ถ้าในวงการกีฬามีฟุตบอลโลกหรือ Super Bowl วงการเกมมีงาน E3 วงการ Comic ของเล่นก็มี San Diego Comic Con นี่แหละที่เป็นมหกรรมยิ่งใหญ่ประจำปีของชาวโลก และในทุกปีงาน San Diego Comic Con ก็จะมีการเปิดตัว Trailer หนังหรือข่าวสารอื่น ๆ ในวงการ Comic มาให้เราตื่นเต้นได้เสมอ ในปี 2018 นี้แต่ละค่ายหนังก็จัดหนักจัดเต็มปล่อย Trailer หนังที่หลายคนกำลังรอคอยออกมาเรียกน้ำย่อย ให้ผู้ชายอย่างเราได้ตื่นเต้นกัน Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald Newt Scamander และเหล่าสัตว์วิเศษของเขากลับมาอีกครั้งพร้อมเนื้อเรื่องที่ใกล้ชิดกับจักรวาล Harry Potter เข้าไปอีกขั้นเพราะในภาคนี้เราจะได้พบกับตัวละครหลักในซีรีส์พ่อมดน้อยที่หลายคนคิดถึงอย่าง Albus Dumbledore แต่เป็นช่วงที่เขายังเป็นหนุ่มไม่มีหนวดเครายาวแบบที่เราคุ้นตา ซึ่งจะรับบทโดยนักแสดงผู้มีเสน่ห์เหลือล้นอย่าง Jude Law Fantastic Beasts 2 หรือในชื่อภาค The Crimes of Grindelwald จะเล่าเรื่องย้อนอดีตไปในตอนที่ Newt Scamander
เคยสงสัยไหมว่าเวลาโจรกระโดดขึ้นรถขับหลบหนีทีไร ทำไมตำรวจต้องไล่ตามด้วยรูปแบบเดิมซ้ำ ๆ แถมไม่ได้ผล ไม่ว่าจะเป็นการขับแล้วชะโงกหัวออกมานอกหน้าต่างหยิบปืนพกไล่ยิงล้อผู้ร้ายเพื่อสกัดการหลบหนีทุกที ทั้งที่เปอร์เซ็นต์ที่จะยิงโดนมันก็น้อย แถมสุดท้ายพอขับผ่านแยกโจรก็ขับปาดหลบหนีไปได้ตลอดทุกที (ผู้ชายอย่างเราเห็นฉากแบบนี้ทีไรก็หัวร้อนทุกที) เหตุผลที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีนี้คงเพราะยังไม่มีวิธีใหม่ที่ดีกว่า แต่ความเสี่ยงที่ไม่ตอบโจทย์ก็ทำให้หลายคนพยายามช่วยแก้ปัญหานี้ เช่นเดียวกับบริษัท Grappler Police Bumper บริษัทหัวใสที่คิดค้นนวัตกรรมจากแนวคิดที่ง่ายเหลือเชื่อแต่ได้ผลเกิดคาดอย่างการยิงตาข่ายดักล้อรถผู้ร้ายมันเสียเลย เอาสิ! อยากขับหนีไปไหน เชิญลากตำรวจตามไปด้วยเลย อุปกรณ์ตัวนี้เป็นตาข่ายติดตั้งใต้รถ จังหวะขับไล่ล่าตามท้องถนนแค่ตำรวจกดใช้งาน เจ้าตาข่ายพิเศษที่มีคุณสมบัติเดียวกับหนังสติ๊กก็จะยืดออกมา จากนั้นแค่เล็งให้ได้ระยะใกล้พอจะครอบล้อรถโจรไว้แล้วเหยียบคันเร่งให้ได้ระยะ แป๊ปเดียวยางตาข่ายจะครอบล้อปั่นดึงไว้อย่างอยู่หมัด พอดึงจังหวะแตะเบรกไว้ รถของตำรวจจะดึงรถของผู้ร้ายให้หยุดได้ นอกจากนี้มันยังสามารถคุมระยะได้ด้วย ถ้าคิดว่ามันใกล้ไปแล้วเป็นอันตราย อุปกรณ์นี้ยังสามารถยืดหรือหดได้ตามต้องการ ทำให้ตำรวจสามารถควบคุมได้ตามใจอยาก หรือถ้าอยากตัดเขาก็ซัพพอร์ตระบบไว้พร้อม แม้ว่าผู้ช่วยตัวนี้ยังไม่เหมาะจะใช้ในบ้านเรา เพราะเป็นเมืองที่การจราจรติดขัดอยู่ตลอด และไม่ได้วางระบบให้เอื้อกับการติดตามคนร้ายแบบคนใช้รถใช้ถนน แค่รถพยาบาลกับรถดับเพลิงวิ่งไปปฏิบัติหน้าที่เอกก็ยังหืดขึ้นคอ คงไม่ต้องรวมเรื่องนี้เข้าไปอีกเรื่อง แต่เราก็เห็นว่าเป็นหนึ่งการออกแบบที่มีแนวคิดการแก้ปัญหาดี และไม่มีใครต้องเสียเลือดเนื้อหรือโดนลูกหลงที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟัง อุปกรณ์ชิ้นนี้เปิดวางจำหน่ายไปแล้วตั้งแต่ต้นปีในสหรัฐฯ น่าลุ้นว่าพอเอามาใช้งานจริง มันจะไปปรากฏในภาพยนตร์ด้วยหรือเปล่า และจะเปลี่ยนมิติการตามล่าในหนังบู๊ทั้งหลายที่ผู้ชายเราติดตามเป็นประจำไหม ส่วนใครที่อยากพิสูจน์สมรรถภาพของมันว่าเฉียบแค่ไหนในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว ลองมาดูวิดีโอด้านล่างได้เลย SOURCE
เชื่อว่าขณะที่คุณกำลังเปิดอ่านบทความนี้ ส่วนใหญ่คงกำลังอยู่ในที่พักอันอบอุ่น มีงานให้ทำ มีเงินเดือนให้ใช้ แต่รู้หรือไม่ว่านอกรั้วบ้านของเราทุกวันนี้มีคนไร้บ้าน – ไร้ที่พึ่งหรือบุคคลที่เราเรียกว่า “โฮมเลส” เฉพาะในประเทศไทยนั้นมีมากถึง 70,539 คน (ผลสำรวจปี 2560) เมื่อโฮมเลสส่วนใหญ่คือคนที่เราเดินผ่านไปผ่านมาโดยไม่ค่อยสนใจพวกเขามากนัก แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ David Casarez ชายโฮมเลสที่ยืนริมถนนพร้อมป้ายกระดาษหนึ่งใบในแคลิฟอร์เนียได้รับความสนใจจากคนในสังคมออนไลน์ จนมีคนลุกมาถ่ายภาพ โพสต์ และรีทวีตข้อความถึงบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์ให้ช่วยรับชายคนนี้เข้าทำงาน และผลของพลังโซเชียลครั้งนี้ก็ทำให้เขาดังเป็นพลุแตกชนิดที่บริษัทกว่า 200 แห่งในซิลิคอลวัลเลย์แห่กันเรียกให้เข้าสัมภาษณ์งานเลยทีเดียว อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาเปลี่ยนสถานะจากโฮมเลสหางานเป็นคนที่งานวิ่งเข้าหา ได้รับโอกาสต่างจากโฮมเลสคนอื่น เขาสมควรได้รับโอกาสนี้หรือเปล่า หรือเป็นแค่ความสงสารไร้เหตุผลของคนโซเชียล เราล้วงที่มาและเรื่องราวของเขามาบอกแล้วในนี้ “Homeless, hungry 4 success, take a resume” คุณเคยอ่านป้ายกระดาษที่อยู่ในมือโฮมเลสทั้งหลายบนสะพานลอยบ้านเราไหม เราเชื่อว่าคงต้องมีสักแว้บที่สายตาพลันเหลือบไปอ่าน แต่นี่ผู้ชายร่างใหญ่ ๆ ยืนถือป้ายกลางสี่แยกท่ามกลางแดดร้อน ๆ ด้วยข้อความโต ๆ ว่า “Homeless, hungry 4 success, take a resume” หรือ “ผมคือโฮมเลสที่โหยความสำเร็จ รับ Resume ผมไปทีครับ” ทำไมเราจะไม่หยุดดูล่ะ งานนี้ถือเป็นการขายตรงเรซูเม่ที่ฮุคเข้าตากรรมการได้โคตรทรงพลัง
ย้อนกลับเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วเพลง Move Like Jagger จัดเป็นหนึ่งในท๊อปชาร์ตของปี 2011 ซึ่งบทเพลงดังกล่าวว่าด้วยการวาดลวดลายบนเวทีอันเป็นเอกลักษณ์ของร็อคเกอร์รุ่นเก๋าอย่าง Mick Jagger ฟร้อนท์แมนของวงดนตรีระดับตำนานอย่าง The Rolling Stones ที่แม้ในปัจจุบันอาจจะไม่ได้เห็นมานักเนื่องจากอายุสังขารคงจะให้มาออกสเต็ปคงจะไม่ไหว แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็น Timeless เสมอมาสำหรับร็อคเกอร์มาดเท่คนนี้ คือเรื่องสไตล์แต่งตัวที่หากใครได้กลับไปดูรูปเก่า ๆ จะพบว่า Mick Jagger คือตัวพ่อในวงการแฟชั่นไม่ต่างจาก David Bowie ในยุคนั้น ถึงขนาดดีไซน์เนอร์ในยุคหลัง ๆ อย่าง Hedi Slimane ยังนำสไตล์ของเขามาเป็นแรงบันดาลใจกับห้องเสื้อ Saint Laurent อีกทั้งคนที่เป็นสไตล์ไอคอนของยุคนี้อย่าง Harry Styles ก็ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลด้านสไตล์มาจาก Mick Jagger ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นมาลองดูวิวัฒนาการแต่งตัวของเขากัน Glam Rock ในยุคของ Mick Jagger จัดเป็นร็อคเกอร์ที่แต่งตัวจัดจ้านไม่แพ้ลีลาบนเวที ซึ่งเราคงต้องลืมภาพร็อคเกอร์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับหนังสีดำ ๆ ไปเสียหมด เพราะว่าเขาฉีกกฎเกณฑ์การแต่งตัวด้วยสไตล์การแต่งตัวที่ Glam
เราเชื่อว่าอีกไม่เกิน 10 ปี ชายที่ชื่อ Elon Musk จะต้องครองโลกอย่างแน่นอน เพราะนับวันแกเริ่มผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีล้ำ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะรถ Tesla จรวดที่จะไปเหยียบดาวอังคารในโปรเจค SpaceX หรือเครื่องพ่นไฟ และ Gadget อื่น ๆ อีกเพียบ กระทั้งล่าสุดบริษัท The Boring Company ของตัวเขาเองได้ผลิตสินค้าไลฟ์สไตล์ออกมาอย่างน่าสนใจนั่นคือ เซิร์ฟบอร์ดสุดคูล เหมาะจะเป็นของสะสมหรือแม้จะใช้เล่นบอร์ดเองจริง ๆ ก็ตาม โดยเซิร์ฟบอร์ดจาก Tesla นี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง 3 บริษัท ได้แก่ Lost Surfboard และ Matt “Mayhem Biolos เพื่อสั่นสะเทือนวงการคนเล่นเซิร์ฟ ซึ่งจะถูกใช้เแข่งขันในงาน World Surf League Championship จุดเด่นที่มาพร้อมบอร์ดนี้คือจะมีความเบาแบบพิเศษสุด ๆ เพราะผลิตมาจากคาร์บอนไฟเปอร์สีดำสวยงาม และดีไซน์เรียบง่ายดูทันสมัยเหมือนกับรูปลักษณ์ของรถ Tesla สำหรับบอร์ด Tesla โมเดลนี้ออกแบบมาเพื่อสอดคล้องกับรถยนต์ Tesla
“ตามหาความหมายของชีวิตให้เจอดิวะ!” เราต่างเป็นผู้ชายที่เติบโตมาในยุคที่ใคร ๆ ก็ปลุกใจให้เราตามหาความหมายของชีวิต (หรือปัจจัยที่จะมีชีวิตที่ดีในแบบตัวเอง) กันอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งวิธีตามหาความหมายของชีวิตของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนก็บอกว่าการออกเดินทางคือความหมายของชีวิต บางคนก็บอกว่าการได้ทำในสิ่งที่รักคือความหมายของชีวิต บางคนก็บอกว่าการทำเพื่อคนอื่นนั่นแหละ คือความหมายของชีวิต การมีชีวิตที่ดีหรือการตามหาความหมายของชีวิตจึงมีหลากหลายรูปแบบ โดยทฤษฎีทางจิตวิทยาส่วนใหญ่ในปัจจุบันบอกว่าปัจจัยที่ทำให้เราเชื่อว่าเรามีชีวิตที่ดีก็ได้แก่ ความสัมพันธ์ ความรู้สึกมีเป้าหมาย ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับอะไรบางอย่าง หรือแม้แต่การเห็นคุณค่าในตัวเอง อย่างไรก็ตามไม่ว่าเราจะพูดเรื่องการตามหาความหมายของชีวิตในแง่ไหน ผู้ชายอย่างเรา ๆ ก็ไม่มีทางคิดว่า “เซ็กซ์” มันจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตมีความหมายขึ้นมาได้เลย เซ็กซ์อาจจะเป็นอารมณ์ เป็นความสนุก เป็นความท้าทาย แต่มันจะทำให้ชีวิตมีความหมายได้ยังไงวะ ? ทีมนักจิตวิทยาจาก George Mason University สนใจว่าเซ็กซ์จะทำให้มนุษย์รู้สึกว่าชีวิตมีความหมายมากกว่าเดิมได้ไหม พวกเขาจึงศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยพวกเขาพบว่าคนมักประเมินเซ็กซ์ต่ำไปในแง่ความหมายชีวิต เพราะมีงานวิจัยที่พูดถึงเรื่องนี้น้อยมาก หรือในงานประชุมทางวิชาการเรื่องเซ็กซ์มักถูกละเลยไป Todd Kashdan ผู้นำงานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างเป็นเวลา 3 อาทิตย์ โดยสังเกตเรื่องความถี่ของการมีเซ็กซ์ รวมถึงเรื่องคุณภาพของเซ็กซ์ในแง่อารมณ์เชิงบวกและส่วนที่สัมพันธ์กับความหมายของชีวิตด้วย ทีมนักวิจัยมีสมมติฐานว่า “ถ้ามนุษย์คนหนึ่งเข้าถึงความต้องการทางเพศกับคู่รักแล้วล่ะก็ พวกเขาจะเกิดความซาบซ่าไม่รู้ลืม และจะเพิ่มความรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า รวมถึงรู้สึกว่าชีวิตมีความหมายเพิ่มขึ้นด้วย” กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 152 คน (โดยร้อยละ 63 มีความสัมพันธ์แบบคู่รักกับใครสักคนอยู่)
“คนคือเมือง เมืองคือคน” ใครบางคนว่าไว้ แทบจะแยกกันไม่ขาดระหว่าง “การใช้ชีวิต” และ “การทำงาน” สำหรับผู้ชายอย่างเรา ๆ ที่ไม่มีเวลาว่างให้เหงาระหว่างวัน มีแต่ความเมามันส์กับการทำงานเพื่อความสำเร็จตามที่ต้องการ พอเลิกงานก็ไม่หายใจทิ้ง ไม่มีหรอกที่จะอยู่นิ่ง ๆ เผาเวลาทิ้งให้สูญเปล่า เรียกได้ว่าทั้ง 24 ชั่วโมงที่มีอยู่ใช้คุ้มสุด ๆ ทั้งงาน ทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อน ทั้งคนรัก ทั้งสังคม ทั้งกิจกรรม ทั้งทำอะไรใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาตัวเอง ที่เหลือก็ปาร์ตี้ แฮงเอาท์ตามสไตล์ work hard-play hard guy ที่ไม่ชอบอยู่สบายไปวัน ๆ ด้วยความที่ไลฟ์สไตล์ของผู้ชายอย่างเรามันเป็นแบบนี้ สิ่งที่เราต้องการก็คือ เทคโนโลยีในยุคดิจิทัลที่ทำให้เราตามโลกได้ทัน ความสะดวกในการเดินทางระหว่างที่ทำงานและที่อยู่อาศัย มีความปลอดภัย ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ย่านที่มีสิ่งแวดล้อมที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ และที่ที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขในทุก ๆ วัน เหมือนกำลังจะเดินทางไปเที่ยวทุกครั้งที่กลับบ้าน องค์ประกอบเหล่านี้นอกจากจะตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานได้แล้ว ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาตัวเองได้อีกด้วย ส่วนเรื่องที่อยู่อาศัยกันบ้าง ต้องลองถามตัวเองว่าที่พักของเรามีความเป็น “ที่พัก” มากแค่ไหน ? Urban
