รองเท้าบาสเกตบอล คือหนึ่งในรองเท้ากีฬาที่คนจำนวนมากนิยม เพราะเป็นรองเท้าที่ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ตามจุดประสงค์หลักคือใส่เพื่อเล่นกีฬา หรือหลายคนก็เลือกรองเท้าชนิดนี้มาใส่เดินเป็นแนวแฟชัน ซึ่งก็เข้ากันได้ดีกับการแต่งตัวหลากหลายสไตล์ เพราะดีไซน์และสีสันที่สวยงาม ตลาดรองเท้าบาสเกตบอลในเวลานี้ก็กำลังคึกคักมาก ๆ เพราะลีกบาสเกตบอลยอดนิยมอย่าง NBA ใกล้จะวนกลับมาเปิดฤดูกาลแล้ว บรรดาค่ายรองเท้าก็เริ่มส่งรองเท้าคู่งามออกมาต้อนรับฤดูกาลใหม่ วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำรองเท้าบาสเกตบอลคู่ใหม่ที่กำลังจะปล่อยสู่ท้องตลาด มาดูกันว่าจะมีคู่ไหนน่าสนใจบ้าง Kyrie 5 x SpongeBob ‘Pinapple House’ Kyrie 5 ‘Pinapple House’ หนึ่งในรองเท้าจากคอลเลกชันที่ทำร่วมกันกับ SpongeBob โดยเป็นรองเท้าคู่ใหม่ของ Kyrie Irving การ์ดจ่ายสุดพลิ้วของทีม Brooklyn Nets โดยเขาจะใส่รองเท้าคู่นี้ในแมตซ์เปิดฤดูกาลที่พบกับ Minnesota Timberwolves ให้เราได้เห็นกัน ‘Pinapple House’ ได้แรงบันดาลใจจากบ้านสับปะรดใต้ทะเลจากการ์ตูน SpongeBob รองเท้ามาพร้อมอัปเปอร์สีส้มตัดด้วยสีฟ้า พร้อมที่ร้อยเชือกสีเขียวคล้ายใบสับปะรดและมิดโซลสีขาว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคู่ที่น่าสนใจมากโดยเฉพาะคนที่ชอบแนวคัลเลอร์ฟูล วันวางขาย: 24 ตุลาคม ราคาป้ายโดยประมาณ: 4,000 บาท Nike
Stephen Hawking หนึ่งในนักคิด นักเขียน นักวิทยาศาสตร์ นักฟิสิกส์ นักปรัชญา ยุคใหม่คนสำคัญที่หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี เขาเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งแวดวงวิชาการ โดยผลงานและทฤษฎีของเขานั้นสร้างคุณูปการต่อโลกใบนี้มากมาย แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตลงเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว (พ.ศ.2560) แต่ Hawking ก็คือ Hawking แทบทุกทฤษฎีแนวคิดของเขาถูกคิดขึ้นบนรถเข็นในสภาพที่แทบขยับตัวไม่ได้ ดังนั้นความตายจึงไม่ใช่อุปสรรคต่อการจะทิ้งอะไรสักอย่างไว้เป็นอนุสรณ์แก่โลกเลย ซึ่งนั่นก็คือ Brief Answers to Big Questions หนังสือเล่มสุดท้ายในชีวิตของอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ คอนเซ็ปต์ของหนังสือเล่มนี้คือการตอบคำถามต่าง ๆ ที่ Hawking โดนถามมากที่สุดในชั่วอายุ 76 ปีของเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมนุษย์ต่างดาว, การเดินทางข้ามเวลา, ปัญญาประดิษฐ์ และอีกมากมาย พระเจ้ามีจริงหรือเปล่า? “ไม่มีพระเจ้า จักรวาลนี้ไม่มีใครชี้นำ” คำตอบสั้น ๆ สำหรับคำถามที่ยิ่งใหญ่ “เป็นเวลาหลายร้อยปีที่เชื่อกันว่าคนพิการอย่างผมโดนคำสาปแช่งจากพระเจ้า แต่ทุกอย่างมันสามารถอธิบายได้ตามกฎของธรรมชาติ” ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง แล้วจักรวาลเกิดจากอะไรล่ะ? “ก็อย่างที่ทุกคนรู้ จักรวาลเกิดจากการระเบิด Big Bang ครั้งใหญ่” ในหลุมดำแห่งจักรวาลเป็นยังไง? “มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้าคุณตกลงไปในหลุมดำ ร่างกายคุณจะมีสภาพเหมือนเส้นสปาเก็ตตี้ก่อนที่คุณจะรู้สึกตัวเสียอีก” เราทำนายอนาคตได้หรือไม่? “ทั้งได้และไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายข้อไหนห้ามไม่ให้เราทำนายถึงอนาคต แต่ที่ผมบอกไม่ได้ด้วยเนื่องจากการทำนายอนาคตนั้นเป็นสิ่งที่ยากเกินไปจนแทบจะเป็นไปไม่ได้” การเดินทางข้ามเวลาเป็นไปได้หรือไม่?
