‘เบียร์’ คือเครื่องดื่มที่อยู่คู่มนุษย์มาเนิ่นนาน เป็นเครื่องดื่มที่เราดื่มกันอยู่แทบทุกวัน ไม่ว่าวันเกิด วันสุข วันเพื่อน วันเหงา วันพิเศษ ปีใหม่ ตรุษจีน จะวันไหน ๆ เราก็สดชื่นได้ด้วยเบียร์เย็น ๆ และเมื่อวันสำคัญแบบนี้เวียนมาบรรจบทั้งที UNLOCKMEN ก็ไม่พลาดที่จะรวบรวมร้านเบียร์สุดชิลมาแนะนำกับ 10 ร้านคราฟต์เบียร์ที่คอเบียร์ไม่ควรพลาด ส่วนใครมีร้านเจ๋ง ๆ มาแชร์อีก เรายินดีไปเป็นเพื่อนร่วมทาง Hair of the Dog ร้านคราฟต์เบียร์เล็ก ๆ ใจกลางเมืองที่ตัวร้านมาในบรรยากาศของโรงพยาบาลร้าง แสงนีออนสีม่วงแดงของร้านให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา ถึงแม้ว่าขนาดของร้านจะเล็กแต่คุณภาพเรื่องเบียร์ของที่นี่ไม่เล็กตามไปด้วย เพราะที่นี่มีเบียร์คราฟต์ให้เลือกดื่มได้ถึง 13 แท็ป นอกจากนั้นยังมีเบียร์ขวดจากต่างประเทศอีกมากมายแช่เย็นอยู่ในตู้พร้อมเสิร์ฟ และนอกจากเบียร์รสชาติดีแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่คุณจะได้จาก Hair of the Dog คือมิตรภาพ เนื่องจากขนาดร้านที่ค่อนข้างเล็กและคอนเซ็ปต์ร้านที่มีความเป็นสากลจึงทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คุณจะเริ่มบทสนทนากับคนแปลกหน้าในร้าน หรือพูดคุยกับบาร์เทนเดอร์แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเบียร์ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงแต่อย่างใด Location: Mahatun Plaza, 2nd Floor, 888/26 Ploenchit Road, Lumpini, Patumwan, Bangkok Open: 5.00 pm
ยังคงขับเคี่ยวกันอย่างหนักหน่วงสำหรับสองค่ายรองเท้ายักษ์ของโลกอย่าง adidas และ Nike ซึ่งทั้งคู่เพิ่งจะเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ และนับว่าน่าสนใจอย่างมากจนชาว UNLOCKMEN ไม่ควรพลาดเก็บไว้เป็นตัวเลือกสำหรับจับจ่ายใช้สอยรองเท้าสนีกเกอร์คู่ถัดไป ดังนั้นในวันนี้เราจึงนำสองโมเดลใหม่จากทั้งสองฟากมาเปรียบมวยกันไปเลย adidas POD 3.1 สำหรับรองเท้ารุ่น POD 3.1 คือการนำประสบการณ์สุดล้ำด้วยการวบรวมและผสมผสานสุดยอดเทคโนโลยีจาก adidas เพื่อต้องการทวงบัลลังค์ความนิยมหลังจากเสียท่าไปพอสมควรในช่วงปีที่ผ่านมา adidas POD 3.1 เกิดจากการรวมกันของความเชื่อและแนวคิดที่ว่า “Great alone, better together” ซึ่งดีไซน์ของ P.O.D. System นั้นแสดงให้เห็นถึงการนำเสนอเอกลักษณ์และการเชื่อมโยงสุนทรียะของเรื่องราวในอดีตสู่มุมมองการออกแบบสุดก้าวหน้า ซึ่งรองเท้ารุ่น P.O.D. System นั้นหยิบแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากดีไซน์ดั้งเดิมของรองเท้าวิ่งที่อาดิดาสออกแบบไว้ในปี 1995 ซึ่ง POD นั้นย่อมาจากคำว่า Point of Deflection System เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีเก่าอย่าง Torsion™ โดยจะเป็นพื้นโฟม EVA ในส่วนหน้าเท้าเข้ากับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Boost™ เพื่อความนุ่มสบายในส่วนของส้นเท้า ทำให้รองเท้าคู่นี้มีกลิ่นอายความเป็น Chucky และ Modern ไปพร้อม ๆ
