมองและระบบประสาท ให้พร้อมทำงานอย่างเต็มไปตลอดทั้งวัน อย่างสำหรับหนุ่ม ๆ ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟรวมถึงออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ คงต้องหันมาให้ความสำคัญกับเครื่องดื่มชนิดนี้มากขึ้น เพราะนอกจากรสชาติที่มีเอกลักษณ์ รวมไปถึงคุณสมบัติแก้อาการง่วงที่ได้ผลยอดเยี่ยม กาแฟ ยังถือเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์แฝงต่อคนที่ออกกำลังและเล่นกีฬาทุกคน แต่ข้อดีของเครื่องดื่มชนิดนี้จะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง QUICK WORKOUT วันนี้จะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักและหาคำตอบไปพร้อมกัน อัตราการเผาผลาญไขมันดีขึ้น สำหรับหนุ่ม ๆ ที่กำลังเตรียมโปรแกรมลดน้ำหนักให้ตัวเอง รวมถึงเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟ ถือว่ามาถูกทางแล้ว เพราะกาแฟสามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญมวลไขมันในร่างกายของเราให้ดีขึ้น โดยงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้พบว่า กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่กระตุ้นการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม (Metabolism) โดยเฉพาะกระบวนการเผาผลาญไขมันของร่างกาย ผลวิจัยชิ้นดังกล่าวยังทำให้ว่า นอกจากกาแฟจะช่วยเพิ่มอัตราเผาผลาญไขมันระหว่างออกกำลังได้ดีแล้ว ยังทำให้การเผาผลาญไขมันต่อเนื่องหลังจากออกกำลังเสร็จแล้วด้วย อย่างไรก็ตามปริมาณของคาเฟอีนที่เหมาะสมคือ 6 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือยกตัวอย่างผู้ชายที่มีน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม จะมีปริมาณคาเฟอีนที่ควรได้รับต่อวันอยู่ที่ประมาณ 340 -409 มิลลิกรัม เสริมความทนทานของ “มวลกล้ามเนื้อ” กาแฟยังเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวร่างกายแบบแอโรบิคให้ทนทานและแข็งแรงมากขึ้น โดยงานวิจัยในหัวข้อ Metabolic and exercise endurance effects
ถ้าจะพูดว่ารถยนต์คูเป้ คือยนตรกรรมที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝันอยากครอบครองมากที่สุดก็คงไม่ผิด ด้วยเหตุผลทั้งงานดีไซน์ที่สวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงความปราดเปรียวบนท้องถนนสะท้อนคาแรคเตอร์ที่แตกต่าง สามารถสร้างสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ได้เสมอ หลังจากที่พวกเราชาวสาวกบีเอ็มดับเบิลยูเฝ้ารอคอยมานาน ในที่สุด The All-New BMW 4 Series Coupé generation ที่ 2 รหัสตัวถัง G22 ก็ได้เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อย เป็นโมเดลเรือธงที่ทั้งโลกต่างตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่รอบคัน ถูกพัฒนาแบบจัดเต็มตั้งแต่หัวจรดท้าย ทั้งสมรรถนะและงานดีไซน์ที่โดดเด่นกว่ารุ่นก่อน ซึ่ง BMW’s head of design, Domagoj Dukec ตั้งใจพัฒนาให้ BMW 4 Series มีสไตล์และฟีลลิ่งการขับที่แตกต่างเฉพาะตัว ไม่ได้เป็นแค่ BMW 3 Series ในเวอร์ชั่นสองประตูอีกต่อไป The All-New BMW 4 Series Coupé มาพร้อมการดีไซน์สไตล์คูเป้ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยูมานานกว่า 90 ปี ถูกพัฒนารายละเอียดให้น่าประทับใจขึ้นในหลายด้าน สามารถบอกได้ทันทีว่านี่คือ BMW 4 Series จากระยะไกล และเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากบ้านเดียวกัน
เดินทางเข้าสู่เดือนธันวาคม เดือนส่งท้ายปีที่มาพร้อมงานหนักและวันหยุดยาว อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่มีแผนจะเดินทางไปรับลมหนาวตามสถานที่ต่าง ๆ ในช่วงนี้ เราก็ขออวยพรให้เดินทางอย่างปลอดภัยกันทุกคน แต่สำหรับคนที่ไม่มีแผนรวมถึงคนเลือกที่ใช้เวลาพักผ่อนอยู่บ้านก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะโปรแกรมความบันเทิงในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ของเดือนธันวาคมนี้ อัดแน่นไปด้วยภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมไปถึงสารคดีห้ามพลาดหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งจะวันนี้เราได้คัดสรรเรื่องไหนมาแนะนำให้กับทุกคนบ้าง มาชมไปพร้อมกันเลยครับ Ma Rainey’s Black Bottom ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เราอยากแนะนำคือ Ma Rainey’s Black Bottom ผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในของ Chadwick Boseman ก่อนที่ตัวเขาจะเสียชีวิต ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์จากรอบสื่อมวลชนอย่างท่วมท้นทั้งเส้นเรื่องและฝีมือการแสดงอันเนียนตา เรื่องราวของ Ma Rainey’s Black Bottom จะพาเราย้อนกลับไปในปี 1927 เพื่อทำความรู้จักกับชีวิตของ Ma Rainney (รับบทโดย Viola Davis) ราชินีแห่งเพลงบลูส์กับสมาชิกวงดนตรีของเธอ ระหว่างทำการบันทึกเสียงในชิคาโก โดยหนึ่งในนั้นคือมือทรัมเป็ตที่มีความสามารถและเป้าหมายเป็นของตัวเองที่ชื่อว่า Levee (รับบทโดย Chadwick Boseman) อย่างไรก็ตามทั้ง 2 คนจะต้องพบกับปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวระหว่างการทำเพลง การถูกเอาเปรียบทางธุรกิจ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สีสัน กลายมาเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญกับชีวิตของคนเราในหลายด้านและมนุษย์แต่ละคนต่างมีโทนสีที่ชื่นชอบเป็นของตัวเอง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า, รองเท้า, เฟอร์นิเจอร์ในบ้านไปจนถึงสีสันของรถคู่ใจที่เลือกใช้งาน นอกจากความสวยงาม สีของรถยนต์ยังสะท้อนคาแรคเตอร์ของรถยนต์และผู้ขับได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงเรื่องสีสันบนพาหนะ ค่ายรถสัญชาติเยอรมันอย่างบีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ให้กำเนิดสีรถที่มีเอกลักษณ์ออกมาเป็นจำนวนมาก และมีจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ เกิดจากความหลงใหลในสังเวียนมอเตอร์สปอร์ตที่อยู่ใน DNA ของพวกเขา โดยเฉพาะรถยนต์ในตระกูล BMW M ที่ถูกตั้งชื่อสีสันให้เหมือนกับสนามแข่งรถ Formula 1 ซึ่งต่อมากลายเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของ BMW ในวงการรถสูตร 1 และวันนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับจุดเริ่มต้นรวมถึงความพิเศษของโทนสีเหล่านี้ไปพร้อมกัน สีที่ดุดันจาก BMW M สีแรกที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักคือ สีแดง Imola Red โทนสีแดงที่โดดเด่นมีจุดเริ่มต้นมาจากการฉลองชัยชนะบนสังเวียน F1 ของทีม BMW Williams เมื่อปี 2001 ในแข่งขัน San Marino Grand Prix ซึ่งจัดขึ้นที่สนาม Autodromo Internazionale Enzo