หากเอ่ยชื่อ Guns N’ Roses เราเชื่อว่าคอเพลงร็อกเกือบทั้งโลกรู้จักชื่อนี้ หลากหลายบทเพลงของเขา ขึ้นแท่นเป็นเพลงฮิตตลอดกาล ทำยอดขายได้ในระดับถล่มทลาย จะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังถูกนำมาเปิดฟัง นำมาร้อง Cover ไม่เคยลืมเลือน พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เหล่าศิลปินรุ่นหลัง และมีสาวกของพวกเขามีอยู่ทั่วทุกมุมโลก แถมดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกวันอีกต่างหาก Rick Dunsford คือหนึ่งในสาวกของวงปืนกุหลาบนี้เช่นกัน แต่เขาไม่ได้เป็นเพียงแฟนคลับธรรมดา ๆ เพราะเรียกได้ว่ามอบกายถวายหัวให้กับวงเลยทีเดียว Rick เคยมาชมการแสดงของวงถึง 32 ครั้ง ที่แขนของเขามีรอยสักรูปลายเซ็นสมาชิกในวง ทั้ง Axl Rose, Slash และ Duff Mckagan แม้กระทั่งลูกชายของเขายังถูกตั้งชื่อว่า Axl ! ด้วยความที่หัวจรดเท้าอุทิศให้วงขนาดนี้ แน่นอนว่าชายคนนี้จึงมีชื่อเสียงพอตัวในหมู่แฟนเพลง Guns ‘N Roses ด้วยกัน แต่แล้วเรื่องราวที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ Rick Dunsford ต่อแถวจะเข้าไปชมคอนเสิร์ตของ Guns N’ Roses (รอบที่ 33)
แม้ผู้ชายหลายคนจะมองนาฬิกา Baby-G จากแบรนด์ดังอย่าง Casio ว่าเป็นนาฬิกาสำหรับผู้หญิงแต่ก็ยังมีผู้จำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบดีไซน์และขนาดของนาฬิกาตระกูล Baby-G เพราะนี่คือนาฬิกาที่มีหลากหลายสไตล์ ทะมัดทะแมง เรียบง่าย มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์แบบ Unisex แถมระยะนี้ยังไปร่วม collaboration กับภาพยนตร์และการ์ตูนที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ ชื่นชอบกันอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่แปลกที่ Baby-G จะได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ในปีนี้ Baby-G ก็เดินทางมากว่า 25 ปี นับตั้งแต่ ค.ศ. 1994 Casio จึงไม่พลาดปล่อยนาฬิกาคอลเลกชันพิเศษเพื่อฉลองการครบรอบโดยตัดสินใจจับมือกับการ์ตูนและเกมที่คนทั่วโลกต้องรู้จักอย่าง Pokemon โดยเลือกตัวการ์ตูนสีเหลืองพลังสายฟ้าอย่าง Pikachu โปเกมอนตัวเอกมาเป็นคอนเซ็ปต์หลักของเรือนเวลารุ่นพิเศษ สายนาฬิกาสีดำด้านจะถูกแต่งแต้มด้วย Pokeball กับสายฟ้าขนาดจิ๋วหลากสี จากนั้นสลักตัวเลข 0:25 สีเหลืองตามสีขนของ Pikachu ไว้ตรงบริเวณห่วงรัดสายนาฬิกา โดยลวดลายทั้งหมดจะมาในรูปแบบ pixel สไตล์วินเทจเข้ากับรูปทรงของนาฬิกา ส่วนบริเวณหน้าปัดตรงด้านบนมีชื่อการ์ตูน Pokemon รวมถึงดีเทลเล็ก ๆ ที่ถูกซ่อนเอาไว้ซึ่งจะเห็นก็ต่อเมื่อกดปุ่มแสงหน้าจอ (เมื่อกด Pikachu จะโชว์ตัวเป็นภาพพื้นหลังของนาฬิกา) แถมฝาหลังจะสลักชื่อการ์ตูนแบบนูนเอาไว้เพื่อย้ำถึงความพิเศษของนาฬิกาคอลเลกชันนี้ คุณสมบัติอื่น ๆ
มหากาพย์สงครามใหญ่แห่งจักรวาลอย่างเรื่อง Star Wars ได้กลับมาโลดแล่นแฟน ๆ หายคิดถึงกันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานตั้งแต่ Star Wars VI ปี 2005 ที่กว่าทุกอย่างจะเข้ารูปเข้ารอยจนได้ไตรภาคใหม่ออกมาก็กินเวลาเกือบ 10 ปี จนในที่สุดก็เกิดภาค 7 หรือ Star Wars: The Force Awakens (2015) ต่อด้วย Star Wars: The Last Jedi (2017) และตอนนี้เรื่องราวอันยาวนานก็เดินทางมาถึงบทสรุปไตรภาคกับ Star Wars: The Rise of Skywalker (2019) เตรียมเข้าฉายในเดือนธันวาคม ตามธรรมเนียมเดิมที่จะให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเหมือนของขวัญวันคริสต์มาสกับแฟนหนัง เมื่อการปิดไตรภาคของ Star Wars กำลังจะมาถึง แบรนด์รองเท้าชื่อดังอย่าง Adidas จึงไม่รอช้าที่จะร่วมสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ เอาใจแฟนคลับภาพยนตร์อวกาศในตำนานด้วยการจับมือกับ Lucus Films และ Disney ผู้สร้างหนัง นำแรงบันดาลใจจาก Stormtrooper กองกำลังภาคพื้นดินของจักรพรรดิพัลพาทีน
มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชม จนกลายเป็นที่จดจำไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม หลายครั้งที่มีประโยค วลี หรือคำศัพท์ยอดฮิตต่าง ๆ จากหนังถูกนำมาใช้สื่อสารในชีวิต แม้จะไม่ประจำวัน แต่ก็กลายเป็นวัฒนธรรม POP ที่มักได้ยินคนพูดกันปากต่อปากเสมอ แม้คำศัพท์จากหนังหลายคำจะยังไม่ได้บัญญัติความหมายไว้อย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนศัพท์ยอดฮิตจากภาพยนตร์ Star Wars จะไม่เป็นแบบนั้น เพราะวันนี้มีคำศัพท์บางคำจากภาพยนตร์ถูกบรรจุลงในดิกชันนารีของ OXFORD แล้ว Star Wars ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ชุดที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จไปทั่วโลก หลังจาก Star Wars : A New Hope ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี 1977 จนมาถึงวันนี้รวมระยะเวลา 42 ปี หนังถูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนสร้างออกมามากกว่า 9 ภาค รวมถึงภาคล่าสุดอย่าง The Rise of Skywalker ที่กำลังจะเข้าโรงฉายในเดือนธันวาคมปีนี้ รวมไปถึง Rouge One และ Solo : A Star Wars Story ซึ่งเป็นหนังภาคแยก ที่มีกลุ่มแฟน
Asics คืออีกแบรนด์กีฬาที่หนุ่ม ๆ หลายคนคิดถึง โดยเฉพาะคนที่ต้องการรองเท้าสำหรับใส่วิ่งหรือเดินสบาย ๆ มาใช้งานสักคู่ เพราะรองเท้าจากค่ายกีฬาของประเทศญี่ปุ่นยี่ห้อนี้ พัฒนาให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์การใช้งานได้ดีในทุกยุคสมัย แต่ไม่เป็นที่นิยมมากนักเพราะไม่มีอินฟลูเอนเซอร์ที่ทรงอิทธิพลเท่าค่ายยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ในวงการ อย่างไรก็ตาม Asics ยังคงสร้างรองเท้าที่ตอบสนองการใช้งานของผู้คนออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคือคอลเลกชันรองเท้าวิ่งชุดใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วยเรือธงถึง 3 รุ่นประกอบไปด้วย GEL-Kayano 25, Metarun SPS และ GEL-Kinsei ทั้งหมดพร้อมวัสดุสุดพรีเมียมที่ใช้ชื่อว่าแคปซูลว่า “Japan Collection” เริ่มกันที่คู่แรกคือ GEL-Kayano 25 ที่ไม่ต้องอธิบายให้มากความเรื่องความคุ้มค่าคุ้มราคาของรองเท้าที่เกิดมาเพื่อวิ่งโดยเฉพาะ GEL-Kayano 25 “Japan Collection” มาพร้อมอัปเปอร์วัสดุหนังสีน้ำเงินเข้ม (Navy Blue) ผสมผสานกับวัสดุหนังที่เรียกว่า Kobe Luxe ที่ออกแบบมาให้มีส่วนเว้าโค้งและช่องลมระบายอากาศอยู่รอบคู่ มิดโซลนุ่มสบายด้วยวัสดุ FlyteFoam ทำงานร่วมกับระบบรองรับแรงกระแทก GEL-System ซึ่งจะทำให้คุณเพลิดเพลินทั้งการใส่เดินและออกกำลัง ต่อด้วยคู่ที่ 2 Metarun SPS “Japan Collection” คู่ที่ถือว่าเลือกสีออกมาได้สวยงามมาก ๆ
ครั้งหนึ่งเคยมีนักวิ่งระยะไกลผู้หนึ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่า “ผมไม่รู้ว่าขีดจำกัดนั้นตรงอยู่ไหน แต่ผมก็อยากลองไปให้ถึงจุดนั้นดู” เวลานั้นหลายคนต่างมองว่านั่นประโยคและเรื่องราวเพ้อฝัน มนุษย์หนึ่งคนจะตามหาขีดจำกัดของตัวเองไปเพื่ออะไร? หรือทำไปแล้วจะได้อะไรกลับมา? แต่ชายผู้เป็นเจ้าของประโยคดังกล่าวที่ชื่อ เอเลียด คิปโชเก (Eliud Kipchoge) กลับไม่คิดแบบนั้น เขามองว่ามันคือเป้าหมายสำคัญในการเอาชนะตัวเอง ก่อนจะพิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นด้วยการทำลายกำแพงที่เคย “ขีดเส้น” ความสามารถของนักวิ่งระยะไกลทุกคนบนโลกไว้ว่ามนุษย์นั้นไม่สามารถทำลาย “ขีดจำกัด” หรือกำแพงเวลา 2 ชั่วโมงของการวิ่งฟูลมาราธอนลงได้ ทันทีที่ร่างกายของเอเลียด คิปโชเกทะยานผ่านเส้นชัยในอีเวนต์ INEOS 1:59 Challenge ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 59 นาที 40 วินาที ประวัติศาสตร์ของโลกและขีดจำกัดของมนุษย์ก็ถูกมองต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ในเวลาเดียวกัน ตัวเขาก็ได้มอบอีกหนึ่งคำพูดสำคัญเพื่อตอกย้ำความคิดที่มีอีกครั้งว่า “มนุษย์เรานั้นไร้ซึ่งขีดจำกัด” ท่ามกลางความสำเร็จท่ีเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หลายคนทราบกันดีว่าเอเลียด คิปโชเก คือคนที่วิ่งเข้าเส้นชัย แต่เบื้องหลังความสำเร็จต่าง ๆ ในชีวิตของเขากว่าจะมาถึงวันนี้ ใครจะรู้ว่านักวิ่งวัย 34 ปีชาวเคนย่าผู้นี้ต้องผ่านการฝึกฝนทางร่างกายและผ่านการขัดเกลาในด้านจิตใจมาอย่างไรบ้าง วันนี้ UNLOCKMEN และคอลัมน์ MotivAthlete จะพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อมกัน ร่างกายเหนือมนุษย์ ที่มาจากการฝึกซ้อมและเฝ้าจดบันทึก หลายคนทราบกันดีว่าปัจจัยพื้นฐานของการเล่นกีฬาแต่ละประเภทมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างก็คือ “ร่างกายและพละกำลัง”