งานอดิเรกของหนุ่ม ๆ ในสายตาผู้หญิงค่อนข้างเป็นอะไรที่จำกัด อาจจะมีอยู่ไม่กี่อย่างที่เธอนึกออก ดนตรี กีฬา รถ เกมส์ ตัวเลือกเหล่านี้คงจะผุดขึ้นมาในหัวของสาว ๆ เป็นอันดับต้น ๆ แน่นอน แต่จริง ๆ แล้วหนุ่มอย่างเรามีหลายมิติที่สาว ๆ อาจจะคาดไม่ถึง กิจกรรมหลายอย่างที่เราชื่นชอบจนหยิบเอามาเป็นงานอดิเรกแม้จะขัดกับลุคของเราก็ตาม อย่างการทำอาหารก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่สาว ๆ จะคาดไม่ถึงเท่าไหร่ว่าผู้ชายจะสนใจในเรื่องนี้ (หรือคิดว่าคงมีแค่ส่วนน้อย) แต่เชื่อเถอะว่ายังมีหนุ่มอีกจำนวนมากที่หลงใหลในการปรุงแต่งรสชาติ การเลือกวัตถุดิบชั้นดี สร้างสรรค์เมนูอาหาร UNLOCKMEN อยากจะชวนหนุ่ม ๆ ที่มีใจรักในการทำอาหารมาดูหนัง 5 เรื่องนี้ที่เราคัดมาให้แล้ว รับรองว่าต้องน้ำลายไหล เหมือนได้กลับไปอ่านยอดกุ๊กแดนมังกรในวัยเด็กยังไงอย่างงั้น The Lunchbox (2013) Director : Ritesh Batra ลืมหนังอินเดียยกตลาดมาเต้น ร้องเพลงข้ามภูเขาไปได้เลย เรื่องนี้ถือเป็นอีกเรื่องที่เป็นตัวแทนของหนังอินเดียสมัยใหม่ เรื่องราวจะยึดอยู่กับการส่งข้าวกล่องในอินเดีย ที่เราจะต้องทึ่งกับวัฒนธรรมนี้แน่นอน เรื่องเริ่มจากแม่บ้านคนหนึ่งที่ระหองระแหงกับสามีมาระยะหนึ่ง เธอหวังว่าฝีมือการทำอาหารที่เธอตั้งใจใส่ความรู้สึกลงไปด้วยนี้ จะช่วยดึงสามีเธอให้กลับมาสนใจเธออีกครั้ง แต่ข้าวกลางวันกล่องนั้นกลับส่งไปไม่ถึงสามีของเธอ แต่ดันไปส่งที่ Fernandes หนุ่มออฟฟิศที่ใกล้เกษียณ ใช้เวลาไปกับการนั่งเสียใจเรื่องภรรยาที่จากไปของเขา จนวันหนึ่งที่เขาได้ข้าวกล่องที่ส่งผิด เขาเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ข่าวเกาเหลาเม้าดาราสำหรับวงการบันเทิงไทยเป็นอะไรที่เห็นกันบ่อยจนเอียนในหน้า Newsfeed หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารรายสัปดาห์ รายเดือน ส่วนวงการฮอลลี่วู้ดนั้นมักจะไม่ได้ให้ความสนใจข่าวพวกนี้นักทั้งนักข่าวเอง และตัวดาราเองมักจะไม่ค่อยอยากตอบคำถามเหล่านี้นัก สื่อเองถ้าไม่ใช่พวกที่เต้าข่าวหน้าคอม ก็มักจะไม่มีใครหยิบคำถามนี้ไปถามในตอนสัมภาษณ์สักเท่าไหร่ เพราะมันดู Cheap มากในสายตาสื่อด้วยกัน พาลทำให้ดาราเหม็นขี้หน้าอีกด้วย อย่างที่รู้กันว่าดาราน้อยคนนักที่จะไม่โดนข่าวฉาวจากสื่อ ไม่ว่าจะเป็นข่าวจริงหรือข่าวมโนก็ตาม แม้แต่เบอร์ใหญ่ของวงการอย่าง Mark Wahlberg และ Leonardo DiCaprio ที่หลายคนรู้ว่าทั้งสองมีโอกาสได้ร่วมงานกันในหนังดังหลายเรื่อง UNLOCKMEN อยากหยิบยกเรื่องนี้ เป็นข่าวที่เราอาจจะได้ยินกันมานานแล้วล่ะ อย่างเรื่องเกาเหลาของพวกเขาในสมัยเล่นเรื่อง The Basketball Diaries ที่ทั้งสองยังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนกันอยู่ มาดูกันว่าเวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว Mark จะพูดถึงเรื่องนี้ยังไงกัน ใครที่เป็นคอหนังคงพอจะคุ้นเคยกับภาพยนตร์เรื่อง “The Basketball Diaries” ในปี 1995 ที่สร้างจากอัตชีวประวัติของ Jim Carroll ในช่วงวัยละอ่อนเป็นนักบาสเกตบอลตอนไฮสคูล รับบทโดย Leonardo DiCaprio ที่ตอนนั้นอยู่ในวัยละอ่อนหน้าใส เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของเขาเลยก็ว่าได้ ในเรื่อง Mark Wahlberg แสดงเป็น Mickey ตอนนั้นเขาก็รู้ว่าตัวเองยังไม่ได้เจ๋งในเรื่องการแสดงมากนัก ประสบการณ์ก็ยังอ่อนด๋อย แถมรู้สึกว่า คู่หูของเขาในเรื่องอย่าง
ถ้าวันหนึ่งคุณตื่นมาแล้วรู้สึกไม่พอใจในรูปร่างของตัวเอง เสื้อผ้าที่เคยใส่ได้ก็คับรัดติ้วไปหมด แถมมีหลายคนทักว่าอ้วนขึ้นเยอะนะ จนรู้สึกขาดความมั่นใจ คงต้องถามตัวเองแล้วว่า “จะปล่อยตัวแบบนี้ต่อไปจริง ๆ เหรอ ? “ อันที่จริง เรื่องรูปร่าง สไตล์ และความความชอบมันเป็นเรื่องปัจเจก ความเจ้าเนื้อก็ไม่ได้หมายความว่าแย่ แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน แต่ถ้าทนตัวเองไม่ได้แล้ว ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้เฟิร์มขึ้น แข็งแรงมากขึ้นก็ขอเชิญทางนี้เลย ทีมงาน UNLOCKMEN มีโปรแกรม workout ที่มุ่งเป้าเพื่อการลดน้ำหนักมาฝากกัน โดยสูตรฟิตร่างเพื่อความเฟิร์มนี้ได้มาจาก Kira Mahal เทรนเนอร์แห่ง MotivatePT ก่อนอื่นต้องบอกว่าการออกกำลังกายคือการหวังผลในระยะยาว น้ำหนักอาจไม่ได้ลงเร็วเท่าใจที่ร้อนรน แต่สิ่งที่คุณจะได้ควบคู่ไปด้วยก็คือน้ำหนักที่เหมาะสม ความแข็งแรงของร่างกาย และมวลกล้ามเนื้อที่มากขึ้น แม้ว่าสุดท้ายน้ำหนักอาจไม่ลงเลย แต่รับรองว่าคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวคุณ ปลดล็อกความมั่นใจภายใต้ความแกร่งของร่างกายออกมาได้เต็มเปี่ยม โดยโปรแกรม workout นี้ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ และใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง เอ้า เริ่มได้! WARM-UP ก่อนจะเข้าโปรแกรมหนัก ก็ต้อง warm-up กันก่อน และมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด รับรองว่าเครื่องติดแน่ ๆ High knee