ว่ากันเรื่องผู้ชายกับยานพาหนะ ย่อมมีความหมายมากกว่าแค่ผู้ขับขี่และรถคันหนึ่ง นอกจากสมรรถนะอันยอดเยี่ยมที่ทำให้เราประทับใจแล้ว เรื่องราวต่าง ๆ ของรถคู่ใจยังเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เราหลงใหล เป็นความหมายที่ช่วยผลักดันให้ทำสิ่งที่เปี่ยมไปด้วย Passion ที่ส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้ จากการวิจัยพบว่า สาเหตุที่ผู้ชายอาจหลงใหลในยนตรกรรมมาก ๆ ก็เพราะว่าเสน่ห์ของการออกแบบที่อยู่ถาวร ความรู้สึกอิสระในเวลาที่ได้ควบคุมพวกมาลัยและคันเร่งที่จะพาเราไปทุกที่ การอยากจะดูแลยานพาหนะสักคันตามสัญชาติของหนุ่ม ๆ มันสามารถบ่งบอกตัวตนของเราได้ จึ่งไม่แปลกที่ผู้ชายจะรู้สึกว่ารถคันโปรดของเขาคือส่วนหนึ่งในชีวิต ราวกับมิตรสหายที่โตมาด้วยกัน และถ้าพูดถึงยนตรกรรมที่เต็มเปี่ยมไปด้วย Story, Passion และ Feeling นั้น ชื่อแรก ๆ ที่โผล่ขึ้นมาในใจก็คือ BMW ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีที่ผู้คนทั่วโลกต่างยอมรับทั้งชื่อเสียง สมรรถนะ เทคโนโลยี ความสวยงาม และเรื่องราวระดับตำนานมาถึง 100 ปี ซึ่งความคล้องจองระหว่าง insight และตัวแบรนด์ใบพัดฟ้า-ขาว ทำให้ BMW ผุดไอเดียแคมเปญ #BMWStories ที่เกิดจากความเชื่อที่ว่า “เรื่องราวของทุกคน สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้” โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้รถ BMW ในประเทศไทยได้บอกเล่าเรื่องราว, passion และความประทับใจของรถคันโปรด และแบ่งปันแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น จากแคมเปญ #BMWStories ทำให้เราได้รับแรงบันดาลใจจากผู้คนที่มาถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองกับรถ BMW คู่ใจ ซึ่งแต่ละคนก็จะมี passion ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งรถ, นักเดินทาง
นับตั้งแต่ Mission: Impossible ภาคปฐมบทเข้าฉายในปี 1996 จนถึงวันนี้เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 22 ปีแล้วแต่สายลับมาดเท่นาม Ethan Hunt ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะวางมือจากวงการง่าย ๆ เพราะตอนนี้ Mission: Impossible – Fallout ภาพยนตร์ลำดับที่ 6 ในซีรีส์นี้กำลังจะเข้าฉายให้เหล่าสาวกได้ตื่นเต้นไปกับภารกิจสุดระห่ำที่เป็นไปไม่ได้อีกครั้ง นักแสดงที่มารับบทเป็น Ethan Hunt ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Tom Cruise เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ถึงแม้อายุจะปาไป 56 กะรัตแล้วแต่ก็ยังฟิตปั๋งอยู่ แต่ในส่วนผู้กำกับของภาคนี้มีการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์นิดหน่อยเพราะโดยปกติซีรีส์ MI จะเปลี่ยนตัวผู้กำกับทุกภาค ไม่เคยใช้ผู้กำกับซ้ำกัน แต่ในภาคนี้ผู้รับหน้าที่กุมบังเหียนกำกับคือ Christopher McQuarrie คนเดิมจากภาค Mission: Impossible – Rogue Nation เมื่อดู Trailer แล้วในภาคนี้ความระห่ำของ Ethan Hunt ก็ยังจัดหนักจัดเต็มไม่แพ้ภาคก่อน ๆ ดังนั้นก่อนที่เราจะไปสนุกกับ Mission: Impossible – Fallout UNLOCKMEN ขอพาไปย้อนดูในภาคก่อน ๆ ว่าพ่อหนุ่ม Ethan Hunt เคยผ่านการเสี่ยงตายอะไรกันมาบ้าง
หมดไปเท่าไหร่กับเวลาและท่า workout ใหม่ ๆ แล้วผลที่ได้กลับมามันคุ้มค่าการเสียเหงื่อจริงหรือเปล่า ? ร่างกายเรายังขาดอะไรอีก ? ต้องควบคุมอะไรต่อเพื่อให้ได้เป้าหมายที่ต้องการ ? เราเชื่อว่าชาว UNLOCKMEN ทุกคนต้องอยากรู้กันทั้งนั้น เพราะผู้ชายอย่างเรามักออกกำลังกายกันด้วยตัวเองไม่ได้จ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวมาคอยควบคุมชี้ทางให้ LUMEN เป็น gadget อัจฉริยะชิ้นใหม่ที่ผู้ชายอย่างเราน่าจะหลงรัก แถมดูแล้วคุณสมบัติของมันคงได้ไฟเขียวจากสาว ๆ ที่รักของเราแน่ เพราะพวกเธอเองก็ใช้ประโยชน์จากมันได้ อุปกรณ์ชิ้นนี้มันสามารถวัดค่าความฟิตของเมตาบอลิซึมในร่างกายคนเป่าได้ผ่านลมหายใจ ว่าง่าย ๆ ก็คือเป่าพรวดเข้าไปทีเดียวรู้เรื่อง เครื่องมันตีค่าวิเคราะห์เสร็จสรรพว่าร่างกายของเราเผาผลาญเท่าไหร่ กำลังต้องการอะไรอยู่ จัดตารางการกินการนอนส่วนตัวให้ด้วย ด้วยการใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์คำนวณค่าออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในลมหายใจ ที่เขานิยมใช้กับพวกนักกีฬาซึ่งเรียกกันว่า RQ หน้าตาของเจ้า LUMEN ถือไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างง่าย ดูเท่ ทำจากพลาสติกและสแตนเลส มาพร้อมเคสสำหรับพกพากับเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ลิเทียมที่ใช้ได้ยาว ๆ ชาร์จครั้งเดียวก็ใช้ได้นานถึงสองอาทิตย์ บอกได้เลยว่าต่างจากเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ที่พวกเราหลบด่านบ่อย ๆ ถ้าเอาไปใช้ก็ไม่ต้องกลัวคนรอบข้างเข้าใจผิดอย่างแน่นอน เรื่องวิธีเป่าก็ใช้ไม่ยาก อยากจะเป่าตอนไหนก็ได้ไม่มีปัญหา ค่าที่โชว์มันออกมาได้แบบเรียลไทม์ ณ เวลานั้น แต่ถ้าเริ่มจากช่วงเช้าตอนที่ยังไม่ออกกำลังกาย ไม่ได้กินอะไรมาก่อนเลยให้ร่างกายมันเดิม ๆ เข้าไว้จะดีกว่าเพราะเราจะได้เช็กว่าตอนนี้ร่างกายเป็นแบบไหน โดยเครื่องจะซิงค์เข้าแอปพลิเคชั่นผ่านบลูทูธแล้วเข้าสมาร์ตโฟนโชว์ค่าพลังงานที่มี ค่าคาร์บฯ และไขมัน