ถ้าเอ่ยถึง ‘มุราคามิ’ ผู้ชายที่ชอบอ่านหนังสือก็จะนึกถึง ฮารุกิ มุราคามิ นักเขียนชื่อดังที่สร้างสรรค์วรรณกรรมที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองจนถูกเรียกว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่าเรื่อง แต่บางคนก็จะนึกถึง ‘ทากาชิ มุราคามิ’ ศิลปินชาวญี่ปุ่นที่เคยเข้ามามีอิทธิพลกับเหล่าวัยรุ่นไทยด้วยการวาดดอกไม้ยิ้มที่คนเรียกกันว่า ‘ดอกมุราคามิ’ ดอกไม้ลายเส้นง่าย ๆ สีสันสดสน ที่กระทั่งวันนี้หลาย ๆ คนก็ยังไม่เข้าใจว่าดอกไม้ที่ว่านั้นมันได้รับความนิยมและมีราคาแพงจากอะไร แต่ในวันนี้เราจะไม่ได้มาพูดถึงดอกไม้ของมุราคามิ แต่จะย้อนไปก่อนที่เขาจะโด่งดังจากผลงานอื้อฉาวที่เหล่านักวิจารณ์บางคนต้องเบือนหน้าหนี เพราะผลงานของเขาแม้จะเป็นรูปของตัวการ์ตูนหน้าตาน่ารักแต่มันกลับซ่อนเรื่องราวทางเพศเอาไว้ ความบ้าคลั่งทางจินตนาการที่กลั่นออกมาเป็นผลงานศิลปะทำให้เขาถูกเรียกว่าเป็น ‘ราชาโอตาคุ’ ผลงานสุดอื้อฉาวที่ทำให้โลกรู้จักชื่อของ TAKASHI MURAKAMI หากต้องนิยามถึงอาชีพของทากาชิ มุราคามิ ก็จะพบว่าเขาเป็นชายที่ทำอะไรที่หลายอย่าง เขาเป็นทั้งจิตรกรที่มีผลงานสไตล์ pop art เป็นนักปั้น ภัณฑารักษ์ อาจารย์มหาวิทยาลัย และนักวิจารณ์ โดยใช้แรงบันดาลใจหลักๆ จากความชอบของตัวเองคือมังงะรวมถึงแอนิเมะมาสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง เมื่อรู้ดีว่าตัวเองชอบอะไร สิ่งต่อมาที่จะทำให้ผลงานของเขาประสบความสำเร็จคือการจับความชอบมาผสมผสานกับอะไรก็ตามที่โดดเด่นและเป็นตัวของตัวเอง ผลงานของเขาจะต้องบอกเล่าตัวตนและไม่ซ้ำใคร เมื่อคิดได้ดังนั้นมุราคามิจึงนำวัฒนธรรมป๊อปมารวมกับลายเส้นการวาดแบบญี่ปุ่นโบราณ เป็นการผสมผสานที่ศิลปินในช่วงเวลานั้นไม่นิยมจับความใหญ่และเก่ามารวมกันเพราะมองว่าการรวมกันแบบนี้มันดูพิลึกพิลั่นเกินไป แต่มุราคามิกลับมองว่าน่าสนใจ นอกจาก pop culture กับลายเส้นแบบญี่ปุ่นโบราณแล้ว มุราคามิยังนำเฮนไต (Hentai) สื่อลามกที่แพร่หลายอยู่ในโลกใต้ดินของประเทศญี่ปุ่นที่ยังเป็นวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่ม และถูกมองว่าเป็นผลงานสำหรับ ‘คนตลาดล่าง’ มาร่วมกับผลงานประติมากรรมจากวัสดุไฟเบอร์ของตัวเองจนได้รูปปั้นตัวการ์ตูนผู้หญิงที่ชื่อว่า Hiropon
สิ้นสุดการรอคอยสำหรับสาวก Oasis และ Liam Gallagher ชาวไทยทั้งหลาย เพราะในที่สุดหนังสารคดี LIAM GALLAGHER: AS IT WAS ก็มีกำหนดการฉายในบ้านเราแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยจะเข้าฉายพร้อมกันทั่วประเทศ (แต่ต้องเช็กนิดนึงว่าโรงไหนมีบ้าง) ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ก่อนอื่นทาง UNLOCKMEN ก็ต้องขอบคุณทาง Lido Connect เป็นอย่างยิ่งที่เชิญทีมงานเราไปดูก่อนใครในรอบสื่อมวลชน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้เราก็จะมารีวิวหนังสารคดีของร็อกสตาร์ฝีปากกล้าเรื่องนี้ให้หนุ่ม ๆ ทุกคนได้อ่านเป็นน้ำจิ้มก่อนจะไปดูของจริงในโรงภาพยนตร์ โดยทางเราขอยืนยันว่าจะไม่มีการสปอยล์ใด ๆ ที่จะทำให้เสียอรรถรสอย่างแน่นอน มาเริ่มกันเลย! จุดเริ่มต้นวันฝันสลาย “Oasis แยกวง” หากจุดเริ่มต้นของ Oasis อยู่ในสารคดี Oasis: Super Sonic จุดจบของ Oasis ก็คือจุดเริ่มต้นของสารคดี Liam Gallagher: As It Was เรื่องราวของหนังจะเริ่มต้นตั้งแต่วันมหาวิปโยคที่เทศกาล Rock en Seine กรุงปารีส ปี