เพราะชีวิตของเรามีหลายด้าน การเลือกบ้านและที่อยู่อาศัยจึงต้องใส่ใจกันมากหน่อย ว่าทำเลที่ตั้งนั้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราในทุกแง่มุมหรือไม่ ทั้งการทำงาน การเดินทาง ความสะดวกสบาย และสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยเติมเต็มวันพักผ่อนให้มีความหมาย สนองแนวคิดแบบ Work-Life-Balance ได้ดี องค์ประกอบเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ผู้ชายคนเมืองอย่างเรามองหา เวลาเลือกทำเลที่อยู่อาศัยให้กับตัวเอง และสำหรับสร้างครอบครัว ด้วยความที่ ที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 และเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์เพื่อการดำรงชีวิต ทำให้ปัจจัยในการเลือกถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่แล้วจะพิจารณาถึงความสะดวกในการเข้าถึง, คุณภาพของสิ่งแวดล้อม, ลักษณะที่ดินที่ใช้ในการปลูกบ้านและทำเลที่ตั้ง รวมถึงราคา โดยที่อยู่อาศัยนั้นสามารถตอบสนองมนุษย์ได้ทั้งความต้องการทางร่างกาย, ความต้องการทางสังคม และความต้องการทางจิตใจ มีหลายย่านที่น่าสนใจในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะย่านใจกลางเมืองที่ล้วนกลายเป็นทำเลทองเกือบทุกพื้นที่ ปัจจุบันไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ จึงขยายตัวไปรอบ ๆ มากขึ้น และเป็นพื้นที่ศักยภาพที่สามารถจับจองการใช้ชีวิตแนวราบในบ้านได้อย่างไม่เหนื่อย หนึ่งในย่านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ดีก็คือ “ย่านราชพฤกษ์” ทำเลที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์มองว่าเป็นทำเลแห่งคุณภาพ หน้าด่านแรกที่รองรับการขยายตัวของเมืองหลวงในอนาคตก่อนใคร ประชากรในพื้นที่ไม่แออัดเนื่องจากการวางแผนรองรับการเติบโตที่รัดกุมกว่า โดยถนนราชพฤกษ์นั้นเชื่อมต่อระหว่างถนนรัตนาธิเบศร์กับเพชรเกษม เชื่อมพื้นที่กรุงเทพฯตะวันตกกับใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ไม่ว่าจะเป็นจากแหล่งออฟฟิศใจกลางเมืองอย่างสาทร สีลม หรือบางรัก หรือสำหรับใครที่ทำงานอยู่ย่านจตุจักรก็ไปกลับไม่ยาก สามารถเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัชได้ใน 10 นาที ไม่ไกลอย่างที่เคยคิด และกลายเป็นทำเลยอดฮิตแห่งใหม่เพื่อการอยู่อาศัยไปแล้ว ไม่ใช่แค่คุณภาพของทำเลเท่านั้น การใช้ชีวิตในย่านนี้ก็สะดวกสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งบนพื้นที่ที่ห่างไกลความวุ่นวาย รายล้อมไปด้วยสถานที่แฮงเอาท์ อยากจะเดินเล่น หาของกิน มองหาของแต่งบ้าน ใช้เวลากับครอบครัว นัดสาวนัดเพื่อน
ในยุคที่การทำดนตรีและมีเพลงของตัวเองไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป ทุกคนสามารถเป็นศิลปินได้ เพียงแค่มีใจรักและคอมพิวเตอร์ดี ๆ สักเครื่อง แต่การที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอสร้าง Beat ทั้งวันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อและเคร่งเครียดพอสมควร คงจะดีไม่น้อยถ้ามี Gadget อะไรเจ๋ง ๆ ที่สามารถสร้าง Beat ไปด้วยสนุกไปด้วย ไม่ต้องรอให้ถึงโลกอนาคต เพราะตอนนี้ Oddball Drum Machine ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว มันคือลูกบอลทรงกลมที่คุณสามารถสร้าง Beat ได้ทุกที่ทุกเวลาเพียงแค่ให้มันตกกระทบกับวัตถุต่าง ๆ เท่านั้นเอง Oddball Drum Machine คือเจ้าลูกบอลเด้งดึ๋งที่จะทำให้คุณได้ปลดปล่อยเสียงเพลงในใจ เพียงแค่คุณโยนมันเล่น คุณก็สามารถออกแบบดนตรีในแบบที่เป็นคุณผ่านการตกกระทบได้เต็มที่ ทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์และพรสวรรค์อยู่ในตัวเอง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสสร้างสรรค์อะไรออกมา เจ้าของไอเดียรู้ดีถึงความจริงข้อนี้ จึงได้ผลิต Oddball Drum Machine เพื่อให้ทุกคนสามารถสร้างดนตรีในแบบที่เป็นตัวเองได้ทุกที่ทุกเวลาแถมยังได้ความสนุกอีกต่างหาก Oddball แบ่งเป็นส่วนหลัก ๆ ได้ 2 ส่วนคือส่วนลูกบอลที่ภายในประกอบด้วยกลไกประเภทเครื่องตกกระทบ ทุกครั้งที่พื้นผิวของมันกระทบกับสิ่งใด ๆ ก็ตาม เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งเอาไว้จะส่งสัญญาณไปอีกส่วนซึ่งก็คือแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อไว้ด้วยระบบบูลทูธ คุณจะได้ยินเสียง Beat ที่คุณสร้างผ่านการตกกระทบของเจ้าลูกบอลผ่านทางหูฟังหรือลำโพงที่คุณเชื่อมต่อไว้กับโทรศัพท์มือถือของคุณ ความดังเบาหรือหนาแน่นของเสียงขึ้นอยู่กับความแรงในการตกกระทบซึ่งแล้วแต่การออกแบบของคุณ นอกจากนั้นคุณยังสามารถเพิ่มความซับซ้อนให้ดนตรีของคุณด้วยการสร้างลูปหรือเพิ่มเอฟเฟกต์ลงไปได้อีกด้วย อีกหนึ่งจุดเด่นคือเหล่าผู้ใช้ Oddball Drum
การนอนในรถมักจะเป็นทางเลือกสุดท้ายยามฉุกเฉินของเราเสมอ เพราะนอกจากความไม่สบายตัว ชวนให้ปวดเมื่อยตั้งแต่ได้ยินว่าต้องนอนในรถแล้ว ยังอันตรายถึงชีวิตอีกต่างหาก จะเปิดกระจกทิ้งไว้ล่อตาโจรซะจริง ๆ แต่ UNLOCKMEN จะมาเสนอของเจ๋ง ๆ ที่หนุ่ม ๆ ควรมีติดรถไว้ สำหรับคนที่เดินทางบ่อย มีความจำเป็นต้องหาที่นอนแบบฉุกเฉินกันอยู่บ่อย ๆ ผลงานการออกแบบของ Sebastian Maluska กับนวัตกรรมที่ใช้ได้จริงอย่างเจ้า “The Nest” ที่เหมาะสำหรับหนุ่มรักการผจญภัย มีเหตุให้ต้องนอนนอกบ้านอยู่บ่อย ๆ ไม่ต้องลำบากหาที่พัก ไม่ต้องหลังขดหลังแข็งนอนในรถ หาโลเกชั่นดี ๆ ที่ไม่ทับรังมดหรือสัตว์รบกวนชนิดอื่นอย่างการกางเต็นท์บนพื้นราบ “The Nest” เป็น Rooftop Tent ที่จะเป็นเต็นท์ให้เรานอนได้บนหลังคารถของเราเองนี่แหละ Maluska ผู้ออกแบบ ตั้งใจให้ The Nest ออกมาในรูปแบบพกพาอยู่แล้ว โดยเน้นไปที่กลุ่มของคนรักการผจญภัย ตั้งเต็นท์ เข้าป่า หรือหาโลกเกชั่นดี ๆ นอนแบบไม่ต้องคิดเยอะ อาจจะใช้ได้ถึงการทัวร์รอบโลกได้เลยล่ะ (ถ้าคุณใจถึง) เพราะผู้ออกแบบเองก็รักในกิจกรรมกลางแจ้งซะจนเกิดแรงบันดาลใจให้สร้างของเจ๋ง ๆ ชิ้นนี้ขึ้นมาตอบโจทย์ของคนที่รักการผจญภัยด้วยกันนั่นเอง ว่ากันด้วยเรื่องการออกแบบ ส่วนโครงของมัน
หากพูดถึงเมนูไฮไลท์ทุกครั้งเมื่อเดินเข้าไปยังร้านฟาสต์ฟู้ดยอดฮิตที่มีแฟรนไชส์อยู่ทั่วทุกมุมโลกอย่าง McDonald’s แน่นอนว่า Big Mac จะต้องเป็นเมนูแรกที่หนุ่ม ๆ อย่างพวกเรา มักจะเลือกรับประทานเสมอ ด้วยขนาดที่ใหญ่โตอยู่ท้อง และรสชาติที่ถูกปาก ยิ่งถ้าบวกเข้ากับเฟรนช์ฟรายด์กับโค้กแล้วเรียกได้ว่าเป็นเซ็ตคอมโบระดับตำนาน ซึ่งเมื่อเราพูดถึงเจ้าเมนูยอดนิยมนี้ ถือว่ามีความเป็นมาแสนยาวนานพอ ๆ กับเฟรนไชส์ McDonald’s เลยก็ว่าได้ และเนื่องในปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 50 ปีของเมนู Big Mac ดังนั้นเราจึงได้เห็นว่ามีแคมเปญต่าง ๆ ออกมามากมายทั้งคอลเลคชั่นเสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งสกุลเงิน MacCoin เพื่อเฉลิมฉลองให้กับความโด่งดังของเมนูเบอร์เกอร์นี้ Big Mac ถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อปี 1967 โดยนาย Jim Delligatti ที่ได้ซื้อแฟรนไชส์ McDonald’s จาก Ray Kroc เพื่อไปเปิดสาขาของตัวเองใน Pittsburgh ซึ่งเขาได้คิดค้นเมนูเบอร์เกอร์ที่ประกอบไปด้วยเนื้อสองชั้นอัดแน่นจุใจ และกว่าจะมาเป็นชื่อ Big Mac ก็ไม่ใช่อย่างง่ายที่คิด เพราะแต่เดิมมันถูกเรียกว่า Aristcrat ทว่าลูกค้าสามารถออกเสียงได้ยาก จึงมีการเปลี่ยนแปลงเป็น Blue Ribbon Burger และ Big Mac ในเวลาต่อมา
วันเวลาที่บังคับให้ชีวิตเดินไปข้างหน้าแบบไม่มีหยุดพัก แม้จะชั่วโมง นาที หรือวินาที เราและโลกใบนี้ที่ก้าวไปพร้อมกัน เคยสังเกตไหมว่าในตอนเริ่มเดินทาง เรามีสิ่งที่ติดตัวมาเท่าไหร่ พอเดินทางมาได้สักพักแล้ว เราเหลืออะไรอยู่กับเราบ้าง ไม่ว่าการเดินทางของคุณจะเป็นยังไง วันนี้เพื่อนในวันวานที่หายไประหว่างทางอย่าง “CLASH” ได้กลับมาเดินทางพร้อมกันทั้งห้าคนอีกครั้ง แม้เขาจะหยุดพักระหว่างทางไปถึง 7 ปี แต่สิ่งที่ไม่เคยหายไปเลยแม้จะหยุดเดินทางนั่นคือ “มิตรภาพ” ของพวกเขา เป็นสิ่งที่ยังคงเหนียวแน่นและไม่เคยจางหายไปตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ครั้งนี้ไม่ได้กลับมารวมตัวกันเฉย ๆ เท่านั้น แต่พวกเขากลับมาอีกครั้งเพื่อคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ในรอบ 7 ปีของพวกเขาในคอนเสิร์ต “Leo Presents CLASH AWAKE Concert” วันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2561 เวลา 20:00 น. มาดูกันว่ากว่าจะกลับมารวมตัวกัน เรื่องราวระหว่างทาง มิตรภาพที่ยังเหนียวแน่น และเสียงเพลงที่ยังคงยึดพวกเขาไว้ด้วยกัน จากวันนั้นจนถึงวันนี้พวกเขาเดินทางมาไกลแค่ไหนกันแล้ว ช่วงเวลาที่หายไป เมื่อช่วงต้นปี 2554 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แฟน ๆ เพลงหรือแม้จะไม่ใช่แฟน ๆ ก็ตามต่างต้องช็อกกับข่าวคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของวง CLASH อย่าง “CLASH